ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล – ตอนที่ 621 คนบ้าผู้นั้น ตอนที่ 622 เจอสายฟ้าฟาดในไม่ช้าก็เร็ว

ตอนที่ 621 คนบ้าผู้นั้น ตอนที่ 622 เจอสายฟ้าฟาดในไม่ช้าก็เร็ว

ตอนที่ 621 คนบ้าผู้นั้น / ตอนที่ 622 เจอสายฟ้าฟาดในไม่ช้าก็เร็ว
ตอนที่ 621 คนบ้าผู้นั้น

ซือเหยีย[1]ส่งคนไปถ่ายทอดข้อความถึงซ่งอิง

“ท่านนายอำเภอของพวกเรามีญาติอยู่ในเมืองหลวงเช่นกัน ดังนั้นก็พอเข้าใจเกี่ยวกับจวนไคหยางกงเจ๋ว์อยู่บ้าง ตระกูลพวกเขามิใช่จะหาเรื่องกันได้โดยง่ายดายเพียงนั้น ด้วยเหตุนี้ แม่นางฮั่ว ร้านว่านหลิงของท่านนี้ย้ายไปแหล่งอื่นเสียจะเป็นการดีที่สุด มิเช่นนั้นหากคุณชายผู้นั้นข่มเหง พวกเราก็จัดการลำบากเช่นกัน…”

ซ่งอิงถึงกับตกตะลึงทันทีที่ได้ยินสามคำที่ว่า ‘ไคหยางกง’

มีประสบการณ์ของเจ้าของร่าง เป็นผลให้ซ่งอิงรู้จักจวนไคหยางกง!

เมืองหลวงมีขุนนางที่มีความชอบในราชการแผ่นดินไม่ใช่น้อยๆ แต่บรรดาศักดิ์กงเจ๋ว์ไม่ใช่ใครๆ ก็จะได้รับแต่งตั้ง ยามที่เจ้าของร่างอยู่เมืองหลวง เคยได้ยินเพียงว่าทั่วทั้งหล้ามีหนึ่งฮ่องเต้ สามกง แปดโหวและสิบห้าปั๋ว

นางไม่ทราบแน่ชัดเกี่ยวกับกงเจ๋ว์ท่านอื่น แต่ไคหยางกงและเหยียนผิงโหวต่อกรด้วยได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ

ยามที่เจ้าของร่างกำเนิด เพราะนิ้วเกินจึงถูกมองเป็นคนไม่สมประกอบ เกือบถูกจับกดน้ำตาย

ความจริงแล้ว ไม่ใช่เพียงเพราะเจ้าของร่างมีนิ้วเกิน แต่ยังเป็นเพราะในวันเดียวกัน ซื่อจื่อ[2]จวนโหวพลัดตกจากหลังม้าพอดี มิหนำซ้ำยังเป็นการแข่งขันกับจวนไคหยางกงเจ๋ว์

เช่นนี้จึงถูกผู้อื่นคิดว่าเป็นผลจากดวงกาลกิณีของเจ้าของร่างเดิม

ในความเป็นจริงตอนนั้นพี่ชายร่วมสายเลือดของเจ้าของร่างยังอายุไม่มากนัก สาเหตุทั้งหมดทั้งมวลที่พลัดตกหลังม้า เนื่องจากเดิมพันขี่ม้ากับเหล่านายน้อยและคุณชาย ซึ่งการแข่งขันกับไคหยางกงซื่อจื่อเป็นไปอย่างดุเดือดที่สุด ผลสุดท้ายม้าของทั้งสองเกิดเฉี่ยวชนกัน เป็นผลให้ทั้งสองคนพลัดตกจากหลังม้า

ครั้นพลัดตกลงไป มิตรภาพของทั้งสองตระกูลก็ขาดสะบั้น

เหยียนผิงโหวไม่ได้มีรากฐานอิทธิพลมากมาย ล้วนอาศัยบารมีบรรพบุรุษคุ้มกบาลทั้งนั้น จึงเป็นธรรมดาที่ไม่กล้ามีเรื่องบาดหมางกับไคหยางกง ทั้งที่ตระกูลตนโกรธเคืองอย่างยิ่ง กลับยังคงลากซื่อจื่อจวนโหวที่พลัดตกจากหลังม้าไปถึงหน้าประตูจวนไคหยางกงเจ๋ว์ ก้มหัวให้แทบติดดิน

น่าเสียดาย ไคหยางกงซื่อจื่อผู้นี้ฐานะสูงส่งและเป็นถึงเครือญาติเชื้อพระวงศ์ฮ่องเต้อย่างแท้จริง บุตรหลานในตระกูลตนเกือบตกลงมาตาย จะข่มความเดือดดาลนี้เอาไว้ได้อย่างไรเล่า จึงขับไล่คนเขาไปทันที

แม้ว่าเหยียนผิงโหวตกอับ แต่เหล่าครอบครัวพี่ชายน้องชายจวนเหยียนผิงโหวต่างก็ค่อนข้างมากความสามารถ เห็นว่าลดตัวต่ำต้อยก็แล้วยังไม่ได้ผลจึงเกิดความไม่พอใจ นับแต่นั้นมาสองตระกูลก็ไม่ไปมาหาสู่กันอีก

ภายหลังต่อมาซื่อจื่อของสองตระกูลค่อยๆ หายดี

แต่ซือจื่อสองท่านรุ่นราวคราวเดียวกัน อีกทั้งต่างก็เป็นแกนนำในหมู่ฝูงชน จึงคอยแข่งขันกันอย่างยิ่ง ยามที่เจ้าของร่างอยู่เมืองหลวง ยังเคยถูกคุณหนูของจวนไคหยางกงเจ๋ว์เหน็บแนม กล่าวว่าจวนโหวร่ำรวยสูงส่งด้วยการอาศัยขายบุตรสาว…

ความจริงก็เป็นเช่นที่คุณหนูจากตระกูลอื่นต่อว่า

อ๋องเฒ่าผู้มักมากในกามอายุปูนนั้นแต่งภรรยาเพิ่ม ขุนนางที่มีความชอบในราชการแผ่นดินทั่วทั้งเมือง ไม่ว่าใครก็ทำใจมิได้ที่จะยกบุตรสาวผู้เกิดจากภรรยาหลวงในตระกูลแต่งออกไปให้คนเช่นนั้น ทว่าเหยียนผิงโหวกลับทำเยี่ยงนี้!

นั่นเป็นถึงบุตรสาวโดยชอบธรรมเชียวนะ ไม่นึกว่าจะถูกส่งออกไปให้คนย่ำยีได้!

ซ่งอิงถอนหายใจ นึกไม่ถึงว่าตนหลบมาถึงเมืองยงแล้วแท้ๆ ก็ยังเจอะเจอคนของจวนไคหยางกงเจ๋ว์อีกจนได้!

อีกทั้งยังมีความโกรธแค้นต่อกัน!

ย้ายไปที่อื่น?

ร้านว่านหลิงของนางกว่าจะเป็นที่เลื่องชื่อลือนามปานนี้ได้ต้องตรากตรำเหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่ง นางทำใจปิดร้านไม่ได้น่ะสิ!

อีกอย่าง ปิดร้านไปก็ไม่ช่วยอะไรกระมัง

นอกเสียจากนางยกวิธีทำให้แล้วคุกเข่าขอโทษ มิฉะนั้นอีกฝ่ายคงไม่อภัยให้โดยง่าย อย่างไรเสีย เมื่อก่อนร้านชุ่ยเหยียนไจก็มีรายรับมหาศาล แต่แล้วแกะอ้วน[3]ตัวหนึ่งกลับถูกนางเชือดไปเสียแล้ว ผู้เป็นนายที่อยู่เบื้องหลังย่อมไม่มีทางยอมง่ายๆ เป็นแน่

ซ่งอิงกล่าวขอบคุณคนของที่ว่าการอำเภอ จากนั้นไปคิดทบทวนด้วยตัวเอง

ส่วนอีกด้านหนึ่ง องครักษ์เหล่านั้นมาถึงตรงหน้าคุณชายรองแล้วเช่นกัน นำเรื่องราวทั้งหมดบอกกล่าวอย่างหมดเปลือก

คุณชายรองผู้นั้นหัวเราะเยาะหยัน

“คิดไม่ถึงว่าชนบทแห่งนี้จะมีคนที่อาจหาญเช่นนี้อยู่ด้วย เพียงแต่ว่าไม่ต้องใส่ใจหรอก พวกเจ้านำที่พักของตัวข้าแพร่งพรายออกไป แค่สามวันก็จะมีคนมากล่าวขออภัยเป็นแน่” คุณชายรองผู้นั้นพูดด้วยความมั่นใจในตัวเอง เมื่อเอ่ยจบก็ดื่มชาหนึ่งอึกแล้วไล่คนออกไปให้พ้น

หากไม่ใช่เพราะเกรงกลัวอ๋องอู่เฉินผู้นี้ เขาก็จะตรงไปกดดันทางด้านที่ว่าการอำเภอ ให้คนจับตัวสตรีนางนั้นเสียเลย

บิดาเขากล่าวไว้แล้วว่า มาถึงทางด้านเมืองยงแห่งนี้ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวหน่อย อย่างไรเสียฮั่วเจ้ายวนคนบ้าผู้นั้นก็ไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น

ตอนที่ 622 เจอสายฟ้าฟาดในไม่ช้าก็เร็ว

เวลาสามวัน ซ่งอิงอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกไปไหนทั้งนั้น

ขอโทษ?

เป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในหัวด้วยซ้ำ

แต่ก็ได้ยินมาว่าคุณชายรองท่านนั้นซื้อเรือนที่ราคาแพงที่สุดในเมือง…ซึ่งก็คือเรือนโอ่อ่าและพื้นที่กว้างขวางที่แถวๆ ถนนจวนฮั่วและจวนลู่นั่น

แล้วยังได้ยินอีกว่า สามวันมานี้ คุณชายรองเซว์ผู้นั้นไปภัตตาคารเย่ว์เฟิงมาครั้งหนึ่ง ครั้นสำราญใจก็สั่งเหมาทั้งภัตตาคาร ขับไล่ลูกค้าทุกคนออกไป รับประทานอาหารโอชะแต่เพียงผู้เดียว จากนั้นก็ไปหอนางโลม ให้นางคณิกามาร้องรำทำเพลงตลอดวัน ถึงขั้นเสียงแหบแห้ง ก่อนกลับไปก็ยังไม่วายดูถูกเสียงของนางคณิกาว่าเหมือนเสียงเป็ดตัวผู้ร้อง สมกับที่เป็นพื้นที่กันดาร แม้แต่นางคณิกาดีๆ ยังไม่มี…

ซ่งอิงคิดได้เพียงสองคำที่ว่า ดัดจริต

ต้องเจอสายฟ้าฟาดในไม่ช้าก็เร็ว[4]

เพียงแต่ว่า ด้วยความที่คนเขามีภูมิหลังอันร่ำรวยสูงส่งจึงมีความมั่นใจมากเป็นธรรมดา ยามที่บิดาเขายังไม่เสียชีวิต พี่ชายน้องชายไม่ได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์กงเจ๋ว์ คุณชายรองอย่างเขาผู้นี้ก็ฐานะตัวตนพอๆ กับซื่อจื่อ อีกทั้งเป็นคุณชายแห่งตระกูลกงเจ๋ว์ผู้สง่ามีหน้ามีตา เดินไปไหนมาไหนย่อมมีคนคอยยกยอเอาใจ

ซ่งอิงไม่ได้รู้สึกอิจฉาแต่อย่างใด

นางเป็นคนที่มีดัชนีทองคำ[5] นางต่างหากคือตัวแทนของจุดสูงสุดในชีวิตมนุษย์

ซ่งอิงบำเพ็ญเพียรอย่างสงบจิตสงบใจอยู่ในบ้าน คุณชายรองเซว์ที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตัวเองผู้นั้นกลับถูกทำให้เสียหน้า รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย

“วันนี้ยังไม่มีคนมาขอโทษอีกหรือ” คุณชายรองเซว์เอ่ยถาม

บรรดาสาวใช้เจ็ดแปดคนที่ติดตามข้างกายเขาส่ายหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“เหอะ! สตรีของพื้นที่ชนบทป่าเขากลับกล้าดีไม่เบา ได้ วันนี้พักผ่อนแต่หัววันหน่อย พรุ่งนี้ข้าจะพาพวกเจ้าไปดูร้านว่านหลิงสักหน่อย!” คุณชายรองเซว์แค่นหัวเราะก่อนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง

คนที่อยู่ใต้คำสั่งไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

พวกเขารู้ว่าครั้งนี้คุณชายรองเดือดดาลแล้วจริงๆ

คุณชายรองเป็นบุตรชายที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงบุตรลำดับที่สอง ไม่มีโอกาสรับแต่งตั้งยศถาบรรดาศักดิ์ บิดามารดาสงสารเขาจึงให้ทรัพย์สมบัติติดตัวไว้ไม่น้อย ปกติแต่ละวันก็ไม่ได้เข้มงวดกับเขาแต่อย่างใด

นอกจากที่นาและหมู่บ้านไร่สวน ที่เขาเห็นความสำคัญที่สุดก็คือกิจการร้านเครื่องประทินโฉม ทั่วบ้านทั่วเมืองมีทั้งสิ้นสิบสาขาเห็นจะได้ ทว่าร้านชุ่ยเหยียนไจแถบเมืองยงแห่งนี้รายรับน่าจับตามองที่สุด เพียงหนึ่งคูหาเล็กๆ ลงทุนก็ไม่มาก ทว่าผลกำไรต่อปีไม่ต่ำกว่าหมื่นตำลึงเงิน!

แต่แล้วร้านค้าที่ทำเงินได้เพียงนี้จู่ๆ ก็หายไป!

คุณชายจะไม่โกรธเกรี้ยวได้อย่างไร

หากไม่เดือดดาล เช่นนั้นก็คงไม่ถึงขั้นถ่อมาไกลเช่นนี้

คุณชายอยากให้ผู้คนรู้ว่า แม้เขาเป็นบุตรชายลำดับสองแห่งจวนกงเจ๋ว์ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ผู้อื่นจะหาเรื่องได้โดยง่าย ใครขวางเส้นทางการทำเงินของเขา นั่นก็คือผู้ที่เป็นปรปักษ์กับเขา จำเป็นต้องทำให้อีกฝ่ายมีจุดจบไม่สวยงาม

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น คุณชายรองเซว์จึงพาสาวใช้สี่คนที่ได้รับความโปรดปรานที่สุด รวมไปถึงลูกน้องสิบกว่าคนไปยังร้านว่านหลิง

เขาปรายตามองแล้วหัวเราะเยาะเบาๆ “นี่ก็คือร้านว่านหลิงรึ ข้ายังนึกว่าจะเป็นร้านใหญ่โตเพียงใด จึงเขี่ยร้านชุ่ยเหยียนไจของข้าไปได้ แต่กลับเป็นร้านแค่นี้ หากอยู่เมืองหลวง ร้านค้าลักษณะนี้ ข้ายังไม่ชายตาแลด้วยซ้ำ”

เขามาครั้งนี้ พาคนทำบัญชีคนหนึ่งติดตามมาด้วย คนทำบัญชีเข้าใจเกี่ยวกับทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ในนามเขาเป็นอย่างดี

“คุณชายขอรับ ตามสรุปที่ข้าน้อยได้จากการสอบถามมาสองสามวันนี้ โดยหลักๆ ตัดสินได้ว่าร้านว่านหลิงแห่งนี้ทุกปีเกรงว่าจะมีผลกำไรเจ็ดแปดพันตำลึงเงิน เจ้าของกิจการผู้อยู่เบื้องหลังร้านนี้ต้องมีความสามารถอยู่บ้างเช่นกันแน่นอนขอรับ”

“เจ็ดแปดพันตำลึงเงิน เจ้าแน่ใจรึ” คุณชายรองเซว์ตกตะลึง “มิใช่บอกว่าสบู่หอมของที่นี่ก้อนละยี่สิบอีแปะหรอกหรือ ไฉนจึงทำเงินได้มากขนาดนี้”

ยี่สิบอีแปะเป็นจำนวนเท่าไรหรือ พูดอย่างเกินจริงหน่อย ชั่วชีวิตนี้ของเขาเกรงว่าเคยเห็นเงินเหรียญทองแดงรวมๆ กันแล้วไม่เกินยี่สิบเหรียญด้วยซ้ำ!

สำหรับเขา ยี่สิบเหรียญทองแดงก็เหมือนเศษก้อนหินตามพื้น ไม่มีค่าเลยสักนิด

“สองสามวันมานี้ข้าน้อยเฝ้าดูร้านแห่งนี้ ร้านค้าแห่งนี้เป็นแหล่งรวมสบู่หอมที่ชาวบ้านทั่วทั้งเมืองต้องการ และก็เพราะราคาไม่แพง ดังนั้นคนบางส่วนก็ซื้อครั้งหนึ่งหลายก้อน ของสิ่งนี้ก็หมดไวด้วย

ข้าลองนับดูแล้ว เมื่อวานเพียงวันเดียว สบู่ที่ขายปลีกออกไปคาดว่าประมาณเจ็ดแปดร้อยก้อน นอกจากนั้นยังมีพ่อค้าคนกลางไปมา ล้วนบรรทุกกันเป็นคันรถ โดยทั่วไปทำกิจการค้าขาย ผลกำไรเข้าบัญชีจะไม่ต่ำกว่าสามส่วน คำนวณดูแล้ว…ปีหนึ่งคาดว่าจะได้เจ็ดแปดพันตำลึงเงินยังถือว่าประมาณการต่ำไปเสียด้วยซ้ำขอรับ”

[1] ซือเหยีย (师爷) เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาด้านคดีความ

[2] ซื่อจื่อ (世子) คำเรียกขานบุตรชายผู้ได้รับการกำหนดให้เป็นทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูลในรุ่นถัดไป

[3] แกะอ้วน (大肥羊) เปรียบเปรยถึงผู้ที่สร้างผลประโยชน์หรือกำไรให้มหาศาล

[4] เจอสายฟ้าฟาดในไม่ช้าก็เร็ว (迟早遭雷劈) โดยทั่วไปเป็นการเปรียบเปรยถึงการถูกผู้อื่นสาปแช่ง ด่าว่า

[5] ดัชนีทองคำ (金手指) ไอเท็มที่เป็นสูตรโกง สูตรทางลัด

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

Status: Ongoing

นิยายสโลว์ไลฟ์แฟนตาซีที่นางเอกมุ่งมั่นทำไร่หาเงินและจับปีศาจเพื่อช่วยเหลือคน เพื่อตายไปจะได้เป็นเซียน!

ซ่งอิง คิดว่าชีวิตนี้ตนเองจะเป็นเพียงหญิงสาวชาวนาเรียบง่ายคนหนึ่งที่ไม่ออกเรือนไปตลอดชีวิต

แต่บัดนี้ที่ดินของครอบครัวมีภูตโสมโผล่มาตนหนึ่ง จากนั้นไม่นานก็ตามมาด้วยปีศาจกบเขียว

พอเลี้ยงไก่มันก็บินได้ เลี้ยงลามันก็หัวเราะได้…

เพราะขวดหยกที่ติดตัวมาด้วยครั้งทะลุมิตินำมาซึ่งมิติพิเศษและความสามารถในการจับปีศาจ

แม้จะไม่ออกเรือนไปตลอดชีวิตแต่แค่สิ่งนี้ปณิธานของนางที่ว่า

‘ยามมีชีวิตอยู่ขอให้เงินตำลึงทองเต็มห้อง ตอนที่ตายไปแล้วก็ขอให้คุณงามความดีเจิดจรัสจนได้ขึ้นสวรรค์กลายเป็นเซียน!’

ของนางจะต้องเป็นความจริงอย่างแน่นอน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท