ตอนที่ 851 สวรรค์บนโลกมนุษย์
ยามนี้ หิ่งห้อยที่รายล้อมอยู่บริเวณโดยรอบกระพือปีกน้อยๆ อย่างกระตือรือร้นเช่นในตอนแรกไม่ไหวแล้ว จึงไปหยุดอยู่บนยอดดอกไม้ในลานบ้าน บางส่วนถึงขั้นลงมาเกาะบนศีรษะของซ่งอิงกับกู้หมิงเป่าตลอดจนหู่อิ๋งอิ๋งก็ไม่เว้น
“หิ่งห้อยพวกนี้แยกชายหญิงได้ด้วยหรือ!” กู้หมิงชูหงุดหงิดเล็กน้อย รีบเอื้อมมือไปหมายคว้าจับไว้
“หิ่งห้อยของข้าราคาแพงมาก หนึ่งตัวหนึ่งพันตำลึงเงิน หรือไม่คุณชายกู้จ่ายเงินมาก่อนแล้วค่อยจับแมลงจะดีกว่ากระมัง” ซ่งอิงกล่าว
กู้หมิงชูได้ยินดังกล่าว ดึงมือหดกลับทันที
นางเปลืองแรงไปไม่น้อยกว่าจะรวบรวมหิ่งห้อยได้จำนวนมากขนาดนี้
ส่วนที่ว่าหิ่งห้อยพวกนี้ไม่บินออกไปบริเวณอื่นก็มีสาเหตุเช่นกัน เพราะหลายวันมานี้พวกมันอยู่แต่ในช่องว่างระหว่างมิติ จึงคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมของช่องว่างระหว่างมิติแล้ว ในลานบ้านซ่งอิงแห่งนี้มีบรรยากาศที่ต่างจากช่องว่างระหว่างมิติน้อยที่สุด นอกจากนี้นางและหู่อิ๋งอิ๋งคือปีศาจ ย่อมให้กลิ่นที่แตกต่างไปเช่นกัน แล้วยังมีกู้หมิงเป่าที่อยู่ใกล้กับนางอีกคน อีกทั้งระยะนี้กู้หมิงเป่าล้วนกินของที่นางมอบให้ทุกมื้อ ก็เลยดึงดูดหิ่งห้อยที่น่ารักเหล่านี้เช่นกัน
ทว่ามองเห็นบนตัวซ่งสวินมีตัวสองตัวเกาะอยู่ด้วย ซ่งอิงจึงขมวดคิ้วนิ่วหน้า
“ท่านพี่ ท่านกินของเหล่านั้นที่ข้าส่งให้หมดเกลี้ยงแล้วใช่หรือไม่” ซ่งอิงเอ่ยถามคล้ายไม่ได้เจาะจงเป็นการพิเศษ
ซ่งสวินนิ่งอึ้ง จากนั้นกล่าวขึ้นทันที “ยังเลย”
ซ่งอิงเลิกคิ้ว
โกหกชัดๆ
อาจเพราะร้อนตัวเล็กน้อย ซ่งสวินลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวใหม่อีกครั้ง “เดิมทียังเหลืออีกมาก แต่ต่อมาน้องลู่แล้วก็น้องอวี๋สองคนนี้เอาแต่ตอแยข้า แบ่งเอาไปไม่น้อย ห้ามก็ห้ามไม่อยู่”
เขาจนใจอย่างยิ่ง สองคนนั้นขี้โกงจริง
แม้ว่าซ่งอิงอยู่อยู่ใต้ชายคาเดียวกับเขา แต่เรื่องกินข้าวส่วนใหญ่แยกกันกิน
เพราะซ่งอิงไม่อยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ หรือไม่ก็เพราะนางคร้านจะเดินไปมาระหว่างสองลานบ้าน ดังนั้นต่างคนต่างกินก็สะดวกหน่อย
ความจริงซ่งสวินไม่ค่อยยินดีนำของที่ซ่งอิงให้เขามอบให้คนอื่น แต่ลูข่ายและอวี๋ชิงสองคนนี้มาถึงในบ้าน อีกทั้งสองคนนี้ก็มีความสัมพันธ์กับเขาไม่เลว ด้วยความจนใจ เขาทำได้เพียงประหยัดข้าวสารอาหารแห้งของตนเอง
“ครั้งหน้าต้องบอกข้าด้วย ครอบครัวเราไม่ได้ขาดแคลนของกินพวกนี้ โดยเฉพาะการสอบคัดเลือกขุนนางของท่านใกล้จะมาถึงแล้วยิ่งประหยัดของพวกนี้ไม่ได้เจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวโดยไม่ได้โมโห
ถึงอย่างไรซ่งสวินก็ต้องมีสังคมของเขา ไม่มอบสิ่งของให้กันบ้างคงแปลกพิกล
ที่นางไม่เตรียมไว้ให้ซ่งสวินมากหน่อย นั่นเพราะจะได้ให้คนอื่นรู้ว่าของที่พวกเขาเอาไปจากซ่งสวินไม่ใช่ของกินทั่วไป ในเมื่อเอาไปแล้วก็ต้องจดจำน้ำใจนี้ไว้ให้ดี ช่วยเหลือกันและกันและคอยดูแลเอาใจใส่ให้มากๆ
ซ่งอิงพูดจบก็ดื่มสุราเข้าไปหนึ่งจอก จากนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อย เผยสีหน้าซึมซับความอร่อย
ไม่เพียงนาง สถานการณ์ในตอนนี้เงียบสงัดลง
สุรารสเลิศและทิวทัศน์งดงาม
สวรรค์บนโลกมนุษย์เห็นๆ
ภายใต้การเปรียบเทียบ กู้หมิงชูยังรู้สึกว่าที่ตนเพิ่งกินเมื่อครู่คืออาหารหมูดีๆ นี่เอง
ขนาดภัตตาคารเฟิ่งหมิงยังไม่มีอาหารที่อร่อยขนาดนี้เลย!
พระชายาอ๋องฮั่วผู้นี้เป็นแม่ครัวกลับชาติมาเกิดกระมังจึง ได้ฝีมือเป็นเลิศขนาดนี้!
แต่น่าเสียดาย! เขาแน่นท้องเต็มทนแล้ว!
กู้หมิงชูกับซ่งสวินในขณะนี้เป็นเหมือนเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยาก ต่างฝ่ายต่างมองกันหลายครั้ง ไม่กล้ากินกับข้าวมาก ทำได้เพียงจิบสุราคำเล็กๆ มองดูน่าสงสารอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะเมื่อมองท่าทางของฮั่วเจ้ายวนที่กินดื่มคำโตๆ ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกราวกับเห็นผู้ที่ไม่รู้จักชื่นชมในของสวยงาม
กินคำใหญ่ขนาดนี้ ภพชาติก่อนอดยากตายหรือไรกัน
ไร้ความปรานีเกินไปแล้ว ไม่รู้จักคำนึงถึงคนอย่างพวกเขาที่กินไม่ลงแล้วบ้างเลย!
เดิมทีกู้หมิงชูยังบ่นอยู่บ้าง เขารู้สึกว่าคุณชายกู้ผู้สง่าผ่าเผยอย่างตนเองไม่นึกเลยว่าจะต้องมาทำงานหนัก แต่ในตอนนี้ยามชมทิวทัศน์งดงาม เขากลับรู้สึกว่าพระชายาอ๋องฮั่วเป็นคนหนึ่งที่แปลกจริง
มิน่าล่ะ จึงกุมหัวใจศิลาของท่านอ๋องฮั่วได้
ไม่สิ…
เมื่อมองดูว่าท่านอ๋องฮั่วจับจ้องสีหน้าอารมณ์ของซ่งอิงอยู่หรือไม่ เขาก็รู้สึกว่าตนเองอาจพูดกลับกันแล้ว
ไม่ใช่ซ่งอิงกุมหัวใจท่านอ๋องฮั่ว หากแต่เป็นท่านอ๋องฮั่วถูกทำให้ลุ่มหลงอยู่หมัดแล้วต่างหากเล่า!
ดูท่าทีที่หลงใหลนั่นสิ!
ตอนที่ 852 บุญคุณไม่พอใช้
แต่ละคนกินกันอย่างมีความสุขและต่างก็ไม่ได้รีบร้อนกลับกันไป
สองพี่น้องกู้หมิงชูถึงขั้นส่งจดหมายไปถึงจวนจงกั๋วกง แจ้งว่าต้องการอยู่ฉลองปีใหม่ที่นี่ จึงไม่กลับบ้าน
ในตระกูลนอกจากท่านผู้อาวุโสดีต่อพวกเขา คนอื่นๆ ล้วนสร้างบรรยากาศอันเลวร้ายให้และอยากให้พวกเขาสองพี่นี้รีบๆ ไปตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด กลับไปที่นั่นมีหรือจะสบายเท่าอยู่หมู่บ้านสวนแห่งนี้ของซ่งอิง
แล้วนับประสาอะไรกับที่นี่ก็มีเรือนมากพอ กินดื่มก็ไม่ต้องกังวลใจ สบายจะตาย!
จงกั๋วกงได้รับจดหมายฉบับนั้นก็ไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด ถึงขั้นอิจฉามากด้วยซ้ำไป
หมู่บ้านสวนของซ่งอิงเชียวนะ…
ในที่แห่งนั้นต้องมีของดีๆ ไม่น้อยแน่ เด็กอกตัญญูสองคนนี้ ได้ของดีๆ แล้วก็ไม่รู้จักส่งมาให้เขาก่อนสักชุด…
ค่ำคืนส่งท้ายปีเก่า พระราชวังจัดงานเลี้ยงสังสรรค์
ขุนนางใหญ่ องค์ชาย องค์หญิงและแม้กระทั่งคนในครอบครัวของพระสนมวังหลังจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนได้รับเชิญจากฮ่องเต้ให้มาร่วมงานเลี้ยง
ร้องเล่นเต้นระบำครบถ้วน ครึกครื้นอย่างยิ่ง
กินๆ อยู่ องค์หญิงชิงลั่วลุกขึ้นมากะทันหัน “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ลูกต้องการร่ายระบำมอบให้พวกท่านสักเพลงเพคะ…”
“…” ฮ่องเต้ตระหนกตกใจ
ฮองเฮาโมโหอย่างยิ่ง “ยังไม่รีบไปอีก ดื่มมากแล้วชักไม่ได้เรื่อง!”
องค์หญิงผู้สง่างาม อีกทั้งยังไม่ใช่หญิงงามจากโรงแสดงที่อยู่เบื้องล่างเหล่านั้น จะขอร่ายระบำสักเพลงหรือ นี่จะทำให้ขายหน้าใครกันเล่า!
หากนางมีความตั้งใจจริง ไปจัดนางระบำมาสักกลุ่มด้วยตนเองก็ได้ แต่นางเป็นองค์หญิงผู้สง่างามผ่าเผยจะมาร่ายระบำต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ นั่นเป็นการตบหน้าราชวงศ์ชัดๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ในขณะนี้องค์หญิงชิงลั่วหน้าแดงก่ำ มิหนำซ้ำอาภรณ์ยังดู…ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยเท่าไรนัก
“ข้าจะร่ายระบำ!” องค์หญิงชิงลั่วเกรี้ยวกราดขึ้นมากะทันหัน จากนั้นเริ่มระบำส่ายไปส่ายมา
นางส่งเสียงอ้อแอ้ ถลาไปซ้ายทีขวาที โยกย้ายไปมาจนเป็นที่บาดตาคน แต่ก็มีคนมองอย่างงุนงงเป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
“ยังไม่รีบพาตัวออกไปอีก!” ฮองเฮาโกรจจัด
“เอ๋? ทำไมวันนี้ท่านอ๋องฮั่วไม่มาล่ะ” องค์หญิงชิงลั่วส่งเสียงเรียกชื่อฮั่วเจ้ายวน จากนั้นเม้มปาก “ฮ่องเต้เพคะ ท่านให้ข้าแต่งงานกับท่านอ๋องฮั่วเถอะนะเพคะ ทำให้ซ่งซื่อผู้นั้นตายไปเสีย ข้าจะเป็นพระชายาเอกของท่านอ๋องฮั่ว…”
“บังอาจ!” เดิมทีฮ่องเต้ก็ไม่ได้โมโหอันใด แต่เมื่อได้ยินถ้อยคำดังกล่าวก็เกิดเดือดดาลขึ้นมาทันที
“ฮ่องเต้! ท่านพ่อข้ายอมตายเพื่อท่าน ตอนที่ท่านบอกให้ข้าเข้าวังเคยบอกไว้ว่าข้าอยากได้อะไรท่านล้วนให้ข้าทั้งนั้น ตอนนี้ข้าแค่อยากแต่งงานกับท่านอ๋องฮั่ว ท่านเป็นกษัตริย์พูดคำไหนคำนั้น เหตุใดจึงกลับคำเสียแล้วเล่าเพคะ!” องค์หญิงชิงลั่วส่งเสียงตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
ฮ่องเต้สีหน้าถมึงทึงอย่างยิ่ง
ตอนแรกไม่เหลือตระกูลฮั่วแล้ว ชายแดนไร้คนปกป้อง แม่ทัพเสิ่นนำทัพออกไปต่อสู้ ทำให้ทัพศัตรูร่นถอยไปมาก หลังจากกลับมาก็ไปงานเลี้ยงล่าสัตว์กับเขา ใครจะรู้ว่ากลับมีมือลอบสังหารปรากฏออกมา ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ แม่ทัพเสิ่นเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาไว้
ด้วยคุณงามความดีอันใหญ่หลวงนี้ เขาจึงรับบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกผู้เดียวของเขาเข้าสู่วังหลวง!
หลายปีมานี้ก็ปฏิบัติต่อนางอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง
ในเวลานี้ คนของโรงมหรสพมองเห็นฮ่องเต้โมโห ต่างก็ตระหนกตกใจจนไม่กล้าร่ายระบำแล้ว แต่ละคนพร้อมใจกันคุกเข่าลงกับพื้นและส่งเสียงดังว่า “ฮ่องเต้อย่าทรงกริ้วเลยเพคะ”
ในขณะนี้ ข้ารับใช้หญิงทั้งเยาว์วัยและวัยกลางคนที่อยู่ ณ ตรงนั้น ต่างก็เร่งรีบเข้ามาดึงรั้งองค์หญิงชิงลั่วออกไป
แต่ความโกรธเกรี้ยวของฮ่องเต้กลับไม่มอดดับลง คนทั่วทั้งงานเลี้ยงในพระราชวังล้วนหน้าถอดสี
หลังจากองค์หญิงชิงลั่วถูกลากตัวกลับเข้าไปในตำหนักไม่นานนักก็ได้สติกลับมา เมื่อนึกถึงเรื่องทั้งหมดที่ตนกระทำเมื่อครู่นี้ก็หน้าซีดเผือดในชั่วพริบตา “ข้า ข้าทำอะไรลงไปแล้วหรือ!”
“องค์หญิง! ท่านเลอะเลือนไปแล้วสินะเจ้าคะ! งานเลี้ยงสำคัญเช่นนี้ ไฉนท่านจึงใช้บุญคุณเก่าแก่มาข่มฮ่องเต้ต่อหน้าผู้คนมากมายเสียได้เล่าเจ้าคะ!” หมัวมัวที่อยู่ข้างกายนางก็ตระหนกตกใจจะแย่เช่นกัน
“ข้าไม่รู้เหมือนกัน หมัวมัว ข้าไม่รู้จริงๆ เมื่อครู่…เมื่อครู่ข้าก็แค่หุนหันพลันแล่นไปชั่วขณะ…” องค์หญิงชิงลั่วหน้าเสีย ล้มลงกองบนพื้นอย่างสับสน
“บ่าวบอกไว้แต่แรกแล้วว่าระยะนี้ท่านจิตใจว้าวุ่น ให้ดื่มสุราน้อยๆ หน่อย…ท่าน…” หมัวมัวพูดมาถึงตรงนี้ก็ไม่รู้แล้วว่าควรทำอย่างไร
หากเป็นคนอื่นยังค่อยยังชั่วหน่อย แต่นี่สร้างความขุ่นเคืองให้ราชันหนึ่งเดียวของคนทั่วหล้า บุญคุณนั่นจะยังมีประโยชน์อะไรอีก!