ตอนที่ 639 ฐานะตัวตนอะไร / ตอนที่ 640 ขายกับข้าว
ตอนที่ 639 ฐานะตัวตนอะไร
คุณชายรองเซว์โกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง
“เปิดประตู!” เขากล่าวพลางชี้นิ้วไปยังประตู
“นั่นคงมิได้หรอก พูดกันไว้ดิบดีแล้วว่าจะรอเถ้าแก่เหนียงพวกเรามาถึงนี่ขอรับ” ชิงเหลียนส่ายหน้า
“…” คุณชายรองเซว์เบิกตาโต
หมายความว่าอะไร
ปากบอกให้เขาคิดหาวิธีหาของกินเอง แต่การกระทำกลับปิดประตูบานใหญ่ไม่ให้พวกเขาออกไป เขาเป็นเซียนสวรรค์หรือไรที่จะได้เสกของกินออกมากลางอากาศได้!
เมื่อหันไปมองคนเหล่านั้น แกนนำอย่างผู้ที่นามว่าชิงเหลียนคนนั้น หนังตาตก ประดับรอยยิ้มอ่อนไว้บนใบหน้า จะมองอย่างไรก็เหมือนเขากำลังมองอย่างดูหมิ่นเหยียดหยามกัน
คุณชายรองเซว์สีหน้าเย็นชาขึ้นเล็กน้อย “เจ้าคิดว่าพวกเจ้าไม่กี่คนจะรั้งข้าได้เช่นนั้นรึ!”
ชิงเหลียนแย้มยิ้มเล็กน้อย
รอยยิ้มนี้ยั่วยุคุณชายรองเซว์ได้อย่างดี เขาจึงเอ่ยปากขึ้นทันใด “สั่งสอนพวกเขาสักหน่อย!”
แค่ไม่มีมีดดาบแล้วเท่านั้นเอง องครักษ์เหล่านี้ของเขาล้วนเป็นผู้ที่คนในครอบครัวคัดสรรให้เขาอย่างถี่ถ้วน สั่งสอนชาวบ้านที่ไม่รู้จักแยกแยะดีชั่วจำนวนไม่กี่คนนี้จะไปยากเย็นอะไรเล่า!
องครักษ์เหล่านั้นอยากจะลงมือเล่นงานตั้งนานแล้ว
แม้ว่าพวกเขาเป็นองครักษ์ แต่ก็เป็นถึงคนใต้คำสั่งของตระกูลกงเจ๋ว์ แล้วชาวบ้านชนบทเหล่านี้จะเทียบชั้นได้ที่ไหนกันเล่า ผลสุดท้ายวันนี้ไม่นึกเลยว่าจะถูกชาวชนบทเหล่านี้หลอก แล้วยังจะสบายใจอยู่ได้ที่ไหนกัน!
ทันใดนั้นพวกเขาก็กำหมัดกระโจนเข้าใส่
แต่ทว่า…
ชิงเหลียนเป็นเพียงกบเขียวตัวหนึ่ง แต่อยู่ข้างกายซ่งอิงมาเป็นเวลานาน ดังนั้นของบำรุงต่างๆ ที่กินเข้าไปจึงช่วยเสริมด้านความสามารถอยู่บ้าง เพียงแต่พูดถึงพละกำลัง แน่นอนว่าจูต้าจ้วงและหนิวต้าลี่ยอดเยี่ยมกว่าหน่อย แล้วยังมีลูกหมาป่าตัวนั้นซึ่งฝีมือการต่อสู้เป็นเลิศมาแต่กำเนิด ดังนั้นในเวลานี้เขาและเพียงพอนเหลืองก็เพียงคอยดูอยู่ข้างๆ
ปีศาจสามตัวที่เหลือนั้นดูตื่นเต้นอย่างยิ่ง
ปกติแต่ละวันพวกเขามีโอกาสรังแกคนน้อยครั้งมาก สถานการณ์ส่วนใหญ่ก็คือต่อกรกับสัตว์ป่าดุร้ายบนเขาเท่านั้นเอง
ดังนั้นก็ถือโอกาสในตอนนี้ฝึกปรือฝีมือเสียเลย
ได้ยินเพียงเสียง ‘ตุบตุบ’ ‘ตับตับ’ ดังขึ้นไม่ขาดสาย จากนั้นไม่นานนักก็ปรากฏคนส่งเสียงร้องโอดโอยเกลื่อนกลาดเต็มพื้น
บางคนกุมแขน บางคนกุมขา แต่ละคนเหงื่อผุดเต็มหน้า มองดูน่าเวทนาอย่างยิ่ง
คุณชายรองเซว์มองภาพฉากนี้อย่างงุนงงทำอะไรไม่ถูก รู้สึกราวกับ…อยู่ท่ามกลางภาพลวงตา
นี่ต้องกำลังฝันอยู่แน่!
มิหนำซ้ำยังเป็นฝันร้าย!
จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า ผู้หญิงคนหนึ่งคว้าชายตัวโตคนหนึ่งด้วยมือเดียวแล้วโยนล้มลงพื้นได้?!
ไม่ใช่ความจริงแน่!
เขาลอบหยิกตัวเอง แต่ในวินาทีถัดมาก็ต้องกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บ จากนั้นในชั่วพริบตาเดียวก็แข้งขาอ่อนแรง
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร” น้ำเสียงเขาสั่นเทา ไม่ได้เผยท่าทีเกรี้ยวกราดเช่นเมื่อครู่แล้ว
“พวกท่านเป็นฝ่ายใช้กำลังก่อน พวกเราเพียงแค่ทำตามประสงค์ของท่านเมื่อครู่ ให้อยู่คอยเถ้าแก่เหนียงที่นี่ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น” ชิงเหลียนยืนกรานคำเดิม
พวกเขาเป็นปีศาจดี มีเหตุมีผลและมีคุณธรรม ไม่รังแกพวกมนุษย์อย่างส่งเดชโดยเด็ดขาด
“ข้า ข้าไม่รอแล้ว ข้าไม่ต้องการเจอนางแล้ว!” คุณชายรองเซว์รีบกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“นั่นคงมิได้ขอรับ พวกเราส่งคนไปบอกกล่าวเถ้าแก่เหนียงแล้ว ดังนั้นตอนนี้จะเจอหรือไม่เจอเป็นเรื่องที่เถ้าแก่เหนียงเท่านั้นที่ตัดสินได้” ชิงเหลียนเอ่ยพูดหน้าตาเฉย
คุณชายรองเซว์ใจสั่นระรัว ครั้นเห็นรอยยิ้มตรงหน้า จู่ๆ สมองก็ไม่เชื่อฟังคำสั่ง พลันเกิดความรู้สึกขลาดกลัวขึ้นมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!
คนพวกนี้ไม่ปกติ! เป็นไปได้อย่างไรที่แต่ละคนล้วนต่อสู้ได้เก่งกาจเพียงนี้!อีกทั้ง ตั้งแต่จ้องเล่นงานสะใภ้ตระกูลฮั่วผู้นี้ ดวงชะตาเขาก็ทวีความน่าเวทนาอย่างยิ่ง!
ตอนที่อยู่ร้านว่านหลิงแห่งนั้นก็ถูกคนเขาทำให้อับอายขายหน้าไปแล้วครั้งหนึ่ง จับตัวเด็ก เด็กก็ยังเจาะช่องมุดหนีไปได้ ตอนนี้มาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ องครักษ์ที่กลุ่มใหญ่โต ไม่นึกเลยว่าจะเอาชนะชาวบ้านไม่กี่คนนี้ไม่ได้!
นี่มันสมเหตุสมผลหรือ!
หรือว่า…
สะใภ้ตระกูลฮั่วผู้นี้ไม่ใช่สตรีชาวบ้านธรรมดาหรือ
ก็จริง พวกมือต่อสู้นี้มองดูต่ำทราม แต่ครั้นมองอย่างละเอียด แต่ละคนก็ดูเหมือนไม่ค่อยปกติจริงๆ อย่างเช่นผู้ที่นามว่าชิงเหลียนนั่น ทั้งเรือนร่างเต็มไปด้วยกลิ่นของหนังสือ เหมือนเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยขุนนางที่คอยจดบันทึกสิ่งต่างๆ ก็ไม่ปาน มิหนำซ้ำสตรีที่หน้าตาช่างประจบสอพลอผู้นั้น มองดูแล้วกลับ…ชาญฉลาดทว่าแฝงไว้ด้วยพิษสง ไม่น่าจะเป็นสตรีที่นิสัยธรรมดาทั่วไป!
ตอนที่ 640 ขายกับข้าว
คุณชายรองเซว์อดลอบมองสองสามคนที่เหลืออีกครั้งไม่ได้…
ความรู้สึกกระวนกระวายใจนั่นทวีความหนักหน่วงขึ้นอีกขั้น
แม่นางสาวน้อยผู้นั้นรูปลักษณ์งดงาม แต่กลับมีพละกำลังมากมาย สีหน้าอารมณ์มีความนุ่มนวลต่อโลก แต่ก็ไม่ขาดความมั่นใจในตัวเอง หากมองข้ามพละกำลังนั่นก็จะดูเหมือนหญิงงามคนหนึ่งจากครอบครัวเล็กๆ
เด็กหนุ่มที่ดูเยาว์วัยผู้นั้น แววตาเย็นชาและเด็ดเดี่ยว มีความดุดันเสียยิ่งกว่าเด็กๆ ในตระกูลแม่ทัพเสียอีก! ส่วนชายหนุ่มใหญ่ที่ดูโหดเหี้ยมผู้นั้นยิ่งแล้วใหญ่ เมื่อครู่ยามที่ต่อสู้กัน เขาพุ่งเข้าใส่ทันใดราวกับสัตว์ป่าดุร้ายตัวหนึ่ง!
ขบวนการสู้รบลักษณะนี้ ควรเป็นสิ่งที่สตรีในชนบทธรรมดาๆ ควรมีหรือ
มิใช่ว่า…
สตรีชาวบ้านเป็นเพียงหน้ากากหนึ่งของนาง ทว่าในความเป็นจริงแล้วคือนายหญิงที่มีภูมิหลังจากตระกูลใหญ่โตตระกูลใดตระกูลหนึ่ง
นั่นก็ไม่น่าใช่เช่นกัน นายหญิงล้วนคอยกำกับดูแลเรื่องอยู่ในเรือนทั้งนั้น จะออกมาภายนอกทำกิจการค้าขายได้อย่างไรเล่า
คุณชายรองเซว์สับสนอย่างยิ่งในใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกหิวจัด “ให้ข้ากินข้าวสักหน่อยก่อนดะ…ได้หรือไม่”
“ก็มิใช่ว่าไม่ได้ อย่างไรเสียเถ้าแก่เหนียงของพวกเราก็ทำกิจการค้าขายอย่างชอบธรรม เพียงแต่ สิ่งของเป็นของเถ้าแก่เหนียง พวกเราไม่มีสิทธิ์หยิบไปโดยเปล่าๆ ดังนั้นหากท่านต้องการกินก็เอาเงินมา” หนิวต้าลี่กล่าวตอบทันที
โอกาสที่จะได้ทำเงิน จะปล่อยให้หลุดลอยไปได้อย่างไรเล่า!
คุณชายรองเซว์ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ดีที่คนตระกูลนี้ละโมบโลภมาก
มิเช่นนั้น ไม่แน่ว่าจะให้เขาหิวตายอยู่ที่นี่
“เช่นนั้น…กับข้าวจานหนึ่งราคาเท่าไร” คุณชายรองกล่าวอย่างหงุดหงิดใจ
ในใจเขาเตรียมพร้อมแล้วสำหรับการถูกขูดเลือดขูดเนื้อ
ช่วยไม่ได้ อยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นจึงจำเป็นต้องก้มหัวให้เป็นธรรมดา อย่าว่าแต่จ่ายเงินซื้อกับข้าวเลย ต่อให้คนเหล่านี้ปล้นเงินเขาไป เขาจะพูดอะไรได้อีกเล่า
โดยสรุปก็คือ ชะตาชีวิตน้อยๆ สำคัญยิ่งกว่า เขาหิวจะแย่แล้วจริงๆ
หนิวต้าลี่มองอาหารบนโต๊ะพริบตาหนึ่ง จากนั้นก็คลี่ยิ้มกว้าง “กับข้าวของบ้านเราอร่อยเป็นพิเศษ ดังนั้นราคาแพงหน่อย…”
“เข้าใจ เข้าใจ” คุณชายรองเซว์ยิ้มฝืด
“ข้าวนี่…หนึ่งชามยี่สิบอีแปะ ท่านอย่าว่าแพงไปล่ะ นี่เป็นถึงข้าวขาว อีกทั้งรสชาติหอมอร่อย ไม่แพงเลยสักนิด ส่วนกับข้าว…กับข้าวจำพวกผักห้าสิบอีแปะต่อคน กับข้าวจำพวกเนื้อสัตว์แพงหน่อย หนึ่งร้อยอีแปะต่อคน” หนิวต้าลี่บอกกล่าวจริงจัง
“หากเช่าอุปกรณ์รับประทานอาหารด้วยก็เพิ่มคนละหนึ่งร้อยอีแปะ ใช้เสร็จแล้วยังต้องล้างให้สะอาดเองด้วย หากทำเสียหายก็ต้องชดใช้เงิน นี่ล้วนเป็นชุด หนึ่งชุดต้องชดใช้เป็นเงินหนึ่งตำลึงเงิน”
หนิวต้าลี่คำนวณอย่างเอาจริงเอาจังเป็นพิเศษ
แต่ในเวลาตาของคุณชายเซว์ที่ได้ยิน กลับเป็น…ความอึ้งทึ่ง
“เนื้อสัตว์…จานละหนึ่งร้อยอีแปะรึ” คุณชายรองเซว์ตกตะลึง
“นี่เป็นของที่พวกเรากิน ดังนั้นเนื้อเยอะมาก หากขายให้ท่าน ไม่มีเนื้อขนาดนี้นะเจ้าคะ หลักๆ ยังคงประกอบไปด้วยผักเสียส่วนใหญ่” หนิวต้าลี่อธิบายทันควัน
คุณชายรองเซว์รีบพยักหน้า “เช่นนั้นก็ได้”
เขาไม่รู้แล้วว่าควรขอบคุณหรือไม่ที่คนเขาไม่สับตนออกเป็นสองท่อน
หนึ่งร้อยตำลึงเงิน…ฮ่าๆ เขาออกมาซื้อของข้างนอก ที่เอามาใช้ล้วนเป็นตำลึงเงินทั้งนั้น หนึ่งร้อยอีแปะนั่นถือเป็นเงินด้วยหรือ พอๆ กับก้อนหินเสียมากกว่า!
“นี่เป็นเงินค่ากับข้าว ให้ข้าทำกับข้าวก็ยังมีค่าแรงอีกด้วย กับข้าวหนึ่งจานข้าคิดหนึ่งตำลึงเงิน แม้จะแพงไปหน่อย แต่ทักษะฝีมือของข้านี้เรียนกับเถ้าแก่เหนียง จึงเก็บค่าแรงต่ำเกินไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำให้เถ้าแก่เหนียงขายหน้า” หนิวต้าลี่กล่าวขึ้นอีกครั้ง
“สมควร สมควร!” คุณชายรองเซว์จะปฏิเสธได้ที่ไหนเล่า!
แค่หนึ่งตำลึงเงินเท่านั้นเอง!
เขาก็ไม่กล้าให้แม่นางผู้นี้ทำกับข้าวสำหรับหลายคนเสียด้วย เดี๋ยวคนเขาจะเหน็ดเหนื่อยจนโมโหขึ้นมาได้ ดังนั้นทำได้เพียงให้หนิวต้าลี่ทำอาหารสำหรับคนเดียว เลือกกับข้าวจำพวกเนื้อสัตว์สองอย่างและผักสองอย่าง ส่วนบรรดาลูกน้อง ซื้อพวกอาหารแห้งและวัตถุดิบเล็กน้อยให้ทำด้วยตัวเอง กินอย่างง่ายๆ ก็เป็นอันใช้ได้
หนิวต้าลี่นึกว่าจะได้อาศัยโอกาสนี้หาเงินมากหน่อย คิดไม่ถึงว่าคุณชายรองเซว์จะตระหนี่ถี่เหนียวเพียงนี้
ไม่นึกเลยว่าจะให้ทำอาหารสำหรับคนผู้เดียว ไม่แยแสคนข้างหลังเหล่านั้นเลยสักนิดว่าจะเป็นหรือตาย
เฮ้อ ทำงานให้คนอื่นเช่นเดียวกัน แต่ชะตาชีวิตของนางเทียบกับองครักษ์เหล่านั้นแล้วดีกว่ามาก!
เถ้าแก่เหนียงเป็นคนดีเสียเหลือเกิน! งานทุกอย่างที่พวกนางทำล้วนมีเงินให้ก็ว่าดีงามแล้ว แต่ยังให้รางวัลอย่างของกินอร่อยๆ แก่พวกเขาอีกด้วย!