ตอนที่ 445 ไม่สู่ขอภรรยาแล้ว
ซ่งต๋ามองเห็นก็รีบปฏิบัติตามความต้องการของซ่งอิงที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ โดยเดินเข้าไปแย่งชิ้นที่ดูสวยที่สุด
ซ่งอู่ยื่นมือออกไปครึ่งทาง แต่แล้วสิ่งของนั่นพลันถูกซ่งต๋าหยิบไป จึงเผยสีหน้าผิดหวัง กัดฟันแน่นแต่กลับไม่กล้าเข้าไปคว้าเอามา
เจียวซื่อมองเห็นดังกล่าวรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที “หลานต๋า น้องอู่เจ้าก็อยากได้ชิ้นที่อยู่ในมือเจ้าเช่นกัน เจ้าเสียสละให้เขาจะดีกว่าหรือไม่”
“ไม่ได้หรอกขอรับ อาสะใภ้สาม ผืนนี้สวย เหมาะกับแม่ข้า อาสะใภ้สามเหมาะกับ…ผืนนั้น ผืนของข้านี่สีสันอ่อนๆ อาสะใภ้สามดูแก่ ใช้ไปก็ไม่ดูดีขึ้นมาเช่นกัน” ซ่งต๋าเอ่ยขึ้นมาโดยไม่ให้ความเกรงใจเลยสักนิด
ครั้นเจียวซื่อได้ยินก็แทบจะระเบิดอารมณ์โทสะทันที “เจ้า เจ้าเด็กคนนี้ไฉนจึงพูดจาเช่นนี้เล่า! ข้าอายุน้อยกว่าแม่เจ้าด้วยซ้ำไป! หากข้าดูแก่ เช่นนั้นผ้าชิ้นนั้นก็ยิ่งไม่เหมาะกับแม่เจ้าน่ะสิ!”
แต่ซ่งต๋ายังคงยืดอกผึ่งผาย “อาสะใภ้สาม ท่านมองดูอายุมากกว่าแม่ข้านี่? ดูอายุมากกว่าอาสะใภ้รองด้วยเช่นกัน เมื่อวานตอนที่ข้าและน้องอู่อยู่ที่โรงเรียน มีคนเห็นท่านด้วย และยังถามว่าท่านเป็นย่าข้าใช่หรือไม่ด้วย!”
“…” เจียวซื่อถลึงตาโต
นาง นางกลายเป็นคนอายุรุ่นย่ารุ่นยายแล้วหรือ!
“เจ้า เจ้า…” เจียวซื่อพูดไม่ออกไปพักใหญ่
ซ่งอิงยิ้มเล็กยิ้มน้อย “อาสะใภ้สาม ท่านก็อย่าได้โทษเด็กๆ เลย พวกเขาแค่พูดตรงไปหน่อยเท่านั้นเอง”
“พูดตรงไปหน่อยรึ เจ้าหมายความว่าพวกเขาพูดถูกเช่นนั้นหรือ” เจียวซื่อไม่อยากฟัง
เป็นผู้หญิง มีที่ไหนกันจะไม่รักสวยรักงาม? นางปีนี้เพิ่งอายุสามสิบสาม รุ่นย่ารุ่นยายต้องอายุเกือบๆ หกสิบ แล้วยังจะแยกแยะผิดอีกหรือ!
“อาสะใภ้สามเพียงแค่ดูไม่ค่อยเยาว์วัยยามที่มองจากไกลๆ เท่านั้นเอง แต่หากมองอย่างละเอียด…” ซ่งอิงเผยสีหน้าลำบากใจ เหมือนกำลังพยายามปลอบใจเจียวซื่อ แล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ท่านดวงหน้าสะสวยไม่ด้อยไปกว่าท่านแม่ข้า หากบำรุงให้ดีๆ จะต้องงดงามมากเช่นกันแน่นอน…”
เมื่อพูดจบ ซ่งอิงมองไปด้านข้างอยากละอายใจ
ท่าทีเช่นนี้ ถูกเจียวซื่อสังเกตเห็นเข้าเต็มๆ
เจียวซื่อรู้สึกปวดใจเสียยิ่งกว่าอะไรดี
มองผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นก็รู้สึกไม่ชมชอบแล้วเช่นกัน
“ท่านแม่ ท่านอย่าเศร้าไปเลย ข้าชินเสียแล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีคนคิดว่าครอบครัวเราอดอยาก ตอนนั้นข้าก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน” ซ่งอู่กล่าว
เจียวซื่อมองเขาแวบหนึ่ง “คนเหล่านั้นตาบอดกันไปแล้วทั้งนั้น!”
“ท่านแม่ ตามจริงก็โทษคนอื่นไม่ได้เช่นกัน ข้าเคยถามพี่รอง พี่รองบอกว่า…เสื้อผ้าอย่างที่ข้าและบรรดาพี่ชายสวมใส่ ความจริงก็พอๆ กับขอทานในตัวอำเภอ…” ซ่งอู่เผยสีหน้าจริงจัง มองดูไม่เหมือนท่าทีอย่างคนรู้สึกผิดหวังแต่อย่างใด
แต่ก็ด้วยแววตาที่เด็ดเดี่ยวเช่นนี้ ยิ่งทำให้เจียวซื่อปวดใจ
“ขอทาน?” เจียวซื่อนิ่งอึ้งไป “บรรดาพี่ชายเจ้าตอนนี้เรียนรู้ทักษะในตัวอำเภออยู่ด้วย…คงไม่ถูกผู้คนเข้าใจผิดว่าเป็น…พวกขอข้าวกินหรอกกระมัง?”
“ไม่หรอกขอรับ เสื้อผ้าที่สวมตอนอยู่ข้างนอกของบรรดาพี่ชายค่อนข้างดีอยู่” ซ่งอู่ส่ายหน้า
เจียวซื่อถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่ยังไม่สบายใจอยู่ดี ซ่งอู่กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “ทว่าครั้งก่อนข้าพูดคุยกับบรรดาพี่ชาย บรรดาพี่ชายกล่าวว่า เหล่าลูกศิษย์ผู้คุ้มกันคนอื่นๆ ที่อาศัยในเรือนหลังเดียวกันต่างก็สวมเสื้อผ้าค่อนข้างดีกันทั้งนั้น มีเพียงพวกเขาที่ไม่มีเสื้อผ้าที่ดีๆ ใส่ เสื้อผ้าตัวในก็เริ่มเหลืองหมดแล้ว กลัวว่าคนอื่นจะรังเกียจ พวกเขาทั้งสองจึงนอนเบียดกันในมุมในสุด ไม่กล้าให้คนอื่นเห็น อยากจะใช้ผ้าห่มห่อตัวเองเอาไว้ให้มิดชิดเสียด้วยซ้ำ…”
ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวมาพร่ำบ่น แต่ด้วยการทำเช่นนี้จึงจะได้ประสิทธิผล
เจียวซื่อจิตนาการภาพเช่นนั้นในสมองของตนเองเป็นที่เรียบร้อย
แต่ก่อนหน้านี้ยามที่เจอบรรดาบุตรชาย พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลยนี่?
ถามพวกเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง พวกเขาก็กล่าวว่าค่อนข้างดีทีเดียว ถามพวกเขาว่าเข้ากับผู้อื่นได้ดีหรือไม่ พวกเขาก็บอกว่าดี…
“ท่าน ท่านไม่ต้องเสียใจไปหรอกนะขอรับ” ซ่งอู่ราดน้ำมันใส่กองไฟต่อ “พี่สามกล่าวว่า ไว้เขาหาเงินได้แล้ว ก็จะซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่มากๆ หน่อย แล้วเปลี่ยนใส่วันละชุด ถึงเวลาก็จะซื้อให้ท่านแม่ด้วยเช่นกัน ของที่ตอนนี้พวกเราไม่มี ไว้ภายภาคหน้าพี่สามก็จะซื้อให้ทั้งหมดเลย…เขายังกล่าวอีกว่าไม่สู่ขอภรรยาแล้วด้วย บอกว่าการเป็นภรรยาผู้อื่นนั้นเหนื่อยเกินไป หากคนเป็นภรรยาล้วนเหมือนท่านแม่ทั้งนั้น ต้องลำบากตรากตรำทั้งชีวิต เช่นนั้นแต่งภรรยาเข้ามาก็จะเป็นการทำร้ายคนเขาเปล่าๆ…”
ตอนที่ 446 ซ้ำเติมภรรยา
“เจ้าพูดอะไรน่ะ! ไม่สู่ขอภรรยาแล้วหรือ!” เจียวซื่อตระหนกตกใจ เอื้อมมือไปคว้าไหล่ของซ่งอู่เอาไว้ทันที
ซ่งอู่พยักหน้าอย่างจริงจัง “ท่านแม่ เช่นนี้ก็ค่อนข้างดีนี่ขอรับ? ข้าก็รู้สึกว่าดีเช่นกัน หากไม่มีภรรยา ภายภาคหน้าข้าก็จะได้ทุ่มเทแรงใจและความตั้งใจไปที่การกตัญญูตอนแทนคุณท่านแม่ทั้งหมดเลย!”
ซ่งอู่เคยเอ่ยคำพูดประเภทนี้ที่ไหนกัน คำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือซ่งอิงเรียบเรียงขึ้นมา และซ่งอู่หัดพูดตามก็เท่านั้น
เพียงแต่ว่าบรรดาเด็กๆ เหล่านี้ถูกเจียวซื่อเลี้ยงดูจนมีปัญหาเล็กน้อยจริงๆ
เมื่อก่อนยามที่เอ่ยถึงเรื่องสู่ขอลูกสะใภ้ ดูพวกเขาต่างก็ไม่ค่อยมีแววตาที่กระตือรือร้นและโหยหาแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังดูเอ้อระเหยลอยชายเล็กน้อยด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าก็เพราะได้รับอิทธิพลจากเจียวซื่อเข้าแล้ว
“อย่าพูดจาเหลวไหล!” เจียวซื่อกระวนกระวายแล้วจริงๆ “ผู้ชายอย่างหมู่บ้านสือโถวที่ยากจนอาศัยอยู่ในถ้ำลักษณะนั้นต่างหากที่จะสู่ขอภรรยาไม่ได้! พวกเจ้าสามคนไม่เอาไหน พูดจาเหลวไหลอะไรกันรึ! แม่เจ้าอย่างข้าลำบากตรากตรำไปเพื่ออันใด ก็เพื่อเก็บหอมรอมริบให้พวกเจ้าได้ตั้งตัวกันได้มิใช่หรือ! แล้วยังคิดจะไม่แต่งภรรยาอีก! สติฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ ระวังท่านปู่เจ้าจะเฆี่ยนตีพวกเจ้าเอาเถอะ!”
“แต่ท่านแม่ ท่านไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือ” คำพูดนี้ซ่งอู่กล่าวด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง “ก่อนหน้านี้ตอนที่ครอบครัวเราเก็บผลบ๊วย คนอื่นต่างก็ไม่ได้ลำบากตรากตรำขนาดท่านแม่ มีเพียงท่านแม่ตอนกลางวันก็ทำ ตอนค่ำก็ทำ ตอนนี้ทำเหลียงผี ท่านก็ทำในปริมาณมากกว่าป้าสะใภ้ใหญ่เช่นกัน ท่านมักจะใช้ชีวิตอย่างไม่รู้จบ ใช้พลังงานอย่างไม่รู้หมด…ข้าและพี่สามพี่สี่ต่างก็รู้สึกว่า ชั่วชีวิตนี้ของท่านลำบากเกินไปแล้ว”
เจียวซื่อตะลึงงันหลังได้ยินดังกล่าว “คนเป็นแม่ก็เป็นเช่นนี้กันทั้งนั้น…ใครใช้ให้ข้าให้กำเนิดพวกเจ้าตั้งมากมายขนาดนี้เล่า…”
“แต่ท่านแม่ ข้าและบรรดาพี่ชายก็อยากจะให้ท่านได้สุขสบายเช่นเดียวกับอาสะใภ้สี่ และอยากให้ท่านมีความมั่นใจอย่างป้าสะใภ้ใหญ่และป้าสะใภ้รองเช่นกันนี่ขอรับ” ซ่งอู่มองเจียวซื่อด้วยแววตาเศร้าใจ
ซ่งอิ๋นซานเดินพ้นประตูเรือนเข้ามาก็ได้ยินคำพูดนี้ของบุตรชาย พลันรู้สึกอบอุ่นในจิตใจ
เขาไม่ได้ย่างก้าวเข้าไป
ซานยาที่ยืนอยู่ด้านข้างและไม่พูดจาใดๆ มาโดยตลอด หยิบกิ๊บดอกไม้กระดาษออกมาจากอ้อมอก แล้วยื่นซ่งให้เจียวซื่อ “ท่านแม่…นี่ นี่เป็นของที่พี่รองสอนข้าทำ…ข้าไม่มีปัญญาซื้อปิ่นเงิน…แต่ดอกไม้นี่ก็สวยเช่นกัน ท่านประดับมันไว้คงงดงามมาก”
เจียวซื่อกรอบตาร้อนผ่าวขึ้นมากะทันหัน
และแล้วนางก็ไม่อาจอดกลั้นได้ ร้องไห้ออกมาในที่สุด
ซ่งอิ๋นซานเห็นดังนั้นจึงเดินเข้ามา จากนั้นให้ซ่งอู่และซานยาออกไป
“ร้องไห้อะไร ลูกอู่และซานยารู้ความ รู้จักสงสารแม่ เป็นเรื่องที่ดีนี่?” ซ่งอิ๋นซานถอนหายใจ
เจียวซื่อไม่รู้เช่นกันว่าตนร้องไห้ทำไม ก็แค่พลันรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมา
ครอบครัวมารดาของนางยากจนและลำบากตรากตรำ เฆี่ยนตีนางให้รู้ความ งานในบ้านก็เป็นหน้าที่นางทั้งหมด ให้อาหารหมูให้อาหารไก่ ซักเสื้อผ้าทำกับข้าวกวาดลานบ้าน งานทุกอย่างล้วนต้องทำ ก็ขนาดทำเช่นนี้แล้วยังถูกรังเกียจ เพื่อจะได้กินอิ่มท้อง นางจึงกลัวว่าตนเองจะทำตรงไหนที่ไม่ดีลงไป
แม้ว่าเหน็ดเหนื่อย แต่ดีที่ก่อนออกเรือนได้รับชื่อเสียงดีงามสมความขยันขันแข็ง นี่จึงได้ถูกตระกูลซ่งวางสินสอดสู่ขอเข้ามา
หลังจากแต่งเข้าสู่ตระกูลซ่ง นางก็คิดว่า ตนจะต้องให้กำเนิดบุตรชายให้มากๆ จะต้องยืนหยัดอย่างมั่นคงให้ได้
แต่หลายปีมานี้ก็เหน็ดเหนื่อยจริงๆ เช่นกัน
“เอ้อร์ยาบอกว่าข้าดูแก่…ลูกต๋าบอกว่ามีคนคิดว่าข้าอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหญิงชรา…” เจียวซื่อปาดน้ำตา “แม้แต่ลูกสามและลูกห้ายังกล่าวว่าจะไม่แต่งงานแล้ว บอกว่ากลัวแต่งเมียมาแล้วจะเหน็ดเหนื่อยเช่นข้า…นี่จะทำอย่างไรกันดี!”
ซ่งอิ๋นซานถือกิ๊บดอกไม้กระดาษนั่น นึกถึงคำพูดที่ซ่งอิงเอ่ยกับเขาก่อนเดินพ้นประตูเข้ามา
ในเวลานี้เอง เขาจึงได้ถอนหายใจออกมาแล้วกล่าว “เจ้าช่วยให้กำเนิดลูกแก่ข้าตั้งสี่คน หลายปีมานี้ก็ไม่ได้สุขสบายเลยสักวันเดียว เจ้าเอาแต่ยุ่งอย่างนี้ย่อมแก่ไวเป็นธรรมดา…”
“…” เจียวซื่อนึกว่าสามีต้องการปลอบประโลมนาง ใครจะรู้ว่าพอเอ่ยปากก็ว่ากลางนางว่าแก่เช่นกัน?
“เจ้าดูดอกไม้กระดาษนี้สิ ลูกสาวเข้าใจคิด แต่ดู…เสื้อผ้าที่เจ้าสวมอยู่ชุดนี้สิ ประดับแล้วมันไม่เข้ากันเอาเสียเลย” ซ่งอิ๋นซานกัดฟันตัดสินใจเด็ดขาดก่อนกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
ละอายใจเหลือเกิน ความจริงแล้วเขาไม่ได้รังเกียจนางเลยจริงๆ
แต่เอ้อร์ยาบอกให้เขาซ้ำเติมภรรยาเช่นนี้ต่อหน้าผู้เฒ่าซ่ง จากนั้นผู้เฒ่าซ่งก็ยังเห็นดีด้วยอีกต่างหาก!