ตอนที่ 647 มีหน้าตาในสังคม / ตอนที่ 648 รักตัวเองที่สุด
ตอนที่ 647 มีหน้าตาในสังคม
ซ่งอิงคำนวณเวลา ตอนนี้คือเดือนสิบ อย่างน้อยก็ต้องสองสามเดือนกว่าจะมีความเคลื่อนไหวจากทางด้านเมืองหลวงนั่นแพร่งพรายมาหน่อย
อีกสองเดือนก็ต้องฉลองปีใหม่กันแล้ว จวนโหวครอบครัวใหญ่โตประเภทนั้นมีเรื่องต้องทำมากมาย ส่วนนางก็แค่บุคคลที่ไม่มีความสำคัญอันใด ดังนั้นน่าจะยังเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้วค่อยมาจัดการนางทีหลัง กอปรกับมีคนของจวนไคหยางกงเจ๋ว์เบี่ยงเบนความสนใจ นางทางด้านนี้จึงยังพอมีเวลาเหลือเฟือ
ดังนั้นนางไม่รีบไม่ร้อน ควรทำอะไรก็ทำไปก่อน
โรงสบู่หอมจัดเป็นงานเก่าแล้ว คุ้นมือในการผลิต ดังนั้นโรงงานใหญ่โตแห่งนั้นไม่ถึงครึ่งเดือนก็เริ่มเปิดทำการ พ่อค้าที่อยู่รอบๆ ได้ยินข่าวคราวก็แห่กันมาจำนวนไม่น้อย
ไก่ เป็ดและห่านที่เลี้ยงไว้ในหมู่บ้านไร่สวนเติบโตได้ที่แล้ว ซ่งอิงจึงให้คนตัดปุยขุนที่อยู่ด้านใน จากนั้นทำเสื้อกั๊กนวมขนนกขึ้นมาจำนวนหนึ่ง
ปีที่แล้วในเวลาเดียวกันนี้ นางกลัวหนาวอยู่บ้าง แต่อาจเป็นเพราะผลพวงจากการบำเพ็ญเพียร ปีนี้จึงไม่รู้สึกอะไรแล้ว ส่วนเหล่าปีศาจลักษณะเฉพาะกายแตกต่างกันไป ไม่ต้องใช้เจ้าสิ่งนี้แต่อย่างใด
เจ้าสิ่งนี้ไม่เหมาะแก่การผลิตจำนวนมาก ประการแรก ง่ายต่อการลอกเลียนแบบ ประการสอง มีความต่างจากอาภรณ์พื้นเมืองค่อนข้างมาก ทำออกมาเยอะก็ใช่ว่าจะขายออกได้เสมอไป ดังนั้นซ่งอิงทำได้เพียงตัดเย็บขึ้นมาไม่กี่ตัวแบ่งให้ผู้เฒ่าซ่ง บิดามารดารวมไปถึงซ่งสวิน
โดยเฉพาะซ่งสวิน ด้วยความเป็นผู้เล่าเรียนหนังสือ จึงค่อนข้างกลัวว่าจะหนาวแล้วนำมาซึ่งการเจ็บป่วย
สัตว์ป่าดุร้ายที่ซ่งอิงจับได้ก่อนหน้านี้แต่ไม่เกิดสติปัญญาอันฉลาดเฉียบแหลมเหล่านั้น ก็เอามาทำเป็นหนังสัตว์จำนวนหนึ่ง ก่อนจะส่งไปให้ทั้งสี่คนนี้
ส่วนคนอื่นในตระกูลซ่งไม่มีโชคได้ของพวกนี้แต่อย่างใด
ปัจจุบัน หม่าซื่อมองลูกสะใภ้อย่างหร่วนซื่อด้วยความรู้สึกขัดตาอย่างยิ่ง
ตอนนี้จะฉลองปีใหม่แล้ว ซ่งอิงต้องส่งของขวัญให้ตระกูลฝั่งมารดา ของขวัญตามเทศกาลที่ส่งมานั้นอู้ฟู่อย่างยิ่ง แต่ไม่มีส่วนของนางเลยสักนิด
มิหนำซ้ำปีนี้หร่วนซื่อยังสวมเสื้ออ่าว[1]ที่ทำขึ้นมาใหม่อีกด้วย วัสดุผ้านั้นเป็นของที่หญิงชราไม่เคยเห็นมาก่อน หร่วนซื่อได้รับการดูแลจนอ่อนเยาว์ขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย สีหน้าขาวผ่องเจือสีเลือดฝาด ดูงดงามเป็นพิเศษ
หร่วนซื่อเป็นเช่นนี้ เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่และคนอื่นๆ ต่างก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน โดยสรุปแล้ว สตรีที่อยู่ ณ ที่นี้ ก็มีแค่หม่าซื่อผู้เดียวที่ค่อนข้างขี้ริ้วขี้เหร่
บรรดาบุตรชายในบ้านนี้แน่นอนว่ายังคงกตัญญูไม่เสื่อมคลาย ซื้ออาภรณ์ใหม่ให้หม่าซื่อไม่น้อย เพียงแต่ที่ซื้อล้วนเป็นประเภทหญิงชราสวมใส่กันทั่วไปเท่านั้น ส่วนของอย่างพวกเครื่องประดับยิ่งไม่มีให้เห็นไปกันใหญ่
เทียบกับหญิงชราในหมู่บ้านเดียวกัน หม่าซื่อในลักษณะนี้ก็ถือว่ามีหน้ามีตาในสังคมอย่างยิ่งแล้ว
แต่มองดูบรรดาลูกสะใภ้ที่แต่งกายสวยเพริศพริ้ง ในใจหม่าซื่อก็รู้สึกอิจฉาจริงๆ
“อายุตั้งเท่าไรกันแล้ว แต่งตัวแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นเขาหัวเราะเยาะบ้างหรือ ข้าดูลักษณะเจ้าเช่นนี้ ไม่เหมือนทำการทำงานอะไรได้ ทางด้านร้านค้าแห่งนั้นมิใช่ว่าจินซานยุ่งตัวเป็นเกลียวอยู่คนเดียวกระมัง เจ้าทำงานอยู่ที่นั่น หรือว่าดูแลร่างกายเป็นคุณหนูกันแน่” หม่าซื่อเห็นหร่วนซื่อเดินไปเดินมาแล้วยังยิ้มหน้าชื่นตาบาน จึงรู้สึกเหลืออดจริงๆ
หร่วนซื่อตะลึงงัน หันไปมองหน้า
“ข้าเอาผ้าอย่างดีมาให้ท่านแม่แล้วสองพับเนี่เจ้าคะ เหตุใดท่านไม่ตัดชุดล่ะเจ้าคะ” หร่วนซื่อกล่าว
“เหตุใดตระกูลซ่งพวกเราจึงสู่ขอหญิงที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยเยี่ยงเจ้าผู้นี้ ไม่รู้จักใช้ชีวิตเลยสักนิด ผ้าอะไรเอามาสวมอยู่บนตัวก็เหมือนๆ กันมิใช่หรือ ไม่สู้เอาไปขายเปลี่ยนเป็นเงินมาซื้อข้าวสารอาหารแห้งไว้เยอะๆ จะดีกว่า!” หญิงชราหม่าซื่อสบถฮึ
หร่วนซื่อเป็นอันเข้าใจได้ ผ้าพับนั่น…ขายไปแล้วสินะ
ในใจนางค่อนข้างเสียดาย
อาภรณ์ที่บุตรสาวตนมอบให้เพื่อแสดงความกตัญญูต่อนาง นางทำใจขายไม่ได้ ย่อมต้องสวมใส่ออกมาให้ดูสวยงามหน่อย แต่นางเป็นลูกสะใภ้ จะแต่งกายด้วยอาภรณ์ดีๆ อยู่คนเดียวก็ไม่เหมาะนัก จึงเตรียมให้แม่สามีด้วยส่วนหนึ่ง คิดไม่ถึงว่า…
“นี่เป็นน้ำใจจากอาอิงเจ้าค่ะ…” หร่วนซื่อถอนหายใจ “งานที่ร้านอาหารนั่น ไม่ถือว่ามากมาย อีกทั้งจ้างคนงานมาสองคน ดังนั้นข้าและจินซานหลักๆ ก็รับผิดชอบดูแลบัญชี ตอนที่ยุ่งมากๆ จึงจะไปเข้าครัว ไม่ทำให้เสื้อผ้าเลอะเทอะเจ้าค่ะ”
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ได้ยินดังกล่าว ถึงขั้นรู้สึกว่าหร่วนซื่อเสียแรงเปล่า
ฟังไม่ออกหรือว่านี่แม่สามีอิจฉาที่นางได้ใช้ชีวิตสุขสบายเสียเหลือเกิน!
โง่เขลาจริง!
ตอนที่ 648 รักตัวเองที่สุด
เมื่อก่อนหม่าซื่อทิ้งภาพลักษณ์ไม่เลวไว้ในความทรงจำของบรรดาลูกสะใภ้ ดังนั้นหร่วนซื่อจึงไม่ได้ตั้งตัวคอยรับมือ คิดอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น
แต่เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ต่างออกไป หลังจากเกิดเรื่องกับผู้เฒ่าซ่งครั้งนั้น นางได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นที่แม่สามีพูดกับหูตัวเอง จึงรู้ว่าแม่สามีแตกต่างกับสิ่งที่แสดงออกอย่างมาก
“ท่านแม่ก็มิใช่ไม่รู้จักนิสัยของอาอิง น้องสะใภ้รองจะดื้อดึงชนะนางได้เสียที่ไหนเล่าเจ้าคะ ก็แค่เสื้อผ้าอาภรณ์เท่านั้นเอง ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ของเล็กน้อย ไม่ได้มีค่าให้เอามาพูดถึงด้วยซ้ำเจ้าค่ะ อีกทั้งหลานสวินตอนนี้ก็เป็นถึงซิ่วฉายแล้ว มารดาของซิ่วฉายสวมเสื้อผ้าดีๆ หน่อยจึงจะไม่ทำให้เกียรติคุณอย่างซิ่วฉายด่างพร้อยนะเจ้าคะ” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เอ่ยพูดอย่างสบายๆ
“ใช่เจ้าค่ะ” หร่วนซื่อพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา
หม่าซื่อสบถฮึ
“หลานสวินเพิ่งเข้าเรียนไปได้กี่ปีเองก็สอบซิ่วฉายผ่านแล้ว…อย่าได้ทำอะไรจำพวกลักไก่เชียว ขืนถูกจับได้ขึ้นมาจะต้องถูกลงโทษ ปกติแต่ละวันเจ้าก็คอยกำกับดูแลให้มากๆ เข้าไว้ล่ะ” หม่าซื่อกล่าวขึ้นอีกครั้ง
หร่วนซื่อต่อให้โง่เขลาเพียงใด ก็รู้เช่นกันว่าบางคำพูดพูดเรื่อยเปื่อยไม่ได้
“ท่านแม่เจ้าคะ! ท่านพูดเหลวไหลอันใดน่ะ ลูกชายข้าอาศัยความสามารถสอบได้! ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเล่าเรียนด้วยความเหน็ดเหนื่อยมากเพียงใด ไยจึงเอ่ยถ้อยคำประเภทนี้ออกมาได้เล่าเจ้าคะ” หร่วนซื่อกล่าวด้วยความโมโห
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่และเหล่าพี่น้องสะใภ้ที่เหลือก็ไม่พอใจเช่นกัน
หญิงชราผู้นี้แก่แล้วไปกันใหญ่ ไม่ว่าถ้อยคำอันใดล้วนกล้าพูดออกมาหมด
หากแพร่งพรายออกไป คนที่มีใจริษยาเหล่านั้นเอาไปฟ้องร้องขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไร
“ในสนามสอบมีเจ้าหน้าที่และนายทหารคอยคุม กล่าวว่าจะลอกก็ลอกได้ง่ายๆ หรือ หากง่ายดายขนาดนั้น ใต้หล้านี้ก็คงมีซิ่วฉายเกลื่อนแล้วเจ้าค่ะ! ท่านเอ่ยถ้อยคำที่ไม่ควรพูดเหล่านี้ ไม่แน่ว่าจะส่งผลกระทบกับลูกต๋าของครอบครัวข้าไปด้วยนะเจ้าคะ!”
“ใช่ ลูกอู่ก็เคยบอกข้าไว้เช่นกันว่า พี่ชายคนรองของเขาเป็นผู้มีความสามารถในการเรียนจริงๆ ในตำราที่ส่งมาให้เต็มไปด้วยอักษรที่เขาเขียนเน้นข้อความเอาไว้ ตั้งใจอย่างยิ่งเชียวละ!” เจียวซื่อกล่าวขึ้นมาเช่นกัน
เหยาซื่อสะใภ้เล็กพยักหน้า “ข้าได้ยินสามีบอกว่า ตั้งแต่หลานสวินไปเมืองยงก็ไม่ได้ออกมาเที่ยวเล่นเลย ตลอดทั้งวันหากไม่อยู่สถานศึกษาก็อยู่ในเรือนที่เช่าอาศัย ทุกครั้งที่ไปหาเขา เขาล้วนอ่านตำราอยู่เสมอ ทั่วหล้านี้คงหาคนที่ขยันขันแข็งถึงเพียงนี้ไม่ได้…แม้แต่สามีข้ายังชมเชยและบอกว่าเขาจะต้องเป็นนายท่านจวี่เหรินได้อย่างแน่นอน!”
เมื่อแค่ละคนเอ่ยพูด หม่าซื่อหญิงชราก็สีหน้าบูดบึ้งยิ่งขึ้น
อยู่ในครอบครัวนี้ ไม่มีคนเข้าข้างนางเลย ทุกคนล้วนโต้แย้งนางไปเสียทุกอย่าง!นางให้กำเนิดบุตรและเลี้ยงดูมาหลายปีขนาดนี้เพื่ออันใด ตอนนี้ผู้อาวุโสแก่เฒ่าแล้ว เด็กแต่ละคนไม่เห็นความสำคัญของนาง โดยเฉพาะซ่งอิง เด็กสารเลวผู้นั้น มอบของขวัญให้ทั้งทีก็ยังลำเอียง ทางด้านตาเฒ่านั่นไม่ว่าอะไรก็มีหมด แล้วนางเล่า แม้แต่ลูกกวาดยังไม่เห็นเลย!
เช่นนี้ ทั่วทั้งหมู่บ้านยังชมเชยซ่งอิงว่ากตัญญูอยู่อีก
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่เป็นคนหัวแหลม รู้ว่าหม่าซื่อคิดอะไรอยู่
นางผู้นี้ไม่ชอบอ้อมค้อมด้วยเช่นกัน จึงกล่าวขึ้นมาตรงๆ “ท่านพ่อเราดีต่อเอ้อร์ยา เอ้อร์ยาจึงได้ซื้อของให้ไม่น้อยเพื่อแสดงความกตัญญู เมื่อก่อนท่านแม่ไม่ค่อยอะไรกับเอ้อร์ยา มิหนำซ้ำยังชักสีหน้าใส่นางลับหลังไม่น้อย และเอ้อร์ยาก็ไม่ได้ติดค้างอะไรท่าน ท่านก็อย่าตำหนิโทษนางที่ไม่ซื้อสิ่งของให้ท่านเลย หากท่านขาดเหลืออันใดก็บอกกล่าวกับพวกเรา เราก็ไม่ทำให้ท่านรู้สึกไม่เป็นธรรมอยู่แล้วเจ้าค่ะ แต่ทางด้านเอ้อร์ยานั่น ท่านเลิกคิดไปได้เลยเจ้าค่ะ”
เมื่อก่อนเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้ชัดเจนอย่างยิ่ง หญิงชราผู้นี้เป็นคนเหลวไหลคนหนึ่ง
หม่าซื่อนอกจากกลัวผู้เฒ่าซ่ง ก็กลัวสามีนางรวมไปถึงน้องสี่
นางเข้าใจสาเหตุเป็นอย่างดี ผู้เฒ่าซ่งไม่ธรรมดา กำกับดูแลอย่างเข้มงวด สามีนางเป็นบุตรชายคนโต หากผู้เฒ่าซ่งไม่อยู่ บ้านนี้ก็จะมีสามีนางเป็นผู้ตัดสินใจ แต่จะกล่าวว่าหม่าซื่อรักและห่วงใยฝูซานจริงๆ
ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว
หญิงชรารักตัวนางเองยิ่งกว่าใคร เมื่อสุขใจก็จะเรียกเด็กๆ ในบ้านมาพูดคุยด้วย หากไม่สบอารมณ์ก็จะร้ายกาจใส่ใครต่อใครไปเรื่อย ไม่มีน้ำจิตน้ำใจเลยสักนิด
น้องสี่ปากหวาน เมื่อก่อนอาจพูดจาเอาใจจนหญิงชราคลายความหงุดหงิดใจได้ แต่ปัจจุบันไม่ได้แล้ว หม่าซื่อก็เห็นว่าหลานคังก็ไม่เป็นกันเองเฉกเช่นเมื่อก่อนแล้วเช่นกัน
เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่รู้สึกว่า โชคดีที่ผู้เฒ่าซ่งยังมีชีวิตอยู่
มิฉะนั้นบ้านนี้คงวุ่นวายน่าดู และคนแรกที่ต้องต่อกรกับหญิงชราผู้นี้ก็คือนางผู้เป็นสะใภ้ใหญ่!
[1] เสื้ออ่าว (袄) คือเสื้อที่ตัดเย็บแบบมีสองชั้นสำหรับสวมกันหนาว มีแบบยัดฝ้ายไว้ตรงกลางระหว่างเนื้อผ้าสองชั้น