ตอนที่ 849 ความแตกต่างอย่างใหญ่หลวง
เรื่องนี้เป็นเรื่องสมัยที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนยังครองบัลลังก์อยู่ อีกทั้งแม่ทัพเสิ่นก็เสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจึงไม่ซักไซ้ไล่เรียงในการกระทำผิดต่อหน้าที่ตอนแรกของแม่ทัพเสิ่น ถึงขั้นเมื่อเขาพลิกคดีความมาได้ ฮ่องเต้ที่ได้ยินเรื่องนี้ยังรู้สึกชื่นชมในคุณธรรมของแม่ทัพเสิ่นอีกด้วย แต่นี่ล้วนเป็นภาพที่เห็นกันภายนอกเท่านั้น
ในฐานะฮ่องเต้ ใครบ้างหวังให้มีคนแอบกระทำเรื่องลับหลัง
ภายภาคหน้าลูกชายเสิ่น หรือบรรดาหลานชายของแม่ทัพเสิ่นผู้นี้เข้าสู่ราชสำนัก ปีนป่ายขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูงขึ้น เกรงว่าในใจฮ่องเต้ก็คงเกิดความหวาดระแวงขึ้นได้เช่นกัน ล้วนเนื่องมาจากเรื่องราวที่แม่ทัพเสิ่นตัดสินใจเป็นการส่วนตัวในตอนนั้น เป็นเหตุให้ฮ่องเต้มองพวกเขาอย่างมีอคติไปโดยปริยาย
ดังนั้นฮั่วเจ้ายวนจึงไม่มีความประทับใจอันดีอะไรต่อองค์หญิงชิงลั่วผู้นั้นเลยจริงๆ
สตรีที่โง่เขลาถึงขีดสุด ไม่รู้เช่นกันว่าสมองหายไปไหนแล้ว
ซ่งอิงมองฮั่วเจ้ายวนอย่างรำคาญปราดหนึ่ง
คนผู้นี้เหลือเกินจริงๆ…เข้าใจแสร้งทำอย่างยิ่ง
พูดจาสง่าผ่าเผยถึงขั้นไม่เผยสีหน้าใดๆ แต่ในความเป็นจริง เห็นๆ อยู่ว่าไม่ชอบองค์หญิงชิงลั่วผู้นั้นอย่างยิ่ง
“ท่านเป็นก้อนหินกลับมาชาติเกิดหรือ ในเมื่อเกลียดก็เอ่ยปากด่าว่านางสักสองสามประโยคจะเป็นอะไรไป ดูท่านสิ ทั้งที่ท่าทีรังเกียจเขียนเอาไว้ในแววตาขนาดนั้นแล้วก็ยังใช้ถ้อยคำสวยหรูเช่นนี้อีก…” ซ่งอิงส่ายหน้า
“…” ฮั่วเจ้ายวนนิ่งอึ้งไปทั้งตัว “ข้าจะทำตัวเช่นนางได้อย่างไร”
“เหอะ” ซ่งอิงกลอกตามองบนใส่เขา “หากข้าเป็นท่าน ตอนนี้ก็คงได้ตะโกนเสียงดังไปแล้วว่าแม่เจ้าสิ! ข้าอุตส่าห์เหน็ดเหนื่อยช่วยปกป้องชื่อเสียงดีงามให้บิดาเจ้า เจ้ากลับสมองโง่เง่า ไม่คำนึงถึงคนอื่นๆ ในตระกูลเสิ่นเลยสักนิด ช่างเป็นสตรีโง่เขลาคนหนึ่งจริงๆ หากบิดานางยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องฟาดมือตบหน้านางสองฉาดใหญ่ๆ ด้วยเช่นกันเป็นแน่!”
“…” ฮั่วเจ้ายวนเบิกตาโตอย่างเหลือเชื่อ
“เป็นอย่างไร ที่ข้าด่าว่าตรงใจท่านเข้าแล้วใช่หรือไม่” ซ่งอิงพูดจบก็ส่งเสียงหัวเราะลั่น
“พวกเจ้าพูดคุยอะไรกันจึงได้มีความสุขเช่นนี้” ซ่งสวินรีบเดินเข้ามา ก็มองเห็นน้องสาวของเขาหัวเราะอย่างเบิกบานใจ
ส่วนทางด้านกู้หมิงชูมองซ่งอิงแวบหนึ่งอย่างประหลาด
เขาโตมาขนาดนี้แล้วยังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่หัวเราะอย่างนี้มาก่อนเลยจริงๆ นี่ช่างเป็นอะไรที่…rb]7dไม่น้อยเลย!
“ไม่ได้คุยอะไร ก็แค่เมื่อครู่เขาเพิ่งด่าคนน่ะ!” ซ่งอิงคลี่ยิ้มกว้าง
“ใช่ ข้าด่าคนอื่นอยู่” ฮั่วเจ้ายวนยิ้มอย่างอึดอัด
เมื่อครู่อยากด่าทอคนอื่นหรือไม่เขาไม่รู้ แต่ในตอนนี้เขารู้สึกอยากแล้ว
ซ่งสวินไม่เข้าใจจริงๆ ว่าการด่าทอผู้อื่นมีอะไรให้สุขใจขนาดนี้เชียว อีกทั้งเขาในตอนนี้ก็หิวจะแย่อยู่แล้ว ไม่อยากฟังเรื่องตลกแม้แต่น้อย
อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่กู้หมิงชูตอนนี้ก็หิวจนกินวัวได้ทั้งตัวแล้ว
“พวกท่านจะกินในลานบ้านหรือกินในบ้านกันล่ะ” ซ่งอิงเอ่ยถาม
“นี่มันแตกต่างกันอย่างไร” กู้หมิงชูเอ่ยถาม กู้หมิงเป่ารีบมองไปยังซ่งอิงเช่นกัน
“แตกต่างกันอย่างใหญ่หลวงเชียวละ ข้าเต็มใจไปกินในลานบ้าน เพียงแต่หากจะกินในลานบ้านก็ต้องรออีกประเดี๋ยวหนึ่ง รอให้ท้องฟ้ามืดสนิทก่อนแล้วเราจึงค่อยรับประทานอาหารกัน แน่นอนว่าหากพวกท่านมีใครไม่ยินดีก็ไปในบ้านกินให้ท้องอิ่มก่อนเลยก็ได้” ซ่งอิงกล่าว
“พระชายาอ๋องฮั่ว ข้าน้อยหิวจะแย่อยู่แล้ว ก็…ขอไปกินอะไรสักหน่อยในบ้านกับพี่ซ่งก่อนแล้วกัน” กู้หมิงชูพูดจบก็ดึงซ่งสวินไป
เขาทำตัวเป็นคนเห็นแก่กินอยู่คนเดียวไม่ได้ จะอย่างไรก็ต้องหากองหนุนสักคน
ซ่งอิงเลิกคิ้ว ไม่ได้ขัดขวางพวกเขาเช่นกัน
ด้านฮั่วเจ้ายวนไม่ขยับเขยื้อน ก็คอยอยู่ในลานบ้านเช่นนั้น
กระทั่งพวกเขากินเสร็จแล้ว ข้างนอกก็มืดมิดไปพอประมาณแล้วเช่นกัน ซ่งอิงจึงได้เริ่มตระเตรียม
กินข้าวน่ะ แน่นอนว่าต้องมีบรรยากาศของการกินด้วย
“รบกวนพวกท่านกลับหลังหันไปก่อน ข้าจะเอาแมลงเหล่านั้นปล่อยออกมาจากถุง” ซ่งอิงกล่าว
“แมลงหรือ” กู้หมิงเป่าสะดุ้งตกใจ
แต่ก็ยังกลับหลังหันไปอย่างว่าง่าย
ซ่งอิงหยิบห่อผ้าสีดำห่อหนึ่งออกมา ดูเหมือนนางปล่อยแมลงออกมาจากข้างใน แต่ในความเป็นจริงคือปล่อยหิ่งห้อยเหล่านี้ออกมาจากช่องว่างระหว่างมิติ เพียงชั่วพริบตาในลานบ้านก็ปรากฏแสงดาวเล็กๆ ดุจความฝัน ดุจภาพลวงตา
ตอนที่ 850 อยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา
เพียงแต่อาศัยหิ่งห้อยเหล่านี้เท่านั้นยังไม่ได้ ซ่งอิงทำทีเดินไปพลิกหาทั่วๆ ส่งเสียงกุกกัก จากนั้นคว้าเอาตะเกียงน้ำมันที่ครอบด้วยกระจกใสสามสี่ดวงออกมาจากช่องว่างระหว่างมิติ
ของสิ่งนี้ราคาแพงมาก แต่ก็งดงามมากเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้นางจึงเอาตะเกียงที่หามาสามสี่ดวงมาใช้
ครั้นเอาตะเกียงน้ำมันที่ครอบไว้ด้วยกระจกออกมาจุดไฟ ในลานบ้านแห่งนี้ก็สว่างไสวทันที
“…” กู้หมิงชูเดินออกมาจากในบ้าน มองเห็นภาพในลานบ้านก็ถึงกับงุนงง “พวกเจ้า…จะกินข้าวกันในลานบ้าน…พร้อมกับชมทิวทัศน์หรือ”
“ใช่น่ะสิ” ซ่งอิงพยักหน้า
กู้หมิงชูเบิกตาโตชั่ววูบอย่างเหลือเชื่อ
ตอนนี้นึกเสียใจภายหลัง แต่ก็เกรงว่าคงสายเกินไปแล้วใช่หรือไม่
กับข้าวที่อยู่ในบ้านไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์เลยจริงๆ หมั่นโถวสี่ห้าลูกคู่กับกับข้าวเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง เขาคิดอยู่ว่าตนเองเป็นแขก ก็คงไม่ดีเท่าไรหากจะเรื่องมาก โดยเฉพาะเงื่อนไขที่สถานที่แห่งนี้เป็นหมู่บ้านสวนชานเมืองห่างไกล ก็ไม่มีอะไรอื่นให้เลือกแล้วเช่นกัน
แต่ในชั่วครู่ถัดมา ซ่งอิงก็เอ่ยกล่าว “เมื่อครู่ท่านต้องการช่วยข้ายกจานอาหารมิใช่หรือ ตอนนี้ลงมือได้แล้วเจ้าค่ะ”
เรียกพวกเขามาแต่เนิ่นๆ นั่นเพราะเมื่อท้องฟ้ามืดแล้วก็ทำงานไม่สะดวกแล้ว
ซ่งอิงและฮั่วเจ้ายวนยกอาหารออกมาอย่างต่อเนื่อง
อาหารที่กินคู่กับข้าวสำหรับมื้อเย็นคือสิ่งจำเป็น แต่นอกจากนี้ยังต้องมีอาหารกินคู่สุราอีกสองสามอย่างด้วย ตัวอย่างเช่นพวกเนื้อสัตว์ตุ๋นพะโล้และปลานึ่ง ผัดผักและผลไม้เหล่านี้ยิ่งขาดตกบกพร่องไม่ได้ พวกเขาขนเอามาวางไว้บนโต๊ะหินตัวใหญ่ในลานบ้านทั้งหมด
หนึ่งโต๊ะเต็มๆ
“น้องพี่ เมื่อครู่ของเหล่านั้นที่อยู่ในบ้าน…” ซ่งสวินเบิกตาโตอย่างตระหนกตกใจเล็กน้อย
“นั่นเพราะกลัวว่าพวกท่านหิวจนหน้ามืดวิงเวียน จึงเตรียมไว้ให้พวกท่านแก้หิวชั่วคราว” ซ่งอิงมองซ่งสวินด้วยแววตาไร้เดียงสา
“…” จู่ๆ ซ่งสวินก็อยากอาเจียนของที่กินเข้าไปเมื่อครู่นี้ออกมาให้หมด
เขาไม่ใช่คนประเภทที่สิ้นเปลืองอาหารการกิน แต่ในขณะนี้เห็นสถานการณ์ที่ราวกับอยู่ในความฝัน แล้วมองไปยังอาหารที่ชวนให้คนน้ำลายสอบนโต๊ะตัวนั้น ก็อยากจะแหวกท้องให้โล่งแล้วค่อยกินใหม่อีกครั้ง
ทว่าซ่งอิงยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ นางหยิบสุราออกมาอีกด้วย
สุราคือของที่ซ่งอิงใช้ผลไม้หมักด้วยตนเอง รสชาติไม่ได้เข้มมาก เหมาะกับถ้วยหยกเรืองแสง
แน่นอนว่าซ่งอิงทุ่มเทพลังกายชุดใหญ่กว่าจะเจอถ้วยหยกเรืองแสงที่ว่านี้ เพราะในรัชสมัยต้าติ้ง ของสิ่งนี้เรียกว่าถ้วยภูเขาหลิว เนื่องจากถ้วยนี้ใช้หยกที่ได้มาจากบนภูเขาหลิว จึงได้ชื่อนี้มา
นางรินสุรารสเลิศลงไป ภายใต้ดวงจันทร์ สุราในถ้วยนี้จะดูเรืองแสงรางๆ มองดูงดงามยิ่งขึ้นไปอีก
ซ่งอิง กู้หมิงเป่าตลอดจนฮั่วเจ้ายวน แม้กระทั่งหู่อิ๋งอิ๋งและหนุ่มรับใช้สองคนของซ่งสวินล้วนนั่งลงกันแล้ว
เพียงพอนเหลืองอยู่ที่ร้านค้าในเมือง ตอนนี้นางจึงไม่ได้อยู่ด้วย ส่วนสาวใช้และข้ารับใช้ชายของกู้หมิงเป่ากับกู้หมิงชู ต่อให้นางมีใจให้คนเขาร่วมโต๊ะด้วยก็เกรงว่าพวกเขาจะไม่ตอบตกลงอยู่ดี อย่างไรเสียสองพี่น้องสกุลกู้ก็ยังอยู่ด้วย ไม่มีหลักการไหนที่นายบ่าวไม่แบ่งแยก
บรรดาหู่อิ๋งอิ๋งแตกต่างไป นั่นคือคนของนาง ปีศาจไม่ได้มีระเบียบปฏิบัติอะไรมากขนาดนั้น
“ท่านพี่ เช่นนั้นข้ากินข้าวก่อนนะ” กู้หมิงเป่ายังไม่วายส่งเสียงบอกกล่าวอีกด้วย
“ท่านพี่ ข้าก็กินข้าวเช่นกันนะเจ้าคะ” ซ่งอิงคลี่ยิ้ม นางยิ้มพรายแล้วเอ่ยพูด
ฮั่วเจ้ายวนเห็นดังกล่าวจึงมองซ่งสวินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พี่เขย…”
“ข้ายังกินไม่อิ่ม!” ไม่ทันให้ฮั่วเจ้ายวนพูดจบ ซ่งสวินก็นั่งลงอย่างไม่อาย กู้หมิงชูเห็นดังนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วยบ้างเช่นกัน
จะให้มองพวกเขากินหรือ เป็นไปไม่ได้!
“พวกท่านยังกินลงอีกหรือ” ซ่งอิงยิ้มกริ่ม เอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา
เมื่อครู่นางเปิดดูแล้ว หมั่นโถวในห้องล้วนถูกพวกเขากินหมดเกลี้ยงแล้ว กับข้าวจานเล็กๆ พวกนั้นก็ถูกกวาดเรียบแล้วเช่นกัน ตอนนี้สองคนนี้น่าจะไม่เพียงไม่หิว มิหนำซ้ำยังอิ่มจะแย่แล้วจึงจะถูก
ในขณะนี้ พี่ชายทั้งสองท่านนี้เผยสีหน้าอยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา
รังแกกันเกินไปแล้ว
ถ้ารู้แต่แรกว่าจะมีของกินดีๆ เยอะขนาดนี้ พวกเขาคงเสียสติไปแล้วจึงได้ไปแทะหมั่นโถวนั่น!
อีกทั้ง กินอะไรก็ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือบรรยากาศนี้น่ะสิ!