ตอนที่ 557 ตกลงแลกเปลี่ยน
ซ่งอิงไม่รู้สึกอับอายแต่อย่างใดแม้ได้ยินคำพูดนี้
“ใต้เท้าไม่รู้อะไร นี่เป็นโรคจากเคราะห์ร้ายประเภทหนึ่ง หลังป่วยเป็นโรคนี้ก็จะฝันร้ายบ่อยครั้ง มองคนแล้วตาลาย บางครั้งก็จะรู้สึกปวดหัวใจอย่างยิ่ง มีความจำเป็นต้องนำเลือดเนื้อบุรุษที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยหยางชี่อย่างท่านไปทำยาจึงจะได้ยาที่ขจัดโรคได้ มิเช่นนั้นก็ได้แต่อยู่ท่ามกลางชีวิตที่ทุกข์ทรมานไปหลายสิบปีกระมัง…” ซ่งอิงรู้สึกว่าตนไม่ได้พูดปด
เมื่อนึกถึงว่าตนจะไม่ได้กลายเป็นเซียน รอบกายเต็มไปด้วยปีศาจมากมายที่อายุเป็นพันๆ ปี มีเพียงนางผู้เดียวที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ไม่กี่สิบปี นางก็เป็นอันต้องรู้สึกเหมือนฝันร้ายติดตัว หยาดน้ำตาไหลรินจากดวงตาทั้งสองจนมองไม่เห็นผู้ใด รู้สึกเศร้าใจทวียิ่งขึ้นกว่าเดิม…
ฮั่วเจ้ายวนเบิกตาขึ้นชั่ววูบ ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่าซ่งอิงกำลังปั่นหัวเขาเล่น
“ข้าไม่ชอบนางคณิกา เจ้าอยากจะได้เนื้อ ก็เอาเงินซื้อแล้วกัน” ฮั่วเจ้ายวนสบถฮึ
ไม่ใช่ว่าวันนี้ดื่มสุราที่ไหนมาหมดไปหลายตำลึงเงิน จากนั้นจงใจหนีมาระบายอารมณ์จากอาการเมามายที่จวนเขาแห่งนี้แล้วหรอกนะ?
“หนึ่งชิ้นราคาเท่าไรหรือเจ้าคะ” ซ่งอิงเอ่ยถาม
ฮั่วเจ้ายวนได้ยินคำพูดนี้เกือบหลุดหัวเราะ “ทำไม? เจ้าอยากถามไถ่ราคาดู ถึงเวลาจะได้ซื้อหลายชิ้นหน่อย? เจ้าเห็นข้าเป็นหมูที่อยู่ตามเขียงนั่นแล้วหรือไร”
น้ำเสียงเคร่งขรึม ดูท่าจะโมโหเล็กน้อยเสียแล้ว
เมื่อซ่งอิงเห็นดังกล่าวก็ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมากะทันหัน ซับๆ หยาดน้ำตาเตรียมร้องห่มร้องไห้ “หากท่านอาใต้เท้าป่วย ข้าผู้เป็นหลานสะใภ้จะไม่พูดพร่ำทำเพลง ควักหัวใจ ตับ ม้าม กระเพาะอาหาร หรือแม้กระทั่งไตเอาไปทำยาดองให้ท่านทันทีทันใด…ท่านอย่าได้แคลงใจในความกตัญญูของข้า บัดนี้…ข้าเพียงแค่อยากไถ่ถามท่านเพื่อจะได้ดูว่าข้าซื้อไหวหรือไม่ก็เท่านั้นเอง…”
ฮั่วเจ้ายวนสำลักไม่เบากับถ้อยคำของนาง
เขาผู้นี้ชอบช่วยเหลือผู้อื่นเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ชอบก่อเรื่องโดยไม่มีเหตุผล พูดคุยกับสตรีก็น้อยครั้ง
เคยเห็นเช่นหญิงคนนี้ที่ร้องห่มร้องไห้จะเป็นจะตายเสียที่ไหนกัน
“กล่าวเช่นนี้แล้วก็จะเท่ากับเจ้าคือเด็กที่กตัญญูรู้คุณแล้วหรือ” ยามนี้ฮั่วเจ้ายวนยิ้มทั้งน้ำตาแล้วจริงๆ “ตอนนี้เจ้าไม่มีเหตุผลอันเหมาะสมก็จะให้ข้าเฉือนเนื้อให้เจ้า มิใช่เห็นข้าเป็นพระถังซัมจั๋ง ส่วนตนเองเป็นนกอินทรีแล้วกระมัง แต่ทว่าเมื่อก่อนข้าก็เคยพูดไว้ว่า ในเมื่อเจ้าเป็นคนของตระกูลฮั่ว หากมีความต้องการอันใดข้าจะตอบสนองเจ้าอย่างแน่นอน ดังนั้นเนื้อนี่ ในเมื่อเจ้าต้องการข้าก็จะให้ เพียงแต่เจ้าจะจ่ายเพื่อสิ่งนี้ได้หรือไม่”
ซ่งอิงตาลุกวาว
ตั้งราคาอย่างชัดเจนก็ดีมากเหมือนกัน
“ท่านอาเชิญว่ามาได้เลย” ซ่งอิงปั้นหน้าจริงจัง
ฮั่วเจ้ายวนเห็นนางทำเรื่องเหลวไหลภายใต้สีหน้าเอาจริงเอาจังก็รู้สึกเอือมระอาในใจ ทำได้เพียงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “หนึ่งล้านตำลึงเงิน หรือไม่ก็…”
ฮั่วเจ้ายวนเผยหน้าตายิ้มแย้ม “หลังจากนี้เจ้าก็คอยติดตามปรนนิบัติข้างกายข้า เจ้ามิใช่กล่าวว่าตนเป็นหลานสะใภ้ผู้กตัญญูหรอกหรือ ในฐานะเด็กรุ่นหลัง การติดตามญาติผู้ใหญ่และคอยดูแลอยู่ข้างกายก็มิใช่ว่าทำมิได้”
เมื่อฮั่วเจ้ายวนพูดจบก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเหลวไหลด้วยซ้ำ
ถึงขั้นแอบรู้สึกว่าตนเสียสติไปแล้ว
ไม่นึกเลยว่าจะเอ่ยคำพูดอย่างที่ว่าคอยติดตามปรนนิบัติอะไรทำนองนี้ออกมาได้
ฮั่วซื่อเซี่ยงก็งุนงงจนทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
ใต้เท้าตระกูลเขาไม่เคยมีสาวใช้คอยปรนนิบัติข้างกายมาก่อน สะอาดเอี่ยมเหมือนเป็นหินที่ยากเข้าใจได้ ดังนั้นตอนนี้เอ่ยถึงการปรนนิบัติ…จะต้องไม่ใช่ความหมายที่ว่าให้ซ่งอิงเป็นสาวใช้แน่ เขานึกเชื่อมโยงไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างใต้เท้ากับฮั่วหรง…
ฮั่วซื่อเซี่ยงนึกไม่ถึงว่าจะเข้าใจความหมายของใต้เท้าแล้ว
เขาหวั่นไหวแล้วจริงๆ ด้วย!
เขาอยากทำให้ศพกลับมามีชีวิตอีกครั้ง! ถุย ไม่ใช่สิ น่าจะเป็นอยากให้ฮั่วฮูหยินแต่งงานอีกครั้งกับเขา! แต่ด้วยความที่หนังหน้าบางเลยไม่อาจพูดออกไปตรงๆ จึงอ้อมค้อมเช่นนี้ เหมือนกับว่าคนเขาไม่เข้าตา!
แต่ฮั่วซื่อเซี่ยงไม่เข้าใจเลยว่าแม่นางฮั่วท่านนี้มีอะไรดี ใต้เท้าก็พบเจอนางไม่กี่ครั้ง ไฉนจึงให้นางเป็นกรณีพิเศษเช่นนี้เสียได้
“หนึ่งล้านตำลึงเงิน?” ซ่งอิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า “ตกลงตามนี้!”
“ต้าเหริน คำพูดที่เอ่ยออกไปเสมือนน้ำที่สาดออกไปแล้ว ไม่อาจกลับคำได้โดยเด็ดขาด ตราบใดที่ข้ามีชีวิตอยู่จะต้องรวบรวมเงินก้อนนี้ให้จงได้ ถึงบัดนั้นท่านก็ห่อเนื้อให้ข้าได้เลย!” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง แววตาทอประกายพร่างพราว
“…” ฮั่วเจ้ายวนเบิกตาชั่ววูบอย่างเหลือเชื่อ
ไม่ใช่ว่านางหูหนวกได้ยินเพียงครึ่งท่อนแรก ไม่ได้ยินคำพูดท่อนหลังแล้วใช่หรือไม่ ยินยอมจ่ายหนึ่งล้านตำลึงเงิน แทนที่จะเลือกวิธีการที่เบาแรงหน่อย?!
ตอนที่ 558 อยากจะเป็นศพที่ฟื้นคืนชีพ
สำหรับซ่งอิง ใช้เงินจัดการปัญหาได้ ล้วนไม่ถือว่าเป็นปัญหา!
ก็แค่หนึ่งล้านตำลึงเงินเองนี่? หนึ่งปีสองปีสามปีก็ทำได้แล้ว นางยังมีเวลาอีกตั้งหลายสิบปี!
ทะนุถนอมชีวิตสักหน่อย ขอเพียงนางไม่ตายก่อนก็จะรวบรวมเงิน เงินก้อนใหญ่นี้หาได้แน่!
“ต้าเหริน หรือไม่ ท่านเขียนสัญญาให้ข้าสักฉบับเถอะ” ซ่งอิงครุ่นคิดแล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ณ ตอนนี้ ฮั่วเจ้ายวนรู้สึกได้แล้วว่าอะไรที่เรียกว่าเลือดลมพลุ่งพล่าน สีหน้าอารมณ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาเนิ่นนานบัดนี้ราวกับน้ำแข็งที่เกาะติดเป็นชั้นๆ พังทลายลงแล้วก็ไม่ปาน
ซ่งอิงไม่ใช่ว่ามองไม่ออก
นางก็แค่แสร้งตีมึน
ทำตัวมีคุณธรรมจะไปช่วยอะไรได้เล่า นางต้องการสัญญา!
ด้วยเหตุนี้ ซ่งอิงจึงทำเป็นไม่สะทกสะท้าน จับจ้องฮั่วเจ้ายวนตาปริบๆ ขนตางอนยาวนั่นกะพริบขึ้นลง ดวงตาที่เห็นตาดำและตาขาวชัดเจนทอประกายระยิบระยับเล็กน้อย ไร้เดียงสา น่าสงสาร อีกทั้งยังมีความจริงใจ
ฮั่วเจ้ายวนใจเต้น
ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง เขาขบเคี้ยวเขี้ยวฟันแน่ “เอากระดาษกับพู่กันมา”
ต้องการสัญญาจากเขา เกรงว่าจะไม่ง่าย เพียงแค่นางไม่เสียใจภายหลังก็เป็นอันใช้ได้!
ฮั่วซื่อเซี่ยงไปจัดการเอามาในทันที เพียงชั่วครู่เดียว กระดาษพร้อมพู่กันก็มาถึง ฮั่นเจ้ายวนสะบัดพู่กันขีดเขียนตัวอักษร ซ่งอิงจ้องมองอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเห็นเขาประทับตราส่วนตัวลงไปอย่างจริงจัง นี่จึงได้วางใจขึ้นหน่อย จากนั้นรับเอาสัญญาเอามาเก็บไว้อย่างระมัดระวัง
“ขอบคุณท่านอา!” ซ่งอิงซาบซึ้งใจอย่างสุดซึ้ง คลี่ยิ้มกว้าง “ท่านอา…นกยูงของบ้านท่านมูลค่าเท่าใดหรือ”
ฮั่วเจ้ายวนเบิกตาขึ้นชั่ววูบอีกครั้ง “อยากจะซื้ออีกแล้วหรือ คงมิใช่เพื่อกินเนื้อเช่นกันหรอกกระมัง”
“แน่นอนว่าไม่เจ้าค่ะ ก็แค่สวยดี อยากเอากลับบ้านไปเลี้ยงเจ้าค่ะ” ซ่งอิงยิ้มอย่างว่านอนสอนง่าย
“เนื้อยังเอาให้เจ้าแล้ว แค่นกยูงตัวเดียวเท่านั้นเอง เอาไปเถอะ” ฮั่วเจ้ายวนแสยะยิ้ม “ยังถูกตาต้องใจอะไรอีก บอกกล่าวมาในคราวเดียวเลย”
เขาเองก็อยากลองดูว่านางจะใจกล้าไปถึงไหน
“ไม่แล้ว ไม่แล้วเจ้าค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว ขอบคุณท่านอาเจ้าค่ะ” ซ่งอิงโค้งตัวให้อย่างจริงใจ
จากนั้นก็หันหลังให้อย่างสบายใจเฉิบ เรียกผู้ดูแลบ้านให้หยิบเชือกมาให้สักเส้น
“เพียงแค่เชือกเส้นเดียวนี้เกรงว่าจะไม่ได้การ หากรงสักกรงจะดีกว่านะขอรับ…” ผู้ดูแลบ้านรู้สึกว่าไม่เหมาะ
นกยูงนี่ไม่ใช่ลาไม่ใช่ม้า จะจูงไปได้อย่างไร
“ข้าคิดว่านกยูงตัวนี้มีความแสนรู้ จูงไปก็เป็นอันใช้ได้ ข้าจะลองดูแล้วกัน หากไม่เหมาะค่อยให้ท่านจัดหากรงให้อีกที” ซ่งอิงเอ่ยปากบอกกล่าว
นางพูดถึงขนาดนี้แล้ว ผู้ดูแลบ้านก็ไม่สะดวกปฏิเสธเช่นกัน
ไม่นานนักก็นำเชือกสวมลงไปที่ลำคออย่างเบามือ จากนั้นซ่งอิงก็จูงนกยูงออกมา
ขนของมันดูงดงามเป็นธรรมชาติกว่าที่เคยเห็นอยู่ในสวนสัตว์ เดินเหินเชิดหน้ายืดอกลักษณะมั่นใจในรูปร่างตัวเอง ช่างงดงามจริงๆ
ฮั่วเจ้ายวนเห็นนางชมชอบนกยูงเช่นนี้ แต่กลับเอ่ยปากต้องการซื้อเนื้อของเขาจึงรู้สึกเพียงบาดใจยิ่งนัก
นี่เป็นหลานสาวที่กตัญญูเสียที่ไหนกันเล่า เห็นๆ อยู่ว่าเป็นจอมวายร้ายที่ดื้อรั้นและอกตัญญูต่างหาก!
อึดอัดใจเสียยิ่งกว่าอะไรดี
ซ่งอิงรู้เช่นกันว่าตนในตอนนี้น่าจะทำให้ฮั่วเจ้ายวนโมโห ดังนั้นไม่กล้าอยู่ต่อนานไปกว่านี้ หลังบรรลุเป้าหมายแล้วก็กล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงน่าฟัง จากนั้นตนก็นำคนและนกยูงรีบกล่าวลา
“ต้าเหริน ท่านยังไม่ได้ทันพูดคุยกับลูกชายท่านสักเท่าไรเลย…” ฮั่วซื่อเซี่ยงบอกกล่าวอย่างไม่รู้จักสังเกตุ
“พูดมาก” ฮั่วเจ้ายวนสบถฮึ “หาคนจำนวนหนึ่งไปจับกุมตัวคนเหล่านั้นที่สวมรอยเป็นคนครอบครัวฮั่วหรง”
ฮั่วซื่อเซี่ยงหัวเราะเจื่อน “ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ ต้าเหรินใจเย็นๆ นะขอรับ…”
“รอเดี๋ยว วันนี้ไปที่ว่าการอำเภอก่อน” ฮั่วเจ้ายวนชะงักเสียงไปครู่หนึ่ง “รวบรวมหลักฐานทั้งหมดให้พร้อมก่อนแล้วค่อยลงมือ นอกจากนั้นก็เพิ่มสำมะโนครัวของฮั่วหรงกลับเข้าไปใหม่ด้วย”
“หา?“ ฮั่วซื่อเซี่ยงตะลึงงัน
หมายความว่าอะไร
“ไม่เข้าใจหรือ” ฮั่วเจ้ายวนขมวดคิ้วนิ่วหน้า “เช่นนั้นเจ้าไปที่อื่นเถอะ เปลี่ยนคนฉลาดๆ หน่อยมาแทน!”
“เข้าใจขอรับ! ต้าเหริน ข้าน้อยเข้าใจขอรับ ท่านอยากจะเป็นศพที่ฟื้นคืนชีพแล้วสินะขอรับ! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ รับประกันว่าจะจัดการให้อย่างเรียบร้อยขอรับ!” ฮั่วซื่อเซี่ยงรีบตะเบ็งเสียง จากนั้นก็โกยแนบวิ่งไป