ตอนที่ 731 กฎระเบียบ / ตอนที่ 732 สวนว่านหลิง
ตอนที่ 731 กฎระเบียบ
งูดำเผยสีหน้าภูมิอกภูมิใจ พวกจินหยวนปีศาจทั้งสองพร้อมใจกันกลืนน้ำลาย รู้สึกว่าหลังจากนี้จะต้องแสดงศักยภาพของตัวเองให้ดีๆ มิเช่นนั้นพวกเขาจะดูเป็นพวกไม่มีตัวตนเลยสักนิดเมื่ออยู่ต่อหน้าเถ้าแก่เหนียง!
ด้วยความที่มีปีศาจจำนวนมากถึงเพียงนี้ จึงมีการแข่งขันสูงเหลือเกิน!
“เอาละ ทุกคนนั่งลงกินข้าวเถอะ” ซ่งอิงยิ้มกล่าว
จินหยวนและจินเผิงนั่งลงอย่างว่าง่าย
ครั้งนี้พวกเขาช่วยแบ่งเบาไปได้มาก ดังนั้นซ่งอิงให้ความเป็นกันเองกับพวกเขาอย่างถึงที่สุดเช่นกัน นางเพียงแค่ต้องปรับเสริมเติมแต่งอีกหน่อยก็แทบจะเปิดสวนสัตว์แห่งนี้ได้แล้ว ดังนั้นซ่งอิงจึงยิ่งใจป้ำมากขึ้น
ในช่องว่างระหว่างมิติของนางมีข้าวสารธัญพืชล้นหลาม ปัจจุบันก็มีเงินมากพอตัวแล้ว การเลี้ยงดูปีศาจจำนวนมากเพียงนี้จึงไม่ใช่เรื่องยาก
ปีศาจที่เปลี่ยนร่างแล้วกินอาหารไม่เลือก อาหารที่พวกมนุษย์กินได้พวกมันก็กินได้เช่นกัน ต่อให้เป็นปีศาจที่กินพืช แต่เมื่อกลายเป็นมนุษย์แล้วก็จะถูกรสชาติแสนอร่อยของอาหารเหล่านั้นดึงดูด เช่นนี้จึงสะดวกสำหรับพ่อครัวแม่ครัวที่ทำอาหาร
ผู้ที่รับผิดชอบทำอาหารส่วนใหญ่เป็นปีศาจกระต่ายป่ารวมไปถึงปีศาจหนู ร่างเดิมของพวกมันอ่อนแอบอบบาง ดังนั้นหลังจากเปลี่ยนร่างจึงมีสิ่งที่พอทำได้ไม่มากนัก
เพียงแต่ว่าอย่างไรเสียก็เป็นปีศาจ เมื่อก่อนไม่เคยสัมผัสชีวิตของมนุษย์มาก่อน ดังนั้นจึงเรียนรู้สิ่งต่างๆ ช้าอยู่บ้าง
แต่ก็ไม่ต้องรีบร้อนไป พวกมันมีหนิวต้าลี่และชิงเหลียนกำกับดูแล จึงวางใจได้เช่นกัน
ในตอนนี้ อาหารสีสันน่ารับประทานถูกยกมาวางบนโต๊ะทีละอย่าง
พวกจินหยวนมองดูอาหารชั้นดีตรงหน้าที่สีสันน่ารับประทานทั้งยังมีกลิ่นหอมฉุย รู้สึกว่าช่วงเวลาที่ตนดำรงชีวิตมาก่อนหน้านี้ไม่ต่างกับการใช้ชีวิตสูญเปล่าเห็นๆ!
ถิ่นที่พวกเขาเติบโตอยู่ไกลโพ้น ในเมืองมีภัตตาคารอยู่เช่นกัน แต่ด้วยความที่ผู้คนในที่แห่งนั้นมีไม่มาก ดังนั้นอาหารที่ภัตตาคารแห่งนั้นทำจึงไม่ได้เลิศเลอมากมาย ไม่เหมือนอาหารตรงหน้าเหล่านี้ ยังไม่ทันได้กิน กลิ่นหอมสดใหม่ก็ปะทุขึ้นสมองแล้ว!
“พวกท่านกินของเหล่านี้ทุกวันเลยหรือ” จินเผิงมองงูดำพลางถาม
“ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว” งูดำยิ้มเล็กน้อย
จินเผิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่ไม่ใช่ มิเช่นนั้นเขาต้องได้รู้สึกละอายใจตายจริงๆ!
“อาหารในวันนี้ค่อนข้างมากมายหลากหลาย โรงอาหารปีศาจเพิ่งเปิดใช้ในวันนี้ เมื่อก่อนหากพวกเราอยากกินอะไรก็ทำด้วยตัวเอง เถ้าแก่เหนียงจะแจกจ่ายข้าวสารธัญพืชให้ทุกคนที่ทำงานให้นางทุกเดือน หากตัวเองไม่ถนัดทำกับข้าวก็ขอให้ปีศาจกระต่ายเหล่านั้นช่วยเหลือได้ ตนเองจะได้เบาแรงไปด้วยและเป็นการฝึกฝนเหล่าปีศาจกระต่ายด้านความสามารถในการทำอาหารด้วยเช่นกัน” ปีศาจงูดำกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ดังนั้น…” งูดำลากเสียง “ก็อย่างตัวข้า เป็นคนหนึ่งที่ชอบกิน แม้ว่าของที่กินจะเป็นปริมาณน้อย แต่ก็พิถีพิถันอย่างยิ่ง”
“พิถีพิถันอย่างยิ่งหรือ” จินเผิงเบิกตาโตชั่ววูบ
“ใช่แล้ว ตราบใดที่เจ้าขยันทำงาน อยากกินอะไรก็มีให้กินทั้งนั้น อีกทั้งข้าวสารธัญพืชที่อยู่ในมือเถ้าแก่เหนียงเราต่างจากที่ขายข้างนอก เจ้ากินมากๆ หน่อยก็จะมีประโยชน์ต่อการบำเพ็ญเพียร” งูดำกล่าวอีกครั้ง
จินเผิงกลืนน้ำลาย มันสัมผัสถึงความแตกต่างได้แล้ว
ก็อย่างเช่นข้าวขาวที่อยู่ตรงหน้า มันสูดดมเข้าไปก็เหมือนผลไม้ที่ล่อใจคนได้ ทำให้มันอยากจะเขมือบลงท้องไปทั้งหมดในทันที
ตอนนี้พวกปีศาจไม่อยากมัวพูดคุยต่อไปแล้วเช่นกัน จึงเริ่มลงมือกินข้าวอย่างรีบร้อน
หลังจากปีศาจทั้งสองได้ลิ้มรสคำแรกก็ไม่อาจหักห้ามใจได้อีก พวกเขากินคำต่อไปอย่างต่อเนื่อง เสมือนสัตว์ปีศาจแห่งความตะกละก็ไม่ปาน
เมื่อกินอาหารเสร็จเรียบร้อย ซ่งอิงยังต้องป่าวประกาศกฎระเบียบในสวนสัตว์แห่งนี้ให้รู้โดยทั่วกัน
“นอกจากปีศาจที่มีงานอื่นต้องทำ ปีศาจตนอื่นๆ ทุกเดือนล้วนต้องทำงานอยู่ทางด้านนี้อย่างน้อยครึ่งเดือน แม้ว่าสัตว์ที่ขนย้ายมาในครั้งนี้มีจำนวนไม่น้อย แต่ภายภาคหน้าคงเลี่ยงที่จะมีตัวที่บรรลุเปลี่ยนร่างไม่ได้ จะอย่างไรถ้าหากบรรลุตัวหนึ่งก็กลายเป็นว่าในสวนสัตว์จะมีสัตว์ให้ชมน้อยลงไปตัวหนึ่งตัวก็คงไม่ดีนัก”
“ปีศาจที่มีชนิดเดียวกันปรึกษาหารือกันได้ อย่างเช่นหู่อิ๋งอิ๋งและหู่ขวง ที่ข้านี้มีพวกเจ้าสองตัวเท่านั้นที่เป็นเสือโคร่ง ดังนั้นพวกเจ้าจะทำงานในเวลาเดียวกันไม่ได้ ทำได้เพียงสลับสับเปลี่ยนกันเท่านั้น”
“นอกจากนี้ ตราบใดที่จัดอยู่ในเขตกำลังพัฒนา จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ยามที่มีมนุษย์อยู่เยอะ ทางที่ดีที่สุดคือให้ความร่วมมือกับผู้เข้าชม ทำให้พวกเขาประหลาดใจและมีความสุข” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
สัตว์ที่ไม่มีสติปัญญาเหล่านั้น ซ่งอิงย่อมไม่ตั้งข้อเรียกร้องอันใดเป็นธรรมดา แต่ต่างกับปีศาจที่บรรลุแล้ว หากแค่เล่นหูเล่นตาสักหน่อยก็ย่อมดึงดูดลูกค้าให้ไหลมาเทมาได้ ก็เป็นธรรมดาที่ควรจะอุทิศตนสักหน่อย
ตอนที่ 732 สวนว่านหลิง
หลังจากทุกคนได้ยินคำพูดของซ่งอิงก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาแต่อย่างใด
อย่างไรเสียพวกเขาต่างก็ทำเพื่อให้ได้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
พวกเขาในฐานะปีศาจ การคิดจะไปทำงานในถิ่นฐานมนุษย์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ปีศาจที่มากความสามารถเหมือนงูดำมีไม่มาก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเหมือนกับหนิวต้าลี่ ดูซื่อๆ จึงถูกมนุษย์หลอกง่ายมาก
สวนสัตว์ของซ่งอิงในตอนนี้ถือว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกเขา และนอกจากช่วยสร้างรายได้ก็ยังได้รับข้าวสารธัญพืชที่มีส่วนช่วยในการบำเพ็ญเพียรอีกด้วย นี่ยอดเยี่ยมเห็นๆ
อีกทั้ง…เดิมทีการเปลี่ยนไปร่างเดิมก็ไม่ได้เหน็ดเหนื่อย นี่ใช่การทำงานที่ไหนกัน เปรียบเป็นการพักผ่อนเสียมากกว่า
ดังนั้นไม่มีปีศาจปฏิเสธเลยสักตน
ซ่งอิงเริ่มลงสถิติสัตว์ทั้งหมดเอาไว้
จากนั้นนำพวกมันไปปล่อยไว้ในแต่ละเขตบริเวณของตน จินหยวนและจินเผิงในขณะนี้จึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับสวนสัตว์แห่งนี้ไปด้วย หากเทียบกับเขาโล้นๆ เหล่านั้นที่เคยพบเห็นมาก่อน ที่แห่งนี้ไม่ต่างกับสวรรค์บนดิน
ซ่งอิงรู้สึกว่าหากเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าสวนสัตว์ก็ดูเหมือนไม่ค่อยเหมาะสมนัก จึงปรับเปลี่ยนป้ายชื่อด้านนอก โดยเปลี่ยนเป็นสวนว่านหลิง
ตามจริงภาระงานปิดท้ายยังมีอีกไม่น้อย พวกเขาจึงยุ่งตัวเป็นเกลียวไปอีกเดือนกว่าๆ ปีศาจทั้งหมดเข้าฝึกอบรมประจำหน้าที่ จากนั้นต้นเดือนเจ็ด สวนว่านหลิงจึงเปิดอย่างเป็นทางการ!
การเปิดกิจการครั้งนี้ แน่นอนว่าต้องป่าวประกาศให้รู้โดยทั่วด้วยเช่นกัน
ซ่งอิงทำใบประกาศขึ้นมาเป็นการเฉพาะ นางวาดร่างเดิมของปีศาจรุ่นใหญ่ลงไปในกระดาษด้วย จากนั้นก็ให้พวกเฮยยายาตลอดจนอิงต้าซานบินขึ้นไปเหนือเมืองยงแห่งนี้ ก่อนจะโปรยปรายกระดาษดังกล่าวจากท้องนภาลงมายังตลาดอันครึกครื้น
ยังไม่เพียงเท่านั้น จะมีแค่การป่าวประกาศผ่านกระดาษอย่างเดียวไม่ได้ ซ่งอิงไปยังหอนางโลมที่ขึ้นชื่อที่สุดในเมืองยง จากนั้นทำเทียบเชิญแจกจ่ายให้พวกนางจำนวนหนึ่ง โดยระบุว่าแม่นางที่มาเที่ยวชมเป็นอันดับแรกๆ จะได้รับการยกเว้นค่าอาหารและที่พัก หากพาแขกคนอื่นไปด้วยก็ยังจะได้รับของขวัญจากสวนว่านหลิงอีกด้วย
ของขวัญมีหลากหลายชนิด อย่างเช่นไข่มุก ข้าวหอม สบู่หอม ดอกไม้สด แน่นอนว่าที่สำคัญคือจะมีเงินตอบแทนอีกด้วย
แม่นางในหอนางโลมเดิมทีก็ให้ความสำคัญกับเงินตราเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะแม่นางที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงเหล่านั้น ส่วนใหญ่ต่างก็แค่เที่ยวเล่นสร้างความสำราญเป็นเพื่อนบุตรหลานตระกูลผู้ร่ำรวย แต่เมืองยงแห่งนี้ก็ไม่มีสถานที่พิเศษอันใด ปกติแต่ละวันหากมิใช่เที่ยวเล่นตามหนองน้ำทะเลสาบก็จะเป็นการชมดอกไม้ น่าเบื่อเสียยิ่งกว่าอะไรดี
บัดนี้มีสวนว่านหลิงปรากฏขึ้นมากะทันหัน อีกทั้งในนั้นยังมีเสือโคร่งและสิงโต ต่อให้ไม่จ่ายเงินสินน้ำใจให้ พวกนางก็อยากไปลองดูเช่นกัน
ไม่มีอะไรให้สงสัยเลยแม้แต่น้อย พวกนางนัดหมายคุณชายหนุ่มๆ หรือไม่ก็นายท่านหนุ่มใหญ่ที่มักจะให้เงินพวกนางในแต่ละวัน จากนั้นพากันมาในช่วงที่สวนเพิ่งเปิดทำการและกำลังคึกคักน่าดู
เมื่อพ้นจากตัวเมืองก็เดินทางไปตามแผนที่ที่ได้รับมา พวกเขาพลันสังเกตเห็นว่าชานเมืองแถบเหนือนี้แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้แล้ว!
เมื่อก่อนเป็นเส้นทางป่ารกร้าง บัดนี้ไม่นึกเลยว่าสองข้างทางจะมีต้นดอกไม้ป่าจำนวนมาก พื้นถนนก็อัดแน่น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ หลังจากเดินทางไปไม่นานนักก็มองเห็นป้ายนำทาง พาพวกเขามุ่งไปถึงหมู่บ้านสวนแห่งหนึ่ง
ปากทางเข้าสวนแห่งนี้มีหินแกะสลักขนาดใหญ่มาก ไม่รู้เช่นกันว่าขนย้ายมาได้อย่างไร หินแกะสลักนั่นแกะสลักสัตว์มงคลอย่างตัวกิเลนเอาไว้สองตัว เหนือกลางศีรษะเป็นป้ายขนาดใหญ่มหึมาเขียนว่า ‘สวนว่านหลิง’ มองดูสง่างามโอ่อ่าอย่างยิ่ง
และเมื่อเข้าสู่สวนสัตว์แห่งนี้ ประสาทสัมผัสความรู้สึกทั้งหมดก็แตกต่างไปจากเดิม
เสียงนกขับขานและกลิ่นหอมของบุปผา ชวนให้ผู้คนสดชื่นรื่นรมย์ยิ่งนัก แน่นอนว่าบริเวณทางเข้ายังมีจุดจำหน่ายตั๋วตั้งอยู่อีกด้วย
“ค่าเข้าสถานที่จำนวนกี่ตำลึงเงินหรือ” อวี๋ชิงเป็นปัญญาชนคนหนึ่ง ปกติแต่ละวันชื่นชอบสิ่งสวยๆ งามๆ และความครื้นเครงเป็นที่สุด ด้วยความที่ว่าอีกไม่นานก็จะต้องสอบระดับท้องถิ่นแล้ว จึงอยากอาศัยช่วงที่ยังมีอารมณ์เบิกบานในขณะนี้ออกมาเที่ยวเล่นเสียหน่อย
ครอบครัวเขามีเงินมากมาย ไม่ใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ ดังนั้นจึงเชิญชวนสหายในสถานศึกษามาด้วยเป็นการพิเศษ
“ค่าเข้าสถานที่ท่านละหนึ่งร้อยอีแปะเจ้าค่ะ” แม่นางกระต่ายยิ้มตาหยีเอ่ยพูด
“ราคาถูกขนาดนี้เชียวหรือ” อวี๋ชิงตระหนกตกใจ
“คิดๆ ดูแล้วข้างในนั่นน่าจะยังมีค่าใช้จ่ายอื่นอีกกระมัง อย่างไรเสียที่แห่งนี้แม้ว่าใกล้กับตัวเมืองยง แต่เที่ยวเล่นตลอดทั้งวัน ตกเย็นก็คงกลับเข้าเมืองไม่ทันแล้ว จะอย่างไรก็ต้องพักค้างแรมที่นี่สักคืน” ลู่ข่ายยิ้มเล็กน้อย
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ด้านในสวนว่านหลิงของพวกเรามีเรือนแบ่งระดับชั้นหลายหลัง เรือนที่แบ่งระดับชั้นทุกหลังมองเห็นทิวทัศน์รายละเอียดแตกต่างกันไป นอกจากนี้หากพักอยู่ในสวนว่านหลิงพวกเราก็มีอาหารให้รับประทานกันด้วย ซึ่งก็มีรูปแบบและราคาที่แตกต่างกันออกไปเจ้าค่ะ…”