ตอนที่ 753 กินบนเรือนขี้บนหลังคา / ตอนที่ 754 ครอบครัวที่ต่ำต้อยก็ให้กำเนิดบุตรที่ดีได้
ตอนที่ 753 กินบนเรือนขี้บนหลังคา
ตอนนี้ ซ่งสวินเป็นอันเข้าใจเสียทีว่าเหตุใดใต้หล้าจึงมีขุนนางละโมบโลภมากเยอะถึงเพียงนี้
“ไฉนพวกเราสองคนจึงอยู่อาศัยในบ้านที่หลังใหญ่โตขนาดนี้” ซ่งสวินรับไม่ไหวจริงๆ ครั้นนึกถึงว่าบ้านหลังนี้หากเปลี่ยนเป็นก้อนเงินจะมีน้ำหนักเกือบๆ สามพันจิน เขาก็รู้สึกว่าถูกน้ำหนักนี้กดทับอยู่จนหายใจไม่ออก
“บ้านหลังนี้ข้ามิได้ซื้อให้ตัวข้าเองเสียหน่อย” ซ่งอิงชักสีหน้าจริงจัง “ท่านลองคิดดูนะเจ้าคะ เกิดท่านต้องอยู่ที่เมืองหลวงยาวๆ แต่กลับไม่มีบ้านสักหลัง เช่นนั้นจะได้อย่างไรเล่า อีกทั้งบ้านที่ดีเพียงนี้ พลาดไปเสียดายแย่!”
“ข้าหาเงินได้จำนวนมากเพียงนี้เสียที่ไหนกัน…ไม่ได้” ซ่งสวินส่ายหน้า
หาเงินได้ก็ไม่เอามาทุ่มกับบ้านหลังนี้เช่นกัน เอาไปซื้อที่ดินไว้เยอะๆ ยังจะมั่นคงเสียกว่ามิใช่หรือ
“นี่ก็เพราะว่าท่านไม่เข้าใจอย่างไรล่ะ ท่านดูตระกูลคนร่ำรวยสูงศักดิ์ในเมืองหลวงสิเจ้าคะว่าตระกูลใดบ้างไม่มีเรือนหลังใหญ่โต ภายภาคหน้าเมื่อท่านแต่งงานมีลูก ลูกชาย ลูกสาวและพ่อแม่ล้วนต้องแยกอาศัยส่วนใครส่วนมัน นี่แค่เรือนหกลานเอง ยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ!” ซ่งอิงทำตาโตอย่างไร้เดียงสา “ตอนนี้ข้าซื้อเอาไว้ก่อน หากภายภาคหน้าท่านต้องการค่อยซื้อที่นี่ไปจากข้าอีกที ข้าไม่ขูดเลือดขูดเนื้อท่านแน่นอน อย่างมากสุดหากำไรจากท่านสักสองพันตำลึงเงินก็พอแล้ว ถึงตอนนั้นท่านเตรียมไว้ให้ข้าสามหมื่นตำลึงเงินถ้วน ก็ช่วยให้น้องสาวคนนี้ได้มีกำไรแล้ว”
“…” ซ่งสวินถึงกับเบิกตาโตชั่วขณะ
ซ่งอิงเห็นซ่งสวินเผยสีหน้าท่าทีน่าสงสารเช่นนี้ จึงกล่าวขึ้นอีกอย่างตรงไปตรงมา “ท่านวางใจเถอะ ท่านอยากก้าวหน้าขึ้นไปในจุดสูงๆ มิใช่หรือ หากเป็นเช่นที่ว่านี้ เช่นนั้นก็ต้องมีสักวันที่ซื้อบ้านหลังนี้ได้อย่างแน่นอน”
“ท่านคิดว่าเงินที่ได้จากการเป็นขุนนางมาจากไหนหรือ ตัวอย่างเช่นจวนโหวแห่งนั้น ขุนนางบรรดาศักดิ์โหว เบี้ยหวัดปีหนึ่งๆ ก็เป็นจำนวนเงินไม่เท่าไร แต่กลับต้องเลี้ยงดูทั้งคนเฒ่าและเด็กในครอบครัวทั้งหมด หากพึ่งพาแค่เบี้ยหวัดจริง คนของจวนเหยียนผิงโหวคงอดตายไปนานแล้วเจ้าค่ะ” ซ่งอิงยิ้มกล่าว
ซ่งสวินขมวดคิ้ว “ไม่ได้พึ่งเบี้ยหวัดหรือ”
เช่นนั้นพึ่งอะไร…
“ยามที่เพิ่งมีท่านโหวรุ่นแรก บ้านหลังนั้นของพวกเขาเป็นของที่ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ ท่านโหวรุ่นแรกผู้นั้นได้รับความพึงพอใจจากฮ่องเต้มาก จวนโหวจึงมีความใหญ่โตโอ่อ่าสง่างาม นอกจากเรือนกว้างขวางใหญ่โต ฮ่องเต้ก็ยังพระราชทานสิ่งของให้อีกจำนวนหนึ่งด้วยเจ้าค่ะ”
“ตัวอย่างเช่นหากไปปฏิบัติภาระงานที่ได้รับมอบหมาย เมื่อจัดการสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีก็จะได้เงินทอง หรือเครื่องประดับล้ำค่ามาบ้าง ซึ่งสิ่งของที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ล้วนเป็นของดีทั้งนั้น และคนที่มีความสัมพันธ์ดีงามด้วย ไม่แน่ว่าก็จะส่งของขวัญจำนวนหนึ่งมาแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน ก็เช่นเดียวกับที่ท่านได้รับเกียรติคุณจวี่เหรินแล้วยังไม่ทันทำอะไรก็มีเงินนับร้อยตำลึงเงินส่งมาถึงมือและที่ดินนับร้อยหมู่”
ซ่งสวินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
ดังนั้น พอมีเงินแล้วก็จะยิ่งมีเงินมากขึ้นกว่าเดิม…
เว้นแต่ตระกูลขุนนางผู้มีความดีความชอบต่อแผ่นดินที่ไม่รู้จักจัดการทรัพย์สินเหล่านั้นให้ดีๆ หรือลูกหลานไม่เอาไหนและพวกที่จับจ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย
“ประเด็นสำคัญคือ ท่านเรียนและสอบหนักเช่นนี้ จะอย่างไรก็ต้องอยู่ในสถานที่ที่สุขสบายหน่อย หากท่านซื้อบ้านหลังเล็กๆ ที่ดูแล้วชวนห่อเหี่ยวใจนั่นจริง เช่นนั้นก็เลิกเรียนหนังสือไปเสียเลยดีกว่า” ซ่งอิงยิ้มกล่าว
นางกล่าวอย่างมีนัยยะแฝง ซ่งสวินครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็เข้าใจได้แล้วเช่นกัน “จริงอย่างที่เจ้าว่า และบางทีอาจเป็นไปได้ว่าจวนโหวจะชวนข้าไปอยู่อาศัยด้วยกัน?”
“ใช่แล้ว วงศ์ตระกูลซ่งปรากฏผู้โดดเด่นมากความสามารถขึ้นมาคนหนึ่ง ท่านโหวซ่งจะไม่คว้าเอาไว้ในมือตัวเองได้อย่างไร เมื่อใดที่ท่านไปอาศัยอยู่บ้านเขา นั่นก็จะกลายเป็นน้ำใจของคนเขาไปโดยปริยาย ภายภาคหน้าต่อให้ท่านประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง ก็ต้องเคารพและตอบแทนคุณพวกเขาให้ดีๆ มิเช่นนั้น…ก็จะทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วยประโยคเดียวที่ว่ากินบนเรือนขี้บนหลังคา” ซ่งอิงกล่าวเสริมเติมแต่งขึ้นมาอีกครั้ง
ซ่งสวินพลันฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ในทันที เขารู้สึกว่าตนสะเพร่าเกินไปแล้วจริงๆ
ล้วนเป็นวงศ์ตระกูลเดียวกัน หากจวนโหวเห็นว่าเขาความสามารถยอดเยี่ยมจึงอยากจะรั้งตัวไว้ หากเขาปฏิเสธ นั่นก็จะกลายเป็นไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว
แต่หากมีที่อยู่อาศัยที่สงบเงียบทั้งยังเหมาะสมอย่างยิ่งอยู่แล้ว จวนโหวก็จะไม่มีถ้อยคำใดมาอ้างได้แล้วเช่นกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว” ซ่งสวินกล่าวทันที
ซ่งอิงคลี่ยิ้มมุมปาก
…
หลังจากให้คนช่วยจัดการซื้อหาสิ่งของบางส่วนเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาก็ย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ในทันที
ต่อจากนั้น ซ่งสวินก็มุ่งหน้าไปส่งบัตรขอเข้าเยี่ยมเยียนกับจวนเหยียนผิงโหว
ตอนที่ 754 ครอบครัวที่ต่ำต้อยก็ให้กำเนิดบุตรที่ดีได้
ตอนนี้ท่านโหวซ่งกำลังรอคอยข่าวคราวอยู่เช่นกัน หลายวันที่ผ่านมาเขายุ่งอยู่กับงานหลวง จึงไม่ได้เก็บเรื่องของซ่งอิงเอามาใส่ใจเป็นพิเศษ แม้เห็นว่าคนที่ส่งออกไปไม่กลับมาเสียที ก็ถือว่าเพราะแค่เกิดความล่าช้าแล้วเท่านั้น ไม่เคยนึกสงสัยเลยว่าคนที่ส่งไปจะทำภารกิจที่เขามอบหมายให้สำเร็จหรือไม่
เมื่อเลิกงานทางราชสำนัก ผู้ดูแลบ้านก็นำบัตรขอเข้าเยี่ยมเยียนมาส่งให้
“ซ่งสวิน? นี่คือผู้ใดหรือ” ซ่งท่านโหวตะลึงงัน
เนื้อความที่เขียนไว้บนนี้คือ…พาน้องสาวมาเยี่ยมเยียน?
“น่าจะเป็น…สายตระกูลทางด้านบ้านเกิดนั่นขอรับ ก่อนหน้านี้คุณชายสี่และคุณหนูห้าไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษมิใช่หรือขอรับ” ผู้ดูแลบ้านกล่าว
ท่านโหวซ่งได้ยินดังกล่าว ก็เผยสีหน้าตกตะลึงปนประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย “สายตระกูลนั้นมีคนสอบผ่านจวี่เหรินด้วย ครอบครัวต่ำต้อยก็ให้กำเนิดบุตรที่ดีได้ด้วยหรือ ประหลาดดีจริงๆ”
เขาหัวเราะเบาๆ แต่ก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจมากมาย
“ว่ากันตามหลัก เมื่อมีคนทางบ้านเกิดสอบได้ก็ย่อมต้องมาเยี่ยมเยียนท่านเป็นธรรมดา หากได้รับการชี้นำจากท่านด้วยเล็กๆ น้อยๆ เช่นนั้นก็ยิ่งดีไปใหญ่ วันนี้ยามที่ได้รับบัตรนี้ ข้าน้อยถามไถ่ข้ารับใช้ผู้นั้นเป็นการเฉพาะ จึงได้รับรู้ว่าซ่งสวินผู้นั้นหลังผ่านพ้นปีใหม่นี้ก็เพิ่งอายุยี่สิบปีเท่านั้นเอง ถือว่าได้เปรียบด้านความเยาว์วัย หากปีหน้าสอบจิ้นซื่อผ่านก็จะมีประโยชน์ต่อท่านอยู่บ้างเช่นกันขอรับ”
คนของคนวงศ์ตระกูลเดียวกันปรากฏบัญฑิตจิ้นซื่อขึ้นมาสักคน นั่นจะแสดงถึงว่าสกุลซ่งมีรากฐานที่ดี คนรอบข้างเห็นดังกล่าวก็จะมองบุตรหลานชายในตระกูลซ่งอย่างยกย่อง
“ก็จริงอย่างว่า เพียงแต่ข้าว่าที่สอบผ่านจวี่เหรินได้คงใช้โชคทั้งหมดที่มีไปแล้วกระมัง สอบจิ้นซื่อใช่ว่าจะสอบผ่านกันได้ง่ายดายขนาดนั้นเสียที่ไหนเล่า ทว่าในเมื่อมาแล้ว หากไม่ต้อนรับขับสู้สักครั้งก็จะทำให้คนอื่นเอาไปติฉินนินทาได้” ท่านโหวซ่งครุ่นคิดแล้วกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “เอาแบบนี้แล้วกัน ตอบบัตรเทียบเชิญกลับไป กำหนดไปสักวัน ให้พวกเขามาเจอหน้าค่าตากันหน่อยก็พอ”
ให้ซ่งสวินมาเยือน ก็จำเป็นต้องเตรียมของขวัญเนื่องในโอกาสเจอหน้ากันเอาไว้ด้วยสักอย่าง
ถึงอย่างไรก็เป็นคนจากครอบครัวชนบท ออกมาสอบเรียนยังพาน้องสาวติดสอยห้อยตามมาด้วย เกรงว่าคงคิดอาศัยเขาเพื่อหาคู่ครองสูงศักดิ์ดีๆ สักตระกูลให้นางด้วยกระมัง
ท่านโหวซ่งเห็นเป็นเพียงเรื่องน่าขันเท่านั้น จึงให้ผู้ดูแลบ้านไปหาสิ่งของที่เหมาะสมหน่อยจากห้องเก็บของ
มีจานฝนหมึกดีๆ อยู่หลายอัน ซึ่งส่วนใหญ่ในนั้นเป็นงานหัตถกรรมโบราณ เอาให้หนุ่มน้อยชนบทผู้นั้นก็ไม่ถือว่าสิ้นเปลือง เลือกไปเลือกมา ท้ายที่สุดก็เลือกอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในห้องหนังสือที่ไม่ได้มีมูลค่าสักเท่าไรเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อย
ทางด้านซ่งอิงเมื่อได้รับเทียบเชิญตอบกลับก็ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“น้องพี่ เจ้าจะไปด้วยกันจริงหรือ เจ้าคิดให้ดีๆ ล่ะ เมื่อไปแล้ว หลังจากนี้ก็คงไม่สงบสุขแล้ว” ซ่งสวินกล่าวด้วยความกังวลใจ
ซ่งอิงเลิกคิ้ว “มาเยือนที่นี่ทั้งที ก็เพื่อได้มองดูความคึกครื้นมิใช่หรือเจ้าคะ”
ซ่งสวินถอนหายใจ
ก็นั่นสิ เพื่ออะไรกัน…
เขาครุ่นคิดในหัว จะว่าไปก็ไม่ใช่ว่าจะเล่นงานจวนโหวจนไม่มีที่ให้ยืนบนโลกนี้อีกแล้วเสียหน่อย และเขาก็รู้ตัวเองดีว่าตนไม่มีความสามารถนั้น
ที่อยากทำ ก็แค่สร้างความชอบธรรมให้น้องสาวเขาเท่านั้นเอง
ซ่งอิงในตอนนี้ไม่ใช่นาง น้องสาวเขาที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับนางกลายเป็นวิญญาณกลับคืนสู่สวรรค์ไปนานแล้ว
ที่เขาต้องการก็คือบอกกล่าวให้ผู้อื่นรู้ว่า ท่านโหวซ่งเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือเพียงใด เพื่อภาพลักษณ์ของตนเอง จึงจะฆ่าได้แม้กระทั่งลูกสาวในสายเลือด
หากน้องสาวผู้นั้นของเขากระทำเรื่องที่ทำให้ตระกูลซ่งอับอายขายหน้า แล้วท่านโหวซ่งสั่งสอนบุตรสาวของตนเองสักหน่อยก็ยังดูมีเหตุผล แต่น้องสาวเขาผู้นั้นทำอะไรให้แล้วหรือ!
สิ่งเดียวที่นางทำผิดก็คือเกิดมาผิดครอบครัว!
“หากพวกเขาจำเจ้าได้ เกรงว่าคงออกจากประตูใหญ่ของจวนโหวไม่ได้แล้ว เช่นนั้นจะทำอย่างไร” ซ่งสวินเอ่ยถาม
“ก็อยู่ที่นั่นไปเลยอย่างไรล่ะเจ้าคะ” ซ่งอิงเผยแววตาไร้เดียงสา “ล้มคะมำจากที่ไหนก็ปีนป่ายลุกขึ้นมาจากที่นั่น ในเมื่อพวกเขาอยากจะควบคุมข้า เช่นนั้นก็ยิ่งน่าสนใจไม่น้อย เอาเป็นว่าท้ายที่สุดแล้วผู้ที่จะไม่ได้รับความสงบสุข มิใช่ข้าแน่นอน”
ซ่งสวินยังคงกังวลใจอยู่บ้าง “ทำเช่นนี้จะเป็นการเสี่ยงมากเกินไป”
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ พวกเขาก็แค่ใช้ลูกไม้อย่าง…วางยาพิษ ลอบสังหาร วางเพลิง อะไรทำนองนี้ คงไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้แล้ว” ซ่งอิงครุ่นคิด
“…” ซ่งสวินเลิกคิ้ว ครั้นนางพูดเช่นนี้ขึ้นมาเขาก็รู้สึกว่าไม่ควรไปแล้ว
นี่ไม่ใช่ความคิดที่จะไปรนหาที่ตายหรอกหรือ