ซ่งถังหังถอนหายใจอยู่ในใจขณะมองพี่สาวของเขาที่กำลังแสร้งตีมึนหลอกบิดา
“ท่านพ่อ น่าจะจริงอย่างที่ท่านพี่ว่าขอรับ ความจริงข้าอยู่ทางด้านนั้นก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้มาบ้างเช่นกัน” ซ่งถังหังเอ่ยปาก
“เล่ามาสิ” ท่านโหวซ่งถาม
“ก็คือเซว์เอ้อร์ผู้นั้น ตามจริงเขากับพี่สาวคนโตไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน ถึงขั้นว่าเซว์เอ้อร์ยังมีความแค้นกับพี่สาวคนโตอีกด้วย ลูกน้องเขาเคยเปิดร้านค้าแห่งหนึ่งทางด้านตัวอำเภอนั้นอยู่ก่อน แล้วดูเหมือนถูกร้านค้าของพี่สาวคนโตเบียดลงไป ดังนั้นคนเขาจึงไปหาเรื่องพี่สาวคนโตถึงหมู่บ้าน นอกเหนือจากนี้ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัดแล้วขอรับ” ซ่งถังหังกล่าวอีกครั้ง
เมื่อเขากล่าวจบ ซ่งท่านโหวก็เขวี้ยงจอกน้ำชาเสียงดัง ‘เพล้ง’
“สร้างปัญหาเก่งจริงๆ! เป็นสาวเป็นนาง ไม่นึกเลยว่าจะเสนอหน้าทำกิจการค้าขาย ช่างน่าอับอายขายหน้าจริงๆ!” ซ่งท่านโหวกล่าวด้วยความโกรธจัด
ซ่งซินหัวนิ่งเงียบไป
ซ่งถังหังอึดอัดใจไม่น้อยเช่นกัน แม้ว่าเขาไม่ค่อยชอบซ่งอิง แต่…
กล่าวตามตรง ชีวิตของประชาชนธรรมดาทั่วไปก็ลำบากยากจนอย่างยิ่งทีเดียว หากซ่งอิงไม่พยายามคิดค้นวิธีหาเงินบ้าง แล้วจะดำเนินชีวิตตามใจปรารถนาได้อย่างไร
ทว่า เขาไม่กล้าพูดถ้อยคำเหล่านี้แต่อย่างใด
สองสามีภรรยาถามไถ่ไม่กี่ประโยคนี้ จากนั้นก็ให้ลูกๆ ออกไป
“ท่านโหว…นางเด็กผู้นั้นร้ายกาจจริงๆ เรื่องนี้จะเอะอะใหญ่โตก็ไม่ได้ด้วย หรือไม่ก็ปล่อยนางไปดีเจ้าคะ” หลานซื่อหยั่งเชิง
“ปล่อยนางไปหรือ! นางยังจะเห็นบิดาอย่างข้าผู้นี้อยู่ในสายตาอีกหรือ หากมีวันใดวันหนึ่งนางออกไปเพ่นพ่านข้างนอก เช่นนั้นปัญหาประเด็นนั้นของครอบครัวเราจะไม่เป็นอันโด่งดังจนผู้คนรับรู้ทั่วเมืองหลวงหรือไร! ไม่ได้!” ท่านโหวซ่งเผยความดุดันเล็กน้อยบนใบหน้า “นับแต่วันนี้ไป ตัดเสบียงอาหารของนางเสีย!”
จำเป็นต้องทำให้นางเชื่อฟังให้จงได้!
ก่อนจัดการซ่งสวินให้เรียบร้อย เขาจะให้ซ่งอิงเป็นอะไรไปไม่ได้ มิเช่นนั้นเกรงว่าซ่งสวินคงได้ทำให้เรื่องราวยิ่งย่ำแย่ไปกว่านี้แน่
แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้ซ่งอิงให้ไม่เห็นใครในสายตาเช่นนี้ได้!
ปล่อยให้นางหิวสักสองสามวัน หลังจากสองสามวันค่อยสั่งสอนให้เต็มที่!
“แต่…” หลานซื่อสับสนอย่างยิ่ง “สามวันมานี้ คนที่อยู่ข้างกายซ่งอิงมักจะไปแย่งของทางด้านครัวใหญ่เสมอ พวกเขาฝีมือร้ายกาจ แม่ครัวที่ห้องครัวขัดขวางไม่ได้เลย เมื่อวานเหล่าไท่ไท่ยังถามอยู่เลยว่าไฉนจึงไม่มีขนมของด้านเรือนกุ้ยฟางเสียแล้ว…กลับไม่รู้ว่าทั้งหมดถูกนางกินเข้าไปแล้วเจ้าค่ะ”
“…” ซ่งท่านโหวนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาบ้างเช่นกัน
เหล่าผู้คุ้มกันของเขายังสู้คนที่อยู่ข้างกายซ่งอิงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
เขาอดนึกถึงคนที่ส่งไปเมืองยงก่อนหน้านี้ไม่ได้ สามคนนั้นแล้วยังมีหวงซาอีกคน หรือว่าเพราะถูกคนของซ่งอิงกำจัดทิ้งแล้ว
อีกทั้ง ดูเหมือนเป็นการกังขังซ่งอิงไว้ในบ้าน แต่ในความเป็นจริง…
ด้วยความสามารถของคนเหล่านี้ ล้วนออกไปไหนมาไหนได้ตามอำเภอใจเห็นๆ!
เมื่อนึกถึงความเป็นจริงนี้ได้ ซ่งโหวพลันรู้สึกรับไม่ค่อยได้ขึ้นมาชั่วขณะ
เขานึกว่าซ่งอิงถูกเขาควบคุมอยู่ แต่ดูท่า สาวน้อยผู้นั้นไม่ได้อยากจะไปต่างหาก ทำไมกัน หรือ…เพราะอยากให้เขามอบผลประโยชน์บางอย่างให้
ฝันไปเถอะ!
ซ่งท่านโหวคาดเดาความนึกคิดของซ่งอิงไม่ได้จริงๆ แต่ถึงกระนั้น เขายิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
ในขณะที่โมโหก็รู้สึกจนใจเล็กน้อย
เรื่องนี้คงต้องหันไปลงมือทางด้านซ่งสวินผู้นั้นเสียแล้ว
หากซ่งสวินถูกกำจัดแล้วก็จะไม่มีขวากหนามที่คอยเกะกะอีก “สองสามวันนี้…ก็ลงมือในอาหารเหล่านั้นก่อนแล้วกัน ไม่ต้องให้สะดุดตาเกินไป แค่ให้คนไม่มีชีวิตชีวานักก็พอ”
หลานซื่อพยักขานรับในทันที
แต่อย่างไรก็ตาม สองสามีภรรยาคู่นี้ไม่รู้เลยว่านอกจากวันแรกที่ซ่งอิงกินอาหารของจวนโหวแห่งนี้ ที่เหลือก็ไม่เคยรับประทานของพวกเขาอีกเลยสักนิด ที่ให้หวงเมี่ยนไปแย่งของกิน เพียงแค่อยากยั่วยุผู้คนในจวนโหวสักเล็กน้อยก็เท่านั้นเอง
“เถ้าแก่เหนียง วันนี้ในของกินที่แย่งมามีกลิ่นแปลกๆ ด้วยเจ้าค่ะ ข้าเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ทว่ามันแตกต่างกับที่ผ่านๆ มาอย่างยิ่งเจ้าค่ะ” หวงเมี่ยนใช้จมูกสูดดมดู
ซ่งอิงเลิกคิ้ว “อาจใส่ของดีๆ ลงไปนั้นแล้วกระมัง”
ตอนที่ 770 ขับไล่ออกไป
พวกหวงเมี่ยนไม่ค่อยเข้าใจนัก ส่วนซ่งอิงมองของสิ่งนี้ ก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “หวงเมี่ยน ตอนกลางดึก เจ้าแอบนำขนมนี้ไปวางไว้ในห้องซ่งถังปิ่งทีสิ อย่างอื่นก็ไม่ต้องสนใจแล้ว”
เดิมทีซ่งอิงอยากจะนำของสิ่งนี้ส่งไปให้ทางด้านจวนนายหญิงชรา
แต่เมื่อลองคิดดูอีกที แม้ว่านายหญิงชราผู้นี้กล่าวได้ว่าเป็นคนที่หน้าเนื้อใจเสือ แต่ช่วงที่เจ้าของร่างคลอดออกมาแล้ว ก็เพราะนายหญิงชราผู้นี้ฝันเห็นพระโพธิสัตว์จึงไม่ยอมปลิดชีวิตนาง ซึ่งเป็นการละเว้นชีวิตนางไว้ครั้งหนึ่ง ถึงกระทั่งว่าในครั้งที่สอง ก็เพราะนายหญิงชราผู้นี้จู่ๆ ก็ร่างกายไม่ค่อยดี เกรงกลัวว่าหากมีคนตายในจวนแล้วจะส่งผลกระทบถึงนาง เจ้าของร่างจึงรอดชีวิตมาได้อีกครั้ง
ถึงแม้ไม่ใช่ความประสงค์ของตัวนายหญิงชราเอง แต่อย่างน้อยก็ยืดชีวิตเจ้าของร่างได้อีกระยะหนึ่ง กระทั่งกลับมาถึงหมู่บ้าน ได้เห็นพ่อและแม่สมดังใจปรารถนา
เช่นนี้ ซ่งอิงจึงไม่วางยาพิษใส่นางโดยตรง
เปลี่ยนเป็นซ่งถังปิ่งก็ได้เช่นกัน
ยามที่เจ้าของร่างอยู่จวนโหว ได้รับเจตนาร้ายของทุกคนอย่างแท้จริง
นายหญิงชราผู้นี้เคยตำหนิเจ้าของร่างว่าไม่รู้ความและไร้ระเบียบมารยาทต่อหน้าทุกคนหลายต่อหลายครั้ง ตอนนั้นเจ้าของร่างไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ เพียงแค่ยืนอยู่ในมุมอย่างเจียมเนื้อเจียวตัว ไม่กล้าเอ่ยวาจาใดก็เท่านั้นเอง
หากเป็นเพียงเรื่องแค่นี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด อย่างไรเสียในฐานะผู้อาวุโส จะสั่งสอนกันบ้างก็ไม่เป็นอะไร
แต่ตอนแรกเรื่องของการจับเจ้าของร่างแต่งงานกับท่านอ๋องชรา เป็นฝีมือของนายหญิงชรา
เรื่องอย่างงานแต่งเช่นนี้ นางทำให้สำเร็จผลได้โดยไม่รู้สึกผิดบาปในใจ จะเห็นได้ถึงความนึกคิดชั่วร้ายในใจ ซ้ำนายหญิงชรายังคงทำทีราวกับจัดการเรื่องนี้เพราะมีความปรารถนาดีให้เจ้าของร่างอีกด้วย คล้ายกับว่าเจ้าของร่างได้รับเรื่องดีงามแล้ว สมควรคุกเข่าคำนับศีรษะสามครั้งเป็นการขอบคุณนางเสียด้วยซ้ำ
ส่วนทายาทสืบทอดตระกูลน่ะหรือ…
ไม่ได้พูดคุยกับเจ้าของร่างมากมาย เพียงแค่เคยถีบเจ้าของร่างครั้งหนึ่ง ทั้งยังด่าทอนางว่าเป็นตัวกาลกิณี ซึ่งถือว่าเป็นแกนนำให้คนทั้งเบื้องบนเบื้องล่างในจวนโหวจ้องเล่นงานนางก็เท่านั้นเอง
นางผู้นี้เป็นผู้แค้นฝังใจ เรื่องที่ผ่านพ้นไปแล้วล้วนต้องจดจำไว้คิดบัญชีทั้งหมด
เรือนของจวนโหวแห่งนี้บุกรุกได้ง่ายดายยิ่ง แม้ว่ามีคนคอยเฝ้ายามข้างนอกในตอนกลางคืน แต่รูปร่างเพียงพอนเหลืองไม่ได้ใหญ่โตแต่อย่างใด อีกทั้งมีความรวดเร็วว่องไวมาก ถึงแม้สองขาหน้าประคองหนึ่งจานเล็กๆ ไว้ด้วย แต่ด้วยความสามารถของเพียงพอนเหลืองจึงไม่กินเวลานานเลยแม้แต่น้อย
ตอนค่ำ เพียงพอนเหลืองก็ทำตามความต้องการของซ่งอิง นำจานขนมไปส่งทางด้านนั้น
ช่างประจวบเหมาะยิ่ง ซ่งถังปิ่งเสร็จสิ้นภารกิจบนเตียงกลางดึก เขาก็รู้สึกหิว เมื่อมองเห็นขนมจึงหยิบเข้าปากกินไปสองสามชิ้น
หลังจากกินหมดก็รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงไปทั้งตัว วันรุ่งขึ้นเช้าตรู่มาดูอีกทีเขาก็ล้มป่วยเสียแล้ว
ตัวเขาเองไม่แน่ใจเช่นกัน และยังนึกว่าเมื่อวานทำเรื่องอย่างว่าบนเตียงหนักหน่วงเกินไป ดังนั้นจึงเหน็ดเหนื่อยแล้วก็เท่านั้น ทั้งยังกลัวจะเสียหน้าจึงไม่อยากพูดออกไปตามตรง
หลานซื่อไม่ได้รู้เรื่องราว นางเรียกอนุภรรยาในเรือนมาตำหนิยกใหญ่
“นางผู้นั้นสมกับเป็นตัวซวยจริงๆ! ตอนที่เกิดมาก็ทำให้เจ้าดวงตก ตอนนี้นางกลับมาก็ทำให้เจ้าไม่สบายอีกแล้ว!” หลานซื่อโทษเรื่องนี้ไปที่ตัวซ่งอิงอีกเช่นเคย
ตอนนี้ซ่งถังปิ่งไม่ใช่ลูกชายที่เคยเป็นหนุ่มน้อยเลือดร้อนผู้นั้นอีกแล้ว เขาอายุปานนี้แล้ว ทั้งยังมีลูกชายและลูกสาว จึงไม่เชื่อในถ้อยคำเหล่านี้ถึงเพียงนั้นแล้ว
“ท่านแม่ ก็แค่สตรีคนหนึ่ง จะไปสนใจนางทำไม หลายวันมานี้ข้าแค่เหน็ดเหนื่อยไปหน่อย พักสักสองสามวันก็หายดีแล้วขอรับ” ซ่งถังปิ่งกล่าว
“ลูกแม่ เจ้ามิใช่ไม่รู้ว่านางผู้นี้ราวีไม่เลิกเพียงใด ตอนนี้แม่นึกเสียใจภายหลังแล้วที่ตอนแรกไม่ได้ตัดสินใจลงมือโหดเหี้ยม” หลานซื่อกล่าวด้วยความเศร้าใจ
ซ่งถังปิ่งไม่ชอบฟังเรื่องความหลังเหล่านี้ เขาจึงขมวดคิ้วนิ่วหน้ากล่าว “ท่านแม่ก็คิดเป็นจริงเป็นจังเกินไปแล้ว จะว่าไปน้องสาวคนโตผู้นี้ก็ค่อนข้างน่าสงสาร หลายปีมานี้ก็ดำรงชีวิตอย่างยากลำบาก ที่นางทำอยู่ตอนนี้ก็แค่เพื่อเงินมิใช่หรือ ท่านให้เงินนางสักสองสามร้อยตำลึงเงินแล้วขับไล่ออกไปก็สิ้นเรื่อง”
“สองสามร้อยตำลึงเงินหรือ ฮึ นางมีความสามารถใช่ย่อย คนเขาซื้อคฤหาสน์แห่งหนึ่งก็จ่ายเงินไปเกือบๆ สามหมื่นตำลึงเงินแล้ว! ยังจะสนใจเงินแค่นี้ที่ไหนกัน! ข้าว่านะ นางจงใจยั่วให้ข้าโมโหเสียมากกว่า!” หลานซื่อกล่าวอีกครั้ง
ถ้อยคำนี้เป็นผลให้ซ่งถังปิ่งมองนางอย่างตระหนกตกใจ “เท่าไรนะขอรับ!”
สามหมื่นตำลึงเงินหรือ!
“เอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหนหรือ” ซ่งถังหังถลึงตาโต แม้ว่าเขาเป็นทายาทผู้สืบทอดวงศ์ตระกูล แต่ก็ไม่มีเกียรติคุณใดติดตัวสักอย่าง ทั้งหมดล้วนพึ่งพาบิดาใช้เส้นสายหางานในกรมพิธีการให้เขาสักงาน ซึ่งเบี้ยหวัดก็น้อยนิดจนน่าเวทนา