ตอนที่ 431 ส่งของขวัญให้
แต่ไหนแต่ไรมา ซ่งสวินเป็นคนที่นิสัยดีที่สุดในบรรดาชั้นเรียนผู้มากความสามารถ ขณะนี้โมโหจนลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไปทันที เป็นผลให้ทุกคนล้วนตระหนกตกใจ อดมองไปทางลู่ข่ายไม่ได้
ลู่ข่ายตะลึงงัน จากนั้นหูตาแดงก่ำ
ครั้งแรกที่ก้มหัวให้คนอื่น แต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะบันดาลโทสะใส่?!
ช่างประหลาดจริง!
ลู่ข่ายรู้สึกขายหน้ายิ่งขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าตนเองทำผิดตรงไหน เมื่อมองไปยังคนอื่นอีกครั้ง บางคนเผยสีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น บางส่วนมองเขาอย่างเยาะเย้ย และคนเหล่านั้นที่ปกติแล้วห้อมล้อมเขา แม้ว่ามองดูขุ่นเคืองแทนเขา แต่ไม่รู้ทำไม ลู่ข่ายรู้สึกว่าพวกเขากำลังหัวเราะเยาะตนในใจเช่นกัน
เมื่อคิดได้ดังนี้ ลู่ข่ายก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป
ทุกครั้งเมื่อซ่งสวินเลิกเรียนล้วนต้องไปอยู่ที่หอหนังสือพักหนึ่ง พูดคุยหารือกันกับบรรดาสหายร่วมห้องเรียนเดียวกัน ดังนั้นตอนที่เดินจากไปในเวลานี้ ค่อนข้างเย็นมากแล้ว เมื่อเดินพ้นประตูออกไปมองเห็นว่าซ่งอิงไม่อยู่แล้ว ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน
เด็กสาวผู้นั้นถือว่ายังรู้จักเชื่อฟังกัน
ระหว่างทางกลับ ซ่งอิงไม่ได้รีบร้อนเช่นกัน ให้ต้าไป๋เดินไปช้าๆ หากเจอครอบครัวชาวบ้านที่ขายของไม่หมดแต่ต้องรีบกลับบ้าน ไม่แน่ว่ายังจะได้ซื้ออะไรกลับไปด้วยหน่อย
ยามที่นางเดินทางไปได้ครึ่งทาง ผู้ดูแลงานในร้านของร้านชุ่ยเหยียนไจก็เดินทางมาถึงบ้านซ่งอย่างรีบร้อนแล้ว…
ซ่งอิงรู้ว่าวันนี้ตนจะกลับมาช้าหน่อย จึงบอกเด็กทั้งสามคนเอาไว้แต่เนิ่นๆ แล้วเช่นกันว่าให้พวกเขากลับไปกินข้าวที่บ้านซ่ง
ดังนั้นในเวลานี้ ประตูบานใหญ่ของบ้านยังคงปิดคล้องแม่กุญแจเอาไว้อย่างแน่นหนา กำแพงล้อมรอบที่สูงลิ่วเป็นผลให้มองไม่เห็นลานหน้าบ้าน
ผู้ดูแลร้านขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ รอคอยอยู่ครู่หนึ่ง ก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย ระหว่างที่กำลังลังเล พลันได้ยินเสียงไก่ขันดังแว่วขึ้นมาใกล้ๆ เมื่อได้ยินจึงหันมองไป เห็นเพียงไก่โต้งขนาดใหญ่หนึ่งตัวบินโฉบมาจากกลางอากาศกะทันหัน!
ไก่โต้งตัวนั้นบินวนอยู่รอบหัวเขาหนึ่งรอบ และส่งเสียง ‘กระต๊าก’ จากนั้นบนศีรษะเขาก็มีบางอย่างเพิ่มขึ้นมาหนึ่งกอง ส่วนไก่โต้งตัวนั้นขึ้นไปยืนมั่นบนกำแพง
ผู้ดูแลร้านโมโหจนหน้าดำหน้าแดง ขณะคิดจะด่าทอ ก็มองเห็นบริเวณไม่ไกลออกไปมี…เป็ดกลุ่มหนึ่งเดินมา
เดินตามตามกันมาและส่งเสียง ‘ก้าบๆๆๆๆ’ เป็นกลุ่มเจ็ดแปดตัว
ไม่ทันรู้ตัว พวกมันก็เดินมาอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นนั่งยองลงอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง หลังผ่านไปสองชั่วอึดใจ เป็ดก็ลุกขึ้นมาแล้วไปอยู่ตรงบริเวณตีนกำแพง เดินวนกันอยู่หนึ่งรอบ ท้ายที่สุดพวกมันเดินไปด้านหลังเรือน ลงไปลอยในบ่อน้ำแล้วเคลื่อนไปในสระน้ำนั้นก่อนจะมุดผ่านรั้วไม้ไผ่ที่ล้อมรอบหลังบ้านเอาไว้อย่างมิดชิด
ผู้ดูแลร้านตะลึงงันไปพักใหญ่ ในใจอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้เช่นกัน
เป็ดพวกนี้รู้จักเส้นทางด้วยหรือ จึงได้คอยกันอยู่ด้านหน้าเป็นอันดับแรก หลังจากดูเหมือนมั่นใจแล้วว่าไม่มีคนเปิดประตู แล้วค่อยพากันไปด้านหลังเพื่อกลับเข้าบ้าน…
หลังจากเช็ดขี้ไก่บนหัว ผู้ดูแลร้านก็รู้สึกว่าบ้านหลังนี้ค่อนข้างพิลึก
โดยเฉพาะเมื่อเขามองไปจากด้านหลัง มองจากบริเวณไกลๆ ในลานบ้านด้านหลังส่วนหนึ่งปรากฏบรรยากาศน่ากลัวมาเป็นระลอกๆ…
ผู้ดูแลร้านเกาหัวและครุ่นคิด ก่อนตัดสินใจที่จะไปสืบถามจากคนอื่นดูสักหน่อย
เสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วยาม ท้ายที่สุดก็หาบ้านตระกูลซ่งเจอ
ซ่งเหล่าเกินเมื่อได้ยินคนผู้นี้กล่าวว่ามาหาซ่งอิง ทันใดนั้นก็เกิดความวิตกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
รู้ว่าหลานสาวผู้นี้มากความสามารถ ดังนั้นเขาก็กลัวว่าจะขายหน้า อีกทั้งเห็นผู้ดูแลร้านคนนี้ใส่ชุดที่ดูสง่างามอย่างยิ่ง มิหนำซ้ำยังนั่งรถม้ามา มองดูไม่เหมือนคนทั่วๆ ไปเลย
“ข้าแซ่หยวน เป็นผู้ดูแลร้านชุ่ยเหยียนไจขายเครื่องประทินความงาม วันนี้มาพบแม่นางฮั่วเป็นการเฉพาะ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่านางจะไม่อยู่บ้าน แต่ทว่า…ในเมื่อเป็นท่านปู่ของแม่นางฮั่ว เช่นนั้นได้เจอท่านก็ไม่ต่างกัน…
ขณะพูด ผู้ดูแลร้านหยวนก็กวักมือ ให้คนนำสิ่งของที่อยู่บนรถลงมา
“ไม่ทราบสถานการณ์ในบ้านของแม่นางฮั่ว ดังนั้นก็ไม่ได้เตรียมสิ่งของอื่นใดมาเป็นพิเศษ นี่ก็แค่สิ่งของเล็กน้อยธรรมดา หวังว่าท่านผู้เฒ่าซ่งจะไม่รังเกียจ” ผู้ดูแลร้านหยวนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
คำก็เรียกท่านสองคำก็เรียกท่าน ได้ยินเช่นนั้น ซ่งเหล่าเกินถึงกับรู้สึกละอายใจเล็กน้อย
มองเห็นของขวัญเหล่านั้นปราดหนึ่ง ก็รู้สึกตกตะลึงเบาๆ
ของขวัญเช่นนี้ธรรมดาเสียที่ไหนกันเล่า
มีหนังจิ้งจอกสองผืน แล้วยังมีผ้าไหมสองพับ มองดูแล้วราคาแพงไม่ใช่ย่อย! สิ่งของอื่นที่แอบอยู่ในห่อกระดาษหลายห่อซึ่งส่งกลิ่นหอมออกมายิ่งแล้วใหญ่!
ตอนที่ 432 ทำกิจการค้าขายกับสู่ขอลูกสะใภ้
กลิ่นหอมนี้ซ่งเหล่าเกินคุ้นเคยดีเช่นกัน
ซ่งอิงซื้อขนมมาให้บ่อยครั้ง ปัจจุบันเขาจึงเคยกินขนมมาแล้วไม่น้อย ย่อมได้กลิ่นแล้วรู้ได้เป็นธรรมดา ของที่ผู้ดูแลร้านหยวนมอบให้ก็คือของเหล่านั้นที่หลานสาวเคยซื้อให้ก่อนหน้า ราคาไม่ใช่ถูกๆ…
ซ่งเหล่าเกินรู้สึกจิตใจไม่เป็นสุขเล็กน้อย
หากส่งสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ มาให้ เขาก็ยังพอทำใจให้สบายได้หน่อย หากไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เขาก็จะช่วยรับเอาไว้แทนหลานสาวได้ เมื่อเอ้อร์ยากลับมาค่อยบอกกล่าวก็เป็นอันใช้ได้
แต่สิ่งของเหล่านี้ โดยเฉพาะหนังจิ้งจอกนั่น เขาคนที่ไม่ชำชองเรื่องพวกนี้ยังมองออกเลยว่าขนของมันไม่เลวเลย สิ่งของกองโตเช่นนี้ อย่างน้อยๆ ก็เป็นมูลค่าหลายสิบตำลึงเงิน!
สิ่งของราคาแพงเยี่ยงนี้ เขาจะรับเอาไว้ได้อย่างไรกัน
ซ่งเหล่าเกินเผยสีหน้าอึดอัด
“ข้าว่าในบ้านท่านผู้เฒ่าซ่งหลังนี้…” ผู้ดูแลหยวนมองซ้ายมองขวา “ค่อนข้างเก่าไปหน่อยแล้ว ไม่มีแผนจะซ่อมแซมบ้างหรือ หากมีความประสงค์นั้น พรุ่งนี้ข้าหาคนมาจำนวนหนึ่งช่วยเพิ่มอิฐเพิ่มกระเบื้องให้ จะต้องทำให้เรือนหลังนี้มองดูโดดเด่นและกว้างขวางมากขึ้นเป็นแน่”
“ไม่ต้องๆ ตัวเรือนก็ค่อนข้างดีอยู่ เพียงพอสำหรับอยู่อาศัยแล้ว ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินนั่นหรอก” ซ่งเหล่าเกินรีบบอกทันควัน
สายตาเขาทอดมองไปด้านนอก คิดในใจว่าไฉนซ่งอิงจึงยังไม่กลับมาเสียที
ผู้ดูแลหยวนกลับยิ้มเล็กน้อย “ตอนที่เพิ่งมาถึง ข้าไปทางด้านบ้านสามีของแม่นางฮั่วมาก่อนแล้ว เห็นว่าที่นั่นดูโอ่อ่ากว้างขวางจริงเชียว กำแพงด้านนอกน่าจะสร้างขึ้นมาใหม่กระมัง? ลานบ้านด้านในก็น่าจะไม่เล็กเช่นกัน ข้าคิดว่าแม่นางฮั่วยังได้อยู่อาศัยในเรือนที่ใหญ่โตกว้างขวางเพียงนี้ ถึงอย่างไรก็คงไม่ดีนักหากจะให้ท่านผู้เฒ่าซ่งญาติผู้ใหญ่อย่างท่านด้อยกว่า”
ขอเพียงผู้เฒ่าคนนี้ยอมรับผลประโยชน์ของเขา จากนี้ก็จะพูดได้ง่ายขึ้น
อีกทั้ง…
แม่นางฮั่วผู้นั้นไม่รู้จักการปฏิบัติตัวเลยจริงๆ ที่ตนเองอยู่อาศัย กำแพงอิฐแดงนั่นดูใหม่วาววับ ทว่าคนในตระกูลมารดากลับอยู่อาศัยในเรือนหลังกึ่งใหม่กึ่งเก่า แม้กล่าวได้ว่าครบครัน แต่หน้าต่างบางบานก็ทรุดโทรมหมดแล้ว
“เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้วอากาศหนาวเย็น ข้าว่าบานหน้าต่างในเรือนท่านผู้เฒ่าซ่งก็สมควรปรับปรุงใหม่แล้วเช่นกัน…” ผู้ดูแลร้านหยวนกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ซ่งเหล่าเกินขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ผู้ดูแลร้านหยวน ท่านอยากจะพูดอะไรกันแน่หรือ ข้าผู้เฒ่าแม้ไม่เคยพบเห็นโลกภายนอกมากมาย แต่ก็รู้เช่นกันว่าเอาผลประโยชน์มาส่งให้ถึงที่ เป็นสิ่งที่ไม่อาจรับสุ่มสี่สุ่มห้าได้ หลานสาวข้าผู้นั้นเป็นคนมีความคิดเป็นของตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร พวกเจ้ามีความตั้งใจอยากจะร่วมกิจการกับนางด้วยหรือไม่ ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดจริงๆ เอาเช่นนี้แล้วกัน ท่านคอยอยู่ที่นี่ หากมีเรื่องเร่งด่วนต้องคุยกับนาง ก็พักค้างแรมที่นี่สักคืน ไว้เอ้อร์ยากลับมาแล้ว ท่านค่อยพูดคุยกับนางด้วยตนเอง ก็จะได้พูดคุยกันกระจ่างชัดแจ้งหน่อย” ซ่งเหล่าเกินกล่าว
เอ้อร์ยาผู้นั้นนิสัยเกรี้ยวกราดจะตาย
เกิดเขาทำเรื่องใดผิดไป ประเดี๋ยวมีดลอยมาหา เขาผู้เฒ่าคนนี้ได้ตกอกตกใจกลัวจนตัวคดตัวงอกันพอดี
ผู้ดูแลร้านหยวนเดิมทีอยากจะพูดคุยกับซ่งอิงด้วยตัวเอง แต่ขณะนี้เห็นครอบครัวมารดาซ่งอิง ก็ไม่คิดอย่างนั้นแล้ว
เขาคิดว่า การทำกิจการค้าขายก็พอๆ กับการสู่ขอภรรยา หากทำให้คนในครอบครัวอีกฝ่ายพึงพอใจได้ มีคนเอ่ยปากช่วยเขา เช่นนั้นความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จลุล่วงก็จะมากขึ้นหน่อยเช่นกัน
“โอ๊ย คำพูดของท่านนี้ช่างเห็นเป็นคนอื่นคนไกลกันไปแล้วขอรับ ท่านเป็นถึงปู่แท้ๆ ของแม่นางฮั่ว ข้าพูดคุยกับท่านก็เหมือนๆ กัน! อีกทั้งแม่นางฮั่วก็เป็นคนที่กตัญญูอย่างยิ่ง มีเรื่องอันใดก็ต้องให้ท่านเห็นดีด้วยก่อนจึงจะได้มิใช่หรือ” ผู้ดูแลร้านหยวนยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะประจบสอพลอต่อ
ซ่งเหล่าเกินถอนหายใจ
คนในเมืองนี่ช่างชวนให้เปลืองแรงจริงๆ พูดจาแล้วไม่รู้จักฟัง
ขณะที่ผู้ดูแลร้านหยวนพูดๆ อยู่ ก็มองเห็นบรรดาเด็กๆ ชะโงกหน้ามามอง
ทันใดนั้นพลันบังเกิดความดีใจอย่างยิ่งในใจ รีบกวักมือยกใหญ่ แล้วนำขนมเหล่านั้นที่ตนนำมาหยิบออกมา “นี่เป็นขนมที่ซื้อจากทางด้านตัวอำเภอ พวกเจ้าไม่เคยกินมาก่อนกระมัง รีบๆ มาชิมดูสิ”
เหล่าเด็กน้อยจอมแสบสบมองกันแวบหนึ่ง
ซ่งต๋าครุ่นคิด จากนั้นแสร้งเผยท่าทีน่าสงสารและเอ่ยถาม “ขนมจากทางด้านตัวอำเภอหรือ นั่นเป็นของที่แพงเป็นพิเศษใช่หรือไม่”
ภูตโสมทำตาปริบๆ มองไปเช่นกัน