ตอนที่ 535 ชีวิตที่ยากลำบาก
เมื่อเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เสนอความคิดออกไป ผู้เฒ่าซ่งและคนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย
ซ่งอิงกลับรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
“ของของข้า อยากให้ใครใช้ก็ให้คนนั้น คนอื่นจะยุ่งอะไรได้หรือ” ซ่งอิงหัวเราะเยาะออกมา “เดือนนี้เดิมทีข้าก็ค่อนข้างยุ่ง ไม่มีเวลากำกับดูแลพวกเขาสักเท่าไร หากตอนที่มีเวลาว่างแต่ไม่ให้พวกเขามา เวลาผ่านไปนานวันเข้า ตัวแสบทั้งหลายนี่ไม่แน่ว่าจะเกเรขึ้นมาอีกก็เป็นได้นะเจ้าคะ”
“เอ้อร์ยาสอนได้ดี ลูกต๋าครอบครัวข้าตอนนี้รู้ความ ไม่เกเรเลยสักนิด!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่พอใจสุกับแนวทางอบรมสั่งสอนของซ่งอิงเป็นที่สุด
บางครั้งก็อยากจะเรียนรู้จากซ่งอิงบ้างเช่นกัน เพียงแต่งานในเรือนยุ่งมากจนปลีกตัวไม่ได้จริงๆ
“นี่หากคนครอบครัวแม่สามีเจ้าผู้นั้นก็อยากให้เจ้าดูแลเด็กๆ บ้างเล่า” เจียวซื่ออดกล่าวขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ปฏิเสธก็สิ้นเรื่อง ต่อจากนี้พวกเขาอาจอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ไปเรื่อยๆ ข้าต้องคอยตั้งรับพวกเขาตลอดเวลาหรือไร” ซ่งอิงส่ายหน้า “มีแต่เป็นโจรร้อยวัน หาได้มีการป้องกันโจรขโมยทั้งร้อยวันไม่”
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ได้ยินดังกล่าวก็รู้สึกว่ามีเหตุผลเช่นกัน
ฮั่วซื่อยกโขยงมากันทั้งครอบครัวแล้ว มองดูเหมือนเป็นการอยู่ระยะยาวเช่นกัน ไว้หลังเบิกพื้นที่รกร้างแล้วมีที่ดินเป็นของตัวเอง ก็จะต้องไปลงทะเบียนสำมะโนครัวแน่ ถึงเวลานั้น…
จะให้บุตรชายนางอยู่ห่างๆ จากเอ้อร์ยาตลอดไปเลยหรือ
ความคิดที่เห็นแก่ตัว ในฐานะมารดาคนหนึ่ง นางหวังให้บุตรชายของตัวเองได้ดี
นางรู้ว่าตัวเองใจอ่อนกับบุตรชาย สั่งสอนชี้นำลูกไม่ได้ เอ้อร์ยารู้จักสั่งสอน อีกทั้งยังยอมสั่งสอนให้ นางก็ไม่อยากทิ้งโอกาสนี้ไปจริงๆ เช่นกัน
“เจ้ารู้สึกว่าไม่เป็นปัญหาก็ดี หากรู้สึกไม่เหมาะสมเมื่อใดก็บอกกล่าวพวกเราเป็นพอ จะปล่อยให้เด็กๆ พานให้เจ้าลำบากไปด้วยไม่ได้เชียว” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เสนอความคิดเห็นทันทีทันใด
เจียวซื่อได้ยินดังกล่าวก็รีบพยักหน้าเห็นด้วย “ทางด้านข้านี้ก็เช่นกัน”
ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย
มองเจียวซื่อปราดหนึ่ง รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เพราะวันนี้หร่วนซื่อกลับบ้าน ดังนั้นครอบครัวซ่งพี่น้องสะใภ้ทั้งสี่คนต่างก็แต่งเนื้อแต่งตัวกันเต็มที่ ไม่ต่างกับประชันกันเห็นๆ
มารดานางไม่ใช่คนที่ชอบแต่งตัวให้งดงามฉูดฉาดหรูหรา แต่นางร้องขอกับหร่วนซื่อเอาไว้แล้วว่า หวังให้ทุกครั้งที่มารดานางกลับบ้านต้องมีภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นหร่วนซื่อจึงได้ตั้งใจแต่งตัวเช่นนี้
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่หยิ่งทระนงกลัวพ่ายแพ้ ดังนั้นจึงเปลี่ยนไปสวมอาภรณ์ตัวใหม่และเครื่องประดับศีรษะชิ้นใหม่ ส่วนเจียวซื่อก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ปัจจุบันถูกพี่สะใภ้ลำดับบนกดดันและเกิดการเปรียบเทียบกับน้องสะใภ้ จะมากจะน้อยก็ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองบ้างเช่นกัน
ผู้ชายย่อมต้องชมชอบสตรีที่รักความสะอาดและดูสวยงามอยู่แล้ว ภรรยาของครอบครัวตนตัวดูดีมีหน้ามีตา พวกเขามีหรือจะไม่สุขใจ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาก็ดีขึ้นมาก
ซ่งอิงคิดว่า…
ไม่แน่ผ่านไปอีกระยะหนึ่ง ในตระกูลอาจจะยังมีทายาทเพิ่มเข้ามาอีกก็เป็นได้
หลังซ่งอิงรับประทานอาหารเป็นที่เรียบร้อย ซ่งอิงก็พาพวกฮั่วหลินกลับไป
ระหว่างทางก็อธิบายความสัมพันธ์กับคนตระกูลฮั่วนี้ให้เขาฟังเช่นกัน
ฮั่วหลินค่อนข้างชอบอะไรที่ครึกครื้น ความนึกคิดไร้เดียงสา จึงค่อนข้างดีใจไม่น้อย “ท่านแม่ เช่นนั้นหลังจากนี้นอกจากข้ามีเหล่าน้าชายแล้วก็ยังมีอาชายสองคนกับน้าหญิงหนึ่งคนด้วยหรือ พวกเขาเหมือนกับเหล่าน้าชายหรือไม่”
ซ่งอิงยิ้มที่ไม่ใช่ร้อยยิ้ม “พวกเขาน่าสนใจยิ่งกว่านั้น”
“จริงหรือ” ฮั่วหลินชะงักปากชั่วครู่ “นั่นเป็นเรื่องดีนี่! พรุ่งนี้ข้าจะไปเล่นกับพวกเขา! ทว่าเดี๋ยวไปเจอกันครั้งแรกนี้ ข้าต้องมอบของขวัญให้พวกเขาสักหน่อยหรือไม่ ท่านแม่ ข้าไป…เก็บเห็ดหลินจือเล็กๆ สักสองดอกได้หรือไม่”
ซ่งอิงแววตานิ่งเฉย
ฮั่วหลินงงงวยไปชั่วขณะ “ไม่เอาเห็ดหลินจือก็ได้ เช่นนั้น…เช่นนั้นเอาเป็นสมุนไพรอื่นก็แล้วกัน…”
“สมุนไพรอื่น? เจ้ารู้จักหรือ” ซ่งอิงมองเขาอย่างดูถูกแวบหนึ่ง “แม้ว่าเจ้ากับเห็ดหลินจือไม่ใช่ตระกูลเดียวกัน แต่การเป็นพืชจำพวกนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ปกติแต่ละวันพวกมันต้องหลบซ่อนผู้คนก็ค่อนข้างน่าสงสารแล้ว แม้แต่เจ้าภูตตนหนึ่งก็ยังไม่ละเว้นพวกมัน ชีวิตช่างยากลำบากเกินไปแล้ว หากเจ้าอยากจะเอาของขวัญไปมอบให้ เช่นนั้นก็ดึงขนหัวตัวเองสิ ใช้ดีกว่าเห็ดหลินจือด้วยซ้ำ”
ตอนที่ 536 หลานชายคนโต!
ภูตโสมได้ยินคำพูดของซ่งอิงก็รีบกุมศีรษะเอาไว้ทันที
“นั่นไม่ได้หรอก…” ภูตโสมระแวดระวัง “หรือไม่…ข้าขอให้ต้าหวงช่วยเหลือ ไปหาแม่ไก่แก่ตัวนั้นเพื่อขอไข่ไก่สามฟองเอาไปมอบให้ แล้วยังมีผลไม้เหล่านั้นที่เราเด็ดเอาไว้ก่อนหน้านี้อีก ท่านแม่เก็บเอาไว้อยู่มิใช่หรือ แบ่งให้ข้าสักหน่อยตกลงหรือไม่”
ผลไม้ที่ออกผลจากต้นผลไม้ของปีนี้ว่ากันตามหลักไม่ค่อยอร่อยนัก แต่ต้นผลไม้ในสวนหลังบ้านซ่งอิงแตกต่างออกไป
นางใช้น้ำผ่านจิตรด รสชาติของผลไม้ล้วนหวานอร่อยอย่างยิ่ง เพราะรสชาติดีเยี่ยมเกินไป ซ่งอิงจึงไม่เอาไปมอบให้คนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้า อย่างไรเสียก็จะดูแปลกเกินไป
หลังได้มาก็นำผลไม้เก็บเอาไว้ในช่องว่างระหว่างมิติ
อยู่ในช่องว่างระหว่างมิติ ผลไม้เหล่านี้แม้เน่าเสียได้เช่นกัน แต่ดูเหมือนเพราะพลังหลิงชี่มากพอ ดังนั้นจึงเน่าเสียค่อนข้างช้า
อีกทั้งนางค้นพบเช่นกันว่าหากนำผลไม้สดที่เพิ่งเด็ดลงมาแช่น้ำผ่านจิต เช่นนั้นจะเก็บรักษาได้เวลายาวนานยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ตลอดฤดูหนาวหนึ่งจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีผลไม้กิน
เพียงแต่ผลไม้เหล่านี้ล้วนเป็นของชอบของฮั่วหลินทั้งสิ้น
ในแต่ละวันก็ทำใจสละให้ได้แค่ทางด้านบ้านซ่ง รวมไปถึงต้าหวงและต้าไป๋ในบ้าน คนอื่นๆ ล้วนไม่แม้แต่คิดจะแบ่งให้
ยามนี้นึกไม่ถึงว่าจะยอมสละให้คนตระกูลฮั่วได้
จะเห็นได้ว่าภูตโสมเด็กน้อยคนนี้ยังไร้เดียงสาเหลือเกิน คิดว่าญาติพี่น้องใต้หล้าล้วนเป็นคนดีทั้งหมด
ซ่งอิงไม่ได้ลืมเรื่องที่เหมียวซื่อคุกเข่า ดังนั้นยามนี้แม้เห็นฮั่วหลินมีทัศนคติเช่นนี้ แต่นางก็ไม่ร้อนใจแต่อย่างใด ยิ้มตาหยีแล้วบอกกล่าว “ได้สิ ไว้เดี๋ยว…เอาให้เจ้าสี่ห้าผล เจ้าเอาไปให้ก็เป็นพอ”
“ตกลง!” ฮั่วหลินคลี่ยิ้มกว้าง
ซ่งอิงยิ้มแย้มจนดวงตาโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว
พวกซ่งต๋าไม่อยู่ ภูตโสมจึงฝังตัวอยู่ในดินตลอดทั้งคืน
วันรุ่งขึ้นยังไปขอลาหยุดกับอาจารย์ผู้สอนหนังสือเป็นการเฉพาะอีกด้วย จากนั้นเริ่มตระเตรียมของขวัญ
ไก่และเป็ดในบ้านล้วนออกไข่ได้ ไข่ที่ออกมาต่างก็ขนาดใหญ่กว่าทั่วไปเล็กน้อย เพื่อแสดงถึงความจริงใจของตน ฮั่วหลินจึงเลือกใบที่ขนาดใหญ่ที่สุดเอามาสามสี่ใบ แล้วยังเลือกผลท้อเอามาด้วย จากนั้นวางทั้งหมดลงในตะกร้า แบกพวกมันมุ่งหน้าไปบ้านตระกูลฮั่ว
เมื่อถึงบ้านฮั่ว ฮั่วหลินยังตกตะลึงไปชั่วครู่
สถานที่ที่เหล่าอาชายและน้าหญิงอยู่อาศัยดูเหมือนไม่ค่อยดีเลยนี่?
ค่อนข้างทรุดโทรม
ทว่าไม่เป็นไร!
ตอนที่แม่เขาเพิ่งย้ายเข้าบ้านใหม่ก็ดำรงชีวิตอย่างลำบากเช่นกัน ต่อมาก็ซ่อมแซมบ้านจนโอ่อ่าเช่นตอนนี้แล้วมิใช่หรือ
ประตูบานใหญ่พังหมดแล้ว ไม่ต้องเคาะเรียกด้วยซ้ำ ฮั่วหลินจึงเดินเข้าไป
แต่ก็ตะลึงงันไปเล็กน้อย
นี่เป็นเวลา…สายมากแล้ว ไฉนยังไม่ตื่นนอนกันอีก
เขาเคาะบานประตูบ้านอย่างระแวดระวัง หลังผ่านไปชั่วครู่ นอกจากหญิงชราโจวซื่อ คนอื่นๆ ล้วนออกมากันหมด เห็นคนหนุ่มสาวสองสามคนยังคงหาวปากวอด
“เจ้าเป็นใคร เคาะประตูทำไมแต่เช้าเพียงนี้ ให้คนเขานอนหลับสบายๆ หน่อยไม่ได้หรือไร!” ฮั่วเฉียงเอ่ยปากพูด สีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
ฮั่วหลินร่นถอยหลังไปสองเก้า ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นยิ้มแล้วกล่าว “ข้าคือฮั่วหลิน เป็น…”
“ฮั่วหลิน!?” เหมียวซื่อกระโจนขึ้นมา “ไอ้หยา นี่ก็คือหลานชายคนโตผู้นั้นของข้าสินะ?!”
“ใช่ขอรับ…” ฮั่วหลินตกอกตกใจ
“นี่ เจ้ามาทำไมรึ แม่เจ้าให้มาชวนพวกเราไปกินข้าวใช่หรือไม่” ฮั่วเสี่ยวเฉียวเอ่ยถามทันควัน
ฮั่วหลินส่ายหน้า
ฮั่วเสี่ยวเฉียวขมวดคิ้วนิ่วหน้า “พวกเรามาหาญาติกันจากถิ่นแดนไกล แม่เจ้าก็ช่างไม่รู้จักมารยาทเอาเสียเลย เป็นลูกสะใภ้ ไม่มาปรนนิบัติญาติตัวเองแต่เช้าตรู่ก็ว่าแย่แล้ว แม้กระทั่งกินข้าวยังไม่คำนึงถึงพวกเรา เฮ้อ ไม่รู้จริงๆ ว่าพี่ชายข้าผู้นั้นชะตาชีวิตลำบากอะไรเพียงนี้ ไยจึงสู่ขอเมียที่แย่ขนาดนี้มาเสียได้…”
“…” ฮั่วหลินได้ยินดังกล่าวถึงกับตะลึงงันไปเล็กน้อย
ดังนั้น น้าหญิง…คนนี้ กำลังว่ากล่าวแม่ของเขา?
“เฉียวเอ๋อร์ พูดจาเหลวไหลอะไรน่ะ!” เหมียวซื่อมองบนใส่ฮั่วเสี่ยวเฉียวแวบหนึ่ง “พี่สะใภ้ใหญ่เจ้าเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่าย นางก็ยังเยาว์วัย ลืมคำนึงสิ่งเหล่านี้ไปก็เป็นเรื่องธรรมดา นางยังอุตส่าห์ช่วยสืบสกุลให้ลูกชายคนโตข้า ครอบครัวเราต้องขอบคุณนางต่างหากเล่า”