ตอนที่ 713 ไม่ได้ตายดี / ตอนที่ 714 ได้รับการกระตุ้นความรู้สึก
ตอนที่ 713 ไม่ได้ตายดี
ซ่งอิงพูดจาเหลวไหลไร้สาระอย่างสิ้นเชิง
เพียงแต่ว่า นางไม่ได้อาศัยการแต่งเรื่องด้วยตัวเองทั้งหมดเสียทีเดียว แต่ยังใช้พวกนิยายและละครโทรทัศน์ที่เคยดูในภพชาติก่อนมาผสมผสานด้วย เหล่านักเขียนนิยายตั้งแต่ยุคโบราณถึงปัจจุบันล้วนกล่าวไว้เช่นนี้ทั้งนั้นว่า เซียนสวรรค์ที่ลงมาจุติล้วนต้องผ่านความทุกข์ยากลำบากแสนเข็ญมากมายจึงจะบรรลุผลการบำเพ็ญเพียรได้อย่างแท้จริง
พระถังซัมจั๋งยังเผชิญความยากลำบากตั้งไม่รู้เท่าไรเลย นี่เป็นเรื่องปกติมาก
“ข้าว่า…ชีวิตท่านในปัจจุบันดูเหมือนยังดำเนินไปอย่างราบรื่นอยู่บ้าง แต่จะต้อง…ยังมีเรื่องแย่ๆ อันใหญ่หลวงคอยท่านอยู่อีกเป็นแน่ ดังนั้นหวังว่าท่านจะมองอะไรกว้างๆ ไว้ล่วงหน้าสักหน่อย” ซ่งอิงครุ่นคิด
“เช่นนั้นเจ้าว่าข้ายังต้องเผชิญอุปสรรคจำพวกไหนหรือ” ฮั่วเจ้ายวนเอ่ยถามอย่างให้ความร่วมมือ
ซ่งอิงครุ่นคิด “โบราณกล่าวไว้ว่า ความลับของฟ้ามิอาจเปิดเผยได้…ทว่าเซียนที่ลงมาจุติก็มีไม่กี่ประเภท ใต้เท้าฮั่วไม่มีญาติพี่น้องแล้ว สิ่งที่จะสร้างความทุกข์ทรมานให้ท่านได้อีกจะเป็นอื่นใดไปได้นอกเสียจาก…ภรรยาและบุตร!”
“…” ฮั่วเจ้ายวน
“หากท่านคิดจะแต่งภรรยาก็ควรต้องระมัดระวังไว้หน่อย ดีไม่ดี ท่านจะมีเรื่องราวความรักที่สะเทือนเลือนลั่นและโด่งดังไปทั่วเอาได้…” ซ่งอิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง
หวังว่าภรรยาในอนาคตของฮั่วเจ้ายวนจะให้อภัยนางที่ปากมากไปหน่อย
ฮั่วเจ้ายวนขมวดคิ้วนิ่วหน้า จ้องมองซ่งอิงไม่วางตา
“ข้าพูดถึงขั้นนี้แล้ว ท่านจะมอบปีศาจจิ้งจอกให้ข้าได้หรือยัง” ซ่งอิงกล่าวอย่างจริงจัง
ซ่งอิงผู้น่าสงสาร ยามอยู่ต่อหน้าปีศาจที่บ้าน ตัวเองเป็นหัวหน้าที่ดูสุขุมเยือกเย็นคนหนึ่งเสมอมา ถ้อยคำใดบ้างที่เอื้อยเอ่ยแล้วมิใช่คำไหนคำนั้น มีศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง แต่เมื่อมาอยู่ถิ่นฮั่วเจ้ายวนแห่งนี้ มักจะทำให้นางต้องใช้สมองเพื่อพูดจาเหลวไหลอยู่เรื่อย ซึ่งนางก็เหนื่อยใจไม่น้อยเช่นกัน
“ไม่ได้” ฮั่วเจ้ายวนส่งเสียงสบถฮึ
เขาเหลืออดเต็มทนแล้วเช่นกัน จึงก้าวเดินออกไปหน้าตาเฉย
เมื่อเดินไปได้ครึ่งทางก็หันมามองซ่งอิง “เจ้าอยู่ที่นี่ก่อนสักสองสามวัน ไว้ข้าทำความเข้าใจในถ้อยคำที่เจ้าพูดว่าจริงหรือหลอกแล้วค่อยว่ากันอีกที”
เรื่องปีศาจเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายเกินไป ซ่งอิงดูเหมือนจะใส่ใจปีศาจตนนั้นเป็นพิเศษ หากไม่ใช่เพราะเห็นความสำคัญในส่วนที่ว่าปีศาจตนนั้นสร้างรายได้ให้ได้ เช่นนั้นก็คงเพราะเป็น…เผ่าพันธุ์เดียวกัน
เขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้มากว่าอาจเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน
ก่อนหน้านี้ ตอนเขาอยู่เมืองหลวง ยามที่เห็นแม่นางซ่งอิงจากไกลๆ ตอนนั้นนางดูขลาดกลัวไปหมด มองดูน่าสงสารอย่างยิ่ง ดูใจกล้าอาจหาญเช่นปัจจุบันนี้เสียที่ไหนเล่า
บางที…อาจถูกปีศาจเข้ามาอยู่แทนในร่างนี้แล้ว?
หากเป็นเมื่อก่อนเขาจะต้องไม่คิดเช่นนี้แน่ แต่ตอนนี้ ในจวนก็มีปีศาจตัวเป็นๆ ให้เห็นอยู่หนึ่งตน จึงจำต้องคาดเดาเป็นอื่น
เพียงแต่…
ฮั่วเจ้ายวนรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านเล็กน้อยในใจ
หากนางเป็นปีศาจเช่นกัน เขาควรทำอย่างไร
ฮั่วเจ้ายวนพร้อมด้วยฮั่วซื่อเซี่ยงห้อตะบึงไปยังวัดผู่หัวที่ชานเมือง เข้าพบผู้อาวุโสอย่างนักบวชสมณศักดิ์สูงที่สุดในวัด ครั้นนั่งลงก็เอ่ยปากถามทันที “รบกวนท่านอาจารย์ตรวจดูดวงชะตาชีวิตให้ข้าทีขอรับ”
อย่างไรเสียอาจารย์ใหญ่ก็เป็นถึงนักบวชผู้บรรลุ จึงยังคงสุขุมเยือกเย็นอย่างยิ่ง
“ประสกเป็นคนหนึ่งที่มีความสามารถตามที่ธรรมชาติลิขิต เพียงแค่ชีวิตจะลุ่มๆ ดอนๆ ถูกกำหนดไว้ว่าต้องได้รับบทเรียนขัดเกลาสักหน่อย…” ปรมาจารย์กล่าว
ปรมาจารย์ผู้นี้เป็นผู้ที่มีความสามารถแท้จริงไม่น้อย ย่อมมองออกว่าในชะตาชีวิตฮั่วเจ้ายวน บรรพบุรุษและบิดามารดามีชะตาชีวิตสั้น
“เช่นนั้น…จะเป็นดวงชะตาที่ทำให้ภรรยาชีวิตสั้นไปด้วยหรือไม่ขอรับ” ฮั่วเจ้ายวนกล่าวอีกครั้ง
ปรมาจารย์ตะลึงงัน
จากนั้นรีบคำนวณดูดวงชะตาอีกครั้ง หลังผ่านไปพักใหญ่ นักบวชสมณศักดิ์สูงขมวดคิ้วนิ่วหน้าแล้วเอ่ยพูดอย่างจริงจัง “ตามหลักการอธิบายได้ว่า ชั่วชีวิตนี้ของประสกจริงอยู่ที่ว่าจะไม่สมดั่งใจปรารถนาไปเสียทั้งหมด ในชะตาชีวิตน่าจะไม่มีภรรยา แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่บทสรุปก็ไม่ถึงขั้นงดงามสมบูรณ์แบบอยู่ดี…”
ฮั่วเจ้ายวนรู้สึกหัวใจหนักอึ้ง
เขาลุกขึ้นยืนในทันทีแล้วกล่าวลา จากนั้นกลับหลังหันเดินออกมาแล้วมุ่งหน้าไปอารามเต๋าที่อยู่ใกล้ๆ
เขาไปหาปรมาจารย์ในอารามเต๋าให้ตรวจดูดวงชะตาชีวิตอีกครั้ง
น่าประหลาดยิ่ง เพราะผลที่ออกมาไม่ต่างกันมากนัก ถึงขั้นว่าที่พูดยังออกจะมากเกินกว่าเมื่อครู่นี้ด้วยซ้ำ
กระทั่งยามที่เขาเดินออกมาจากอารามเต๋าแล้วมองดูทิวทัศน์กลางป่าเขาข้างนอกนี้ ก็ไม่รู้เลยว่าควรรู้สึกดีใจหรือทุกข์ใจ
ธรรมชาติรังสรรค์ชะตากรรมชีวิตที่ยิ่งใหญ่ เซียนสวรรค์ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ เป็นครั้งแรกที่เขาพอจะเชื่อถือคำพูดแปลกประหลาดเช่นนี้อยู่บ้าง ซึ่งเท่านี้ก็ยังถือว่าไม่เท่าไร แต่ไม่นึกเลยว่ายังกล่าวขึ้นมาอีกว่า เขา…จะไม่มีจุดจบที่ดี
ต้องโดดเดี่ยวเดียวดายชั่วชีวิต ถูกกำหนดให้ทำเพื่อบ้านเมืองและประชาชน มิหนำซ้ำยังไม่ได้ตายดีอีกด้วย
ตอนที่ 714 ได้รับการกระตุ้นความรู้สึก
แม้กล่าวได้ว่านักบวชเต๋าและนักบวชสมณศักดิ์สูงล้วนกล่าวว่าเขาเป็นเซียนสวรรค์ลงมาจุติโลกมนุษย์ แต่ในตอนนี้เขามองเห็นเพียงสถานการณ์ที่ตนเผชิญในขณะนี้ ซึ่งไม่มีความสุขเอาเสียเลยจริงๆ
“ใต้เท้า…พวกเขาพูดจาเหลวไหลเป็นแน่!” ฮั่วซื่อเซี่ยงดวงตาแดงก่ำด้วยความโมโห
ใต้เท้าจะไม่ตายดีได้อย่างไรเล่า
“ถ้อยคำที่คนเหล่านี้พูดมิใช่ไม่น่าเชื่อถือไปเสียทั้งหมด” ฮั่วเจ้ายวนกล่าวเสียงขรึม
เขาเพิ่งถือกำเนิดไม่นาน ตระกูลฮั่วก็สูญสิ้นแล้ว ตอนที่ยังเด็กใช้ชีวิตอยู่หมู่บ้านซิ่งฮวา แม้ว่าที่แห่งนั้นสงบสุข แต่อย่างไรเขาก็ไม่มีบิดามารดาผู้ให้กำเนิด มีชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยคนเก่าแก่ในตระกูลฮั่วปลอมตัวเป็นบิดาแท้ๆ ของเขา อย่างไรเสีย ‘บิดา’ ผู้นั้นของเขาก็เป็นตัวปลอม ฮั่วเจ้ายวนจึงมีเพียงความเคารพต่อเขาผู้นั้น ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต เขาจึงไม่เคยได้รับความรักและปกป้องที่เหมือนกับคนอื่นเลย
เขาเป็นลูกผู้ชาย ไม่เหมือนเด็กผู้หญิงที่ละเอียดอ่อนและอ่อนไหวง่าย สำหรับเขา การไร้บิดามารดาไม่ใช่เรื่องทุกข์ยากลำบากขนาดนั้น เพียงแต่ภายหลังต่อมา เขาเพิ่งอายุสิบกว่าๆ ก็ไปเข้าร่วมกองทัพแล้ว ในตอนนั้นมีเพียงผู้ใต้บัญชาคนเก่าแก่ของตระกูลคอยลอบปกป้องเขาและฝึกฝนให้เขาอย่างหนัก ในช่วงเวลาหลายปีนั้น เขาได้รับการเลื่อนขั้นในกองทัพสูงขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาก็พลิกฟื้นตระกูลฮั่วขึ้นมาได้อีกครั้ง…
ยามที่อยู่หมู่บ้านซิ่งฮวา แม้ว่าบางครั้งมีเด็กไม่รู้ความกล่าวว่าเขาเป็นเด็กกำพร้าไม่มีแม่ แต่เมื่อมาอยู่ในค่ายทหาร จึงพบว่าแม้แต่ถ้อยคำเด็กๆ เช่นนั้นก็ไม่ได้ยินอีก
นอกจากโลหิตสีแดงสดและหยาดเหงื่อก็ไม่มีอะไรอื่นเบื้องหน้าเขา ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้รับแต่งตั้งบรรดาศักดิ์แล้วกลับคืนสู่เมืองหลวง บรรพบุรุษในตระกูลเสียชีวิต ไม่เหลือญาติพี่น้องแม้แต่คนเดียว…
ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันถือว่าเป็นคนหนึ่งที่มีเหตุมีผล มอบตำแหน่งอ๋องต่างสกุลให้เขา ดูแลเขาเป็นอย่างดีเยี่ยม อย่างไรก็ตาม ตัวเขารู้ดีว่าการเป็นอ๋องต่างสกุลไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วนับประสาอะไรกับยังเป็นอ๋องต่างสกุลที่มีหนี้แค้นติดตัว
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยบนโลกที่แซ่ฮั่ว และในเมืองหลวงก็เคยมีสหายคนสนิทที่แซ่ฮั่วเช่นกัน
ฮ่องเต้ทั้งสงสารเขาทั้งคอยตั้งรับเขา
แม้ว่าเขายกอำนาจทางการทหารให้แล้ว และแม้ว่าเขาออกจากพื้นที่แห่งนั้นมายังที่ดินแดนศักดินาซึ่งได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้แล้ว ก็พระองค์ยังคงคอยระแวดระวังอยู่เช่นเคย
เขาไม่ใช่คนประเภทบ้าเลือดขนาดนั้น หากเขาจะแก้แค้น ก็จะมีคนจำนวนนับไม่ถ้วนยอมพลีชีพเพื่อเขา ซึ่งตัวเขาไม่เคยยินดีที่จะทำเรื่องเช่นนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ คนอื่นไม่คิดเช่นนี้…
เมื่อก่อนเขาไม่มีใจจะแต่งภรรยาและมีบุตร สาเหตุก็…เรียบง่ายมากเช่นกัน
เขาเกรงว่าราชวงศ์ฮ่องเต้จะหวาดกลัว
ในสายตาราชวงศ์ คนที่มีภรรยาและบุตรอยู่ร่วมกันเป็นวงศ์ตระกูล ก็จะมีจิตใจอยากได้อยากมีเพิ่มมากขึ้น
“ใต้เท้า ท่านอย่าทุกข์ใจไปเลยนะขอรับ ตอนนี้มิใช่ว่ามีฮั่วฮูหยินแล้วหรือ มิหนำซ้ำนางยังมีลูกด้วยคนหนึ่ง จะว่าไปแล้ว เด็กคนนี้ก็อยู่ภายใต้นามท่านด้วย” ฮั่วซื่อเซี่ยงกล่าวอีกครั้ง
นักบวชเต๋าผู้นี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ ไม่นึกเลยว่ายังกล่าวว่าชั่วชีวิตนี้ของใต้เท้าตระกูลเขาถูกกำหนดให้ไม่มีทายาท!
ใต้เท้าน่าเวทนาขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน! เห็นๆ อยู่ว่ามีลูกแล้วคนหนึ่ง!
“ข้าไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เดี๋ยวก็ผ่านไป ไม่จำเป็นต้องเก็บเอามาใส่ใจ” ฮั่วเจ้ายวนเก็บสีหน้าอารมณ์ มองไปข้างหน้าอย่างจดจ่อ ก่อนจะควบม้าออกไป
และในเวลานี้เอง ซ่งอิงกำลังกินดีอยู่ดีในจวนฮั่ว
ฮั่วเจ้ายวนดีกับนางจริงๆ โดยเฉพาะด้านอาหารการกิน ให้คนเตรียมเอาไว้ตั้งหนึ่งโต๊ะใหญ่ๆ นางกินคนเดียวแทบไม่ไหว
เกี่ยวกับเรื่องที่หลอกลวงฮั่วเจ้ายวน ซ่งอิงค่อนข้างลำบากใจเช่นกัน
แต่คิดๆ ดูแล้ว…
คำพูดที่นางเอ่ยก็ไม่ใช่คำลวงทั้งหมดเช่นกันมิใช่หรือ
ในเมื่อนางกล้าพูด เช่นนั้นก็ไม่กลัวว่าฮั่วเจ้ายวนจะไปพิสูจน์เช่นกัน เรื่องอย่างเซียนสวรรค์ลงมาจุติทำนองนี้ นางเคยได้ยินจากปากบรรดาปีศาจมาบ้างเหมือนกัน แม้ว่าบรรดาปีศาจรู้บ้างเล็กน้อย แต่เรื่องเล่าโบราณที่ถ่ายทอดต่อๆ กันมา จะมากจะน้อยก็มีบางส่วนที่เชื่อถือได้เช่นกัน
กอปรกับมองดูภูมิหลังของฮั่วเจ้ายวน ซึ่งก็พบว่าเป็นเรื่องที่น่าเวทนาจริงๆ
“ใต้เท้ากลับมาแล้วเจ้าค่า” กระทั่งตกเย็น เพิ่งมีสาวใช้วิ่งเข้ามารายงานซ่งอิง
ซ่งอิงวางสิ่งของในมือลงแล้วเดินออกไปต้อนรับ
ไม่รู้ว่านางเข้าใจผิดไปเองหรือไม่ มักรู้สึกว่าหลังจากฮั่วเจ้ายวนออกไปข้างนอกครั้งหนึ่งก็ดูเหมือนจะมีสภาพอารมณ์ที่ผิดปกติไปเล็กน้อย
มิใช่ว่าได้รับการกระตุ้นความรู้สึกอะไรจากข้างนอกนั่นเข้าแล้วกระมัง