ตอนที่ 491 ความงามและเอกลักษณ์เฉพาะของดอกไม้
ซ่งอิงเพียงแค่อยากดูปีศาจ ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการหยั่งเชิงความนึกคิดของแม่นางสาวน้อยมากนัก
“เช่นนั้น…มิทราบว่าแม่นางซ่ง ตระกูลท่าน…ทำอันใดหรือ หรือเป็นญาติของตระกูลผู้ใดหรือ” แม่นางผู้นั้นก็ช่างใจกล้าจริงๆ ยังคงกล่าวถามต่อไปอีก
“ข้าเป็นเพียงสาวชาวไร่ธรรมดา” ซ่งอิงมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง “วันนี้มาก็เพื่อมองดูอะไรใหม่ๆ เท่านั้น”
“อ้อ…” คนผู้นั้นเม้มปาก จากนั้นก็ออกห่างจากซ่งอิงไกลขึ้นหน่อย
ได้ยินว่า…นางนั่งรถลามา
ฟังดูสกปรกน่าดู
ไม่นานนักงานเลี้ยงหรูหราโอ่อ่าก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ แขกเหรื่อฝ่ายชายก็มากันแล้วเช่นกัน สวนใหญ่โตแบ่งกั้นด้วยฉากกั้นลม ตามจริงไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพียงแต่ว่าช่วยให้มองดูดีและรู้จักมารยาทเท่านั้นเอง
กระทั่งยามที่ชมดอกเบญจมาศ ตามจริงชายและหญิงยังคงอยู่ในบริเวณเดียวกัน
ลู่ข่ายให้คนนำต้นดอกเบญจมาศที่ตระกูลตนเองเตรียมไว้ขนย้ายออกมา
ดอกเบญจมาศที่ตระกูลลู่เตรียมไว้ล้วนค่อนข้างธรรมดาทั้งสิ้น ซึ่งก็เพื่อแสดงออกอย่างพื้นๆ จะได้นำมาซึ่งสิ่งที่เป็นเลิศกว่า หากเลือกสายพันธุ์ดอกไม้ที่ดีงามเกินไป เช่นนั้นแขกเหรื่อก็จะรู้สึกไม่ค่อยดีนักที่จะนำดอกเบญจมาศที่นำมาออกมาแสดง
หลังจากลู่ข่ายส่งเสียงเกริ่นนำสองสามประโยค คนเหล่านั้นก็เริ่มหาญกล้าเสนอตัวขึ้นมา
“ของข้ากระถางนี้คือเบญจมาศสายพันธุ์เศียรพระพุทธรูป เป็นสิ่งที่คนสวนให้การดูแลอย่างทุ่มเท ดอกรอบนอกเป็นสีขาวและมีสีเหลืองอยู่ใจกลางดอก รูปลักษณ์งดงามถึงที่สุด ไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน…ข้ารู้สึกว่า ช่วยเพิ่มสีสันให้ฤดูใบไม้ร่วงได้ไม่น้อยเชียวละ” คนที่เอื้อนเอ่ยกล่าวอย่างมั่นใจในตัวเองยิ่ง
“ไม่เลว ถือเป็นสายพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่เบญจมาศสายพันธุ์เศียรพระพุทธรูปแล้ว เพียงแต่…ดอกเบญจมาศสีเหลืองยังคงเป็นสีที่สูงศักดิ์กว่าหน่อยอยู่ดี กระถางนี้ของข้าผลิดอกสีเหลืองทองอร่ามและมีใบหนาแน่น ลักษณะดุจรอยยิ้มกว้าง ให้กลิ่นอายที่ร่ำรวยและสูงส่งกว่ามาก อีกทั้งมันผลิบานดอกไวทีเดียว คนสวนตระกูลข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดตัวเช่นกัน จึงได้ดูแลรักษากระถางนี้มาได้ถึงตอนนี้…”
“หากมองดูอย่างละเอียดก็ยังดูสีสันเหี่ยวเฉาไปเล็กน้อย อีกทั้ง…เบญจมาศขาวเทียบกับเบญจมาศเหลืองก็ไม่ถือว่าแย่แต่อย่างใด สายพันธุ์ถ้วยทองจานรองหยกของข้านี้ ใบใหญ่จำนวนสามชั้น ดอกของมันพุ่งตรงบนความสูงสามชุ่น ณ ที่นี้เกรงว่าจะไม่มีของที่ดูสง่างามและใหญ่โตปานนี้เท่ามันแล้วกระมัง”
“…”
ทางด้านแขกเหรื่อบุรุษครึกครื้นถึงขีดสุด แขกเหรื่อฝ่ายหญิงก็รู้ประสีประสา ล้วนสดับรับฟังกันก่อนเป็นอันดับแรก
ชั่วขณะหนึ่งผ่านไปก็ยังไม่ได้ยินเสียงของซ่งสวิน
เพียงแต่ระหว่างหมู่บุรุษเหล่านี้ก็มิใช่ว่าไม่มีใจที่ริษยาและดูถูกดูแคลนกันแต่อย่างใด คนที่ดูถูกซ่งสวินก็มีไม่น้อยเช่นกัน
อีกทั้งวันนี้ที่มาเยือน บ้างก็เป็นบัณฑิตผู้มีเกียรติคุณติดตัว หรือไม่ก็เป็นผู้ร่ำรวยและสูงศักดิ์ มีเพียงซ่งสวินเป็นคนชนบทต่ำต้อยผู้หนึ่ง แน่นอนว่าชวนให้ผู้อื่นรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าแต่อย่างใด
“ไฉนไม่เห็นคุณชายซ่งพูดจาเลยเล่า” คนที่เอ่ยปากนามว่ากัวอั๋ง
เมื่อเขาเอ่ยปาก แขกเหรื่อฝ่ายหญิงทางด้านนี้ก็มีคุณหนูกัวที่มองมายังซ่งอิง “ดอกเบญจมาศที่แม่นางซ่งกับพี่ชายของท่านเตรียมมาน่าจะเป็นชนิดเดียวกันกระมัง ไม่สู้เอาออกมาดูพร้อมๆ กันเลยดีหรือไม่”
ในเวลานี้เองซ่งอิงจึงได้เงยหน้าขึ้น
“อ้อ ยกไปสิ” ซ่งอิงมองซ้ายมองขวาแล้วกล่าว
สาวใช้ตะลึงงัน จากนั้นก็รีบเดินเข้ามา
“วางมาดอะไรนักหนา” คุณหนูกัวสบถฮึเชิงดูถูก “พี่สวี่ ท่านคิดว่าดอกไม้ของนางนั่นเป็นพันธุ์อะไรหรือ”
“ยังจะเป็นอะไรไปได้ นอกเสียจากดอกเบญจมาศกลมๆ สีเหลืองดุจผลบ๊วย” คุณหนูสวี่กล่าวอย่างไม่แยแส
“ดอกเบญจมาศสีเหลืองดุจผลบ๊วยเป็นสีสันที่ดั้งเดิมที่สุด หากบำรุงดูแลดีๆ เช่นนั้นก็ถือเป็นของชั้นยอดเยี่ยมจากหลากหลายสายพันธุ์ แต่ชนิดที่พบเห็นได้บ่อยครั้งมากเท่าไรก็ยิ่งถูกผู้คนเลือก ดอกเบญจมาศสีเหลืองดุจผลบ๊วยที่ถูกเรียกขานว่าของชั้นยอดเยี่ยมได้ก็มิได้พบเห็นกันบ่อยๆ ของที่พวกเขาเอาออกมาเกรงว่าจะเป็นสีสันธรรมดาๆ ที่เคยเห็นตามท้องตลาด ถือว่า…ไม่ดึงดูดสายตา แต่ก็ไม่ขายหน้า สมกับเป็นการกระทำและทัศนคติของชาวชนบทจริงๆ” คุณหนูกัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
ที่ใดมีผู้คน ที่นั่นย่อมมีการเย้ยหยัน ซ่งอิงทักษะการฟังดีเลิศจึงได้ยินคำพูดเหล่านี้เข้าใจกระจ่างแจ้ง
นางถอนหายใจ
ต้นดอกเบญจมาศที่นางถือออกมาสรุปแล้วชื่ออะไรกันแน่…
นางไม่รู้จริงๆ
แค่ดูงดงามดีก็เป็นอันใช้ได้
เพิ่งเห็นของเหล่านั้นที่ลู่ข่ายหยิบออกมา มีสองสามกระถางที่ดอกเบญจมาศเหมือนกับในช่องว่างระหว่างมิติของนาง ตัวอย่างจำพวกที่เรียกว่าเอ้อร์เจียว อิ๋นเหนียนเซี่ยนและขนนกกะเรียนชมพูดอะไรทำนองนั้น
นางถนัดเพียงเรื่องกินเท่านั้น ระดับทักษะการชื่นชมของจำพวกนี้ยังต้องพัฒนาอีกมาก นางจึงแยกความแตกต่างระหว่างดอกไม้เหล่านี้ไม่ออก
ตอนที่ 492 ใช้เงินหมดแล้วหรือ
อีกด้านหนึ่ง แม้ว่าซ่งสวินถูกกัวอั๋งถากถาง แต่กลับยิ้มอย่างสงบเยือกเย็นเท่านั้น “ข้าผู้ต่ำต้อยครอบครัวยากจน เพียงแค่ทำตามความในใจก็พอแล้ว”
เมื่อพูดจบก็นำผ้าที่คลุมดอกไม้อยู่เปิดออก
แต่ครั้นหยิบมันออก เขากลับตกตะลึง
ไม่ใช่ดอกไม้ป่าหรอกหรือ
แม้ว่าซ่งสวินไม่เคยซื้อดอกเบญจมาศมาก่อน แต่ตัวเขาเป็นผู้เล่าเรียนหนังสือ อย่างน้อยๆ ก็มีความสามารถพอที่จะประเมิณคุณค่าในงานศิลปะ แล้วนับประสาอะไรกับต้องแต่งบทกวีบ่อยครั้ง เพื่อให้เรียบเรียงบทกลอนออกมาได้อย่างดี จึงต้องสำรวจดอกไม้นานาชนิดนานาพันธุ์ที่อยู่รอบกาย ศึกษาค้นคว้าและสั่งสมไว้เป็นความรู้ ดังนั้นมองปราดเดียวก็มองออกได้ ดอกไม้ที่น้องสาวเขาช่วยเตรียมเอาไว้ให้เป็นประเภทอะไร
“นี่คือสายพันธุ์ขี้ผึ้งทองน้ำใสกระมัง” ลู่ข่ายตกตะลึงเช่นกัน “ในตำนานกล่าวว่า ขี้ผึ้งทองคำที่ราชินีบนสวรรค์ใช้ก็คือของที่ทำจากดอกไม้พันธุ์นี้”
“กระถางนี้…สีเหลืองสด และมีความสดใสดุจหยดน้ำ ลักษณะกลมมนได้รูป กลีบดอกปลายแหลมเรียงตัวซ้อนกันเป็นชั้นๆ ถือเป็นของชั้นยอดเยี่ยมเลยนี่?” ผู้คนมากมายล้วนรำพึงรำพันออกมาด้วยความตระหนกตกใจ
สายพันธุ์ขี้ผึ้งทองน้ำใสไม่ถึงกับเป็นของที่หายากเช่นกัน เพียงแต่…
ของซ่งสวินกระถางนี้ คุณภาพที่มองเห็นได้ภายนอกดูงดงามยิ่ง
“ไม่ทราบว่าดอกไม้ของพี่ซ่งกระถางนี้ผู้ใดช่วยบำรุงรักษาให้หรือ และราคาเท่าไร” มีคนเอ่ยถาม
“นี่เป็นของที่น้องสาวข้าเลือก ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน” ซ่งสวินพูดตามความจริง
เมื่อเอ่ยพูดเยี่ยงนี้ ลู่ข่ายก็ถึงกับต้องมองไปยังซ่งอิงปราดหนึ่ง
คงไม่…นำเงินที่ขายที่คั่นหนังสือได้ใช้จ่ายไปหมดแล้วกระมัง?
ตอนที่ซ่งอิงซื้อดอกไม้นี้ หลายกระถางดูค่อนข้างเหี่ยวเฉาหมดแล้ว และราคาก็ถูกมากอีกด้วย ดังนั้นขายไม่ออกเลยด้วยซ้ำ ชาวสวนดอกไม้ผู้นั้นมองดูอารมณ์หม่นหมอง ราคาเฉลี่ยอยู่ที่สามถึงห้าอีแปะโดยประมาณ
“แม่นางซ่ง กระถางนี้…ยังไม่เห็นเลยนี่?” ผู้คนจำนวนไม่น้อยเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
พี่น้องตระกูลกัวสีหน้าประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่สะดวกจะเอ่ยปาก ดวงตาจ้องมองสาวใช้ผู้นั้นนำผ้าที่คลุมกระถางนั่นเปิดออกด้วยเช่นกัน
กระถางนี้เป็นดอกเบญจมาศขาว
“นี่คือเบญจมาศสายพันธุ์คำฝอยหรือ พอๆ กับดอกเบญจมาศดอกท้อของคุณชายกัว ทว่าสีสันเข้มยิ่งกว่าหน่อย สีแดงสดผสมสีม่วงอ่อน เมื่อดอกเบญจมาศพันธุ์นี้ปรากฏออกมา เบญจมาศดอกท้อก็ดูไร้สีสันอย่างสิ้นเชิงไปทันทีทันใด ช่างเป็นของที่แปลกตาดีจริงๆ” หลังเปิดผ้าคลุมออกก็พากันตกตะลึงในความงามยกใหญ่อีกครั้ง
ดอกเบญจมาศนานาพันธุ์เหล่านี้หากจะแยกแยะว่าผู้ใดคว้าชัยชนะก็ดูเป็นเรื่องยากมาก อีกทั้งวันนี้เดิมทีเพื่อชมดอกเบญจมาศ หาใช่การแข่งประกวดดอกเบญจมาศไม่ ดังนั้นถือว่ายังสงบเงียบเรียบร้อยกันเช่นเดิม
เพียงแต่สองกระถางนี้ของซ่งอิงและซ่งสวิน แม้เป็นชนิดธรรมดาทั่วไป แต่รูปลักษณะภายนอกช่างดีเลิศจริงๆ ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้ไม่น้อยเลย
ลู่ข่ายรู้สึกลนลานในใจเล็กน้อย
เดิมทีปรารถนาดีเชิญคนเขามาเป็นแขกเหรื่อ แต่หากซ่งอิงใช้จ่ายเงินไปหมดแล้ว เช่นนั้น…จะไม่แค้นฝังใจต่อเขาเอาได้หรือ
เมื่อครุ่นคิดได้เช่นนั้น ลู่ข่ายก็เอ่ยปากกล่าว “แม่นางซ่ง ดอกเบญจมาศสองกระถางนี้ข้าชื่นชอบเป็นพิเศษ ไม่ทราบว่าจะยอมขายให้ข้าได้หรือไม่ สองกระถางนี้ข้ายินดีจ่ายหนึ่งร้อยตำลึงเงิน”
“…” ซ่งอิงมองลู่ข่ายด้วยสายตาเหมือนมองคนโง่เขลา
แต่ทว่า นี่ก็คือคนโง่เขลาคนหนึ่งจริงๆ
“คุณชายลู่ แม้ว่าดอกเบญจมาศนี้ดีงาม แต่ก็ไม่มีมูลค่าถึงราคานี้กระมัง” คุณหนูกัวอดกล่าวไม่ได้
นี่เป็นการซื้อดอกไม้ที่ไหนกัน เป็นการช่วยเหลือเจือจุนเห็นๆ!
หากดอกไม้นี้เป็นชนิดที่มีจำนวนน้อยนิด อีกทั้งรูปลักษณ์ภายนอกเป็นเช่นนี้ อย่าว่าแต่หนึ่งร้อยตำลึงเงินเลย ต่อให้เป็นหนึ่งร้อยตำลึงเงินหรือเป็นพันตำลึงเงินก็มีคนต้องการ แต่ดอกไม้นี่ไม่ใช่สายพันธุ์ที่ล้ำค่าเสียหน่อย…
ลู่ข่ายเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“ข้าอยากซื้อดอกไม้ของแม่นางซ่ง เกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วยหรือ” ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนที่นิสัยดีนัก จึงเอ่ยปากสวนกลับในทันใด คุณหนูกัวผู้นั้นได้ยินดังกล่าวก็หน้าแดงก่ำตามด้วยหยาดน้ำตารินไหล
ข้ารับใช้ที่คอยติดตามเวลาเรียนซึ่งอยู่ข้างกายลู่ข่ายส่งเสียงกระแอมตักเตือน
นี่เป็นถึงงานเลี้ยงที่คุณชายจัดขึ้นมา หากทำให้แขกเหรื่อโกรธจนหนีไปแล้ว เช่นนั้นจะดูแย่เพียงใด…
“ดอกไม้สองกระถางนี้ใช้จ่ายไปรวมๆ เจ็ดตำลึงเงินห้าสิบอีแปะ แล้วข้าก็บำรุงดูแลมันอีกสามวัน หากเจ้าอยากได้มันจริง ให้แค่สิบตำลึงเงินก็เป็นอันใช้ได้แล้ว” ซ่งอิงกล่าวอย่างเรียบง่าย
ในเมื่อลู่ข่ายมีใจอยากเป็นสหายของพี่ชายนางจริง นางก็ไม่สะดวกใจที่จะรังแกเขาอีกแล้วเช่นกัน
น่าเสียดาย เก้าสิบตำลึงเงินของนาง บทจะหลุดลอยไปก็ลอยไปเสียแล้ว ไม่รอคอยนางเลยสักนิด
“ซื้อมาเจ็ดตำลึงเงินหรือ! สองกระถางด้วยหรือ!” มีคนกระตือรือร้นขึ้นมา ลุกพรวดขึ้นยืน “แม่นางซื้อดอกไม้นี้มาจากไหนหรือ ไฉนจึงราคาถูกเช่นนี้ แม้ไม่ใช่สายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อ แต่ลักษณะภายนอกระดับนี้ กระถางหนึ่งอย่างน้อยๆ ก็ต้องยี่สิบสามสิบตำลึงเงินจึงจะสมน้ำสมเนื้อ?!”