ตอนที่ 663 ชีวิตนี้คุ้มค่าแล้ว / ตอนที่ 664 สวนสัตว์
ตอนที่ 663 ชีวิตนี้คุ้มค่าแล้ว
นั่นเป็นถึงเสือเชียวนะ หลายสิบปีมานี้ที่เขามีชีวิตอยู่เคยเห็นแค่ครั้งเดียว คือตอนที่บิดาฮั่วหรงยังอยู่เอาเสือตายแล้วที่ล่าได้ลงมาจากภูเขา แต่แม้ว่าเป็นตัวที่ตายแล้ว เขามองดูจากไกลๆ ก็ยังกลัว
ตอนนี้ที่เห็นคือเสือที่ยังมีชีวิตอยู่ มิหนำซ้ำยังถูกจับเอาไว้แล้วด้วย
ซ่งเหล่าเกินถอนหายใจ รู้สึกว่าตัวเองอาจแก่แล้วจริงๆ
คนหนุ่มสาวในปัจจุบันต่างจากในอดีตจริงๆ!
“เอ้อร์ยา เมื่อครู่เจ้าช่าง…” ผู้เฒ่าซ่งพูดอย่างยากลำบาก พูดไปครึ่งหนึ่งก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่
ไม่ทันได้เอ่ยครึ่งประโยคหลัง ซ่งอิงก็ชิงกล่าวขึ้นมาก่อน “อันตรายมากเลยใช่หรือไม่เจ้าคะ ท่านปู่ไม่ต้องกลัวเจ้าค่ะ ในหมู่บ้านเราแห่งนี้สิ่งอื่นใดล้วนไม่ค่อยพบเห็น ยกเว้นก็แต่สัตว์ป่าดุร้ายจำนวนมาก หากท่านพักอยู่ที่นี่สักระยะก็จะคุ้นชินไปเอง
บริเวณตีนเขาแห่งนี้จะมีสัตว์ป่าออกมาเพ่นพ่านอยู่เสมอ บางส่วนก็เลี้ยงเอาไว้ บางส่วนก็ขายทิ้ง ท่านดูคนในหมู่บ้านข้าแห่งนี้สิ ล้วนซื้อมาได้ด้วยการเอาสัตว์ป่าไปแลกทั้งนั้น คนอื่นไม่มีอะไรแบบนี้หรอกเจ้าค่ะ”
ผู้เฒ่าซ่งมองนางอย่างเหนือความคาดหมาย “ล้วนเป็นคนที่ซื้อมาด้วยการขายเสือรึ!”
“เคยขายเสือแค่ตัวเดียวเท่านั้น นี่เป็นครั้งที่สอง ปกติแล้วล้วนเป็นจำพวกกระต่ายป่าและกวางเจ้าค่ะ” ซ่งอิงยิ้มแล้วเอ่ยพูด
“เช่นนั้นนี่ก็ไม่ถือว่าน้อยแล้ว…” มองดูในหมู่บ้านแห่งนี้ มีผู้คนไม่น้อยเชียว!
กระต่ายตัวเดียวย่อมแลกมาซึ่งคนหนึ่งคนไม่ได้กระมัง เด็กสาวคนนี้มิใช่ว่าไปทลายรังกระต่ายแล้วหรอกหรือ!
ซ่งเหล่าเกินกำลังซึมซับ ‘เกร็ดความรู้’ ที่ซ่งอิงถ่ายทอดมา รู้สึกเพียงสมองไม่ค่อยพอใช้การสักเท่าไร
เมื่อครู่ตอนที่มายังหมู่บ้านแห่งนี้ เขายังรู้สึกว่าหมู่บ้านแห่งนี้ฮวงจุ้ยไม่เลว มีภูเขา มีสายน้ำแล้วยังมีครอบครัวชาวบ้านในหมู่บ้านที่เอื้ออาทรกัน ทุกบริเวณเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ให้ความรู้สึกเรียบง่ายและสบายๆ แต่ตอนนี้ ซ่งเหล่าเกินรู้สึกว่าที่นี่แตกต่างจากสถานที่ทั่วไป
ที่แห่งนี้คือโรงฆ่าสัตว์ เป็นสุสานของสัตว์ป่าดุร้าย
เฮ้อ
“หากเจ้าว่างๆ ก็จุดธูปสักหน่อย สักการะพระโพธิสัตว์และลัทธิเต๋าด้วยความเคารพ ไม่แน่ว่าจะช่วยปกปักษ์คุ้มครองทั้งครอบครัวได้บ้าง…” ผู้เฒ่าซ่งมองซ่งอิงแวบหนึ่งอย่างขบคิด จากนั้นจึงกล่าวออกมา
“…” ซ่งอิงนิ่งอึ้งไป
“เสือตัวนั้น…ข้าไปดูหน่อยได้หรือไม่” ผู้เฒ่าซ่งกล่าวขึ้นอีกครั้ง
มีชีวิตมาจนแก่ขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยพบเห็นเสือที่มีชีวิตมาก่อนเลย!
หากได้มองใกล้ๆ หน่อย และหากยัง…ได้ป้อนของกินให้เสือตัวนั้นสักคำสองคำ เช่นนั้นชีวิตนี้ก็คุ้มค่าแล้ว
“ได้สิเจ้าคะ ตอนนี้มันอยู่ในกรงสัตว์ ท่านหาใครก็ได้สักคน พวกเขาจะนำทางท่านไปเอง ทว่าอย่างไรเสียก็เป็นสัตว์เดรัจฉาน ตอนนี้อาจยังไม่ค่อยแสนรู้นัก ท่านต้องระมัดระวังหน่อยนะเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าว
เลี้ยงไว้สักระยะหนึ่งจึงจะรู้ได้ว่าสัตว์เหล่านี้จะเกิดสติปัญญาอันฉลาดเฉียบแหลมได้หรือไม่
“จริงสิ หลังจากนี้ตอนที่สถานศึกษาทางด้านตัวอำเภอนั่นปิดภาคเรียน ท่านก็มาพักผ่อนที่นี่สิเจ้าคะ ไม่ใช่อะไรอื่น อาหารการกินที่นี่ดีต่อสุขภาพ ท่านกินเยอะๆ หน่อย ไม่แน่ว่าจะมีอายุถึงหนึ่งร้อยยี่สิบปี” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
แม้ว่าคำพูดจะเกินจริงไปนิด แต่ซ่งเหล่าเกินฟังแล้วสบายใจไม่น้อย
อีกทั้งตอนนี้ในสมองก็เหลือเพียงเสือตัวนั้น เขาย่อมตอบรับซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นธรรมดา
ซ่งเหล่าเกินถูกคนนำทางไปยังคอกสัตว์ ครั้นเดินเข้าไปผ่านทางเข้าออก เขาก็รู้สึกต่างจากที่จินตนาการไว้
สถานที่กักขังสัตว์ เดิมทีนึกว่าจะเลอะเทอะเหม็นสาบ ใครจะรู้ว่ากลับดีกว่าที่อยู่คนเสียอีก!
สัตว์แต่ละตัวมีคอกกั้นเดี่ยวเป็นสัดส่วน ด้านในทุกคอกยังมีอาหารวางเอาไว้จำนวนมาก บ้างเป็นเนื้อดิบ แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นผลไม้ ข้าวขาว รวมไปถึงผักใบเขียว
ซ่งเหล่าเกินรู้สึกสิ้นเปลืองอาหารเหล่านั้น
แต่เขาเข้าใจอุปนิสัยของซ่งอิงดี ใจกว้างเสียยิ่งกว่าอะไร
เลี้ยงก็เลี้ยงไปเถอะ เลี้ยงให้อ้วนหน่อยจึงจะขายแลกคนได้
ซ่งเหล่าเกินเดินมาถึงด้านข้างเสือตัวใหญ่ที่มาใหม่อย่างหวาดกลัว แม้มีกรงขนาดใหญ่เป็นตัวกั้น แต่ในใจเขาก็ยังคงกล้าๆ กลัวๆ
“เอาไก่ย่างนี้ป้อนหรือ” ซ่งเหล่าเกินกลืนน้ำลายเป็นอันดับแรก
ปีศาจกระต่ายน้อยพยักหน้า
ซ่งเหล่าเกินมองเสือตัวนี้ จากนั้นมองไก่ย่างแล้วยื่นมือออกไป มองตอนที่เสือตัวนั้นจะกิน พลันชักมือหดกลับ จากนั้นกัดกินเองหนึ่งคำ
ชั่วชีวิตนี้ของเขา คุ้มค่าแล้ว
แย่งอาหารเสือเชียวนะ มีบรรพบุรุษคนไหนทำได้หรือ
ตอนที่ 664 สวนสัตว์
ใบหน้าชราของซ่งเหล่าเกินแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น ปีศาจกระต่ายน้อยกำลังพยายามเรียนรู้ที่จะเคยชินกับพฤติกรรมของมนุษย์ ตอนนี้มองเห็นพฤติกรรมเช่นนี้ก็รู้สึกไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
“ข้าก็แค่ลองชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร หากรสจัดไปมันจะกินไม่ได้…” ผู้เฒ่าซ่งหัวเราะเจื่อน จากนั้นโยนไก่ย่างที่เหลือเข้าไปในกรง แล้วยังคงเดินวนเวียนอยู่แถวนั้นเขาอายุมากสักเพียงใด แต่ก็ยังเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ธรรมชาติของผู้ชายก็มีความปรารถนาเป็นผู้เอาชนะ
ขณะนี้เขาชอบมองท่าทางของเจ้าเสือตัวนี้ที่จ้องมองเขาแต่ก็กินเขาไม่ได้
แน่นอนว่าเขากล้า แต่หากเปลี่ยนเป็นบุตรชายที่ไม่เอาไหนของเขาพวกนั้น จะต้องไม่มีใครกล้าหาญปานเขาเช่นนี้แน่
ซ่งเหล่าเกินในพฤติกรรมเช่นนี้ ซ่งอิงถึงขั้นรู้สึกทนมองดูต่อไปไม่ได้สักเท่าไร
อดทนไปสองสามวัน ผู้เฒ่าซ่งยังคงนั่งยองอยู่หน้ากรงเสือตัวนั้นตลอดวัน แล้วยังพร่ำบ่นเป็นครั้งคราว
นี่เพิ่งพ้นฉลองปีใหม่ไม่นานเท่าไร ผู้เฒ่าซ่งก็สมควรกลับตัวอำเภอไปดูแลหลานๆ แล้วเช่นกัน ตอนนี้จึงยิ่งอาลัยอาวรณ์ มิหนำซ้ำยังถอนหายใจเล็กน้อย “เสือตัวนี้หากรู้ความเหมือนลาก็ดีสิ”
“…” ซ่งอิงนิ่งเงียบ
ลาของนางรอนานแล้ว
กลับเห็นเสือตัวนั้นได้ยินคำพูดนี้ก็ถอนหายใจตามซ่งเหล่าเกิน จากนั้นหันหัวหนีไปอีกด้าน
มันไม่อยากฟัง ผู้เฒ่าคนนี้หนวกหูจริงๆ
ซ่งอิงกวาดตามองเสือปราดหนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวว่า “ท่านปู่ ท่านมองมันอีกหน่อยเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ ข้าว่าตอนนี้มันค่อนข้างอ้วนมากแล้ว เดี๋ยวครั้งหน้าท่านกลับมา ข้าก็คงขายมันทิ้งไปแล้ว”
เกิดสติปัญญาขึ้นมาแล้ว บำเพ็ญเพียรกับนางอีกสักหน่อยก็จะช่วยให้เปลี่ยนร่างได้รวดเร็วขึ้น
ซ่งเหล่าเกินถอนหายใจ
น่าเสียดายจริงเชียว!
“หรือไม่…เลี้ยงเอาไว้เถอะ เสือค่อนข้างหายาก…” ผู้เฒ่าซ่งกล่าว
เห็นท่าทีซ่งเหล่าเกิน ซ่งอิงรู้สึกว่าบางทีตนอาจเปิดสวนสัตว์สักแห่งได้ ในบ้านมีทั้งเสือ มีทั้งนกยูง ก็ถือว่าเป็นสัตว์หายากเช่นกัน หากป่าวประกาศโดยทั่ว ไม่แน่ว่าจะดึงดู ‘นักท่องเที่ยว’ มาได้ไม่น้อยเชียวละ!
เพียงแต่สวนสัตว์ที่ว่านี้ไม่อาจเปิดในสถานที่เล็กๆ เช่นนี้ได้ ห่างไกลเกินเกินไป และบริเวณโดยรอบก็ไม่ค่อยมีผู้คน
ทว่าพื้นที่ใกล้ๆ เมืองยงนำมาพิจารณาได้ หากเอาบ้านสวนที่อยู่นอกเมืองไม่ไกลนักมาได้สักแห่ง ไว้สำหรับปีศาจที่อยู่บ้านไม่มีอะไรทำพากันเข้าไปอยู่บำรุงร่างกาย คล้ายว่าก็ไม่เลวเช่นกัน
“ท่านปู่ เช่นนั้นเอาแบบนี้แล้วกัน ข้าจะเก็บมันไว้ รอตอนที่ท่านมาครั้งหน้ายังได้เห็นมันอีกสักหน่อย แล้วจากนั้นก็จะให้มันไปทำงานหาเงินให้ข้า” ซ่งอิงยิ้มกล่าว
ผู้เฒ่าซ่งตกตะลึง
“ข้าตั้งใจว่าจะเปิดสวนสัตว์สักแห่ง เอาเสือของบ้านเราปล่อยเข้าไป แล้วค่อยจับสัตว์เล็กอื่นๆ มาอีกจำนวนหนึ่ง ให้ประชาชนพาเด็กๆ ไปชมได้ ครั้งละหนึ่งร้อยอีแปะ ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ” ซ่งอิงกล่าว
“…” ซ่งเหล่าเกินรู้สึกว่าก็ดีเหมือนกัน “เอาสิ”
หนึ่งร้อยอีแปะได้ดูเสือตัวเบ้อเร่อครั้งหนึ่ง คุ้มค่าจะตาย!
คนส่วนใหญ่ทั้งชีวิตก็ไม่ได้เห็นสักตัวด้วยซ้ำ! แม้ว่ามองเห็น…นั่นก็เป็นตัวที่ตายแล้ว
แม้แต่ผู้เฒ่าซ่งคนที่ตระหนี่ถี่เหนียวยังรู้สึกว่าไม่เลว ซ่งอิงก็ยิ่งเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ
สัตว์บนเขาซิ่งมีจำนวนมาก นางไม่ต้องไปหาจับที่อื่นแต่อย่างใด น้ำผ่านจิตนี้ชักนำพวกมันมาได้จำนวนหนึ่ง เพียงแต่เปลี่ยนร่างเป็นปีศาจได้เดิมทีก็ไม่มาก หากเอาออกมาส่วนหนึ่งไปอยู่ในสวนสัตว์ ก็จะค่อนข้างขาดแคลนในส่วนกำลังคนงาน
ซ่งอิงเอาความคิดนี้ไปไว้ที่ตัวสัตว์ที่ไม่มีสติปัญญาเฉียบแหลมเหล่านั้น
ตอนนี้เสือตัวนี้มีสติปัญญาเฉียบแหลมแล้ว ไว้หลังจากมันเปลี่ยนร่าง ก็จะเอามาเป็นผู้ควบคุมดูแลสัตว์
ซ่งอิงกล้าคิดกล้าทำ
อย่างไรเสียนางเพียงแค่ริเริ่มขึ้นมาก็พอ ปกติแต่ละวันหลักๆ ก็รับผิดชอบดูบัญชี เรื่องอื่นๆ ล้วนมีปีศาจที่อยู่ข้างกายไปทำ ไม่เสียเวลาแต่อย่างใด
นางเลือกบ้านสวนอีกครั้ง
ครั้งนี้ต้องตั้งเงื่อนไขสูงขึ้นมาหน่อย จะมีสภาพแวดล้อมเช่นโรงสบู่หอมแห่งนั้นไม่ได้
เงินที่ได้จากการขายไข่มุกก่อนหน้านี้ยังเหลืออีกสองหมื่นตำลึงเงิน เพราะครั้งนี้ต้องทำสวนสัตว์ ดังนั้นหมู่บ้านที่ซ่งอิงเลือกแทบจะไม่มีนาข้าว ล้วนเป็นที่รกร้าง ว่ากันตามหลัก สภาพแวดล้อมเช่นนี้จะทำเลดีขนาดไหนก็ราคาไม่ได้แพงจนเกินไป แต่หมู่บ้านแห่งนี้ใหญ่โตอย่างยิ่งเชียวละ!