ตอนที่ 573 เบิกพื้นที่รกร้าง
ผู้เฒ่าซ่งเข้าใจสถานการณ์ณ์ของซ่งเสี่ยนดี จึงยิ่งไม่อาจให้การช่วยเหลือได้
หลังจากนี้จะดีหรือแย่ ล้วนขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง
ต่อให้เอะอะโวยวายใหญ่โต ทำให้ครอบครัวเผยไม่เป็นอันสงบสุข เขาก็ไม่สนใจเช่นกัน นั่นล้วนเป็นสิ่งที่ตระกูลเผยสมควรได้รับทั้งสิ้น
ซ่งอิงรู้สึกว่าสองตระกูลนี้ถือได้ว่าเกลียดชังกันอย่างลึกซึ้งแล้วเห็นๆ มีคำกล่าวหนึ่งไม่ใช่หรือว่าหากมีความแค้นกับตระกูลใด ก็ให้เลี้ยงบุตรสาวตัวเองจนเสียนิสัยแล้วแต่งเข้าไปตระกูลนั้น นี่เป็นการนำภัยไปมอบให้ถึงสามชั่วอายุคน เผยซื่อเคยแต่งเข้ามา ทำร้ายครอบครัวซ่งจนไม่เป็นอันสงบสุข บัดนี้ตระกูลซ่งเอาคืนโดยยกซ่งเสี่ยนให้บ้าง หนามยอกเอาหนามบ่งอย่างไรเล่า
ผู้เฒ่าซ่งอารมณ์ดี ซ่งอิงก็สุขใจเช่นกัน
นอกจากนี้ นางยังพาผู้เฒ่าซ่งไปภัตตาคารเย่ว์เฟิงเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่อีกด้วย
แน่นอนว่า ตอนคิดเงิน ผู้เฒ่าซ่งย่อมหงุดหงิดใจด้วยรู้สึกว่าเจอร้านที่ขูดเลือดขูดเนื้อกันเข้าแล้ว…
เขาต่อว่าพลางหวนนึกถึงรสอร่อยที่ยังติดลิ้นไม่รู้จบ นี่ก็คือนิสัยของคนเฒ่าคนแก่
ร้านค้าสองแห่งอยู่ในมือ ตอนนี้ซ่งอิงไม่ขาดแคลนเงินแต่อย่างใด
อาศัยจังหวะก่อนปีใหม่ นางเตรียมไปหาหัวหน้าหมู่บ้านซ่งเพื่อซื้อที่ดินอีกสักหน่อย
น่าเสียดายที่พื้นที่บุกเบิกแล้วมีความต้องการสูง จึงไม่มีพื้นที่พร้อมใช้งาน ขณะที่พื้นที่ซึ่งยังไม่ได้บุกเบิกกลับมีเกือบๆ ห้าสิบหมู่ ซ่งอิงจึงซื้อเอาไว้ทั้งหมด นอกจากนี้นางยังหมายตาภูเขาเตี้ยๆ ลูกหนึ่งนอกหมู่บ้านแล้วด้วย ในเมื่อไม่มีคนต้องการ ซ่งอิงก็ขอเหมาเอาไว้หมดเช่นกัน
พื้นที่ที่ยังไม่ได้บุกเบิกเป็นอะไรที่ยุ่งยากลำบากทีเดียว มีหินแตกๆ และวัชพืชมากมาย ต้องเปลืองกำลังคนไม่น้อย ดังนั้นราคาจึงถูกมาก สองตำลึงเงินก็ซื้อเอามาได้แล้ว
ตัวอย่างเช่นที่ดินที่ค่อนข้างห่างไกลเหล่านั้น ใครบุกเบิกพื้นที่นี้ก็เป็นของคนนั้น ถึงขั้นไม่ต้องเสียเงินด้วยซ้ำไป
ส่วนราคาของภูเขาเตี้ยๆ ที่ว่านั่นก็ไม่แพงเช่นกัน บนนั้นถูกคนเดินย่ำไปทั่วแล้ว ไม่มีเห็ดและไม่มีสมุนไพรที่ทุกคนคุ้นเคยแล้วเช่นกัน มีเพียงวัชพืชนับไม่ถ้วน ไม่ถือว่าพื้นที่ใหญ่โตเกินไป ซ่งอิงเตรียมเอามาใช้เลี้ยงไก่เลี้ยงแกะ
น่าเสียดายที่หาลูกวัวได้ยาก มิเช่นนั้นนางยังอยากเลี้ยงวัวไว้สักหนึ่งฝูง
ซื้อภูเขาเอาไว้ในราคาหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงิน รวมกับที่ดินเหล่านั้นก็แค่สองร้อยตำลึงเงินเท่านั้น
ทางด้านร้านในเมืองยงนั้น เดือนหนึ่งทำเงินได้มากกว่านี้อีก
ซ่งอิงตั้งใจไว้ว่ายามฤดูใบไม้ผลิปีหน้า เก็บหอมรอมริบเงินได้แล้วก็จะซื้อหมู่บ้านสักแห่ง
ฤดูหนาวนี้ ผู้คนทั่วทั้งหมู่บ้านไม่มีใครงานยุ่งเกินไปกว่าซ่งอิง
ในเมื่อซื้อที่ดินเอาไว้มากขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นก็ต้องเบิกพื้นที่รกร้าง มิเช่นนั้นที่ดินที่ซื้อเอาไว้ อีกทั้งยังลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ก็จะปลูกพืชผลไว้เก็บเกี่ยวไม่ได้ ถึงตอนนั้นนางได้ขาดทุนกันพอดี
โชคดีที่มีต้าลี่
ผู้เฒ่าซ่งมาช่วยกำจัดวัชพืชเกือบทุกวัน เดิมทีเขาก็อยู่ว่างๆ ไม่เป็น เพียงแต่การกำจัดเศษหินพวกนี้ค่อนข้างลำบากหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขายังเป็นคนที่เคยป่วยหนักมาก่อน ดังนั้นก็ทำได้เพียงให้ซ่งอิงจ้างคนเรี่ยวแรงดีๆ หน่อยมาทำ
แต่ไม่คาดคิดว่าซ่งอิงจะเหมาทำเองกับหนิวต้าลี่
ซ่งอิงเกรงกลัวว่าผู้เฒ่าซ่งจะตื่นตกใจเช่นกัน จึงแสร้งทำท่าทีบอบบางอ่อนแอเป็นครั้งคราว ทว่าหนิวต้าลี่ไม่ต้องแสร้งทำแต่อย่างใด
เมื่อท่อนแขนนั่นคล้องกัน หินก้อนใหญ่หนึ่งก้อนใหญ่ก็ถูกอุ้มขึ้นมา จากนั้นยกเท้าได้ก็วิ่งไปหน้าตาเฉยแล้วโยนมันไปยังบริเวณที่ไม่เป็นอุปสรรค
ผู้เฒ่าซ่งตระหนกตกใจจนพูดไม่ออก
แม้เขาจะรู้แต่แรกว่าสาวน้อยผู้นี้เรี่ยวแรงดีเยี่ยม แต่คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเก่งกาจถึงขั้นนี้
“นี่จ่ายเงินจ้างไปกี่ตำลึงเงินรึ ช่างเป็น…กำไรเห็นๆ” ผู้เฒ่าซ่งพึมพำ
นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมพื้นที่ที่ยังไม่ได้บุกเบิกจึงราคาถูกเพียงนี้ ก็เพราะในพื้นที่มีก้อนหินน้อยใหญ่อยู่ ขนย้ายลำบากอย่างไรเล่า!
หากก้อนหินพวกนั้นกำจัดง่าย ที่ดินห้าสิบหมู่นี้มีหรือจะอยู่มาถึงตอนนี้!
“ท่านแค่ทำฆ่าเวลาไปก็พอ ข้ากล้าซื้อที่ดินมากขนาดนี้ก็ย่อมต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วอย่างดี ไม่ต้องกังวลใจเลยเจ้าค่ะ” ถ้อยคำนี้ซ่งอิงเอ่ยไว้แล้วก่อนหน้านี้ เพียงแต่ผู้เฒ่าซ่งไม่เชื่อ
ตอนที่ผู้เฒ่าซ่งรู้ว่านางซื้อที่ดินไว้มากขนาดนี้ก็ยังโมโหด้วยซ้ำไป รู้สึกว่าเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ นางก็ไม่รู้จักถามไถ่ความเห็นของญาติผู้ใหญ่สักคน อย่างน้อยพวกเขาก็มีประสบการณ์ จะมากจะน้อยก็สอนนางได้บ้าง ใครจะรู้ว่านางตัดสินใจเช่นนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
แต่ตอนนี้พอได้เห็นผลการตัดสินใจขงนาง ซ่งเหล่าเกินก็รู้สึกเลื่อมใสจริงๆ
แม้จะเห็นว่าพื้นที่เหล่านี้เป็นที่ดินดอน แต่ทำเลไม่เลวเชียวละ แสงตะวันเพียงพอ บริเวณใกล้ๆ ก็มีทางน้ำผ่าน ภายภาคหน้าเพาะปลูกแล้ว พืชผลจะต้องเจริญเติบโตได้ดีเยี่ยมแน่!
ตอนที่ 574 สู่ขอ
เพียงแต่ซ่งเหล่าเกินรู้สึกว่าหลานสาวตระกูลตนผู้นี้เป็นเจ้าของที่ดินที่ค่อนข้างใจร้ายไปหน่อย
ดูนางเรียกใช้หนิวต้าลี่เข้าสิ ช่างเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าเวทนาและไร้คุณธรรมจริงๆ
“แม้ว่าเด็กคนนี้มีเรี่ยวแรงเยอะ แต่เจ้าจะใช้งานนางมากเกินไปมิได้ โดยเฉพาะนี่เป็นเด็กผู้หญิง เดิมทีเรือนร่างก็บอบบางอยู่แล้ว หากตอนที่อายุยังน้อยก็เหน็ดเหนื่อยอย่างหนักแล้ว พอแก่เฒ่าไปเกรงว่าร่างกายจะเจ็บป่วยเอาได้ ข้ามองดูแล้วเด็กคนนี้ยังอายุไม่มากเช่นกัน อย่าได้ทำให้คนเขาร่างกายบาดเจ็บไปเชียว…” ซ่งเหล่าเกินสงสารหนิวต้าลี่จากใจจริง
นี่ใช่คนเสียที่ไหนกันเล่า ขนาดวัวยังไม่ใช้งานเพียงนี้เลย
ซ่งอิงเลิกคิ้วแล้วหัวเราะเจื่อน “นางก็แค่ชอบทำงานแบบนี้ ไม่ใช่เพราะข้าจริงๆ นะเจ้าคะ”
ซ่งเหล่าเกินส่งเสียงฮึๆ นี่เห็นเขาเป็นคนโง่เขลาผู้หนึ่งหรือไร ยังจะบอกว่าเพราะนางชอบทำงานอีกหรือ!
เพียงแต่ยังไม่ทันเอ่ยคำพูดนี้ ทางด้านนั้นก็มีป้าผู้หนึ่งเดินนวยนาดมา เมื่อซ่งอิงมองไปก็เป็นอันต้องขมวดคิ้ว
นางจำได้ นี่คือซุนเอ้อร์เหนียง แม่สื่อที่ขึ้นชื่อในหมู่บ้าน ไม่ใช่ว่าจะมาทาบทามคู่ครองให้นางอีกแล้วกระมังซ่งอิงหุบรอยยิ้ม เตรียมปฏิบัติใส่นางอย่างเคร่งขรึม
“อ้าว แม่นางฮั่วทำงานอยู่หรือ” ซุนเอ้อร์เหนียงคลี่ยิ้มแล้วกล่าว “ข้างนอกนี้ลมแรง ผิวพรรณเนียนละเอียดของเจ้าจะทนไหวหรือ”
“ก็ไม่แย่นัก” ซ่งอิงบอกกล่าวอย่างไม่อ่อนน้อมแต่ก็ไม่แข็งกระด้างเกินไป
อีกฝ่ายคลี่ยิ้มเช่นเดิม จากนั้นกวาดตามองไปทางด้านหนิวต้าลี่ปราดหนึ่ง “แม่นางฮั่ว ได้ยินว่านี่เป็นน้องสาวบุญธรรมที่เจ้ารับเลี้ยง เช่นนั้น…สาวน้อยผู้นี้เจ้าก็เป็นคนตัดสินใจแทนได้ใช่หรือไม่”
“หืม?” ซ่งอิงตกตะลึง
หมายความว่าอันใด จะมาสู่ขอหนิวต้าลี่หรือ
ซ่งอิงลูบๆ สันจมูก ออกจะดูอึดอัดใจเล็กน้อย จากนั้นกล่าว “นี่ท่านต้องถามความเห็นของนางเองแล้วละ”
ปกติแต่ละวันนางเห็นหนิวต้าลี่เป็นปีศาจ เคยชินเสียแล้ว ยามนี้ถูกซุนเอ้อร์เหนียงเอ่ยขึ้นมา ซ่งอิงก็ฉุกคิดขึ้นได้แล้วเช่นกันว่า วัวตัวนี้ของครอบครัวนางมองดูก็อายุสิบหกสิบเจ็ดปีแล้ว ถึงวัยที่ควรออกเรือนแล้วนี่!
อีกทั้ง คนครอบครัวชนบทต่างก็ชื่นชอบลูกสะใภ้ที่ขยันขันแข็ง หนิวต้าลี่ใสซื่อ ทั้งยังทำงานเก่ง ต้องเป็นที่นิยมชมชอบในหมู่บ้านนี้อย่างยิ่งแน่นอน
มิน่าล่ะ ระยะนี้มักมีคนวิ่งมาถึงตรงหน้านางแล้วแสร้งถามถึงภูมิหลังของหนิวต้าลี่ขึ้นมาเหมือนไม่ตั้งใจ
ซุนเอ้อร์เหนียงเดินหนีซ่งอิงไปหน้าตาเฉย เดินยักย้ายส่ายก้นไปหยุดตรงหน้าหนิวต้าลี่ “แม่นางหนิว…”
“เจ้าค่ะ ท่านมีธุระอันใดหรือ” หนิวต้าลี่ยังคงอุ้มหินใหญ่หนึ่งก้อนอยู่ในมือ เดินพลางพูดพลาง
ซุนเอ้อร์เหนียงผู้นั้นก็เดินตามนางไปอย่างทุลักทุเล “นี่ข้ามาสู่ขอเจ้าน่ะสิ!”
เกิดเสียงดัง ‘ตุบ’ ก้อนหินใหญ่ร่วงลงพื้น ทำให้ซุนเอ้อร์เหนียงตระหนกตกใจ
“หลังจากฤดูเก็บเกี่ยวใบไม้ร่วงก็มีหลายครอบครัวแอบมาถามถึงเจ้า เพียงแต่ตอนนั้นทุกคนยุ่งวุ่นวายอยู่เช่นกัน ภายหลังต่อมาที่บ้านแม่นางฮั่วก็มักจะไม่มีคนอยู่ เรื่องนี้จึงได้เป็นอันหยุดชะงักเอาไว้ก่อน ตอนนี้ในมือข้ามีคนจากสิบกว่าครอบครัวอยากจะสู่ขอเจ้า หรือไม่…เจ้าลองเลือกดู” ซุนเอ้อร์เหนียงกล่าว
ซ่งอิงถึงกับอ้าปากค้างจนคางแทบหลุดด้วยความตกตะลึง
สิบกว่าครอบครัว?!
สิบกว่าครอบครัวคือจำนวนที่มั่นใจแล้วว่าต้องการสู่ขอ หากว่ากันตามนี้ รวมกับผู้ที่มองออกว่ามีความสนใจในตัวหนิวต้าลี่ ไม่แน่ว่าจะมีมากถึงยี่สิบสามสิบครอบครัวที่ถูกตาต้องใจนางเข้าแล้ว?!
เป็นที่แย่งชิงกันจริงๆ!
หนิวต้าลี่ตระหนกตกใจเช่นกัน จากนั้นก็รีบร้อนไปหลบอยู่ข้างหลังซ่งอิง
“นี่ ไม่ดีกระมัง ข้าไม่เหมาะสมกับพวกเขา” หนิวต้าลี่กล่าวทันควัน
เมื่อก่อนนางมักจะลืมว่าตนเป็นปีศาจ แต่ตอนนี้อยู่กับปีศาจบ่อยครั้งเข้าก็ค่อยๆ เคยชินแล้ว
“ไอหยา นี่มีอันใดไม่เหมาะสมเล่า ถึงอย่างไรลูกผู้หญิงก็ต้องออกเรือน เจ้าจะอยู่กับพี่สาวบุญธรรมเจ้าไปชั่วชีวิตก็คงมิได้ใช่ไหมเล่า” ซุนเอ้อร์เหนียงหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นคลี่ยิ้มกว้างแล้วกล่าวขึ้นอีกครั้ง “สิบกว่าครอบครัวที่มาหาข้าล้วนยอดเยี่ยมทั้งนั้น หลานชายคนโตของตระกูลผู้เฒ่าหลิวผู้นำหมู่บ้านคนนั้น อายุพอๆ กับเจ้า เขาเป็นคนซื่อตรงและขยันทำงานเช่นกัน แล้วยังมีบุตรชายคนเดียวของตระกูลเมิ่ง เด็กผู้นั้นชื่นชมในตัวเจ้ามาก ในครอบครัวเขามีที่นาถึงสามสิบหมู่เชียวนะ…”
มีสามครอบครัวเป็นครอบครัวของคนในหมู่บ้านตัวเอง นอกนั้นเป็นหมู่บ้านใกล้เคียง
แม้ว่าเป็นหมู่บ้านใกล้เคียง แต่ล้วนเป็นเพราะสตรีในหมู่บ้านนี้รู้สึกว่าหนิวต้าลี่ไม่เลว จึงแนะนำนางให้ญาติๆ นี่จึงได้นำมาซึ่งแม่สื่อ