ตอนที่ 837 เสียสติไปแล้ว
อีกทั้งดวงจิตปีศาจนี้ก็ไม่ใช่จำพวกสัตว์ป่าตัวเล็กตัวน้อยที่เกลื่อนกลาดเหล่านั้น ไฉนนางจึงจับได้สองตนในวันเดียวกัน!
นี่ล้วนเป็นดวงจิตของปีศาจใหญ่ทั้งนั้น!
“ในพระราชวังหรือ” หยวนซานสีหน้าเปลี่ยนไป
“ทำไม เจ้ารู้จักหรือ” ซ่งอิงเอ่ยถาม
หยวนซานส่ายหน้าทันควัน
เขาไม่รู้จัก แต่เคยได้ยินมาก่อน อย่างไรเสียเขาก็คือเซียนที่รับผิดชอบคุมดวงชะตาชีวิต โลกมนุษย์ประมาณสองร้อยปีก่อน ปรากฏกลิ่นอายของปีศาจใหญ่ในพระราชวัง ตอนนั้นเขานำสถานการณ์ที่ปรากฎขึ้นรายงานกับเบื้องบน
จากนั้นไม่ทันไรก็มีเทพเซียนลงมาโลกมนุษย์แล้วกำจัดปีศาจตนนั้น
ว่ากันว่าน่าจะเป็นดวงจิตปีศาจใหญ่ตนหนึ่งมาบรรจบกับร่างพระสนมผู้หนึ่ง ทำให้พระสนมผู้นั้นจู่ๆ ก็เกิดความนึกคิดอยากทำลายบ้านเมืองให้ล่มจ่ม แน่นอนว่าดวงจิตปีศาจที่ว่านั่นไม่ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาแต่อย่างใด ดังนั้นท้ายที่สุดใช่ปีศาจใหญ่หรือไม่ก็บอกยาก
โดยสรุป ดวงจิตปีศาจนั่นน่าจะถูกทำลายไปแล้ว ปีศาจพระชายานั่นก็ถูกฮ่องเต้สังหารภายใต้ความโกรธาและจับโยนลงก้นบ่อบาดาลไปแล้วเช่นกัน
นี่ยังถูกนางช่วยกลับมาได้อีกหรือ
เขาพลันรู้สึกถึงลางสังหรณ์ล่วงหน้าที่ไม่ดีเอาเสียเลย
“เจ้าคงไม่ได้อยากจะ…รวบรวมสิบราชันปีศาจหรอกกระมัง” หยวนซานหัวเราะเจื่อน “แม่นางซ่ง ความจริงเจ้าเจอดวงจิตปีศาจสองตนได้ก็เป็นความบังเอิญล้วนๆ ราชันปีศาจตนอื่นถูกทำลายกระจัดจายไปหมดแล้ว!”
ที่พวกเขาเล่าเรียนตำราประวัติศาสตร์โลกเซียนเท่ากับศูนย์เปล่าแล้วหรือ!
นี่จู่ๆ ก็ปรากฏราชันปีศาจขึ้นมาถึงสามตน อยากจะทำให้ใครตกใจตายหรือ!
ซ่งอิงไม่ได้คิดจะรวบรวมราชันปีศาจอะไรนั่น ก็แค่เห็นดวงจิตของปีศาจตนนี้เข้าแล้วจึงอยากเก็บเอามาเลี้ยงไว้เฉยๆ เท่านั้นเอง
นางก็แค่รู้สึกถึงความสนิทสนมและถึงขนาดว่า…มองเห็นดวงจิตปีศาจที่สลายกระจัดกระจายเหล่านั้นล่องลอยอยู่ก้นบ่อบาดาลก็ยังอดโมโหไม่ได้อีกด้วย
ซ่งอิงจ้องมองแสงกลมๆ สองก้อนบนต้นไม้นั้น ครั้นเพ่งจิตใต้สำนึกก็คล้ายกับมองเห็น…รูปร่างเดิมของทั้งสองสิ่งนั้น
ตัวหนึ่งคืองูขนาดใหญ่ที่มีสิบหัว อีกตัวหนึ่งเหมือนแกะแต่ก็คล้ายม้าแล้วยังมีสองเขาอีกด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นสัตว์อะไร
ซ่งอิงมองดวงจันทร์สีเงินที่อยู่เหนือศีรษะ
ดวงจันทร์เสี้ยวทำให้นางรู้สึกว่าตนเองคล้ายกับหมดเรี่ยวแรง
นางชอบดวงจันทร์กลมๆ มากกว่า ยิ่งกลมยิ่งมองแล้วรู้สึกผ่อนคลาย
นางไม่ได้อยู่ในช่องว่างระหว่างมิตินานเกินไป ซ่งอิงก็กลับมาสู่โลกความจริง จากนั้นจึงไปจากลานกว้างเย็นยะเยือกห่างไกลแห่งนี้
ส่วนองค์หญิงชิงลั่วผู้นั้นในตอนนี้ตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกวิ่งหน้าตั้งไปไกลแล้ว นางตรงกลับไปทางด้านงานเลี้ยงหยวนถิง และในขณะนี้ฮองเฮาก็อยู่ด้วยเช่นกัน
“พระชายาอ๋องฮั่วล่ะ” ฮองเฮาเห็นคนกลับมาลำพังจึงไม่ค่อยเข้าใจนัก
“เสด็จแม่…” องค์หญิงชิงลั่วรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย สีหน้าซีดเผือด
หมัวมัวที่อยู่ด้านข้างรีบคุกเข่าลงทันที “ฮองเฮาเหนียงเหนียงเพคะ พระชายาอ๋องฮั่วเดินไปกับองค์หญิงพวกเรา แต่จู่ๆ ก็เสียสติวิ่งเข้าไปในวังฟ่างซิน องค์หญิงพวกเรารีบไล่ตามไป แต่หลังจากเข้าไปกลับพบว่าพระชายาอ๋องฮั่วสีหน้าซีดเผือดจนน่าตระหนก มองดูเหมือนวิญญาณ บางทีอาจจะ อาจจะถูกวิญญาณครอบงำร่างแล้วก็เป็นได้เพคะ…”
“…” ฮองเฮายังนึกว่าตนเองฟังผิดไปแล้ว
พระชายาอ๋องฮั่วคนดีๆ ผู้หนึ่งจะวิ่งเข้าไปทางวังฟ่างซินหรือ
คิดว่าคำพูดนี้จะหลอกนางได้หรือ!
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ปล่อยให้นางอยู่ที่นั่นแล้วกลับมากันเองน่ะหรือ! ยังไม่รีบไปตามหาอีก!” ฮองเฮากล่าวด้วยความโมโห
มีคนไปทำตามคำสั่งในทันทีทันใด
เพียงแต่หลังจากผ่านไปครู่เดียว ซ่งอิงก็กลับมาด้วยตนเอง
หน้าขาวซีดและปากแดงที่ไหนกัน เห็นๆ อยู่ว่าสีหน้าอิ่มเอิบแดงเรื่อ ดูงดงามและอ่อนโยนจริงๆ
ฮองเฮาถลึงตาใส่องค์หญิงชิงลั่วปราดหนึ่งอย่างไม่อาจสังเกตเห็นได้ชัดเจน จากนั้นมองซ่งอิงและกล่าวว่า “วังฟ่างซินแห่งนั้นสกปรก ไฉนพระชายาอ๋องฮั่วจึงไปที่นั่นเสียล่ะ แล้วนี่ไม่สบายตรงไหนหรือไม่”
“องค์หญิงชิงลั่วกล่าวว่าที่นั่นเคยมีคนตายจำนวนไม่น้อย เตรียมจะปล่อยให้หม่อมฉันอยู่ที่นั่นสักสองสามคืน ดังนั้นหม่อมฉันจึงไปดูสถานที่ที่ตนเองต้องอยู่คืนนี้เพคะ จริงอยู่ที่ว่าห่างไกลไปหน่อย แต่ก็กว้างใหญ่มากพอตัว เพียงแต่ในลานกว้างแห่งนั้นมีฝุ่นและใบไม้แห้งเยอะไปหน่อย จำเป็นต้องปัดกวาดให้ดีๆ ดังนั้นก็เลยคิดอยู่ว่าควรจะลงมืออย่างไร เดิมทีอยากหันมาถามพวกนาง ใครจะไปคิดว่าองค์หญิงกลับวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนไปแล้วเพคะ…”
ตอนที่ 838 ไม่ได้รับความโปรดปราน
เมื่อซ่งอิงพูดจบ องค์หญิงชิงลั่วก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที “เสด็จแม่ ลูกไม่ได้จะปล่อยให้นางอยู่ค้างแรมที่นั่นนะเพคะ ถึงแม้จะให้อยู่ก็ไม่มีทางเลือกตำหนักนั้นหรอกนะเพคะ”
“นี่ไม่สำคัญเลย องค์หญิง เมื่อครู่เจ้าวิ่งหนีอะไรล่ะ ข้ายังนึกว่ามีผีไล่ตามเจ้าแล้วเสียอีก” ซ่งอิงเอ่ยด้วยความสงสัย
องค์หญิงหน้าถอดสี ในเวลาเดียวกันเหมือนถูกย้ำเตือนก็ไม่ปาน จึงรีบเอ่ยปากกล่าว “เสด็จแม่ เมื่อครู่ เมื่อครู่พระชายาอ๋องเป็นปีศาจจริงๆ นะเพคะ ไม่แน่ว่าตัวนางจะเผชิญสิ่งสกปรกอะไรพุ่งเข้าใส่แล้วก็เป็นได้นะเพคะ!”
“เหลวไหล!” ฮองเฮาขมวดคิ้วนิ่วหน้า
ซ่งอิงถอนหายใจ “เหนียงเหนียงเพคะ หม่อมฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่รู้เช่นกันว่าเป็นอะไร เมื่อครู่หลังจากดื่มสุราก็รู้สึกแปลกๆ ไปทั้งตัวเพคะ…”
ครั้นฮองเฮาได้ยินดังกล่าวจึงรีบเรียกให้คนเชิญหมอหลวงมาทันที
แววตาองค์หญิงชิงลั่วตกตะลึง แต่กลับไม่เกรงกลัว
ฤทธิ์ของตัวยานั้นน่าจะสลายไปนานแล้ว นี่เป็นถึงในวังหลวง มียาที่ไม่ทิ้งร่อยรอยถมเถไป
ซ่งอิงนวดๆ ศีรษะ ด้วยท่าทีเช่นนั้นจึงมองดูไม่ปกติเล็กน้อยจริงๆ และตอนนี้นางเพียงแค่ให้ร่างกายค่อยๆ ปล่อยพิษออกมาทีละนิดเท่านั้นเอง
เพียงชั่วครู่เดียวหมอหลวงก็มาถึง หมอหลวงจับชีพจรที่มือซ่งอิงทันที ครั้นตรวจดูก็กล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “ทูลเหนียงเหนียง พระชายาอ๋องชีพจรติดขัด เลือดลมไหลเวียนผิดปกติ เป็นลักษณะอาการของการถูกพิษพะย่ะค่ะ…”
ซ่งอิงหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา “ตอนที่ข้าดื่มสุราไม่ทันระวัง ปากเลอะเล็กน้อย จึงใช้สิ่งนี้เช็ด ท่านพอจะดมกลิ่นออกหรือไม่”
หมอหลวงรับเอามาไว้ จากนั้นสูดดมอย่างถี่ถ้วนแล้วผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก “เหนียงเหนียงวางใจได้ แม้กล่าวว่าเป็นยาพิษ แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ น่าจะเป็นเพียงแค่ยาที่ทำให้คนตื่นตัวจนผิดปกติเท่านั้น ไม่ได้ทำร้ายร่างกายอะไร เพียงแค่ต้องกลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ก็เป็นอันใช้ได้”
“อ้อ เช่นนั้นก็มิน่าล่ะ เมื่อครู่ครั้นข้าได้ยินคำพูดขององค์หญิง ก็เกิดความรู้สึกอยากไปดูที่แห่งนั้นทันที” ซ่งอิงกล่าวจริงจัง
องค์หญิงชิงลั่วจ้องนางเขม็ง “เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ได้ทำ!”
ฮองเฮามองนางอย่างเย็นชา จากนั้นมองซ่งอิงแล้วกล่าวว่า “อาจเพราะมีผู้ใดไม่รู้ความนำยาผสมลงไป เราจะตรวจสอบเพื่อทวงความเป็นธรรมให้พระชายาอ๋องฮั่วอย่างแน่นอน”
ก่อนหน้าซ่งอิงมาเยือน ผู้มาเยือนล้วนต้องถูกตรวจสอบทุกคน จึงไม่อาจพกพาสิ่งของที่ไม่เหมาะสมเข้าวังมาได้โดยเด็ดขาด
ดังนั้นสิ่งของที่ว่านี้ย่อมเป็นคนในวังเตรียมเอาไว้แน่
ฮองเฮารู้ความนึกคิดขององค์หญิงชิงลั่วอยู่เช่นกัน ดังนั้นในตอนนี้จึงสงสัยนางอย่างไม่ต้องเอ่ยถามเลยด้วยซ้ำ
ซ่งอิงก็ไม่ได้ถือโทษเอาความมากเกินไป ด้วยท่าทางสงบนิ่งไม่ถือสาของนางกลับทำให้ฮองเฮายิ่งรู้สึกละอายใจขึ้นมาเล็กน้อย
ทุกคนในงานเลี้ยงพากันแยกย้าย
ซ่งอิงกลับไปพร้อมกู้หมิงเป่า
“ชิงลั่ว เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ! หากพระชายาเป็นอะไรขึ้นมาภายใต้ฝ่ามือมือเจ้า เช่นนั้นฮั่วเจ้ายวนก็จะชายตาเหลียวมองเจ้าหรือ!” ฮองเฮาเหนียงเหนียงตำหนิสั่งสอนทันทีที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว
ชิงลั่วรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างสุดซึ้ง “เสด็จแม่ ไม่ ไม่ใช่ลูกจริงๆ นะเพคะ ลูกเพียงแค่ตั้งใจจะขู่ให้นางกลัว ทำให้นางถอยไปเอง…”
“แค่ขู่ให้กลัวก็ไม่ได้เช่นกัน เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าอ๋องฮั่วเคยเข้าวังมาครั้งหนึ่งเป็นการเฉพาะก็เพื่อนาง และกล่าวว่าต้องการรบกวนให้ฮ่องเต้บอกกล่าวข้าให้ช่วยดูแลนางดีๆ เขาเอ่ยปากถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าคิดว่าพระชายาอ๋องฮั่วผู้นี้ไม่ได้รับความโปรดปรานเลยสักนิดจริงๆ หรือ!”
ครั้นชิงลั่วได้ยินดังกล่าวก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย
ไปขอร้องฮ่องเต้เป็นการเฉพาะหรือ
สตรีชนบทคนหนึ่ง จะคู่ควรกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร!
“เรารู้ว่าสามปีนี้เจ้าตัวคนเดียวจึงรู้สึกเป็นทุกข์ เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ใกล้จะสอบคัดเลือกขุนนางแล้ว ก็เลือกสามีดีๆ สักคนที่เป็นบัณฑิตสอบผ่านสนามสอบพระราชวังของปีนี้ให้เจ้าเป็นเช่นไร” ฮองเฮากล่าวอีกครั้ง
“ลูก ลูกไม่ต้องการเพคะ…เสด็จแม่ ลูกอยากจะแต่งกับฮั่วเจ้ายวน ลูกพลาดมาหลายปีแล้ว…” ชิงลั่งพูดจบก็คุกเข่าลุกกับพื้นกะทันหัน “ฮองเฮาเหนียงเหนียง ขอท่านโปรดเห็นแก่บิดามารดาของลูก ช่วยให้ลูกได้สมดั่งใจปรารถนาด้วยเถอะนะเพคะ…”
หากใช้ฐานะองค์หญิง ฮองเฮาจะตำหนิและไม่เข้าข้าง แต่หากนางหยิบยกบิดามารดาออกมา ฮองเฮาจึงจะเห็นความสำคัญในความคิดของนางจริงๆ!