ตอนที่ 829 คนต่ำต้อยได้ดีแล้วลืมตัว
หากนางลำพองใจส่งเสียงดังชี้หน้าฮองเฮาเอ่ยพูดว่าข้าคือราชันปีศาจ เจ้าลงมานี่ เรามาพูดคุยกันดีๆ! เช่นนั้นนางคงเป็นฝ่ายเสียสติไปแล้ว!
ฮองเฮาผู้นี้มีชื่อเสียงทรงคุณธรรมและดีงามมาแต่ไหนแต่ไร หลังจากทักทายซ่งอิงแล้ว ก็ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับกู้หมิงเป่าสองสามประโยค จากนั้นจึงมอบของขวัญให้คนละหนึ่งชิ้นแล้วให้พวกนางไปเที่ยวเล่นเสีย
“อีกเดี๋ยวชิงลั่วได้เห็นพระชายาอ๋องฮั่วก็น่าจะยอมถอดใจได้ บัดนี้นางไว้ทุกข์ให้ราชบุตรเขยเป็นเวลาสามปีแล้ว ก็สมควรหาสามีสักคนแล้วเช่นกัน มิฉะนั้นชีวิตครึ่งหลังที่เหลือนี้ไม่มีบุตรสักคนแล้วจะอยู่ใต้ร่มเงาพระพุทธองค์ไปทั้งชีวิตหรือ” ฮองเฮาถอนหายใจ
ถึงอย่างไรก็เป็นเด็กที่ตนเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ แม้ว่าไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ก็มีความรักและห่วงใยอย่างแท้จริงอยู่บ้าง
งานเลี้ยงหยวนถิง แค่เห็นชื่อก็ทราบถึงความหมายแฝงได้ ซึ่งก็คือการชมสวม ชมศาลา
เพียงแต่บัดนี้ ที่มองดูอยู่คือสิ่งที่อยู่ในพระราชวัง เมื่อเทียบกับภายนอกจึงมีความสง่างามโอ่อ่ากว่ามาก
“คุณหนูกู้ เหตุใดเจ้าจึงพานางมาด้วย” เมื่อถึงบริเวณงานเลี้ยงหยวนถิงก็มีคนเอ่ยถามขึ้นมา
มีคนจำนวนหนึ่งเคยเห็นซ่งอิงเมื่อครั้งงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของจงกั๋วกง รู้ว่าทั้งสองคนมีมิตรไมตรีดีงามต่อกัน และรู้เช่นกันว่าซ่งอิงไม่ได้ฐานะตัวตนสูงส่ง ตอนนี้ก็แค่ประชาชนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง
“แม่นางซ่งไม่รู้จักแยกแยะเกินไปแล้ว อาศัยความที่คุณหนูกู้ดีต่อเจ้า ถึงขั้นให้นางพาเจ้าเข้ามาที่นี่ เจ้าไม่กลัวว่าเกิดไม่ระวังจะไปสร้างความไม่พอใจให้ชนชั้นสูงแล้วจะถูกสังหารเอาได้หรือ” มีคนกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
ซ่งอิงเคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน นามว่าเฉาฉินอวิ้น อายุก็ไม่ได้มาก แต่เคยเป็นลูกสมุนที่คอยติดสอยห้อยตามซ่งฮวน
ดังนั้นกล่าวได้ว่า ความจริงซ่งฮวนผู้นี้ก็ไม่ธรรมดา ถนัดในการผูกมิตรสหาย ชักจูงใจผู้อื่น หากเป็นคนที่ความนึกคิดจิตใจซื่อตรงหน่อยก็ไม่ใช่ว่าจะดำเนินทั้งชีวิตไปอย่างราบรื่นไม่ได้
“เจ้าทนเห็นไม่ได้ก็ไปหาคนมาจับตัวข้าเสียสิ” ซ่งอิงยิ้มกริ่ม “เอาสิ ออกแรงส่งเสียงเรียก ไม่ทันไรก็คงมีคนมาแล้ว”
“…” เฉาฉินอวิ้นถลึงตาใส่ซ่งอิงปราดหนึ่ง “นางชาวไร่บ้านนอก ไร้ความรู้ขาดสามัญสำนึกของสังคม!”
“ข้าก็รู้ว่าเจ้าไม่กล้าส่งเสียงเรียกดังๆ หรอก เสียงอย่างลูกแมวเช่นนี้เป็นการเกาให้ข้าจักจี้เล่นหรือ” ซ่งอิงเอ่ยพูดอย่างไม่แยแส
เฉาฉินอวิ้นพองแก้มป่อง เดือดดาลจนเหมือนคางคกตัวหนึ่ง “นางคนต่ำต้อย ได้ดีแล้วลืมตัว ก็แค่ประจบสอพลอคุณหนูกู้ได้ หากไม่มีนาง เจ้าจะมีความหมายอะไร!”
“คุณหนูเฉา ที่นี่คือพระราชวัง พูดจาระมัดระวังหน่อยจะดีกว่า” ซ่งอิงยังไม่ทันเอ่ยปากก็มีเสียงสตรีผู้หนึ่งดังแว่วขึ้นมา
สตรีผู้นั้นแต่งกายในชุดชาววัง ดูฐานะไม่ธรรมดานัก
“จะว่าไปแล้ว เหตุใดวันนี้พระชายาอ๋องจึงไม่มาด้วย ข้าได้ยินว่าฮองเฮาเหนียงเหนียงก็เชิญนางมาด้วยเช่นกัน” มีคนเอ่ยถาม
คนผู้นี้รู้ความนึกคิดขององค์หญิงชิงลั่ว ดังนั้นจึงเอ่ยปากพูด
ครั้นเอ่ยพูดถ้อยคำดังกล่าวออกมา บรรดาแม่นางที่อยู่ ณ ตรงนี้ต่างตกตะลึง มองซ้ายมองขวา มั่นใจว่าไม่เห็นคนแปลกหน้า ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่เห็นคนที่อยู่ในคำเล่าลือที่ว่าพระชายาอ๋องฮั่วหน้าตาไม่เหมาะแก่การพาออกมาพบเจอผู้คน
“พระชายาอ๋องฮั่วมาแล้วนี่” กู้หมิงเป่ารู้สึกใจเบิกบานอย่างยิ่ง
องค์หญิงชิงลั่วตกตะลึง “เหตุใดไม่เห็นเลย”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ทุกคนก็พลันนึกขึ้นมาได้
ในที่แห่งนี้ สตรีแปลกหน้าที่มาจากต่างถิ่นเพียงผู้เดียวก็คือ…ซ่งอิง!
“มิใช่ว่า…แม่นางซ่ง…คือพระชายาอ๋องฮั่วกระมัง” องค์หญิงชิงลั่วรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย จึงเอ่ยปากถามอย่างหยั่งเชิงดู
ซ่งอิงยิ้มเล็กน้อย “เจ้าค่ะ เป็นข้าเอง สามีข้าดูแลอย่างเข้มงวด เอาแต่บอกว่าข้างนอกนี้มีภูตผีปีศาจมากมาย เพื่อปกป้องข้า จึงไม่กล้าให้ข้าออกมาข้างนอก แต่ข้ารู้สึกว่าข้างนอกนี้ก็ดีไม่น้อย ก็อย่างเช่นแม่นางท่านนี้ แม้ว่าพูดจาไม่น่าฟัง มองดูไม่ใช่คนดี แต่ไม่แน่ว่าหากไม่เอาแต่มองแค่ภาพลักษณ์ภายนอกก็ยังมีจิตใจที่ดีงามอยู่บ้าง”
ซ่งอิงพูดจบ เฉาฉินอวิ้นที่เพิ่งกล่าวว่าซ่งอิงเป็นชาวไร่ชาวนาก็ใบหน้าแดงก่ำทันที
ตอนที่ 830 ใช้อำนาจบาตรใหญ่
ซ่งอิงยิ้มตาหยี มองดูไม่มีพิษมีภัย แต่ทว่าด้วยลักษณะเช่นนี้กลับทำให้คนไม่กล้าประเมินนางต่ำไป
ในข่าวเล่าข่าวลือว่ากันว่าพระชายารูปลักษณ์หน้าตาชวนขายหน้าเกินกว่าจะให้พบเจอผู้อื่นได้นี่?!
แต่ซ่งอิงผู้นี้…
รูปลักษณ์เช่นนี้ไม่ด้อยไปกว่าซ่งฮวนเลยสักนิด!
เจ้าของร่างพื้นเพรูปลักษณ์เดิมไม่แย่ เพียงแต่เพราะอาศัยอยู่ในชนบทต้องทำงานใช้แรงงานมากหน่อยจึงผิวพรรณไม่ค่อยดี หลังจากมาเมืองหลวง ดูอุปนิสัยออกจะเงียบๆ ชวนอึดอัดเล็กน้อยและไม่ชอบเงยหน้ามองผู้คน ให้ความรู้สึกแก่คนอื่นว่าเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว
แต่ซ่งอิงแตกต่างไป นางกินดื่มสิ่งที่บำรุงจากน้ำผ่านจิตทุกวัน ผิวพรรณจึงฟื้นฟูสู่สภาพที่ดีเป็นที่สุด
นางนิสัยใจคอดูไม่ชอบความเอิกเกริก ทว่าในความเป็นจริงกลับวางมาดบาตรใหญ่กว่าใครๆ และมีความมั่นใจในตัวเองมากพอ รูปลักษณ์ก็ดูดีเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย กอปรกับ…มีความเข้าใจลึกซึ้งในสิ่งที่ผ่านๆ มา คล้ายกับมีอะไรบางอย่างหล่อหลอมกันในจุดเลือดลมบนร่างกาย เป็นผลให้นางเหมือนเติบโตขึ้นกว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้…
ดังนั้นนางในตอนนี้ ความจริงเรียกได้ว่าต่างกับตอนแรกราวกับคนละคน
องค์หญิงชิงลั่วมองใบหน้าซ่งอิงผู้นี้ รู้สึกอับอายขายหน้าที่ตนสู้คนอื่นไม่ได้ขึ้นมาเล็กน้อยในทันใด
“ในเมื่อแม่นางซ่งเป็นพระชายาอ๋องฮั่ว เช่นนั้นเหตุใดเมื่อครู่จึงไม่พูด” องค์หญิงชิงลั่วขมวดคิ้วนิ่วหน้าถาม
“ก็พวกเจ้าไม่ได้ถามข้า อีกทั้งข้าเพิ่งมาก็ถูกแม่นางท่านนี้ชี้หน้าต่อว่ายกใหญ่ ไม่เปิดโอกาสให้ข้าเลยนี่” ซ่งอิงยิ้มพรายกล่าว
คนอย่างนางไม่มียางอาย ในเมื่อเป็นถึงพระชายาอ๋องฮั่วและมาเยือนถึงที่นี่ แน่นอนว่าต้องขออาศัยนามนี้วางมาดเสียหน่อย
ส่วนองค์หญิงชิงลั่วท่านนี้ นางก็ไม่กลัวเช่นกัน
ฮั่วเจ้ายวนบอกไว้แล้วว่าฐานะของเขาเพียงพอที่จะช่วยให้นางใช้อ้างอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้ ฉะนั้นไม่ต้องเกร็งจนเกินไป
องค์หญิงชิงลั่วเผยสีหน้าที่แสดงถึงความไม่สบอารมณ์ชั่ววูบ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เข้างานเลี้ยงกันเถอะ” องค์หญิงชิงลั่วกล่าวด้วยสีหน้าแข็งทื่อ
องค์หญิงผู้นี้มองดูแล้วน่าจะอายุมากกว่านางสองสามปี รูปลักษณ์หน้าตางดงามไม่น้อยเช่นกัน เพียงแต่บนใบหน้านี้มีสีหน้าแห่งความคับแค้นใจเล็กน้อยและดูไม่มีชีวิตชีวานัก
เมื่อซ่งอิงเข้าไปนั่งในงานเลี้ยงก็รู้สึกได้ถึงสายตาจำนวนไม่น้อยจับจ้องมาที่นาง
บ้างก็กวาดตามองด้วยความประหลาดใจ บ้างก็เป็นความรังเกียจเดียดฉันท์
“แม่นางซ่ง ได้ยินว่าเจ้าตัดความสัมพันธ์กับเหยียนผิงโหวแล้วหรือ สายสัมพันธ์พ่อลูกเป็นถึงสิ่งที่สวรรค์ประทานให้ พวกเราชาวแคว้นต้าติ้งยึดมั่นในความกตัญญู เจ้าตัดเยื่อใยเช่นนี้จะส่งผลกระทบไม่ดีนักกระมัง” ในสวนแห่งนี้ ปรากฎว่ามีอีกเสียงหนึ่งแว่วขึ้นมา
ซ่งอิงหันหน้าไปมอง
ครั้งนี้ผู้พูดค่อนข้างเยาว์วัย
กู้หมิงเป่าก้มหน้ากล่าว “นี่ก็คือหลานสาวคนเล็กผู้นั้นของอ๋องหยวน นามว่าหลี่หยวนหยวน”
ซ่งอิงพยักหน้า
“ล่วงเกินองค์หญิงชิงลั่วเช่นนี้ไม่ค่อยดีนักกระมัง” ซ่งอิงปั้นหน้าจริงจังเอ่ยสั่งสอน
“ใครล่วงเกินองค์หญิง ข้าว่าเจ้าต่างหาก!” หลี่หยวนหยวนกล่าวด้วยความโมโห
“เจ้าไม่ได้ล่วงเกินองค์หญิงหรอกหรือ ข้าได้ยินว่าบิดามารดาผู้ให้กำเนิดองค์หญิงชิงลั่วไม่ใช่ฮ่องเต้และฮองเฮา ปัจจุบันฮ่องเต้และฮองเฮาเลี้ยงดูนาง นางเรียกขานพระองค์ทั้งสองว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่ นั่นก็คือหลักการของฟ้าดินที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้เช่นกัน ไฉนจึงเป็นการอกตัญญูเสียแล้วเล่า” ซ่งอิงกะพริบตาปริบๆ เอ่ยถาม
เมื่อได้ยินดังกล่าว หลี่หยวนหยวนก็สวนกลับ “องค์หญิงคือองค์หญิง เจ้าเทียบองค์หญิงได้หรือ!”
“ไม่ได้ ทว่านี่ก็เป็นหลักเหตุผลเหมือนๆ กัน คนที่เลี้ยงดูข้าไม่ใช่เหยียนผิงโหว ถึงขั้นว่าเขายังต้องการเอาชีวิตของข้าด้วย ข้าตัดความสัมพันธ์แล้วหันไปส่งเสียเลี้ยงดูบิดามารดาที่เลี้ยงดูข้าแล้วมีอันใดไม่เหมาะสมหรือ” ซ่งอิงยิ้มเยาะ “อีกทั้ง…เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย”
“ไยจะไม่เกี่ยวข้องกับข้า! คนที่ชื่อเสียงด่างพร้อยเช่นเจ้า ไม่นึกเลยว่าจะแต่งกับท่านอ๋องฮั่วได้!” หลี่หยวนหยวนกล่าวด้วยความโมโห
“ท่านอ๋องฮั่วสามีข้าไม่ได้ดีนักหรอก เป็นคนน่าเบื่อจะตาย ข้าต่างหากที่เป็นฝ่ายได้รับความไม่เป็นธรรม ทว่าสตรีเมื่อแต่งงานไปแล้ว ไม่ว่าสามีจะดีหรือเลวก็ได้แต่ยอมรับ ข้าก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยมากมาย หากแม่นางรู้สึกว่าไม่เหมาะสม เช่นนั้นก็ไปพูดกับท่านอ๋องฮั่วให้เขาหย่าร้างจะดีกว่า” ซ่งอิงกล่าวอีกครั้ง
กู้หมิงเป่ารู้สึกสบายใจขึ้นมากในชั่วพริบตา
สวรรค์รู้ดีว่าระยะนี้นางได้ยินคำพูดแย่ๆ เกี่ยวกับซ่งอิงและพระชายาอ๋องฮั่วมามากน้อยเท่าไร ตอนนั้นไม่รู้ว่าสองคนนี้คือคนคนเดียวกัน เมื่อครู่ที่รู้ ในใจของนางนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกตั้งหน้าตั้งตารอยคอยไม่รู้เท่าไร!