ตอนที่ 507 ประจบประแจง
ตรงหน้างูดำคือ…สัตว์เล็กเพียงสองตัวเท่านั้น
ครั้นสิ้นเสียงของเขา อีกาและเม่นก็แทบไม่ลังเลที่จะเขยิบปากเข้าไปที่ขวดโถเหล่านั้นแล้วกินมันอีกแล้วอึกเล่า ‘อึก อึก’
ดื่มยาสระชิงซือ ขณะเดียวกันก็ยังเอาโสมแผ่นที่อยู่ข้างๆ มาเป็นขนมกินเล่นอีกด้วย
มองเห็นภาพฉากนี้ งูดำพลันถอนหายใจออกมา
ปีศาจอย่างพวกมันช่างลำบากลำบนเกินไปแล้วจริงๆ ตอนที่ได้ฟังเรื่องเล่าโบราณ ปีศาจเป็นถึงชนเผ่าใหญ่โต แต่ละหนแห่งบนโลกเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ประหลาดนานาชนิด และมีสิ่งที่มีพลังเหนือธรรมชาติที่เยอะแยะเต็มไปหมดจนนับไม่ถ้วน…
แต่บัดนี้เห็นทีว่า แท้จริงแล้วคำเล่าขานต่อๆ กันก็เป็นเพียงคำเล่าขานเท่านั้น
ดูการใช้ชีวิตของพวกมันสิ ล้วนทำได้เพียงอาศัยไปซื้อของในร้านยามาเพิ่มพูนพลังความสามารถให้แข็งแกร่งขึ้นเล็กๆ น้อยๆ
ในขุนเขาลึกก็มีของบำรุงไม่น้อยเช่นกัน แต่สำหรับปีศาจอย่างอีกาและเม่นทั้งสองตัวนี้ที่ไม่มีทักษะความสามารถ จึงเป็นเรื่องอันตรายเกินไป หากไม่ทันระวังก็จะถูกกินได้ ดังนั้น…
“เอิ๊ก!” สหายตัวน้อยทั้งสองส่งเสียงเรอออกมาครั้งหนึ่ง
เกิดฟองผุดในปาก
“ลูกพี่ เจ้าสิ่งนี้…ดื่มยากเกินไปแล้ว พวกเราขมจะตายอยู่แล้ว!”
“มีให้ดื่มก็ไม่เลวแล้ว ยังจะเลือกอีกหรือ” งูดำส่ายหน้า “จากนี้ต่อให้พวกเจ้าอยากดื่มก็เกรงว่าหาซื้อยากยิ่งแล้ว วัตถุดิบที่เจ้าของกิจการของร้านนั้นใช้ล้วนเป็นเช่นเดิม แต่พลังงานหลิงชี่กลับไม่มากพอ ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
เขาเองก็ค้นพบโดยบังเอิญเช่นกันว่ายาสระผมนี้ได้ผลดีเป็นพิเศษจนน่าประหลาด
ยาสระผมอย่างธรรมดาก็ไม่ได้ด้วย จำเป็นต้องเป็นยาสระโสมที่ขวดโถหนึ่งราคาหนึ่งร้อยอีแปะจึงจะได้
สหายตัวน้อยทั้งสองได้ยินดังกล่าวก็กระวนกระวายใจขึ้นมาเล็กน้อย “ลูกพี่ ไปหาคนที่ทำยาสระผมประเภทนี้โดยตรงมิได้หรือ”
“ไม่ได้” งูดำมุ่นคิ้ว “ของประเภทนี้ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป เกิดมีคนคิดใช้เป็นเหยื่อล่อแล้วจะทำอย่างไร ปีศาจอย่างเราๆ เดิมทีก็ถือเป็นส่วนน้อย หากมีคนหานักบวชสมณศักดิ์สูงมากำจัดปีศาจ เราก็จะได้รับผลกระทบได้ด้วยเช่นกัน”
เขาเต็มไปด้วยพิษทั้งตัว ความสามารถในการปกป้องตัวเองก็ไม่แย่ แต่อีกาและเม่นยังห่างชั้นมาก
อีกาบินได้ พูดจาไม่ค่อยรื่นหู ไม่มีความสามารถอื่นใด เพียงลูกศรเดียวก็ยิงร่วงได้ เม่นยิ่งน่าเวทนาไปใหญ่ เมื่อเจอปัญหาทำได้เพียงรู้จักหลบหลีก มีความสามารถในการทำร้ายผู้คนเสียที่ไหนกันเล่า
“เปลี่ยนร่างเป็นคนเถอะ คืนนี้ค่อยสอนมารยาทพื้นฐานให้พวกเจ้าอีกสักหน่อย” งูดำกล่าวขึ้นอีกครั้ง
สัตว์เล็กๆ ทั้งสองรีบปฏิบัติทันทีที่ได้ยิน
เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏ ‘คน’ เพิ่มมาสองคน
คนหนึ่งอยู่ในชุดดำทั้งตัว เป็นแม่นางสาวน้อยอายุสิบสามสิบสี่ปี อีกหนึ่งคนอายุไม่มากเช่นกัน เพียงแค่สิบเจ็ดสิบแปดปีเท่านั้น หน้าตาขาวเกลี้ยงเกลา อยู่ในชุดสีขาวและสวมเสื้อคลุมทับไว้ชั้นนอก เสื้อคลุมนั่น…ดุจขนเม่นก็ไม่ปาน วัสดุดีเยี่ยมเป็นพิเศษ
แม่นางสาวน้อยในชุดดำ นัยน์ตาสดใสเป็นประกาย มองดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง ส่วนพ่อหนุ่มน้อยทั้งเนื้อทั้งตัวมองดูกลับเหมือนคุณชายหนุ่มน้อยผู้ไร้เดียงสาที่ไม่รู้ประสีประสา
“ลูกพี่” ทั้งสองคนอยู่ตรงหน้างูดำ ต่างก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง
“จากนี้เลิกเรียกว่าลูกพี่ได้แล้ว ให้เรียกข้าว่า…เซียนเซิงก็แล้วกัน” จินกวงครุ่นคิดก่อนกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ไว้เจอแม่นางซ่งแล้ว พวกเจ้าจะต้องปากหวานเข้าไว้หน่อย”
“เพื่ออันใดหรือ แม่นางซ่งผู้นั้นเป็นใครกัน” แม่นางสาวน้อยในชุดดำเม้มปาก ค่อนข้างประหลาดใจ ทั้งยังรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย
จู่ๆ ก็ให้นางประจบประแจง นางรู้สึกทำใจยอมรับได้ยากยิ่ง
อีกทั้ง ใต้หล้ายังมีปีศาจที่เก่งกาจกว่าพี่ใหญ่งูดำอยู่อีกหรือ
แม่นางซ่งผู้นั้น…นางตายด้วยพิษเพียงหยดเดียวมิใช่หรือ
“เฮยยาโถว ไว้เจอแม่นางซ่งผู้นี้แล้ว เจ้าจะไร้มารยาทเช่นนี้มิได้เชียว” งูดำชักสีหน้าจริงจัง “ข้ามีลางสังหรณ์ว่าแม่นางซ่งผู้นี้ก็คือคนที่ข้ารอคอย แม้ข้าไม่รู้ว่านางมีความสามารถอันใด แต่การติดตามนางน่าจะเป็นเรื่องที่ดีเยี่ยม”
แม่นางในชุดดำได้ยินคำพูดนี้ อดขมวดคิ้วนิ่วหน้าไม่ได้
พี่ใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่นางซ่งผู้นี้มีความสามารถอะไรเช่นนั้นหรือ
“นางเป็นปีศาจอะไรหรือ เป็นงูเช่นกันใช่หรือไม่”
ตอนที่ 508 แม่แท้ๆ
ในฐานะอีกาตัวหนึ่ง นางพบเห็นอะไรต่อมิอะไรมาน้อยนิด เพิ่งจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ก็ติดตามพี่ใหญ่งูดำมาใช้ชีวิตร่วมกัน เคยได้ฟังเรื่องปีศาจมาก็ไม่ใช่น้อยๆ
ปัจจุบันในสายตานาง ปีศาจงูเก่งกาจที่สุด
นางอยากเกิดใหม่จะแย่ ต่อให้กลายเป็นงูตัวน้อยที่ไร้พิษตัวหนึ่งก็ได้ทั้งนั้น
“แม่นางซ่งน่าจะเป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง ทว่านางครอบครองแส้สีทองในมือ ทั้งยังแตกต่างจากมนุษย์พวกเดียวกัน นิสัยอ่อนโยนแต่กลับร่าเริง มีจิตใจโอบอ้อมอารีต่อปีศาจอย่างเราๆ มาก ได้ยินว่าข้าเป็นงูพิษ แต่นึกไม่ถึงว่าจะไม่รังเกียจข้า” งูดำบอกกล่าวอย่างจริงจังยิ่ง
เขามีชีวิตมาตั้งหลายปีแล้ว ไม่เหมือนดั่งอีกาที่ไร้เดียงสาปานนี้
เขารู้เช่นกันว่า เหล่ามนุษย์เต็มไปด้วยเจตนาร้ายต่องู
บนโลกนี้มีคนจับงูเป็นอาชีพอีกด้วย ดีของงูอย่างพวกมันเอาไปทำยาได้ เนื้อเอาไปตุ๋นเป็นน้ำแกงได้ มิหนำซ้ำยังรูปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัวอีก ไม่ชวนให้ผู้คนชื่นชอบเช่นหมาหรือกระต่ายอะไรปานนั้น เมื่อใดก็ตามที่ปรากฎตัวอยู่ในเขตของพวกมนุษย์ เสียงที่ได้ยินก็จะเป็นความตระหนกตกใจและรังเกียจอย่างแน่นอน
แต่แม่นางซ่งกลับไม่เผยทีท่าอย่างหวาดกลัวตื่นตกใจใดๆ ทั้งสิ้น
งูดำพร่ำตักเตือนสารพัด ในที่สุดก็ทำให้ทั้งสองสหายนี้เปิดใจ
แล้วยังเฝ้าสั่งสอนชี้นำข้ามคืนอีกด้วย
วันรุ่งขึ้น ถึงช่วงเวลาที่นัดหมาย เขาจึงได้พา ‘เด็กรุ่นหลัง’ ทั้งสองคนมายังห้องพักของโรงเตี๊ยม
ถูกงูดำบ่นและสั่งสอนบอกกล่าวมาตลอดหนึ่งคืนเต็ม ปีศาจทั้งสองตนนี้ถึงกับขลาดกลัวและเป็นกังวลเล็กน้อย ยามที่ก้าวพ้นประตูเข้าไปไม่แม้แต่จะกล้าเงยหน้า เพิ่งก้าวข้ามผ่านประตูมาก็เกิดเสียงคุกเข่าลงบนพื้นดัง ‘ปึก’ ก่อนจะรีบคำนับสามครั้ง
ซ่งอิงตระหนกตกใจเกือบกระโดดโหยงขึ้นมา
“นี่มัน…” แต่เช้าตรู่ ออกจะมีมารยาทไปหน่อยกระมัง
นางยังไม่ได้เตรียมซองแดงเลย…นี่ไม่ดีเอาเสียเลย!
งูดำกลับหัวเราะเล็กน้อย “พวกเขาเป็นเด็กรุ่นหลัง คารวะให้ท่านเป็นสิ่งที่สมควรกระทำ หากแม่นางไม่ถือสา จากนี้ก็รับพวกมันเอาไว้ด้วย ปัจจุบันพวกมันก็พอฝืนคงรูปลักษณ์มนุษย์ไว้ได้แล้วเช่นกัน แม้ว่าเป็นเวลาไม่ยาวนาน แต่จะมากจะน้อยก็ใช้ประโยชน์ได้บ้างเช่นกัน”
“ลุกขึ้นมาก่อนเถิด” ซ่งอิงรู้สึกจริงจังว่าการคุกเข่าอยู่อย่างนี้ไม่เหมาะสม
ยังมองหน้าไม่ชัดเลยด้วยซ้ำแล้วจะพูดคุยกันได้อย่างไร
อีกอย่าง นางไม่รู้เช่นกันว่าตนเป็นผู้อาวุโสไปเมื่อใดกัน…
เวลานี้เอง ปีศาจทั้งสองจึงได้พยุงตัวลุกขึ้นมา
ซ่งอิงรู้สึกสนใจในชื่อของปีศาจเป็นพิเศษ เพราะชื่อที่พวกมันตั้งคล้ายว่าค่อนข้างประหลาดๆ กันทั้งนั้น อย่างเช่นหนิวต้าลี่ อย่างเช่นชิงเหลียน ถึงขั้นยังมีงูดำตัวตรงหน้านี้ที่นามว่าจินกวง…
“ข้านามว่าซ่งอิง พวกเจ้านามว่าอะไรหรือ” ซ่งอิงเอ่ยถาม
ปีศาจทั้งสองนั่นสบตากับซ่งอิงอย่างระแวดระวัง เมื่อเห็นดังกล่าว ปีศาจทั้งสองพลันรู้สึก…
รู้สึกกลัวเล็กน้อยในใจ แต่ก็รู้สึกอย่างมองเห็นแม่แท้ๆ อยู่เล็กน้อยอีกด้วย…
“เซียนเซิงกล่าวว่าความสามารถของการเปลี่ยนรูปลักษณ์เรายังไม่ได้เรื่อง ดังนั้นกล่าวว่าไว้รอยามที่พวกเราเปลี่ยนร่าเป็นคนได้ตลอดเวลาแล้วค่อยตั้งชื่อให้ ตอนนี้เขาเรียกข้าว่าเฮยยา และเรียกเขาว่าอาเว่ย” อีกาเอ่ยปากบอกกล่าว
ซ่งอิงรู้สึกว่าเรือนผมของแม่นางผู้นี้ช่างงดงามจริงๆ
กาดำตัวหนึ่งผมเงานุ่มลื่น ดวงตาดุจผลองุ่นที่ทั้งใหญ่ทั้งกลม และแอบมีเงาประกายเล็กๆ ดูเปี่ยมชีวิตชีวา
“หรือไม่แม่นางตั้งชื่อให้พวกเขาดี” จินกวนเอ่ยปากอีกครั้ง
“เอาสิ เอาสิ!” เฮยยารีบพยักหน้าทันควัน
ซ่งอิงอึดอัดไปชั่วขณะ นางเป็นพวกตั้งชื่อได้ยอดแย่จริงๆ เช่นกัน…
“ให้ข้าตั้งชื่อจริงๆ หรือ” ซ่งอิงขมวดคิ้ว เห็นทั้งสองคนพยักหน้าอย่างแน่วแน่ จึงกล่าว “เจ้าบินได้ นามว่าอวิ๋นชิงดีหรือไม่”
“ได้เจ้าค่ะ!” เฮยยาพยักหน้าทันใด “นับแต่นี้ไป ข้าก็จะนามว่าเฮยอวิ๋นชิง!”
“…” ซ่งอิงเบิกตาเล็กน้อย
นาง…เอ่ยเพียงแค่อวิ๋นชิงสองคำเท่านั้นนี่? ไฉนจึงเติมเฮยลงไปข้างหน้าด้วยเล่า!
หนิวต้าลี่ที่อยู่ข้างหลังนางกลับไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรไม่เหมาะสมเสียด้วย ถึงขั้นพยักหน้าอย่างเห็นดีเห็นงามอย่างยิ่งอีกต่างหาก!
จากนั้นจึงมองไปยังสายตาของเม่นหนุ่มหล่อที่อยู่ข้างๆ ซ่งอิงรู้สึกนั่งไม่ติดเล็กน้อย