ตอนที่ 591 แทงใจ / ตอนที่ 592 คางคกคิดจะกินเนื้อห่านฟ้า
ตอนที่ 591 แทงใจ
บ้านอื่นๆ ภรรยาดูถูกสามีไม่เอาไหนมีถมเถไป
ในเมื่อเขาต้องการเป็นสามีภรรยา เช่นนั้นก็ต้องเตรียมใจให้พร้อม!
นึกถึงสถานการณ์ตอนแรกที่ตนในฐานะอ๋องอู่เฉิน ทำให้คนระดับตระกูลลู่ถึงกับตกอกตกใจแทบแย่ นั่นคือความองอาจห้าวหาญไร้ที่เปรียบ คนที่เหย่อหยิ่งระดับนั้น บัดนี้ต้องถูกนางดูถูกดูแคลน หากเขายืนหยัดทนได้ถึงสามวัน ก็นับว่าเขาเก่งมากแล้ว
“ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม วันนี้…ไม่เห็นสัตว์ป่าเลยสักตัว” ฮั่วหรงพูดตามความจริง
ซ่งอิงคลี่ยิ้ม “อ้อ? ภูเขาที่ใหญ่โตขนาดนั้น ไม่เห็นสัตว์ป่าเลยหรือ”
เห็นก็แปลกแล้ว! ฮั่วหลินเป็นถึงภูตโสม!ภูเขาซิ่งฮวาเป็นสถานที่ที่มันถือกำเนิด ดังนั้นเมื่อเข้าไปในเขาลูกนั้น ตราบใดที่สองเท้าแตะพื้นก็จะเสมือนกับรากหยั่งลงพื้นดินอย่างไรอย่างนั้น รับรู้ถึงสภาพโดยรอบอย่างชัดเจนกระจ่างแจ้ง!
มันกลัวสิ่งมีชีวิตในภูเขาเป็นที่สุด ย่อมต้องเดินหลีกเลี่ยงสัตว์ป่าเป็นธรรมดา!
อย่าว่าแต่สัตว์ป่าที่มีชีวิตเลย ต่อให้เป็นรอยประทับเท้าและสิ่งปฏิกูลของสัตว์ป่า ก็อย่าหวังว่าจะได้เห็น!
“ไว้พรุ่งนี้ข้าค่อยไปดูใหม่” ฮั่วหรงถอนหายใจ
เขาอดกลั้น
ร่างของตนที่ฟื้นจากความตาย นี่เพิ่งแค่วันเดียวเอง จะกลับเข้าไปนอนในโลงศพดังเดิมทั้งเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“พรุ่งนี้หรือ พรุ่งนี้ท่านไม่กลับบ้านฝั่งมารดาข้าเป็นเพื่อนข้าหรือ” ซ่งอิงเอ่ยพูดด้วยสีหน้าน่าสงสารขึ้นมาทันที “นึกถึงตอนแรกข้ายังไม่ได้แต่งเข้ามา เซียงกงก็เสียชีวิตไปแล้ว จึงไม่มีคนกลับไปเยี่ยมบ้านเป็นเพื่อนข้า…”
ฮั่วหรงขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน
เพ้อเจ้อ!
เขาตายไปแล้ว ก็มีแต่ผีที่ไปเป็นเพื่อนได้!
“ได้สิ ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า” ฮั่วหรงข่มอารมณ์เอาไว้ต่อไป
“หากเจอญาติผู้ใหญ่…เซียงกงต้องปากหวานเข้าไว้หน่อย… ท่านปู่ข้าชอบเด็กที่ค่อนข้างร่าเริง อีกทั้งพี่ชายคนรองของข้า บัดนี้เข้าร่วมการสอบอยู่ที่เมืองยง คาดว่าอีกไม่กี่วันก็จะมีข่าวคราวส่งกลับมา ดังนั้นพรุ่งนี้ท่านก็จำเป็นต้องพูดถ้อยคำที่เป็นมงคลให้มากๆ หน่อย อวยพรพี่รองข้าให้ราบรื่นในการสอบ” ซ่งอิงกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“…” ฮั่วหรง
อะไรที่เรียกว่าทำตัวโอ้อวดวางอำนาจ เขาได้เห็นแล้วในวันนี้
“ได้” ฮั่วหรงยิ้มเย็นชา “เพียงแต่เหนียงจื่อ บัดนี้ท่าทีของเจ้าช่างแตกต่างกับตอนเช้าที่คุกเข่าลงและเรียกขานกันว่าท่านอาเสียเหลือเกิน!”
ซ่งอิงหาได้เกรงกลัวเขาไม่ “ท่านต้องการไปหาหัวหน้าหมู่บ้านแล้วบอกกล่าวเหตุผลไปหรือไม่ ก็บอกกล่าวคนอื่นไปว่าฮั่วหรงหลอกว่าเสียชีวิตแล้ว ความเป็นจริงคืออ๋องอู่เฉินในปัจจุบัน และยังไร้ยางอายมาแสดงตนเป็นญาติผู้ใหญ่ของข้า ให้ข้าคุกเข่าและคำนับศีรษะให้ตั้งหลายครั้งเช่นนั้นหรือ”
“หากท่านกล่าวว่าตนเองคืออ๋องอู่เฉิน ให้ข้าลากคนทั้งตระกูลมาคุกเข่าให้ท่านก็ยังได้ แต่หากท่านกล่าวว่าตนเองคือฮั่วหรง เช่นนั้นเราก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมในหมู่บ้านชนบทใช่หรือไม่เจ้าคะ เซียงกง!” ซ่งอิงคลี่ยิ้ม
น้ำเสียงที่ชวนสยดสยองนั้นช่างเหมือนปีศาจจริงๆ ภายใต้น้ำเสียงราวกับปีศาจ ทำให้ฮั่วหรงขนลุกขนชันไปทั้งตัวย้อนนึกไปไกลในตอนนั้น เขามองนางโดยมีสายธารกั้นกลาง มองเห็นบุตรสาวคนโตของเหยียนผิงโหวผู้มีดวงหน้าบอบบางอ่อนโยน สีหน้าอารมณ์เศร้าหมอง แววตาดูไม่มีชีวิตชีวา ชวนให้เกิดความสงสารเสียเหลือเกิน
แล้วพอมองดู ณ ตอนนี้ นอกจากคนเปลี่ยนไปแล้ว มิหนำซ้ำยังเอาแต่พูดจาแทงใจดำ
เขามีชีวิตมาจนเติบใหญ่ขนาดนี้ไม่เคยต้องโมโหโดยทำอะไรไม่ได้มาก่อน แต่เดิมทีควรรู้สึกหงุดหงิดใจ ครั้นถูกนางเรียกเซียงกงคำเดียวก็จิตวิญาณหลุดลอยไปเสียแล้ว อารมณ์โมโหอะไรนั่นหายไปด้วยเช่นกัน
“กลับไปวันพรุ่งนี้ออกจะรีบร้อนไปหน่อย วันมะรืนแล้วกัน ข้าจะเตรียมของขวัญสักหน่อย จะได้แสดงถึงความจริงใจด้วยเช่นกัน” ฮั่วหรงกล่าว
“ก็ได้” ซ่งอิงตอบรับไม่มากเรื่อง
คาดว่าวันนี้ใช้ยาดุดันไปพอประมาณแล้วเช่นกัน
นางโบกไม้โบกมือใส่เขาอย่างอวดดีแล้วเดินกลับเข้าเรือนไป
ฮั่วหรงเห็นแผ่นหลังอรชรของนาง ก็อดกระตุกยิ้มมุมปากไม่ได้
เรื่องเล็กน้อยที่ไม่สลักสำคัญอะไรกลับชวนให้รู้สึกเกิดความสนใจ นับแต่เขามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ไม่เคยมีวันใดที่รู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้มาก่อน โดยส่วนใหญ่ในสมองมักเต็มไปด้วยโลหิตสีแดงสดของฮั่วซื่อชาวเผ่าแมนจู หรือไม่ก็เป็นฝันร้ายท่ามกลางสนามรบ แต่ช่วงเวลาตลอดทั้งวันนี้ เขากลับไม่ได้นึกถึงเรื่องเหล่านั้นเลยสักนิด
ทั้งหัวใจ ทั้งสายตา…
เต็มไปด้วยความอยากจะจับซ่งอิงมา…ตีเสียให้เข็ดหลาบ ไม่อาจนึกถึงอย่างอื่นได้เลย
ตอนที่ 592 คางคกคิดจะกินเนื้อห่านฟ้า
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ยามที่ซ่งอิงตื่นนอนก็ไม่เห็นฮั่วหรงเสียแล้ว กระทั่งถึงตอนเที่ยงวัน คนผู้นี้จึงได้กลับมา
แต่เขาไม่ได้กลับมาคนเดียวน่ะสิ
เขาคนเดียว ลากหมูป่าหนึ่งตัวไว้ด้านหลัง ตามเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสดหลายแห่ง ปรากฏตัวอย่างเยือกเย็นอยู่หน้าประตูบ้าน มองดูชวนตระหนกตกใจกลัวเล็กน้อย
ซ่งอิงเดินเข้าไปหาในทันใด ก่อนจะมองหมูป่าตัวนั้นอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ไม่หายใจแล้วหรือ” ซ่งอิงถอนหายใจ
“…” ฮั่วหรงกัดฟันกรอด “เจ้าควรมองดูตามเนื้อตัวของสามีเจ้าก่อนหรือไม่”
ไม่นึกเลยว่าจะกังวลใจเกี่ยวกับหมูป่าตัวนี้ยังหายใจอยู่หรือไม่!
“ท่านมีอะไรให้น่าเป็นห่วงหรือ เซียงกง หากท่านตาย ไม่แน่ว่ายังต้องขอบคุณข้าอีกด้วย” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ซ่งอิง” ตอนนี้ฮั่วหรงรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวใจเล็กน้อยแล้วจริงๆ
แต่ที่ซ่งอิงพูดก็เป็นความจริงนี่
เป็นคนมีอะไรดีเล่า เหน็ดเหนื่อยลำบากแสนเข็ญ เหาะเหินก็ไม่ได้ ฮั่วหรงผู้เป็นเซียนสวรรค์กลับชาติมาเกิด ตายไปก็ได้ขึ้นสวรรค์ และต่อจากนั้นไปแม้แต่ฮ่องเต้ในโลกมนุษย์ก็ทำอะไรเขาไม่ได้
หากซ่งอิงรู้ว่าตัวเองคือเซียนสวรรค์กลับชาติมาเกิด คาดว่าคงได้ปาดคอฆ่าตัวตายทันที จะได้กลับไปสู่ตำแหน่งเดิมเร็วหน่อย
ณ ตอนนี้ หมูป่าตัวนี้ตายแล้วก็ตายไป ซ่งอิงไม่ได้อาลัยอาวรณ์เกินไปเช่นกัน
ถึงอย่างไรหมู่บ้านของนางทางด้านนั้นก็ดึงดูดสัตว์ป่าไปเยือนมากพอ
แต่ลักษณะสีหน้าเฉยชาเช่นนี้ของนาง กลับทำให้ฮั่วหรงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในใจ
“แท้จริงแล้วเหนียงจื่อไม่มีหัวใจใช่หรือไม่” ฮั่วหรงกล่าว
ไม่ใช่ว่าเขาหาเรื่องโดยไร้เหตุผล แต่สาวน้อยผู้นี้เย็นชาเหลือเกินจริงๆ
ต่อให้ไม่หยิบยกตัวตนฮั่วหรงมาพูด จะร้ายจะดีตอนที่อยู่ในฐานะฮั่วเจ้ายวนก็ถือว่าเขาปฏิบัติต่อซ่งอิงไม่เลวเช่นกัน กี่ครั้งที่ห่วงใยและปกป้องล้วนไม่ใช่เรื่องหลอกลวง เช่นนี้ยังแลกมาซึ่งความใจอ่อนของนางไม่ได้เลยสักนิดหรือ
ซ่งอิงมองเขาอย่างประหลาดใจ ยากจะเข้าใจได้
“ช่างเถอะ” ฮั่วหรงเอ่ยพูดขึ้นมาอีกกะทันหัน จากนั้นก็ถอนหายใจ “จะชำแหละหมูป่าตัวนี้สักหน่อยแล้วแบ่งให้หัวหน้าหมู่บ้านส่วนหนึ่ง ที่เหลือก็เอาไปให้บ้านซ่งทั้งหมด เพียงแต่เนื้อหมูพวกนี้ยังคงไม่ค่อยพอสักเท่าไร ข้าจะไปดักปลาในแม่น้ำมาอีกหน่อยแล้วกัน”
พูดจบเขาก็เดินจากไป
ซ่งอิงมุ่นคิ้ว พลันรู้สึกถึงปัญหาหนึ่งที่ยิ่งใหญ่มากนางให้ภูตโสมมาหา จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านพ่อเจ้ากลับมาเพื่ออันใด มิใช่คิดจะมาใช้ชีวิตกับข้าอย่างจริงจังหรอกกระมัง”
เขาบอกว่าเหนื่อยล้าใจอยากจะพักผ่อน แต่หลายปีเพียงนั้นไม่กลับหมู่บ้านซิ่งฮวาเลยสักครั้ง บัดนี้กลับนึกถึงหมู่บ้านขึ้นมาแล้วหรือ
นี่ก็ออกจะบังเอิญเกินไปแล้ว!
“ข้าเห็นเขาเป็นอา แต่เขาอยากจะมีความสัมพันธ์รักใคร่กับข้าหรือ!” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“…” ภูตโสมมองนางอย่างสับสน “แต่เขาเป็นเซียนสวรรค์กลับชาติมาเกิด หากมีความรักกับเขา…เช่นนั้นก็จะเป็นประโยชน์ต่อท่านแม่อย่างใหญ่หลวงใช่หรือไม่”
“อย่าพูดเป็นเล่นน่า มีความรักกับเขาสู้การกินเนื้อเขาได้หรือ” ซ่งอิงหัวเราะหยัน “ลูกชาย เขาเป็นถึงเซียนสวรรค์ พวกเจ้าก็บอกเองนี่ว่าตัวเขาเต็มไปด้วยแสงทองระยิบระยับ เห็นชัดว่าเป็นรุ่นใหญ่ที่ตกลงมาสู่โลกมนุษย์ มีฐานะไม่ธรรมดาอย่างยิ่งเป็นแน่ แม้ว่าตอนนี้ถูกตาต้องใจข้า แต่เมื่อเขากลับสู่จุดเดิม ข้าจะไปมีความหมายอันใด”
“ถึงตอนนั้น ต่อให้ข้าไร้ยางอายอ้อนวอนเขาให้ช่วยทำให้ข้ากลายเป็นเซียน ชีวิตหลังจากนั้นก็ไม่สุขสบายเป็นแน่”
“ข้าไม่อยากยังต้องถูกคนดูถูกว่าเป็นคางคกที่คิดจะกินเนื้อห่านฟ้าหลังจากกลายเป็นเซียนสวรรค์ เทียบกับอาศัยการผูกสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว ขอกินเนื้อยังจะดีกว่าอีก” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ภูตโสมพยักราวกับเข้าใจทั้งที่ไม่เข้าใจ
ซ่งอิงคิดไปในทิศทางนั้น จึงยิ่งรู้สึกว่าไม่ควรพึ่งพาการผูกสัมพันธ์กับบุรุษ
อันดับแรก นางยังไม่รู้เลยว่าเซียนสวรรค์ผู้นี้ตอนอยู่บนฟากฟ้ามีอนุภรรยามากน้อยเท่าใด อย่างไรเสียนี่เป็นแค่การกลับชาติมาเกิดครั้งหนึ่งของเขาเท่านั้นเอง มีภรรยามากน้อยเท่าไรใครจะบอกได้ชัดกระจ่างแจ้ง
หากนางผูกสัมพันธ์ในภพชาตินี้ เมื่อกลายเป็นเซียน อย่างมากสุดก็เป็นได้เพียงหนึ่งในอนุภรรยาเซียน ไม่มีแม้แต่อิสระ
นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ
ซ่งอิงเกิดสติปัญญาขึ้นมา เพียงแต่นั่นค่อนข้างต่างจากคนทั่วไป