ตอนที่ 775 ผูกมิตรสหาย
อย่างไรเสียคนที่มาเยือนก็เป็นถึงหลานสาวของจงกั๋วกง ทั้งยังเป็นจวิ้นจู่ ต่อให้หลานซื่อไม่สุขใจ ตอนนี้ก็ไม่อาจแสดงออกทางสีหน้าได้
ทำได้เพียงฝืนเผยรอยยิ้มเชิญคนเขาเข้ามาในเรือน
“ไฉนจวิ้นจู่จึงรู้จักกับซ่ง…ซ่งเหอได้ล่ะเจ้าคะ” หลานซื่อเอยปากถาม
“ซ่งเหอ? ไม่ใช่สิ นางมิได้นามว่าซ่งอิงหรือ” กู้หมิงเป่าขมวดคิ้วนิ่วหน้า คนเป็นพี่ชายคงไม่ถึงขั้นจำชื่อน้องสาวของตัวเองผิดกระมัง
หลานซื่อสีหน้าเปลี่ยนไป “สาวน้อยผู้นี้นามว่าซ่งเหอ เพียงแต่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับซ่งอิงบุตรสาวคนโตของข้าที่เสียชีวิตไปแล้วผู้นั้นอย่างยิ่ง ดังนั้นนาง…บิดามารดานางจึงตั้งนามที่เหมือนกันให้…”
กู้หมิงเป่าได้ยินดังกล่าวยังคงรู้สึกประหลาดใจ
จะจำชื่อผิดได้อย่างไร อีกทั้ง จะมีคนจงใจตั้งชื่อให้เหมือนกันได้อย่างไร
กู้หมิงเป่าเพิ่งมาเมืองหลวง จึงไม่ทราบชัดเจนนักเกี่ยวกับข่าวเล่าข่าวลือภายในเมืองหลวงแห่งนี้
ตอนนี้กู้หมิงเป่าก็ไม่สะดวกที่จะถามไถ่อะไรให้มากความ จึงกล่าวเพียงว่า “ระหว่างทางมาเมืองหลวงบังเอิญเจอแม่นางซ่ง เจอกันครั้งแรกก็รู้สึกราวกับเป็นสหายเก่า วันนี้จึงมาเยี่ยมเยียนนางเป็นการเฉพาะเจ้าค่ะ”
หลานซื่อแสร้งยิ้ม “ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็เชิญเถิด เพียงแต่สาวน้อยผู้นั้นปกติจะเก็บตัวเงียบและไม่ชอบเจอผู้คน หากจวิ้นจู่รู้สึกเบื่อหน่าย ให้หัวเอ๋อร์ของข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าดีกว่า หัวเอ๋อร์ครอบครัวข้าอายุใกล้เคียงกับเจ้า คิดๆ ดูแล้วก็น่าจะคุยกันได้”
กู้หมิงเป่าไม่ได้โง่เขลา ครั้นหลานซื่อเอ่ยคำพูดนี้มาก็รู้ได้ทันทีว่านางไม่อยากให้ตนเจอหน้าซ่งอิง
ทั้งยังนึกถึงคำว่า ‘ออกแรง’ ที่ซ่งสวินพูด นางก็ยิ่งทวีความสงสัยในใจขึ้นมาทันใด ถึงกระทั่งมีความกังวลเล็กน้อยอีกด้วย
“ฮูหยินช่วยพาข้าไปเจอหน้าท่านพี่ซ่งเร็วๆ หน่อยนะเจ้าคะ” กู้หมิงเป่ากล่าวอีกครั้ง
หลานซื่อประดับรอยยิ้มไว้บนใบหน้า ทว่าในแววตาไม่เผยให้เห็นรอยยิ้มแต่อย่างใด
ในใจของนางออกจะไม่ค่อยยินยอมนัก
ทั่วทั้งเมืองหลวงใครบ้างไม่รู้ถึงสถานะของบุตรีแห่งจวนจงกั๋วกง
ตอนนี้คนผู้นี้มาเยือนถึงบ้านนางแล้ว เดิมทีเป็นเส้นสายความสัมพันธ์อันดีสายหนึ่ง แต่กลับต้องส่งไปให้ซ่งอิงเสียดื้อๆ
“ในเมื่อจวิ้นจู่อยากเจอ เช่นนั้นก็ไปเจอเถอะ เพียงแต่…” หลานซื่อยิ้มเล็กน้อย “ไม่กลัวจวิ้นจู่หัวเราะเยาะ หลานสาวข้าผู้นี้เป็นชาวชนบท ไม่เคยเรียนรู้ระเบียบมารยาท ทุกวันจะกินอาหารร่วมกับข้ารับใช้ ข้ารับใช้พวกนี้ก็ถูกให้ท้ายจนไม่เพียงแต่พฤติกรรมหยาบคาย นับวันยิ่งได้ใจขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย หลายวันก่อนรู้สึกว่าข้ารับใช้เหล่านี้ทำตัวไม่เหมาะสม จึงอยากจะช่วยจัดการแทนนาง ใครจะคาดคิดว่านางกลับเกิดความรู้สึกบาดหมางใจกับข้าขึ้นมาเล็กน้อยเสียได้…”
กู้หมิงเป่าเผยท่าทีราวกับฟังไม่เข้าใจ
ระหว่างทางมา หลานซื่อพูดอะไรต่อมิอะไรอีกไม่น้อย ซึ่งพูดไปพูดมาล้วนเป็นการพูดว่าซ่งอิงไม่เหมาะแก่การเจอผู้ใดทั้งนั้น
แต่ด้วยเพราะท่าทีของซ่งสวินก่อนหน้านี้ ยิ่งนางพูดมากเท่าไร กู้หมิงเป่าก็ยิ่งร้อนใจมากเท่านั้น
ในที่สุดนางก็มาถึงเรือนเฟิงหลันย่วน
กู้หมิงเป่าพร้อมสาวใช้เหยียบย่างเข้าไป เมื่อหันหน้ากลับไปมองด้านหลัง หลานซื่อก็หยุดอยู่ด้านนอกประตูเสียแล้ว “จวิ้นจู่ไปเถอะ พวกเจ้าสาวๆ พูดคุยกัน ข้าไม่ขอแทรกจะดีกว่า”
กู้หมิงเป่าไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ทำเพียงพยักหน้าเท่านั้น
ในขณะนี้ ซ่งอิงกำลังเบื่อหน่ายที่สุด ทำได้เพียงนั่งอ่านหนังสืออยู่แถวๆ หน้าต่าง
กู้หมิงเป่ามองไปจากใจกลางลานบ้าน รู้สึกเพียงว่าภาพฉากนี้ดูประณีตงดงามอย่างยิ่ง
“เป็นท่านเองหรือ” หวงเมี่ยนกวาดตามองไปเห็นกู้หมิงเป่าก็ตกตะลึงและประหลาดใจเช่นกัน จากนั้นเพียงแค่กล่าวขึ้นมาอย่างสบายๆ “เถ้าแก่เหนียง แม่นางที่ร่ำรวยเป็นพิเศษที่เจอกันระหว่างทางก่อนหน้านี้ผู้นั้นมาเยือนเจ้าค่ะ”
“…” กู้หมิงเป่าหน้าแดงขึ้นมากะทันหัน
คงเป็นเพราะระหว่างทางนี้มีคนจำนวนมากคอยดูแลนาง ดังนั้นจึงได้สร้างแนวคิดประเภทนี้ให้แม่นางซ่งกระมัง
ความจริงนางก็ไม่ได้อยากจะให้เป็นเร่องใหญ่โตเช่นนั้น แต่ท่านลุงและท่านป้าไม่วางใจ เกรงกลัวว่าจะไม่สบายระหว่างทาง
ซ่งอิงชะเง้อหน้ามอง ก่อนจะเผยสีหน้าเบิกบานขึ้นมา จากนั้นรีบก้าวเท้าออกมาในทันที “จริงๆ ด้วย ไฉนแม่นางท่านนี้จึงมาหาข้าได้”
“ก่อนหน้านี้ข้ารับใช้หนุ่มสองสามคนที่อยู่ข้างกายพี่ใหญ่ซ่งช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ได้ยินพี่ใหญ่ซ่งกล่าวว่าพี่ซ่งมาเป็นแขกอยู่จวนโหว ดังนั้นหมิงเป่าจึงมาดูสักหน่อย พี่ซ่ง ข้าแซ่กู้เจ้าค่ะ” กู้หมิงเป่าบอกกล่าวอย่างเหนียมอาย
“อ้อ เกรงใจกันเกินไปแล้ว ข้านามว่าซ่งอิง” ซ่งอิงคลี่ยิ้มกว้าง
ตอนที่ 776 ไม่มีภรรยา
ทำให้หลานซื่อปล่อยคนเขาเดินเข้ามาอย่างง่ายดาย คาดว่าชาติตระกูลไม่ใช่ธรรมดาเชียวละ
กู้หมิงเป่าลังเลชั่วครู่ “เมื่อครู่โหวฮูหยินกล่าวว่าท่านนามว่าซ่งเหอ ข้ายังนึกว่าข้ามาหาผิดคนแล้วเสียอีก โชคดีที่ไม่ผิด”
สาวน้อยผู้นี้มองดูไร้เดียงและสาน่ารักไม่น้อยทีเดียว แต่ก็ใช่ว่าไม่มีความเฉลียวฉลาด พูดจาอย่างอ้อมค้อมไปมา ในความเป็นจริงกลับอยากถามไถ่นางว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว
อีกทั้งในเมื่อซ่งสวินเป็นคนให้นางมา เช่นนั้นเกรงว่าจุดประสงค์คงไม่ใช่การมาเที่ยวเล่น หากแต่เป็นการมาสอดส่องดูว่านางอยู่ที่นี่โดยได้รับความไม่เป็นธรรมหรือไม่
หลังจากคิดได้ความกระจ่างชัดเจน ซ่งอิงก็เปิดเผยขึ้นมาก
“ฮูหยินท่านนั้นกลัวว่าข้าจะนำปัญหามาให้ จึงเปลี่ยนชื่อให้ข้าเป็นการเฉพาะ ไม่ต้องสนใจนางหรอก” ซ่งอิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แค่ชื่อเท่านั้นเอง จะนำปัญหามาให้ได้อย่างไร” กู้หมิงเป่าออกจะไม่เข้าใจเท่าไรนัก
“เจ้าเพิ่งมาเมืองหลวง จึงไม่เคยเห็นข้าเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องราวชัดเจน ความเป็นจริงข้าก็คือบุตรสาวแท้ๆ ของท่านผู้นั้น เพียงแต่นางไม่ต้องการข้าแล้ว ปัจจุบันกลัวว่าข้ากลับมาแล้วจะนำความยุ่งวุ่นวายมาให้อีก จึงเป็นตายร้ายดีก็ไม่ยอมรับ ต้องการให้ข้าเปลี่ยนชื่อให้จงได้…”
ขณะพูด ซ่งอิงก็หยิบลูกท้อหนึ่งผลใหญ่ออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นส่งให้ จากนั้นชี้ไปยังเก้าอี้ของในลานบ้าน “นั่งสิ”
“…” กู้หมิงเป่าตะลึงงันชั่วครู่ จากนั้นรับมาไว้
ไฉนมีลูกท้อซ่อนอยู่ในอกเสื้อด้วย…
ทว่าลูกท้อผลนี้กลิ่นหอมอย่างยิ่ง ทั้งผลใหญ่ทั้งกลมๆ มองดูลักษณะคงจะอร่อยมาก
กู้หมิงเป่านั่งลงอย่างว่าง่าย จากนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าถูๆ ขนบนผิว ก่อนจะปลอกเปลือกออกแล้วลิ้มรสคำเล็กๆ
คำเดียวนี้ รู้สึกเพียงต่อมรับรสถึงกับถูกยึดครองหมดแล้ว ความสดใหม่และหวานฉ่ำอยู่ทั่วปลายลิ้น ดวงตาลุกวาวขึ้นเล็กน้อย “ลูกท้อนี้รสชาติดีจริงๆ อร่อยกว่าพวกของกินอร่อยๆ ที่ข้ากินอยู่บ้านเสียอีก”
“จริงสิ พี่ซ่ง เมื่อครู่ท่านเพิ่งกล่าวว่าเป็นบุตรสาวของจวนโหวหรือ เรื่องนี้เป็นมาอย่างไรหรือเจ้าคะ” กู้หมิงเป่าเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
พูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งแรกเช่นนี้ จะอย่างไรก็ควรต้องคุยอะไรเป็นเรื่องเป็นราวบ้าง ดังนั้นก็ไม่ต้องพยายามเลี่ยงจนเกินไป
ซ่งอิงตรงไปตรงมาเสียยิ่งกว่า มีอะไรก็พูดออกไปหมด
ไม่นานนักก็นำสิ่งที่เจ้าของร่างเคยประสบตลอดจนเรื่องราวของปัจจุบันบอกเล่าอย่างชัดเจน
กู้หมิงเป่าฟังจนถึงกับนิ่งงันไป “ใต้หล้านี้มีบิดามารดาเช่นนี้ด้วยหรือ! เกินไปแล้ว!”
นางเป็นที่รักและเอ็นดูของบิดามารดาตลอดจนปู่ย่ามาตั้งแต่เยาว์วัย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต ลุงและป้าตลอดจนลูกพี่ลูกน้องชายและลูกพี่ลูกน้องหญิงต่างก็ดีต่อนางอย่างยิ่ง!
ดังนั้นนางรู้สึกว่า ญาติพี่น้องก็คือที่พึ่งพิงอันยิ่งใหญ่ในใต้หล้า แต่ไม่เคยคิดเลยว่าบนโลกยังมีบิดามารดาที่ทำตัวไม่เหมาะสมกับความเป็นพ่อแม่คนเช่นนี้อยู่ด้วย
“พี่ซ่ง ท่านไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว หากข้าเอ่ยปากว่าเชิญท่านไปเที่ยวเล่นบ้านข้า หลานซื่อจะต้องปฏิเสธไม่ได้แน่” กู้หมิงเป่าถึงกับเรียกขานหลานซื่อเปลี่ยนไปจากเดิม
“ไม่ต้องหรอก ข้าก็ตั้งใจมาหาความยุ่งยากเป็นการเฉพาะ เจ้าไม่ต้องกังวลใจหรอก” ซ่งอิงยิ้มกล่าว
กู้หมิงเป่าถอนหายใจ “มิน่าล่ะ พี่ใหญ่ซ่งจึงเป็นห่วงท่านเช่นนี้ จริงสิ ก่อนหน้านี้ข้ายังเข้าใจพี่ใหญ่ซ่งผิดไปด้วย คิดว่าเขาประหลาดน่าดู จากบ้านมาไกลแทนที่จะพาภรรยามา แต่กลับพาน้องสาวมา ตอนนี้รู้ว่าพี่ซ่งเผชิญการกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรมอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ข้าก็เข้าใจอะไรต่อมิอะไรแล้วจริงๆ”
พี่ใหญ่ซ่งต้องอยากมาทวงความเป็นธรรมให้พี่สาวท่านนี้เป็นแน่กระมัง
“ภรรยา? พี่ชายข้าไม่มีภรรยาหรอก” ซ่งอิงกัดลูกท้อเข้าไปหนึ่งคำบ้างเช่นกัน
ส่วนลูกท้อที่อยู่ในมือกู้หมิงเป่า นางกินหมดไปนานแล้ว ตอนนี้จึงจับจ้องลูกท้อที่อยู่ในมือซ่งอิงไม่วางตา
เมื่อซ่งอิงถูกนางจ้องมองจึงอายเล็กน้อย ซ่งอิงจนใจ จึงหยิบลูกท้อกวนหนึ่งกระปุกเล็กออกมาจากอกเสื้อ “ดูเจ้าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง จะกินผลไม้ในครั้งเดียวจำนวนมากเกินไปคงไม่เหมาะนัก มอบลูกท้อเคี่ยวน้ำตาลนี้ให้เจ้าแล้วกัน เอาไว้กินคู่ขนม รสชาติดียิ่งเชียวละ”
“ในอกเสื้อท่านซ่อนของสิ่งนี้เอาไว้ได้ด้วยหรือ ไม่อึดอัดหรือเจ้าคะ อีกทั้ง…” กู้หมิงเป่าตะลึงงันชั่วครู่ ก่อนจะเอื้อมมือลูบคลำโดยสัญชาตญาณ “แบนๆ ดูไม่เหมือนซ่อนอะไรเอาไว้…”