ตอนที่ 577 จัดการวางแผน
บริเวณโดยรอบหมู่บ้านแห่งนี้มีสัตว์ป่าดุร้ายเยอะ ครอบครัวชาวไร่ชาวนาเลี้ยงไก่เลี้ยงและเป็ดไม่รอด เนื่องจากถูกสัตว์ดุร้ายขโมยกินบ่อยครั้ง ดังนั้นผู้คนก็น้อยลงไปทุกที ภายในหมู่บ้าน ณ ปัจจุบันมีเพียงสิบกว่าครัวเรือนยังคงเช่าที่ดินอยู่
ซ่งอิงจึงซื้อหมู่บ้านแห่งนี้มาได้ด้วยเงินเพียงสองพันสองร้อยตำลึงเงิน!
ต้องเข้าใจว่า แม้พื้นที่นั้นค่อนข้างห่างไกล ที่นาอุดมสมบูรณ์ไม่ได้ราคาแพงเท่าหมู่บ้านซิ่งฮวา แต่อย่างน้อยก็มีมูลค่าเจ็ดสิบถึงแปดสิบตำลึงเงินต่อหมู่ แต่ท้ายที่สุด ที่นาอุดมสมบูรณ์กับที่ดินดอนรวมๆ แล้วก็เป็นจำนวนเงินแค่นี้ แทบจะไม่ต่างกับเก็บได้เปล่าๆ โดยไม่เสียเงินเลย!
แน่นอนว่า คนทั่วไปต่อให้ได้ที่ดินเช่นนั้นมาก็ไม่อยากได้อยู่ดี
ซื้อมาไว้ได้ แต่ก็ดูแลไม่ไหว
แต่ซ่งอิงแตกต่างออกไป รอบกายนางเต็มไปด้วยปีศาจ แม้กระทั่งตัวนางเองก็เอาชนะสัตว์ดุร้ายได้
ซื้อหมู่บ้านเอาไว้แล้ว ย่อมต้องไปดูสักหน่อยเหมือนกัน
เมื่อนางไปถึงสถานที่ดังกล่าว ซ่งอิงรู้สึกเหมือนมาถึงป่าอย่างไรอย่างนั้น
ครั้นเงยหน้ามองก็เห็นภูเขาที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้หนาแน่น และตอนนี้ในหมู่บ้านก็มีหญ้าป่าขึ้นไม่น้อย แม้ว่าบริเวณโดยรอบล้อมรั้วเอาไว้แล้ว แต่ก็ทรุดโทรมจนเกิดช่องไม่น้อย อีกทั้งรั้วไม้นี้แทบไม่มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่เลย
นอกจากนี้ ครอบครัวผู้เช่าที่ดินน้อยเหลือเกิน นี่กลางวันแสกๆ แต่กลับเห็นผู้คนบางตายิ่ง
คนจากสิบครัวเรือน คนชราและเด็กๆ รวมกันแล้วประมาณสี่สิบคน
เมื่อซ่งอิงมาถึง บรรดาผู้เช่าที่ดินก็พากันมารวมตัว
ผู้นำหมู่บ้านคือชายชราที่อายุประมาณห้าหกสิบปี มองดูผ่านโลกมาโชกโชนอย่างยิ่ง
พวกเขาได้รับจดหมายแล้ว จึงรู้ว่าแม่นางคนหนึ่งเป็นเถ้าแก่คนใหม่ เพียงแต่บัดนี้ที่มองเห็นอยู่ ยังคงสร้างความผิดหวังแก่พวกเขาเล็กน้อย อย่างไรเสียคนอายุน้อยก็มักจะขาดความกล้าหาญ บางทีอาจเพราะถูกหลอกจึงได้ซื้อที่ดินแห่งนี้ แม้ซื้อไว้แล้วก็ไม่รู้จักให้ความสำคัญ และไม่แน่ว่ายังจะขายทิ้งไปอีกทอดหนึ่งด้วย
อย่างไรเสียจะมีหญิงสาวเยาว์วัยคนไหนบ้างที่ชื่นชอบสถานที่อันเต็มไปด้วยสัตว์ดุร้ายเช่นที่นี่ หากโชคไม่ดีคงถูกทำร้ายเอาได้
“ทุกคนในหมู่บ้านล้วนอยู่กันครบแล้วหรือ” ซ่งอิงมุ่นคิ้ว
“ใช่แล้ว แม้แต่เด็กทารกก็อุ้มมาด้วยเช่นกัน” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวทันที
ซ่งอิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ น่าเวทนาจริงๆ
“สิบครอบครัว เหตุใดจึงมีผู้ที่ดูกำยำแข็งแรงเพียงสี่คนเท่านั้น” ซ่งอิงเอ่ยถาม
ผู้ที่นางกล่าวว่าดูกำยำแข็งแรง หมายถึงคนที่มองดูอายุยี่สิบถึงสี่สิบปี
“เถ้าแก่ไม่รู้อะไร ชุมชนเราสัตว์ป่าดุร้ายเยอะมาก เมื่อก่อนก็มีครอบครัวผู้เช่าที่ดินจำนวนไม่น้อย แต่ไม่นานก็ทยอยหนีไปหมด ก็เลยเหลือกันเพียงเท่านี้…ในครอบครัวล้วนมีความยากลำบาก ไปไหนไม่ได้ อย่างเช่นข้ามีหลานชายสามคน คนโตสุดเพิ่งสิบขวบ คนเล็กสุดอายุเพียงสามขวบเท่านั้น มีพวกเขาติดสอยห้อยตามอยู่ด้วยจะมุ่งไปแห่งหนใดได้หรือ”
“หรือไม่ก็เป็นครอบครัวที่มีคนเฒ่าคนแก่ ไม่มีหนทางอื่น” เขากล่าวเสริมขึ้นมาอีกประโยค
ทั่วทั้งหมู่บ้าน เกือบจะเป็นการอาศัยผู้หญิงดูแล
คนน้อย นับว่าเป็นความยุ่งยากจริงๆ
แต่เมื่อลองคิดดูอีกที ซ่งอิงก็รู้สึกว่าบางทีนี่ก็มีข้อดีอยู่บ้าง
นางใช้ที่แห่งนี้มาเป็นแหล่งเลี้ยงปีศาจได้
“นับแต่วันนี้ไป ข้าเป็นเถ้าแก่เหนียงของพวกท่าน หลังจากนี้มีข้าอยู่ทั้งคน จะทำให้พวกท่านกินอิ่มและได้สวมอาภรณ์อุ่นๆ แน่นอน ส่วนสัตว์ดุร้ายบนเขา ข้าก็จะคิดหาวิธีจัดการเช่นกัน เพียงแต่เช่าที่นาของข้าก็ต้องเคารพกฎระเบียบของข้าด้วย แต่ละคนต้องปิดปากให้สนิท ไม่ว่ามองเห็นอะไรหรือได้ยินอันใด แสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอดก็พอ ขอเพียงเคารพกฎระเบียบนี้ได้ รับประกันว่าพวกท่านจะมีชีวิตที่สุขสบายกว่าเมื่อก่อน
“พวกท่านกลับไปทำงานกันเถอะ ตอนนี้ก็เริ่มต้นการเพาะปลูกฤดูใบไม้ผลิแล้ว ที่นาก็ควรเพาะปลูกได้แล้ว จะปล่อยให้ว่างเปล่าไม่ได้”
ซ่งอิงกวาดตามองปราดหนึ่ง ในหมู่บ้านมีทางน้ำไหล นอกจากนี้ยังมีกังหันน้ำเก่าที่ทรุดโทรมเป็นพิเศษอยู่หนึ่งแห่ง
ตัวบ้านเรือนในหมู่บ้านก็ต้องซ่อมแซมด้วย มิเช่นนั้นเมื่อนางมาเยือนที่แห่งนี้ก็จะไม่มีที่พักอาศัยสบายๆ สักหลัง
นอกจากนั้นยังมีคลองจำนวนหนึ่งซึ่งควรขุดลอกให้น้ำไหลผ่านสะดวก บริเวณโดยรอบต้องปลูกผลไม้และต้องเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ดและห่านเอาไว้ด้วย ที่นาอุดมสมบูรณ์และที่ดินดอนยิ่งแล้วใหญ่ จำเป็นต้องปลูกข้าวสารธัญพืชและผัก ทางด้านที่ดินทรายเอามาใช้ปลูกพืชจำพวกแตงและถั่วลิสงได้
ตอนที่ 578 งับคออยู่หมัด
ซ่งอิงตั้งใจว่าจะนำต้าหวงมาที่นี่
นอกจานั้นกบเขียวตัวน้อยที่มีสติปัญญาจำนวนหนึ่งซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของปีศาจกบเขียวก็ต้องพามาด้วยเช่นกัน ในที่นาของที่แห่งนี้ต้องรดน้ำผ่านจิตให้มากพอ ต้องให้มากกว่าที่ดินทางด้านหมู่บ้านซิ่งฮวาแห่งนั้น เช่นนี้น่าจะช่วยเร่งให้มีปีศาจบรรลุเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น อยู่ใกล้เขาดีจะตาย สัตว์ป่าดุร้ายเยอะก็ดีเช่นกัน!
สัตว์ป่าดุร้ายบนเขาจะอย่างไรก็ต้องมีบางส่วนที่มีสติปัญญาอันชาญฉลาดกระมัง
โดยทั่วไป สรรพสิ่งใดที่มีสติปัญญาชาญฉลาด จะมากจะน้อยก็ย่อมรับรู้ได้ถึงประโยชน์ของน้ำผ่านจิต น่าจะถูกชักนำมาได้เช่นกัน จากนั้นก็จะล้อมไว้แล้วเอามาเลี้ยงได้ เลี้ยงกระทั่งพวกมันเปลี่ยนรูปลักษณ์ก็ช่วยนางทำงานได้แล้ว
หมู่บ้านนี้แห่งเดียวต้องไม่เพียงพอแน่ ภายภาคหน้าหากปีศาจเยอะ นางก็ต้องหาซื้อหมู่บ้านเอาไว้อีกหน่อย…
เพียงแต่ว่าเมื่อนึกถึงมาถึงตรงนี้ ซ่งอิงก็นิ่งอึ้งไป
จากนั้นเล่า? ทั่วหล้าล้วนเต็มไปด้วยปีศาจหรือ เมื่อนางตายแล้วจะทำอย่างไรครั้นนึกถึงประเด็นนี้ ซ่งอิงก็กระวนกระวานขึ้นมาในหัว จากนั้นทั้งสมองล้วนเต็มไปด้วยช่องว่างระหว่างมิติ…
บางที…
บางทีช่องว่างระหว่างมิติของนางอาจเป็นโลกของปีศาจก็เป็นได้
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา นางก็ไม่อาจลบมันออกจากสมองได้อีกเลย
นางต้องคิดหาวิธีทำให้โลกนี้มีพลังหลิงชี่มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งโลกนี้มีพลังหลิงชี่มากเท่าใด ช่องว่างระหว่างมิติก็จะดูดซับพลังหลิงชี่มากขึ้นเท่านั้น ถึงเวลานั้นก็จะกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สัญชาตญาณของนางบอกกับนางว่า ช่องว่างระหว่างมิตินี้ถูกผูกติดกับจิตวิญญาณของนาง หากนางไม่กลายเป็นเซียนอมตะ ก็น่าจะติดตามนางไปเกิดใหม่อีกภพชาติได้ ถึงตอนนั้น…
ปีศาจที่เลี้ยงเอาไว้ข้างในก็จะเริ่มต้นใหม่ได้เช่นกัน?
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงสัญชาตญาณเท่านั้น ซ่งอิงไม่กล้าเดิมพันเช่นกัน
ปีศาจก็คือชีวิตเช่นกัน เกิดเอาไปอยู่ในช่องว่างระหว่างมิติแล้วท้ายที่สุดแล้วตายไปพร้อมกับนางเล่า
นางกลายเป็นเซียนเพื่อเป็นอมตะจะแน่นอนกว่าหน่อย
ซ่งอิงให้คนไปช่วยซื้อกล้าผลไม้รวมไปถึงลูกไก่ลูกเป็ดมาให้ไม่น้อย จากนั้นจึงเริ่มวางแผนจัดการ
ในหมู่บ้านมีผู้ชายน้อย แต่ผู้สูงวัยและเด็กก็ใช้ประโยชน์ได้เช่นกัน อย่างเช่นให้เลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ด เดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น เด็กๆ ที่ยากจนต้องหัดดูแลครอบครัวตั้งแต่เล็กๆ อยู่แล้ว พวกเขารู้ว่าไก่และเป็ดคือของดี จึงปฏิบัติต่อพวกมันเหมือนของล้ำค่าอย่างจริงจัง เทียบกับเด็กดื้อเหล่านั้น ดูรู้ความจนชวนให้คนสงสารเลยด้วยซ้ำ
“เถ้าแก่เหนียง เป็ดไก่นี่เลี้ยงไปก็สิ้นเปลืองธัญพืชเปล่าๆ ตอนนี้เริ่มฤดูใบไม้ผลิแล้ว ของบนเขาก็ผลิบานออกมาให้กินได้แล้ว พวกมันจมูกไว ดมกลิ่นไม่ทันไรก็แห่กันมาแล้ว” หัวหน้าหมู่บ้านทอดถอนใจ
ตลอดที่ผ่านมา ขนาดพวกข้าวสารธัญพืช พวกเขาก็ต้องระมัดระวังกันอย่างยิ่ง
ออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้าสว่าง พลบค่ำจึงกลับมา จากนั้นแต่ละครอบครัวก็ปิดประตูและหน้าต่างอย่างแน่นหนา
“ข้าว่าสองสามวันนี้ท่านลองมาลาดตระเวนดูในแปลงนาตอนกลางคืนสิ นี่ไม่เหมาะสมหรอก หากมีหมาป่าตัวหนึ่งโผล่มา กัดทีเดียวก็งับคอได้อยู่หมัดแล้ว” ผู้นำหมู่บ้านกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ข้าพละกำลังมากมาแต่กำเนิด ไม่กลัวสัตว์ป่าดุร้าย ส่วนไก่และเป็ดนี่ พวกท่านเพียงแค่คอยให้อาหารก็ใช้ได้ แน่นอนว่าข้าย่อมไม่ลืมให้ค่าแรงแก่พวกท่านด้วยเช่นกัน” ซ่งอิงกล่าว
ซ่งอิงตั้งใจว่าจะเอาที่นาส่วนใหญ่ของที่แห่งนี้มาเพาะปลูกเอง อย่างไรเสียที่นี่ก็มีกำลังคนน้อยเหลือเกิน พวกเขาทำงานกันไม่ไหวเป็นแน่
เพียงแต่ว่าจะขับไล่คนเหล่านี้ออกไปก็ไม่ได้เช่นกัน พวกเขาไม่มีที่ทาง อีกทั้งในหมู่บ้านก็ต้องการคนงานด้วยจำนวนหนึ่ง
ดังนั้นเมื่อวานนี้ นางจึงตัดสินใจแล้วว่าครอบครัวหนึ่งเช่าที่ดินสำหรับให้พวกเขาเพาะปลูกกันเองได้หกหมู่ โดยครึ่งหนึ่งเป็นที่ดินอุดมสมบูรณ์ และครึ่งหนึ่งเป็นที่ดินดอน ข้าวและธัญพืชที่ปลูกได้ก็เอาไว้เลี้ยงครอบครัวพวกเขาเอง และแบ่งจ่ายเป็นค่าเช่าสองส่วนก็เป็นอันใช้ได้
หากเพาะปลูกในพื้นที่ครอบครัวตัวเองหมดแล้วยังอยากมาช่วยงานเป็นลูกมือนางก็ได้เช่นกัน นางจะจ่ายเงินให้ตามความสามารถ
พวกเขาล้วนยินยอมเห็นดีด้วย อย่างไรเสียเดิมทีก็ปลูกข้าวสารธัญพืชได้ไม่มาก อีกทั้งค่าเช่าสองส่วนก็นับว่าน้อยมากแล้ว
นอกจากทุ่งนาแล้ว ซ่งอิงจะเลี้ยงไก่ เป็ด ห่านและหมูที่นี่ด้วย เพราะมีจำนวนครัวเรือนไม่มากนัก จึงจัดสรรปันส่วนให้พวกเขาดูแลอย่างละหน่อย พวกเขาจะได้รับค่าจ้าง หรือไม่ก็สัตว์บางส่วนในนั้นจากการดูแลสัตว์ เพียงแต่พวกเขาเชื่อว่าหากเลือกสัตว์มาก็เลี้ยงให้รอดไม่ได้อยู่ดี จึงเลือกเงินค่าแรง
ณ ตอนนี้ เถ้าแก่เหนียงซ่งอิงผู้นี้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าต้องการเลี้ยงสัตว์ ผู้นำหมู่บ้านก็ยินยอมคล้อยตามไม่โน้มน้าวให้มากความแล้วเช่นกัน
พื้นที่แห่งนี้ร้ายใช่ย่อยจริงๆ ไก่และเป็ดถูกส่งมาไม่ถึงสามวัน ตอนกลางคืนซ่งอิงก็รู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวในหมู่บ้าน