ตอนที่ 579 หมาป่าเทาตัวใหญ่
ซ่งอิงจ้างช่างในหมู่บ้านมาสร้างเล้าให้สามสี่หลัง ตอนกลางคืนปล่อยไก่ เป็ด ห่านเอาไว้ด้านใน ตอนกลางวันเด็กเหล่านั้นค่อยปล่อยพวกมันออกมาหาแมลงกิน เช่นนี้สะดวกสบายสำหรับต้าหวงในการกำกับดูแลเช่นกัน
ไก่ เป็ด ห่านอย่างละสองร้อยตัว ย่อมไม่ถือว่าเป็นจำนวนน้อยๆ เมื่อรวมเป็นฝูงเดียวกันจึงมีกลิ่นแรงไม่ใช่ย่อยกลางดึก เสียงกังกรอบแกรบเหมือนมีบางอย่างขุดหลุมอยู่
ต้าหวงโกงคอส่งเสียงร้องเรียกเป็นสัญญาณสื่อสารไปยังซ่งอิง จากนั้นก็บินร่อนลงมาที่ด้านหลังเพียงพอนเหลืองที่กำลังขุดหลุม
“กะต๊าก กะต๊าก กะต๊าก!”
ต้าหวงโตวันโตคืน ดังนั้นซ่งอิงจึงได้นำมันมาที่นี่ ปล่อยให้อยู่ในหมู่บ้านซิ่งฮวาจะเป็นที่ดึงดูดสายตาเกินไป
เมื่อต้าหวงใช้ปากจิกเพียงพอนเหลือง เพียงพอนตัวนั้นเจ็บไม่ใช่น้อย
มันส่งเสียงร้องเสียดหู ซ่งอิงเร่งรีบเดินมา มองเห็นเพียงพอนเหลืองตัวนี้อยากจะหนีก็หนีไม่ได้เสียแล้ว ถูกต้าหวงใช้ตีนของมันกดเอาไว้ ปีกใหญ่ๆ กระพือหวดไปสองสามทีอย่างแรงอีกด้วย
ซ่งอิงเดินขึ้นหน้า หิ้วเพียงพอนเหลืองตัวนั้นขึ้นมา
“เฮยยา เคยได้ยินหวงต้าเซียน[1]หรือไม่” ซ่งอิงเอ่ยถาม
เฮยยายาพยักหน้า
“เจ้าว่าหากมันเปลี่ยนเป็นฉลาดขึ้นมาหน่อยก็จะเป็นต้าเซียนได้หรือไม่” ซ่งอิงเลิกคิ้ว
“เป็นไปมิได้ ต่อให้เปลี่ยนรูปร่างได้ก็คงพอประมานกับพวกเรา” อวิ๋นหลิงที่อยู่ข้างๆ เอ่ยปาก
ซ่งอิงคิดว่าจริงอย่างที่เขาพูดเช่นกัน
เพียงพอนเหลืองตัวนั้นส่งเสียงร้องสองสามครั้ง ซ่งอิงจับมันขังใส่กรงที่เตรียมไว้
เพิ่งลงมือไม่ทันไร ซ่งอิงเห็นดวงไฟสีเขียวเลือนรางจากพงหญ้าไกลออกไป
นางเดินเข้าไปใกล้ด้วยความประหลาดใจทันใด
แสงสีเขียวนั่นกระจ่างชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้ไปอีกสี่ห้าก้าว ไม่นึกเลยว่าจะเห็นหม่าป่าตัวหนึ่ง ตอนนี้มันกำลังตั้งท่าพร้อมจู่โจม สบตากับนางไม่ละสายตา จากนั้นก็กระโดดขึ้น…
เสียงดัง ‘ตุบ’ ซ่งอิงคว้าคอมันได้เต็มๆ แล้วโยนลงบนพื้น
มันดิ้นรนเล็กน้อย แต่ก็ลุกขึ้นมาไม่ได้
ซ่งอิงมีพละกำลังมาก โยนลงไปอย่างนี้ จะมากจะน้อยก็ต้องมีช้ำในกันบ้างกระมัง
“เอาไปขังไว้เช่นกัน หาของดีๆ บำรุงเข้าไว้ สิบวันถึงครึ่งเดือนค่อยมาดูกันอีกที หากมีสติปัญญาฉลาดเฉียบแหลมและฟังภาษาคนเข้าใจได้ เช่นนั้นก็เก็บไว้ หากฟังไม่เข้าใจก็ฆ่าทิ้งแล้วเอาหนังไปขายเสีย” ซ่งอิงปรายตามองไปยังคู่หูตัวหนึ่งใหญ่ตัวหนึ่งเล็กทั้งสองตัวนี้ จากนั้นหันหลังเดินกลับไปนอน
หมาป่าสีเทาตัวนั้นนอนหอบอยู่ในกรงครู่หนึ่ง มองดูน่าสงสารชอบกล
ซ่งอิงกล่าวว่าให้เอาของดีๆ บำรุงให้ นั่นไม่ใช่คำลวงหลอกเลยสักนิด
บรรดาไก่และเป็ดที่เลี้ยงในหมู่บ้านซิ่งฮวาก่อนหน้านี้ก็โตแล้วเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่มีตัวไหนฉลาดรู้ความเหมือนอย่างต้าหวง นางเองก็ไม่ใช่คนกินมังสวิรัติเสียด้วย เดิมทีเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ดก็เพื่อเป็นอาหาร ดังนั้นจึงเชือดไปแล้วหลายตัว
ไก่และเป็ดเหล่านั้นล้วนกินของที่ผ่านการรดน้ำผ่านจิตของซ่งอิงจนเติบใหญ่ คุณภาพเนื้อแน่นสดอร่อย ตอนนี้ก็ถูกซ่งอิงเอามาเป็นอาหารให้หมาป่าและเพียงพอนเหลืองแล้วเช่นกัน
แน่นอนว่าย่อมให้พวกมันกินแต่เนื้อสัตว์ไม่ได้
ขืนไม่เกิดสติปัญญาขึ้นมา เช่นนั้นก็เป็นการกินเสียของเกินไปแล้ว
ดังนั้นนางจึงยกผลไม้รวมไปถึงข้าวและกับข้าวที่ตัวนางเองกินในแต่ละวันเอาไปให้ด้วยสองจาน
ข้าวสวยนั่นเต็มไปด้วยพลังหลิงชี่ หากเลี้ยงขนาดนี้แล้วยังไม่เกิดสติปัญญา เช่นนั้นก็เป็นพวกโง่เง่ามากแน่นอน
อย่างเช่นต้าหวงและต้าไป๋ หลังจากพวกมันกินของดีๆ ที่นางจัดหาให้ ไม่นานนักก็ชาญฉลาดขึ้นมา หมาป่าและเพียงพอนเหลืองก็น่าจะพอๆ กัน
หมาป่าเทาคือตัวที่ซ่งอิงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีสติปัญญาฉลาดเฉียบแหลม
หากมีหมาป่าคอยเฝ้าบ้าน เกรงว่าเพียงพอนเหลืองก็จะไม่กล้ามาแล้ว
หากเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ด้วย เช่นนั้นก็ยิ่งยอดเยี่ยม จะได้ควบคุมฝูงหมาป่า ยิ่งเป็นอะไรที่น่าเกรงขามไปใหญ่
เวลาผ่านไปครึ่งเดือน ซ่งอิงจัดระเบียบหมู่บ้านจนเปลี่ยนไปมากทีเดียว เปลี่ยนกังหันน้ำใหม่ จ้างชาวบ้านของหมู่บ้านซิ่งฮวาจำนวนไม่น้อยมากำจัดวัชพืชและเศษหินน้อยใหญ่บริเวณใกล้เคียง สิ่งที่พวกเขากำจัดไม่ไหวก็มีหนิวต้าลี่เป็นคนไปทำ ดังนั้นจึงจัดการได้รวดเร็วมาก
ตอนที่เลี้ยงสัตว์สองตัวนี้มาได้เจ็ดวัน ซ่งอิงพูดคุยกับพวกมันตามปกติ
“หนังของพวกเจ้าดูไม่เลวเลยจริงๆ เจ้าตัวเล็กนี่เอามาใช้ทำผ้าพันคอได้ เจ้าตัวใหญ่เอามาทำเสื้อคลุมกันลมสักตัว เนื้อนี่หากกินไม่หมดก็เอาหมักไว้ได้ กินของดีๆ จากข้าไปตั้งมากขนาดนี้แล้ว จะขายก็เสียดายเหมือนกัน ไว้ครั้งหน้าตอนที่ข้าจับเหยื่อมาได้อีกก็จะใช้เนื้อของพวกเจ้าเป็นอาหาร คงได้ประสิทธิผลเหมือนๆ กัน”
เมื่อซ่งอิงเอ่ยพูดจบ เพียงพอนเหลืองตัวนั้นก็เบิกตาโตในทันใด
ตอนที่ 580 กินใครก็เหมือนๆ กัน
ขนของเพียงพอนเหลืองตัวนี้ดูค่อนข้างเงาลื่น โดยเฉพาะนี่เพิ่งเข้าฤดูใบไม้ผลิ อากาศไม่ร้อน ราคาหนังของมันจะแพงหน่อย หากถึงฤดูร้อน ขนบนตัวมันก็จะไม่อ่อนนุ่มและฟูเท่าตอนฤดูหนาวแล้ว ราคาก็จะถูกลงไปมาก
ซ่งอิงมองเห็นนัยน์ตาดำขลับฉายแววตระหนกตกใจและหวาดกลัวออกมาเล็กน้อย นางยื่นมือออกไปลูบขนของมันสองทีแล้วคลี่ยิ้ม “ข้าว่าหนังของเจ้านี่น่าจะเอาไปใช้ได้ดีมาก หากมีเพิ่มอีกหลายๆ ตัวก็ดีสิ เอาหนังของพวกเจ้ามาทำเป็นถุงมือจะต้องขายดีมากแน่”
ตอนฤดูหนาวปีที่แล้ว ซ่งอิงเคยคิดถักไหมพรมขึ้นมาเหมือนกัน แต่เพราะยุ่งเหลือเกินจึงไม่มีเวลาคิดถึงอีก
บัดนี้ เพียงพอนเหลืองเริ่มตะกายกรงด้วยความหวากกลัว
ซ่งอิงแทบจะมั่นใจได้แล้วว่าเจ้าตัวนี้ฟังคำพูดของนางเข้าใจ
เรื่องนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าสติปัญญาของเพียงพอนเหลืองสูงล้ำมากจริงๆ ต้าหวงและต้าไป๋หลังจากเริ่มมีสติปัญญาก็ฟังภาษาคนเข้าใจได้ทันที แต่หลักๆ ก็เพราะพวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงตามบ้าน เดิมทีก็มีการคลุกคลีอยู่กับพวกมนุษย์บ่อยครั้ง เมื่อเกิดสติปัญญาเฉียบแหลมก็เข้าใจได้ไปโดยปริยาย
อย่างกบเขียวตัวน้อยเหล่านั้นที่อยู่ใต้อาณัติชิงเหลียงออกจะโง่เขลาไปหน่อย เลยยังจำเป็นต้องสั่งสอนอีกมาก
“หากเจ้าเชื่อฟัง ข้าก็จะยังไม่เอาหนังของเจ้าเป็นการชั่วคราว ไหนลองพยักหน้าให้ข้าดูหน่อยสิ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
สิ้นเสียง เพียงพอนเหลืองก็ขยับหัว
ซ่งอิงยกมุมปากเล็กน้อย “ไม่เลว”
เมื่อซ่งอิงพูดจบ แสงสีทองในมือก็ตกลงไปที่กลางลำตัวของเพียงพอนเหลือง ถือว่าเป็นการตีตราสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง และไม่ต้องกลัวแล้วว่าเดี๋ยวมันจะหนีหายไป
ต่อจากนั้น ซ่งอิงก็เปิดกรงออกแล้วจงใจข่มขู่ “จับหนูที่สร้างปัญหาทำลายข้าวสารธัญพืชในหมู่บ้านนี้มาเสีย หากจับได้มากพอ หลังจากนี้จะมีแต่ของดีๆ ให้กินอีกเยอะ หากไม่ทำงานให้ดีๆ เช่นนั้นบรรลุไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่สู้เอาหนังไปขายจะดีกว่า”
เท่าที่นางรู้มา โดยทั่วไปเพียงพอนเหลืองน่าจะชอบกินหนู ปลาและกบเขียว ตลอดจนไข่หนอนนานาประเภทจึงจะถูก ยกเว้นก็แต่ไม่มีอาหารแล้ว มิเช่นนั้นก็คงไม่ลงมือกับลูกไก่
อาจเพราะอยู่บนเขาลำบาก หิวโหยมากแล้ว นี่จึงได้กินไม่เลือก
เห็นเพียงพอนเหลืองตัวนี้ยกมือทั้งสองประสานหมัดโค้งตัวคำนับเท่านั้น จากนั้นร่างสีเหลืองนั่นก็หายลับไปในพุ่มหญ้า
มิน่าล่ะ จึงถูกคนเรียกว่าเป็นหวงต้าเซียน
ก็ด้วยความรวดเร็วและรูปร่างที่ดูดุร้าย จึงดูค่อนข้างลึกลับ
ซ่งอิงมองหมาป่าที่ยังคงแยกเขี้ยวยิงฟันอยู่ด้านข้างแวบสายตาหนึ่งแล้วถอนหายใจ “เจ้าต้องพยายามอย่างหนักแล้วสิ มิเช่นนั้นก็ทำได้เพียงตอบแทนข้าด้วยอวัยวะทั้งห้าเสียแล้ว”
เหยื่อที่ลามาได้ ถึงอย่างไรนางก็ไม่อาจปล่อยไปเฉยๆ ได้กระมัง
หากใจดีมีเมตตาถึงขั้นนี้จริง เช่นนั้นนางจะดำรงอยู่ในโลกนี้ต่อไปได้อย่างไร
ไม่ว่าจะสัตว์หรือพืชล้วนเป็นสิ่งที่เกิดสติปัญญาอันเฉียบแหลมขึ้นมาได้ แล้วเช่นนี้กินใครบ้างไม่ถือว่าทำบาป
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ในลานบ้านมีหนูเพิ่มมาห้าตัว รูปลักษณ์ไม่ค่อยเจริญตาเลยจริงๆ เพียงพอนเหลืองตัวนั้นฉลาดเฉลียวจริงอย่างที่คิดไว้ รู้จักจับเป็นแล้วยังจับหนูยัดเข้าไปในกรงที่มันถูกขังไว้ก่อนหน้านี้ได้อีกด้วย น่าประหลาดเหมือนกัน
แม้ว่าหนูไม่ค่อยน่ามอง แต่อย่างน้อยมันก็เป็นสัตว์ ซ่งอิงเลยละเว้นชีวิตเอามาเลี้ยงไว้
หากเกิดสติปัญญาก็จะเก็บไว้ ไม่เกิดสติปัญญาก็ให้เป็นอาหารเช้าของเพียงพอนเหลืองไป หนูที่เลี้ยงด้วยข้าวสารที่ผ่านการซึมซับน้ำผ่านจิต เพียงพอนเหลืองย่อมชอบเป็นธรรมดา
ผู้คนในหมู่บ้านเดิมทีนึกว่าเลี้ยงไก่และเป็ดไม่รอดแน่ กลับนึกไม่ถึงเลยว่าหลายวันเพียงนี้แล้วฝูงสัตว์ปีกทั้งหมดยังอยู่ดี และถึงขั้นเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงอีกด้วย
น่าเสียดาย หมาป่าตัวนั้นที่ซ่งอิงจับมาได้เป็นตัวเดียวที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ซ่งอิงก็ลากออกไปให้ชาวบ้านได้เห็นกันสักครั้ง ถือเป็นการเอามาใช้สร้างบารมีให้ตัวเองอีกด้วย
บรรดาชาวบ้านส่งเสียงฮือฮาด้วยความตกใจ จากนั้นหาคนที่ชำแหละเนื้อได้มาหนึ่งคน จัดการฆ่าหมาป่า ซ่งอิงเอาหนังมันเก็บไว้ ส่วนเนื้อก็แบ่งให้คนสูงวัยและเด็กในหมู่บ้าน
เหล่าคนสูงวัยและเด็กในหมู่บ้านแห่งนี้ ปีหนึ่งๆ ตั้งแต่หัวปียันท้ายปีไม่ได้เห็นเนื้อสัตว์เลยด้วยซ้ำ เจ้าของที่ดินคนใหม่ใจกว้างเช่นนี้ แต่ละคนล้วนซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลและพากันทำงานกันขยันขันแข็งยิ่งขึ้น
[1] หวงต้าเซียน (黄大仙) ตามเทวะตำนานเล่าว่า เมื่อหลายพันปีก่อนนั้น หวงต้าเซียน เดิมเคยเป็นเต่าทองคำอยู่หน้าแท่นบัลลังก์ขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้มาก่อน แต่ท่านเห็นความทุกข์ยากของมวลมนุษย์ในหน้าแล้งจึงเกิดความสงสาร ไปเปิดแม่น้ำสวรรค์ให้ไหลลงมายังโลกมนุษย์ แต่เนื่องด้วยการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการทำผิดกฎสวรรค์ เมื่อเง็กเซียนทราบความเข้า จึงได้ลงโทษให้เต่าทองคำลงมาเกิดในโลกมนุษย์ จากนั้นเมื่อได้มาเกิดบนโลกมนุษย์ก็ฝึกตนเป็นนักพรตจนบรรลุผล คอยช่วยเหลือผู้คนทั่วไป ขึ้นชื่อด้านมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ ภายหลังต่อมาก็ได้กลายเป็นเซียน