ตอนที่ 437 โชคชะตาเปลี่ยนทิศ
ความอับอายเล็กน้อยปรากฎขึ้นบนใบหน้าผู้ดูแลร้านหยวน “แม่นางฮั่ว นี่ นี่เป็นความเข้าใจผิดกันทั้งนั้น ร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเรามิได้คิดกดราคาสินค้าของท่านเลย นี่เพราะได้ยินมาว่าสูตรของยาสระผมชิงซือของท่านถูกโรงอี้จวินหลอกเอาไปแล้ว จึงอยากช่วยท่านเอาคืนต่างหากเล่า!”
ซ่งอิงรู้สึกค่อนข้างเลื่อมใสในความหนังหน้าหนาของผู้ดูแลงานในร้านท่านนี้จริงๆ
“ช่วยเอาคืนแทนข้า? ใครบ้างไม่รู้ว่าสูตรของโรงอี้จวินนั้นข้าเป็นคนให้พวกเขาเอง ผู้ดูแลร้านหยวน อย่าได้ปฏิบัติกับผู้อื่นโดยมองเป็นคนโง่เขลาไปหน่อยเลย” ซ่งอิงแค่นยิ้มเยาะ
ครั้นซ่งเหล่าเกินเห็นท่าทีของซ่งอิง ทันใดนั้นก็รู้สึกโล่งอก
โชคดีที่เมื่อครู่ไม่ได้รับของดีๆ จากผู้ดูแลหยวน มิเช่นนั้นไม่แน่ว่าเอ้อร์ยายังจะต้องดูถูกเขาในใจที่เป็นตัวหาภาระมาให้
ส่วนบรรดาป้าสะใภ้และอาสะใภ้เมื่อเห็นซ่งอิงพูดคุยธุระอยู่ จึงไม่ไปรบกวนแล้วเช่นกัน
วันนี้ซ่งอิงนำเนื้อหมูและปลามาให้เป็นการเฉพาะ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ล้วนไม่ดีนักหากจะให้ซ่งอิงเป็นผู้ลงครัวทำอาหารด้วยตนเอง
อารมณ์ความรู้สึกของพวกเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ที่มีต่อซ่งอิงตามจริงแล้วไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ถึงขั้นว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเหลียงผีนั่นสักเท่าไรด้วยซ้ำ
เป็นเพราะระยะนี้เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในบ้านล้วนอาศัยซ่งอิงจัดการปัญหาทั้งสิ้น และผู้เฒ่าก็เห็นความสำคัญในตัวซ่งอิงอย่างยิ่งเช่นกัน พวกนางในฐานะลูกสะใภ้ ย่อมต้องเดินตามรอยเท้าของผู้เฒ่าซ่งเป็นธรรมดา
อีกทั้ง พวกนางทั้งสามคนขบคิดผ่านมโนธรรมในใจอยู่หลายคืนเชียวละ ก่อนจะได้คิดตกว่าซ่งอิงปฏิบัติต่อพวกเขาไม่ขาดตกบกพร่องเลยจริงๆ
บ้านใหญ่และบ้านสามมีลูกๆ อยู่ในการดูแลของซ่งอิง และเด็กๆ ก็เอาแต่พูดชมซ่งอิงทั้งวี่ทั้งวัน นางจึงไม่อาจเกิดความรู้สึกแย่ๆ กับซ่งอิงขึ้นมาได้ บ้านสี่ยิ่งแล้วใหญ่ เหยาซื่อสะใภ้เล็กเป็นนกน้อยตัวหนึ่งที่พึ่งพิงผู้อื่น แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยนึกแคลงใจในคำพูดของซ่งหม่านซานเลยสักนิด
ซ่งหม่านซานให้นางเชื่อฟังซ่งอิง นางก็เชื่อฟังซ่งอิงโดยไม่แม้แต่จะลังเลเลยสักนิด
ยามนี้ ซ่งอิงยิ้มเยาะ บรรดาพี่น้องสะใภ้ต่างก็รู้สึกว่าผู้ดูแลร้านคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร
เอ้อร์ยานิสัยดีใจคอดีเสียยิ่งนี่? ปฏิบัติต่อผู้คนก็ใจกว้างและจริงใจ ทำให้เอ้อร์ยาไม่พอใจได้ นั่นย่อมเป็นผู้ที่นิสัยไม่ดีอย่างยิ่งแน่
“แม่นางฮั่ว ตอนแรกร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเราไปเชิญท่านด้วยตัวเอง ท่านก็ไม่ยินยอม แล้วไฉนจึง…จึงยินยอมเอาสูตรมอบให้โรงอี้จวินเสียได้เล่า? พูดกันตามจริง แม้ว่าโรงอี้จวินเป็นร้านขึ้นชื่อเก่าแก่ แต่ผลตอบรับก็ยังเทียบไม่ได้กับร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเรา…ดังนั้นพวกเราคิดว่าท่านถูกบีบบังคับจึงจนใจมอบให้เสียอีก…” ผู้ดูแลร้านหยวนพยายามสรรหาคำลวงหลอกมาพูด
ทันใดนั้น ซ่งอิงก็ยิ้มอย่างเสแสร้ง เห็นอาสะใภ้สี่จะเดินไปแล้วจึงเร่งรีบกล่าว “อาสะใภ้สี่ เขาเป็นผู้ดูแลงานในร้านของร้านชุ่ยเหยียนไจเจ้าค่ะ หรือไม่…ท่านช่วยคุยแทนข้าที”
เหยาซื่อสะใภ้เล็กตาลุกวาว “เป็นร้านชุ่ยเหยียนไจจริงหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ” ซ่งอิงพยักหน้า
ผู้ดูแลร้านหยวนงุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก
แต่แล้วกลายเป็นว่าเห็นเหยาซื่อสะใภ้เล็กผู้นั้นเดินวกกลับมาอีกครั้ง แล้วเท้าสะเอว “คำพูดของเจ้าเมื่อครู่นี้ข้าก็ได้ยินแล้วเช่นกัน เช่นนั้นข้าก็ขอพูดกับเจ้าแทนหลานสาวข้าเลยแล้วกัน! การร่วมกิจการกับโรงอี้จวินนี้เป็นความคิดของข้าเอง!”
เหยาซื่อสะใภ้เล็กรู้สึกว่าตนพูดออกไปเช่นนี้ก็ไม่ผิดเช่นกัน
ตอนแรกซ่งอิงยังมาหานางเพื่อสอบถามเกี่ยวกับร้านค้าเหล่านี้ด้วย!
“ท่าน…” ผู้ดูแลร้านขมวดคิ้ว หรือว่าร้านชุ่ยเหยียนไจเคยสร้างความไม่พอใจให้ท่านผู้นี้เข้าแล้ว
นางค่อนข้างคุ้นตา แต่เขาจำไม่ได้จริงๆ
“ยามที่สามีข้าไปซื้อของร้านเจ้า ถูกคนของพวกเจ้าชี้นิ้วต่อว่า แล้วยังเอ่ยว่าเขาไม่มีปัญหาซื้อชาดของร้านพวกเจ้าอีกด้วย! เอ้อร์ยาเป็นคนกตัญญูรู้คุณ รู้ว่าพวกเจ้ารักแกอาชายของนางก็ย่อมดูถูกพวกเจ้าเป็นธรรมดา!” เหยาซื่อสะใภ้เล็กพูดจบ รู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างโอหังไม่น้อย “อย่าคิดว่าร้านพวกเจ้าใหญ่โตแล้วก็เหนือกว่าใครหน้าไหนทั้งนั้น บัดนี้แม้แต่สบู่หอมก็ยังทำออกมาเองไม่ได้เลยมิใช่หรือ พวกเราชาวชนบทต่ำต้อยแล้วจะทำไมเล่า เจ้าผู้ดูแลร้านผู้สูงส่งสง่าผ่าเผยยังต้องถ่อมาประจบประแจงอ้อนวอนกันเลย! ดูหางของเจ้านั่นสิ สะบัดไปจนจะถึงฟ้าได้อยู่แล้ว!”
รังแกสามีนาง เช่นนั้นก็สมควรโดนเช่นนี้!
ผู้ดูแลงานในร้านเบิกตาขึ้นเล็กน้อย
จู่ๆ ก็…นึกขึ้นมาได้เล็กน้อยแล้ว
หลายปีมานี้ มักจะมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูไม่ต่างจากนักเลง ทุกครั้งหลังซื้อของทางด้านโรงอี้จวินแล้วก็จะมาเดินเตร็ดเตร่ไปมาหน้าร้านพวกเขา แรกเริ่มไม่มีผู้ใดสนใจ แต่หลังจากมาหลายๆ ครั้งเข้า คนในร้านต่างก็จดจำคนผู้นั้นได้แล้ว ซึ่งการเห็นเรื่องดังกล่าวค่อนข้างสร้างความรำคาญใจไม่น้อยเช่นกัน!
ตอนที่ 438 เจ้าจะเสียใจภายหลัง
เขาเริ่มจำได้แล้วเช่นกันว่า ยังมีอีกหลายครั้งที่ชายผู้นั้นพาภรรยามาด้วย ซึ่งภรรยาผู้นั้น…
ผู้ดูแลหยวนมองเหยาซื่อสะใภ้เล็ก รู้สึกว่าความทรงจำวนกลับมาใหม่อีกครั้ง
“ซ่งฮูหยิน ล้วนเป็นเพราะเสี่ยวเอ้อร์ในร้านไม่รู้ความ ไว้ข้ากลับไปแล้วจะสั่งสอนพวกเขาเอง เรื่องเล็กน้อยในตอนแรกเหตุใดต้องจำฝังใจไปด้วยเล่า ไม่สู้เอาแบบนี้ดีกว่า จากนี้ทุกครั้งที่ฮูหยินมาที่ร้าน ข้าจะลดราคาให้สามส่วน…” ผู้ดูแลร้านกล่าวขึ้นอีกครั้ง
บัดนี้สบู่หอมคือสิ่งที่สำคัญที่สุด!
นอกนั้นไม่สำคัญ!
“เหอะ…” เหยาซื่อสะใภ้เล็กกลอกตามองบน “ถุย! ใครเขาอยากได้! ของในร้านพวกเจ้าก็ไม่ได้ดีอะไรขนาดนั้น! ก็แค่รูปแบบใหม่เยอะหน่อยเท่านั้นเอง ปัจจุบันสามีข้าอยู่ในเมืองยง ทางด้านนั้นมีของหลากหลายที่ดีๆ มากยิ่งกว่าอีก ข้าไม่ขาดเหลือของเหล่านี้เสียหน่อย!”
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พูดจบ เผยท่าทีอย่างปีศาจจิ้งจอกที่กำลังสะบัดหางไปมา หันหลังขวับเดินไปทำกับข้าวอย่างอวดดี
ผู้ดูแลร้านงงเป็นไก่ตาแตก
นี่มันเรื่องอะไรกัน ฮะ!
ใครจะคาดคิดว่าชายที่ดูเหมือนนักเลงหัวไม้ใจหยาบกระด้างผู้นั้น แท้จริงแล้วเป็นอาชายในตระกูลมารดาของแม่นางฮั่วผู้นี้?!
“แม่นางฮั่ว เพียงแค่เรื่องเล็กๆ อย่าได้ผูกใจเคืองโกรธกันอยู่เลย พวกเรายินดีกล่าวขอโทษอาชายและอาสะใภ้ของท่าน หวังว่า…เรื่องสบู่หอมนี้พวกท่านจะพิจารณาไตร่ตรองให้มากๆ เข้าไว้…” ผู้ดูแลร้านหยวนรู้สึกว่าตนเองลดตัวลงต่ำจนลงไปในดินแล้ว “ห้าร้อยตำลึงเงินซื้อสูตรของท่าน นอกจากนี้ก็ให้เงินค่าแรงเดือนละห้าสิบตำลึงเงิน จ้างท่านไปเป็นอาจารย์ใหญ่ นี่เป็นข้อเสนอครั้งแรกนับแต่ร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเราเปิดกิจการมาเชียวนะขอรับ!”
“ผู้ดูแลร้านหยวน แม้ว่าตอนนี้ท่านจะเผยท่าทีดีงามสักเพียงใด ข้าก็ไม่ลืมท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นอกมั่นใจและข่มขู่ข้าในตอนแรกหรอก หากร้านชุ่ยเหยียนไจพวกท่านทำกิจการด้วยความจริงใจซื่อตรง เราต่างก็เดินบนเส้นทางกิจการเดียวกัน ขอเพียงไม่ล่วงเกินผู้อื่นก็ไม่เกิดปัญหาใดขึ้นมาได้เช่นกัน แต่การจะซื้อสูตร…ท่านช่างเข้าใจคิดดีนี่ ขออภัยด้วยที่ข้าตอบตกลงมิได้”
เงินค่าแรงห้าสิบตำลึงเงิน?
ไม่ใช่ว่าซ่งอิงไม่เข้าใจวิธีการจัดการของร้านชุ่ยเหยียนไจเสียด้วย!
ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “เท่าที่ข้ารู้ ร้านพวกท่านเมื่อก่อนก็เคยเชิญอาจารย์ใหญ่มาจำนวนไม่น้อย ซึ่งก็ล้วนลงนามสัญญาจ่ายเงินค่าแรงให้สูงลิ่วทั้งนั้นจริงๆ แต่เงินค่าแรงที่ว่านี้อย่างมากสุดก็ได้รับเพียงสองสามเดือนเท่านั้น ก่อนจะถูกร้านชุ่ยเหยียนไขสรรหาข้ออ้างมาลดทอนเงิน บัดนี้อาจารย์ใหญ่เหล่านั้น เกรงว่าเดือนหนึ่งก็ได้เพียงสามถึงห้าตำลึงเงินเท่านั้นกระมัง”
สามถึงห้าตำลึงเงินเป็นเงินค่าแรงปกติทั่วไป
อย่างไรก็ตาม อาจารย์เหล่านั้นล้วนไปพร้อมกับสูตรที่ตัวเองมี
กล่าวตามตรงก็คือ ร้านชุ่ยเหยียนไจใช้เงินหลอกล่อคนให้มาร่วมด้วย จากนั้นเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วก็ไม่แยแส
“แม่นางฮั่ว หรือไม่ก็พูดมาตามตรงเลยดีกว่า ท่านยินยอมขายสูตรสบู่หอมให้ในราคากี่ตำลึงเงิน” ผู้ดูแลร้านหยวนเกือบจะหมดความอดทนแล้วเช่นกัน
“หากเจ้ามีทัศนคติเช่นนี้แต่แรก บางทีข้ายังพอเลื่อมใสในความใจปล้ำของร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเจ้าได้บ้าง” ซ่งอิงหัวเราะเยาะยกใหญ่ “หากคิดจะซื้อขาด ก็มิใช่ว่าไม่ได้ เอาเป็นห้าหมื่นตำลึงเงินผนวกกับผลกำไรสามส่วนของร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเจ้าแล้วกัน!”
“ห้าหมื่นตำลึงเงิน? แล้วยังต้องการกำไรสามส่วนอีกด้วยหรือ! แม่นางฮั่วไปฝันกลางวันเอาดีกว่า ฝันกลางวันน่าจะทำเงินได้ไวดี!” ผู้ดูแลร้านหยวนโกรธจนแทบบ้า
นางนึกว่าเงินเป็นสิ่งของอะไรหรือ คิดว่าเป็นขี้ไก่ที่มีอยู่ทั่วทุกหนแห่งในหมู่บ้านชนบทนี้หรือไร!
ห้าหมื่นตำลึงเงิน? สูตรของห่วยๆ อย่างเดียว สมควรมีมูลค่าเพียงนี้ด้วยหรือ?!
“จ่ายเงินให้ไม่ไหวก็เชิญกลับไปเถอะ ประตูบ้านตระกูลซ่งมิใช่ว่าใครๆ ก็เข้ามาได้ทั้งนั้น ครั้งหน้าหากผู้ดูแลหยวนมาอีก ถ้าท่านปู่ข้าจับเจ้าโยนออกไปก็อย่าว่าแล้วกัน” ซ่งอิงมองบนใส่เขาแวบหนึ่ง
“แม่นางฮั่ว!” ผู้ดูแลร้านหยวนหงุดหงิดใจอย่างจริงจัง “แปดร้อยตำลึงเงินแล้วกัน!”
“ไสหัวไป” ซ่งอิงหันหลังขวับเดินจากไป
ผู้ดูแลร้านหยวนร้อนใจแล้วเช่นกัน เขาเอื้อมมือออกไปหมายคว้าไหล่ของซ่งอิง แต่มือนั่นเพิ่งแตะบนบ่นของนาง ซ่งอิงก็จับมือนั้นพลิกแล้วเหวี่ยงเขาตลบสามร้อยหกสิบองศา เกิดเสียงดัง ‘ปึก’ พร้อมกับที่เขาลงไปกองอยู่บนพื้น
หลังทุ่มคนเขาลงไปแล้ว ซ่งอิงก็ยกมือปิดปาก “ไอ้หยา ผู้ดูแลร้านหยวน พูดคุยก็พูดอย่างเดียวสิ ไยต้องลงไม้ลงมือด้วย ข้าตกใจแทบแย่”
“…” ซ่งเหล่าเกินเบิกตากว้างเล็กน้อย
เขารู้สึกว่าตาพร่ามัวเสียแล้ว
ผู้ดูแลร้านรู้สึกเพียงปวดร้าวกระดูกไปหมด รีบส่งเสียงร้องตะโกน จากนั้นข้ารับใช้ที่คอยอยู่ด้านนอกก็เร่งรีบปรี่เข้ามาแล้วประคองเขาลุกขึ้น
“แม่นางฮั่ว ไม่ขายให้ร้านชุ่ยเหยียนไจพวกเรา เจ้าจะต้องเสียใจภายหลัง!”