ตอนที่ 771 ถูกพิษ
ในใจซ่งถังปิ่งรู้สึกอิจฉาจริงๆ
เขาคนอายุสามสิบ บัดนี้ยังเหมือนเด็กคนหนึ่ง จะใช้จ่ายเงินสักครั้งยังต้องไปเบิกกับทางบัญชี บุตรสาวอยากจะซื้อปิ่นปักผมสักอันยังต้องทบทวนแล้วทบทวนอีก ไม่เคยคิดเลยว่าซ่งอิงผู้นี้จะใจป้ำเช่นนี้!
“ก็เพราะนางชั่วร้ายผู้นี้ทำกิจการเล็กๆ แล้วได้เงินมา ข้าคิดอยู่ว่านางโผล่หน้ามาครั้งนี้ ไม่รู้เช่นกันว่าทำเรื่องที่ชวนให้ครอบครัวเราขายหน้าและเป็นที่ดึงดูดสายตาไว้เท่าไร” หลานซื่อนวดคลึงหว่างคิ้ว “เจ้าว่าไฉนข้าจึงให้กำเนิดนางเด็กเช่นนี้ออกมาเสียได้”
“ท่านแม่ คฤหาสน์หนึ่งแห่งของนางก็เป็นเงินมากมายขนาดนี้แล้ว เช่นนั้น…จะอย่างไรก็คงมีทรัพย์สินอื่นติดตัวอีกด้วยกระมัง” ซ่งถังปิ่งกล่าว
“เรื่องนี้ข้ารู้เสียที่ไหนกัน ทว่าดูจากการแต่งเนื้อแต่งตัวก็น่าจะมีไม่น้อย” หลานซื่อกล่าว
วันนั้นที่เพิ่งมาไม่ได้สังเกต แต่ตอนนี้คิดๆ ดูแล้ว ปิ่นที่ประดับบนศีรษะซ่งอิงรูปแบบพิเศษอย่างยิ่งจริงๆ หากไม่มีหลายร้อยตำลึงเงินก็คงซื้อไม่ได้แน่
แล้วยังมีชุดผ้าแพรและเสื้อคลุมประดับขนจิ้งจอกที่สวมใส่อยู่บนตัวนั่นอีก ล้วนไม่เหมือนของที่ครอบครัวคนธรรมดาทั่วไปจะซื้อได้
“เมื่อก่อนท่านยังบ่นว่าในจวนมีค่าใช้จ่ายมากมาย บัดนี้ภูเขาทองหนึ่งลูกอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ ท่านกลับไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์” ซ่งถังปิ่งเอ่ยปากอีกครั้ง “น้องสาวคนโตเพิ่งจากไปไม่ถึงสามปีเองกระมัง ในช่วงเวลาอันสั้นเพียงนี้ก็เก็บหอมรอมริบทรัพย์สินในตระกูลได้ระดับนี้แล้ว ท่านคิดว่าปีๆ หนึ่งนางน่าจะมีรายได้เท่าไรเล่าขอรับ”
ยิ่งไปกว่านั้น การหาเงินคือสิ่งที่ต้องมีกระบวนการ
ไม่แน่ว่าเมื่อสองปีก่อน ซ่งอิงพยายามอย่างหนักในการหาลู่ทาง และปีนี้เพิ่งทำเงินได้
ดังนั้นในมือน้องสาวเขาผู้นี้จะต้องกุมวิธีการที่ให้ผลกำไรมากมายอยู่อย่างหนึ่งเป็นแน่
หลานซื่อนิ่งงันไป “ครอบครัวพวกเราไม่มีคนสู้นางได้…”
กล่าวได้ครึ่งหนึ่งนางก็ไม่เอ่ยต่ออีก
นางวางยาใส่ซ่งอิง ซึ่งยานั้นทำให้คนอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ต่อให้ร่างกายแข็งแกร่งสักเพียงใด ภายในสามวันนางจะต้องเซื่องซึมเป็นแน่ แม้ว่าไม่ถึงตายแต่ก็กระโดดโลดเต้นไม่ได้ ถึงตอนนั้น นางจะทำอะไรก็ได้มิใช่หรือ
นางเป็นมารดาของซ่งอิง ย่อมมีสิทธิ์ในทั้งหมดที่นางมี
หัวเอ๋อร์และถังเอ๋อร์ของนางตอนนี้ก็อายุไม่น้อยแล้ว สมควรที่จะตระเตรียมไว้ได้แล้ว
หากได้รับทรัพย์สมบัติของซ่งอิง ถึงตอนนั้นก็จะมีเงินทองเหลือเฟือขึ้นมาก
“ลูกแม่พูดถูก” หลานซื่อยิ้มเล็กน้อย
“ท่านแม่ก็ไม่ต้องขู่เข็ญคนเขาจนเกินไปนะขอรับ อย่างไรเสียซ่งอิงก็เป็นน้องสาวข้า หากนางรู้ความและเชื่อฟัง นางก็จะเป็นที่พึ่งพิงอันยิ่งใหญ่ของจวนโหวเรา ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกตระกูลพ่อตารังแก ข้าคิดว่าตราบใดที่ท่านนำความสลับซับซ้อนในเรื่องราวที่เคยเกินขึ้นบอกกล่าวนางให้กระจ่างชัด นางก็น่าจะเข้าใจได้นะขอรับ” ซ่งถังปิ่งกล่าวอีกครั้ง
“เจ้าพูดถูก” หลานซื่อมองบุตรชายอย่างรักและเอ็นดู
ไม่ว่าบุตรชายโตสักเพียงใดก็ยังเป็นสิ่งล้ำค่าในใจของนางเช่นเดิม
พูดคุยไม่นานนัก หลานซื่อก็กลับไปคอยข่าวคราว
วางยาวันแรก ไม่มีความเคลื่อนไหวใด
วางยาวันที่สอง ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใด
วันที่สาม…
ซ่งอิงไม่ป่วย ทว่าซ่งถังปิ่งอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาได้แต่นอนอยู่บนเตียง สติเลื่อนลอยและแทบจะกินข้าวไม่ได้แล้ว
ซ่งอิงไม่ได้จิตใจงามขนาดนั้น วันที่สองจึงยังคงให้เพียงพอนเหลืองถือสิ่งของไปทางด้านนั้น เพียงแต่ครั้งนี้ที่ส่งไปไม่ใช่ขนม เป็นแค่ข้าวต้มธรรมดาๆ ซ่งถังปิ่งยังนึกว่าเป็นของที่ทางห้องครัวใหญ่เตรียมไว้ จึงกินหมดเกลี้ยง
ต่อจากนั้นซ่งอิงก็ไม่ได้ลงมืออะไรแล้ว
นางอยากรู้เช่นกันว่ายาตัวนี้มีฤทธิ์อย่างไร
“ซือจื่อล้มป่วยครานี้…คล้ายว่าเป็นเพราะถูกพิษขอรับ” หลานซื่อหาหมอมีฝีมือหน่อยมาตรวจ จึงรู้สาเหตุของอาการป่วย
นางโมโหอย่างยิ่งในทันใด “ผู้ใดกล้าวางยาพิษลูกชายข้า! ต้องเป็นคนสารเลวเหล่านั้นที่คิดจะขึ้นมาแทนที่เป็นแน่! ไปตรวจสอบ! จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียด! หากตรวจสอบเจอว่าใครเป็นผู้ลงมือก็โบยให้ตาย!”
ลูกชายคือสิ่งที่ผู้ใดก็ไม่อาจแตะต้องได้สำหรับนาง นางไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนเหยียบย่ำร่างของบุตรชายนางเพื่อปีนขึ้นมาแทนที่เป็นอันขาด!
จวนโหวโกลาหลขึ้นมาอีกระลอก และในเวลานี้เอง ทางด้านซ่งสวินก็ไม่สงบสุขเช่นกัน
ตอนที่ 772 ออกแรงบังคับให้เป็นแขก
ซ่งสวินเป็นเพียงปัญญาชนคนหนึ่งและมีความสามารถทั่วไป แต่ข้างกายเขามีปีศาจที่ซ่งอิงมอบไว้ให้
ปีศาจสุนัขจมูกไว ปีศาจเหยี่ยวทักษะการสังเกตเฉียบแหลม จึงพบว่ามีคนคอยจับจ้องอยู่บริเวณรอบๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีคนก่อเรื่องไม่ชอบมาพากลที่ผู้คนไม่ทันสังเกตขึ้นมาแล้วอีกด้วย
ซ่งสวินเข้าออกโรงน้ำชาบ่อยครั้ง ทางด้านนี้เพิ่งเดินออกไปจากโรงน้ำชา ทางด้านชั้นสองของที่นี่ก็มีแจกันขนาดใหญ่หนึ่งใบตกลงมา ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ซ่งสวินถูกปีศาจสุนัขผลักหลบไป จึงไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ซ่งสวินมองสิ่งที่กระจัดกระจายบนพื้น ในแววตาปรากฎความเย็นเยียบขึ้นมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ทางด้านนี้ยังไม่ทันสงบลง จู่ๆ ก็มีรถม้าคันหนึ่งเสียหลักพุ่งเข้ามา
ปีศาจทั้งสองตัวก้าวขึ้นไปเบื้องหน้าในทันทีแล้วออกแรงยับยั้งรถม้าที่พุ่งเข้ามาให้หยุดนิ่งลง
ในขณะนี้เอง ไม่นึกเลยว่าบนรถม้าคันนี้ยังมีคนอยู่ด้วย
ได้ยินเพียงเสียงตกใจจนร้องไห้แว่วออกมา หลังจากรถม้าหยุดนิ่ง คนที่อยู่ข้างในจึงได้ลงมาจากรถม้าและมองคนที่อยู่ข้างล่าง “ข้า…ข้าไม่รู้เช่นกันว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ ม้าตัวนี้ก็พยศขึ้นมา เดิมทียังดีๆ อยู่เลย…”
นางเพียงแค่ไปเดินเล่นในร้านเครื่องประดับแห่งหนึ่งเท่านั้นเอง หลังออกมาก็ขึ้นรถม้า เคลื่อนตัวไปได้ไม่กี่ก้าว ม้าตัวนี้ก็เริ่มวิ่งอย่างบ้าคลั่งขึ้นมากะทันหัน
นางตกใจกลัวจะแย่แล้วจริงๆ
“ขอบคุณมากท่านทั้งสองที่ช่วยชีวิตไว้” แม่นางผู้นั้นมองคนที่หยุดม้าพยศเอาไว้และกล่าวขึ้นมาในทันใด
“เป็นเจ้า” ซ่งสวินมองแม่นางผู้นั้นยามกล่าว
กู้หมิงเป่านิ่งอึ้งไป จากนั้นมองก็มองเห็นซ่งสวินแล้วเช่นกัน นางจึงเผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมาทันที “ที่แท้เป็นคุณชายนี่เอง แม่นางท่านนั้นสบายดีหรือไม่”
“เจ้าหมายถึงน้องสาวข้าหรือ ตอนนี้นางสบายดี ปัจจุบันพักอยู่ที่บ้านญาติ” ซ่งสวินกล่าว
กู้หมิงเป่าลงจากรถแล้วคารวะให้ซ่งสวิน “ไม่ทราบว่าคุณชายนามว่าอันใด และพักอยู่แห่งหนใดหรือ บุญคุณวันนี้ ข้าจะตอบแทนอย่างแน่นอน ไว้วันหน้าจะให้คนในบ้านมอบของขวัญไปให้ท่านถึงที่เจ้าค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณ อีกทั้งข้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรด้วย เป็นพวกเขาสองคนต่างหากที่ทำดี” ซ่งสวินบอกกล่าวอย่างซื่อตรง
กู้หมิงเป่ากลับคิดต่างไป
ข้าทาสเป็นดั่งทรัพย์สินส่วนตัว พวกเขาทำเรื่องดีๆ นั่นก็คือน้ำพักน้ำแรงของผู้เป็นนาย
หากสองท่านนั้นมีความต้องการใด นางก็จะทำให้สมปรารถนาอย่างแน่นอนเช่นกัน
“ข้าเพิ่งมาเมืองหลวง ไม่มีสหายที่รู้จักสักคน ระหว่างทางมาก่อนหน้านี้ได้เจอกับน้องสาวท่านแล้วรู้สึกถูกชะตา หวังว่าคุณชายจะบอกกล่าวชื่อแซ่นาง จะได้…ผูกมิตรสัมพันธ์กันเจ้าค่ะ” กู้หมิงเป่าชะงักงันไปครู่หนึ่ง “ข้าแซ่กู้ จงกั๋วกงเป็นท่านปู่ของข้า”
นางเลือกเปิดเผยฐานะตัวตนกับซ่งสวิน และนางตั้งใจว่าจะต้องตอบแทนบุญคุณนี้ให้จงได้
ซ่งสวินกะพริบตาปริบๆ
“ข้าซ่งสวิน นามจริงเสวียนเฉิง น้องสาว…ซ่งอิง ปัจจุบันพักอาศัยในจวนเหยียนผิงโหว” ซ่งสวินกล่าว
“จวนเหยียนผิงโหวหรือ” กู้หมิงเป่าตกตะลึงระคนประหลาดใจเล็กน้อย
ที่เห็นวันนั้น นางนึกว่าพี่น้องคู่นี้ภูมิหลังธรรมดาเสียอีก ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นญาติกับจวนเหยียนผิงโหว
“ก็แค่ความสัมพันธ์ที่มีอยู่เมื่อนานมาแล้ว พวกเราสองพี่น้องภูมิหลังยากจนแร้นแค้น ครั้งนี้มาเมืองหลวง ประการแรกเพื่อการสอบ ประการที่สองเพื่อตั้งตระกูลเป็นอิสระ ตอนนี้ก็เพิ่งจัดการเรื่องนี้เสร็จเรียบร้อย ดังนั้นความจริงพวกเรากับจวนโหวถือได้ว่าเป็นญาติที่ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย…เพียงแต่น้องสาวข้า…ค่อนข้างได้รับความชมชอบจากโหวฮูหยิน โหวฮูหยินจึงออกแรงบังคับให้นางอยู่เป็นแขก” ซ่งสวินกล่าวอีกครั้ง
กู้หมิงเป่าได้ยินถึงกับงุนงงทำอะไรไม่ถูก แต่แล้วก็สะดุดกับคำว่า ‘ออกแรงบังคับ’ ขึ้นมา
หมายความว่า แม่นางซ่ง พี่สาวท่านนั้นไม่ยินยอมแต่อย่างใด
“พี่ซ่งวางใจได้ พรุ่งนี้ข้ามีเวลาว่างจะไปขอเจอพี่ซ่งที่จวนเหยียนผิงโหว” กู้หมิงเป่ากล่าว
ซ่งสวินรู้สึกเสียใจและอยากขออภัยอยู่เล็กน้อยในใจ
คนผู้นี้เป็นแม่นางที่ชาญฉลาดทั้งยังจิตใจดีงาม
“ขอบคุณมาก” ซ่งสวินยกสองมือขึ้นประสานกันและก้มศีรษะพร้อมโน้มตัวลงเล็กน้อยแสดงความขอบคุณ
กู้หมิงเป่าไม่เข้าใจว่าเหตุใดซ่งสวินจึงเคร่งขรึมเช่นนี้ แต่นางก็นำความแปลกของสองพี่น้องเก็บไว้ในใจ และนับประสาอะไรกับช่วงก่อนหน้านี้ นางเข้าใจพี่สาวซ่งท่านนั้นผิดไปแล้ว ในตอนนั้นนางก็แสดงออกทางสีหน้าค่อนข้างชัดเจนด้วย ดังนั้นจึงคั่งค้างอยู่ในใจมาโดยตลอด กำลังหาโอกาสกล่าวขออภัยพี่สาวท่านนั้นอยู่พอดี