ตอน 855 ชั่วร้าย
หากถ้อยคำนี้ถูกเสิ่นซั่วหยางน้องชายเสิ่นชิงลั่วได้ยินเข้า เกรงว่าเขาต้องโวยลั่นว่าใส่ร้ายกันเห็นๆ
ตอนนั้นยามที่เสิ่นชิงลั่วถูกรับเข้าวัง เขายังอายุน้อย เพียงแค่สองสามขวบเท่านั้นเอง เคยเห็นหน้าพี่สาวผู้นี้ไม่กี่ครั้งด้วยซ้ำและไม่คุ้นเคยกันสักนิด นางถูกรับตัวไป เขาผู้นี้ที่ยังเป็นเด็กเล็กจะอย่างไรก็คงกอดมือนางไว้ไม่ปล่อยและเป็นตายร้ายดีก็ไม่ยินยอมมิได้กระมัง!
นอกจากนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ความขนาดไปขอร้องให้ท่านลุงช่วยเหลือ!
ในเวลานี้ สองสามีภรรยาสกุลเสิ่นก็เผยสีหน้ากังวลเช่นกัน
“ไม่รู้ว่าสรุปแล้วนางทำอะไรจึงทำให้ฮ่องเต้โกรธาใหญ่โตเพียงนี้…ได้แต่หวังว่าจะไม่พานให้คนในวงศ์ตระกูลเดือดร้อนไปด้วย” เสิ่นซั่วหยางกลัดกลุ้มเล็กน้อย “เพียงแต่ลำบากเจ้าแล้ว พี่สาวข้าเป็นองค์หญิงตั้งหลายปีเพียงนี้ คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นคนรักสบายอยู่บ้าง”
“ไม่เป็นไร เพียงแต่…ข้าดูแล้วเกรงว่าพี่สาวจะรับไม่ได้ไปพักหนึ่ง ข้าคิดว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งให้พี่สาวออกจากบ้านจะดีกว่า มิฉะนั้นหากอยู่ข้างนอกพูดอะไรผิดๆ ไป…” เสิ่นฮูหยินเอ่ยพูดดังกล่าว พลันรู้สึกกลัวว่าสามีจะเข้าใจผิดจึงกล่าว “ความหมายของข้าคือแน่นอนว่าในครอบครัวต้องคำนึงถึงพี่สาวมาเป็นอันดับแรกทุกเรื่อง…”
เสิ่นซั่วหยางเห็นด้วยกับคำพูดนี้อย่างยิ่ง
พี่สาวเขาในตอนนี้ หากเห็นคนภายนอกไม่แน่ว่าจะเอะอะก่อความวุ่นวายอะไรเอาได้
“พรุ่งนี้ค่อยพูดคุยหารือกับนางก็แล้วกัน” เสิ่นซั่วหยางพยักหน้า
เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ต้องพูดคุยหารือกับพี่สาว แต่ยังต้องสืบถามจากภายนอกเพื่อให้รู้สาเหตุถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอีกด้วย หลังจากนั้นจึงจะหลีกเลี่ยงการที่พี่สาวจะก่อปัญหาอีกครั้งได้
ซ่งอิงอยู่ในหมู่บ้านสวนชานเมือง ไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิด
หลังจากผ่านไปสามสี่วัน เสิ่นซั่วหยางให้คนมาหาฮั่วเจ้ายวน ซ่งอิงจึงได้รับรู้
“กลวิธีนี้ของท่าน…ชั่วร้ายไม่เบานะ เล่นตัดเส้นทางความร่ำรวยสูงศักดิ์ของนางอย่างเด็ดขาดเชียวหรือ ท่านไม่กลัวว่าบิดานางจะกระโดดออกจากโลงศพกลางดึกมาเอาเรื่องท่านหรือ” ซ่งอิงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“เจ้าเป็นพระชายาของข้า นางเล่นงานเจ้าก่อน หากตอนนั้นเจ้าถูกพิษแล้วกระทำเรื่องน่าเกลียด เจ้าอับอายขายหน้า ก็เท่ากับข้าอับอายขายหน้าด้วยเช่นกัน ย่อมให้อภัยนางไม่ได้เป็นธรรมดา” ฮั่วเจ้ายวนเอ่ยพูดอย่างเย็นชา “อีกทั้งยาพิษนั่นก็ไม่ใช่ของที่ทำลายสุขภาพร่างกายอะไร มิเช่นนั้นตอนแรกนางก็ไม่กล้าเอามาใช้กับเจ้าหรอก เพียงแต่ข้าไม่คาดคิดเช่นกันว่านางจะมีความนึกคิดประเภทนั้นอยู่”
อยากเป็นพระชายาของเขาก็ไม่ได้ผิดมหันต์เกินไป ถึงขนาดว่าหากเขายังไม่ได้แต่งงาน เสิ่นชิงลั่วเอ่ยถึงเรื่องนี้ ไม่แน่ว่าฮ่องเต้จะอนุญาตเสียด้วยซ้ำ
แต่ที่นางผิดก็คือ พูดความในใจออกมา
อยากฆ่าซ่งอิง
จิตใจที่แท้จริงชั่วร้ายอำมหิต ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
“สรุปแล้วนี่คือยาพิษอะไรหรือ เหตุใดทำให้นางกระทำเรื่องนี้ได้” ซ่งอิงค่อนข้างประหลาดใจ มิน่าล่ะ ยาพิษจึงเป็นอาวุธสำคัญที่คนในวังหลวงใช้ต่อกรกัน!
“คนที่ถูกพิษอาการพอๆ กับเมาสุรา เพียงแต่ว่าจะปลดปล่อยความนึกคิดในใจเต็มที่ พฤติกรรมจึงออกจะเกินปกติอยู่บ้าง แต่ก็มีคนที่สภาพจิตใจสงบและปล่อยวางอยู่บ้าง แม้ถูกยาพิษที่ว่านี้ก็ไม่มีปฏิกิริยาอันใด” ฮั่วเจ้ายวนกล่าวอีกครั้ง
ซ่งอิงรู้สึกว่าฮั่วเจ้ายวนดูสีหน้าภูมิใจอยู่เล็กน้อย
“อย่าบอกนะว่า…ท่านเคยถูกพิษนี้ด้วย” ซ่งอิงหัวเราะเจื่อน
“ก็ไม่ใช่อดีตที่ยอดเยี่ยมอันใด ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึงหรอก” ฮั่วเจ้ายวนกล่าวอีกครั้ง
ซ่งอิงกลอกตามองบนใส่เขารอบหนึ่ง
อยากจะชมตัวเองก็ยังอ้อมค้อมอยู่ได้ เหนื่อยบ้างหรือไม่!
เพียงแต่ว่านางก็รู้สึกทำใจไม่ค่อยได้ที่จะให้ฮั่วเจ้ายวนกลายเป็นเทพเซียนก้อนหิน ก้อนหินจะไปมีความหมายอะไร ต้องแบบตอนนี้จึงจะน่าสนใจหน่อย
“จริงสิ ท่านเคยบอกว่าบุตรชายของแม่ทัพเสิ่นกับท่านมีความสัมพันธ์อันดีมิใช่หรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านได้พูดเรื่องนี้กับเขาตรงๆ หรือไม่” ซ่งอิงเอ่ยถามอีกครั้ง
“ไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว” ฮั่วเจ้ายวนกล่าวอย่างหน้าตาเฉย
ครั้งนี้ซ่งอิงรู้สึกเลื่อมใสในตัวเขาโดยแท้จริง
ฮั่วเจ้ายวนบอกกล่าวเสิ่นซั่วหยางผู้นี้กับปากตนเองว่าเสิ่นชิงลั่วถูกเขาทำร้าย?
“ท่านไม่กลัวว่าเสิ่นซั่วหยางจะตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นหรือ” ซ่งอิงถามด้วยความประหลาดใจ
“เสิ่นซั่วหยางผู้นี้อายุไม่มาก แต่ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย เป็นคนที่มีเหตุมีผลคนหนึ่ง บัดนี้ข้าพูดกับเขาอย่างเปิดเผยชัดเจนก็ถือว่าดีแล้ว หากปิดบังเอาไว้จะกลายเป็นทำลายความรู้สึกเปล่าๆ”
ตอนที่ 856 ไม่พอใช้
ซ่งอิงไม่มีเหตุผลโต้แย้งถ้อยคำฮั่วเจ้ายวน อย่างไรเสียความจริงก็เป็นเช่นที่เขาว่า
หากเสิ่นซั่วหยางมีเหตุมีผลจริงอย่างที่ฮั่วเจ้ายวนพูด หลังจากได้ยินเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนท้ายสุด ก็คงไม่ถึงขั้นตำหนิโทษฮั่วเจ้ายวนว่าเย็นชาไร้น้ำใจ และถึงขนาดว่ายังจะไปตำหนิพี่สาวผู้นี้อีกด้วยว่าไม่รู้ความ
“ท่านเคยลองวิธีการบำเพ็ญตนเป็นเซียนนั่นบางหรือไม่” ซ่งอิงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยการเอ่ยถาม
“ไม่เคย” ฮั่วเจ้ายวนกล่าว
เขากลัวว่าจู่ๆ ตอนกลางวันตนเองจะเหาะเหินขึ้นมา
“ฝึกฝนดูหน่อยก็ไม่เป็นไร ท่านลงมาเกิดในโลกมนุษย์และยังมีเรื่องยิ่งใหญ่ต้องทำให้ลุล่วง หากไม่ทำเรื่องใหญ่นี้ให้สำเร็จ เบื้องบนน่าจะไม่รับท่านกลับขึ้นไปเช่นกัน วางใจเถอะ!” ซ่งอิงคลี่ยิ้มกว้างอย่างมั่นใจในตนเอง
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” ฮั่วเจ้ายวนรู้สึกผิดปกติ
“เซียนบอก” ซ่งอิงเอ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา
“เซียนถูกทับเอาไว้ใต้ขุนเขาห้านิ้วมือมิใช่หรือ” ฮั่วเจ้ายวนถามยิ้มๆ หลังจากพูดจบก็นึกอะไรบางอย่างได้กะทันหัน จากนั้นจับจ้องซ่งอิง “เจ้าอย่าบอกข้านะว่าเซียนที่กล่าวถึงถูกเจ้าขังเอาไว้!”
“เปล่า ไม่รู้เหมือนกันว่าเซียนพวกนี้ทำมาจากโคลนหรือไม่ พอลงไปแช่ในน้ำพวกเขาก็หายไปแล้ว ชีวิตพวกเขาเปราะบางขนาดนี้จะโทษข้าก็คงมิได้เช่นกัน” ซ่งอิงโบกไม้โบกมือทันที “หากท่านกลายเป็นเซียนก็น่าจะพอประมาณกัน อยู่บนสวรรค์ด้วยความซื่อตรงว่าง่ายก็จะดำรงชีวิตอยู่ได้ชั่วนิจนิรันดร์ แต่หากลงมาโลกมนุษย์ก็ไม่แน่แล้ว”
หากเขามีตบะวิชา เขาจะไม่ทำตัวเป็นเซียนที่ก่อสร้างความรำคาญอะไรทำนองนั้นหรอก
ครั้นคิดได้เช่นนี้ ฮั่วเจ้ายวนพลันรู้สึกนึกถึงเรื่องเมื่อก่อนขึ้นมา
นี่หากไม่ฝึกฝน อยากจะหาหนทางเจอโดยอาศัยตัวตนมนุษย์ของเขาก็คงเป็นการยาก
ฮั่วเจ้ายวนนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง
……
ช่วงเวลาสองสามวันนี้ แกะในหมู่บ้านสวนถูกตัดขนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อมาซ่งอิงก็จ้างสตรีที่อยู่หมู่บ้านสวนบริเวณโดยรอบมาเพื่อซักล้างขนแกะให้สะอาด
การล้างขนแกะนี้ถือว่าเป็นงานฝีมือเช่นกัน ใช้อุณภูมิน้ำที่สูงเกินไปไม่ได้ และต่ำเกินไปก็ไม่ได้ กระทังช่วงเวลาของการเอาขนแกะแช่น้ำจะยาวนานเกินไปก็ไม่ได้
ขนแกะในฤดูหนาวทั้งนุ่มทั้งอุ่น ลูบคลำแล้วให้ความรู้สึกสบายอย่างยิ่ง หลังจากล้างเสร็จแน่นอนว่าต้องนำไปผึ่งลมเย็นให้แห้ง
ตอนนี้ภายในหมู่บ้านเต็มไปด้วยขนแกะตากไว้ทั่วไปหมด มองดูเป็นทิวทัศน์ที่มีความพิเศษไม่เหมือนใครอย่างหนึ่ง
ส่วนแกะเหล่านี้ ตอนนี้ก็ให้มันไปหลบความหนาวเย็นอยู่ในคอกสัตว์อุ่นๆ แล้ว
สองสามวันนี้ลมแรง อีกทั้งพื้นที่กว้างใหญ่และเปิดโล่ง ขนแกะจึงตากลมแห้งอย่างรวดเร็วมาก
ต่อจากนั้นก็เป็นการย้อมสีและปั่นขนให้เป็นเส้นยาวๆ สำหรับถักทอ
ชายหนุ่มทั้งสามคนนั้นไม่ใช่คนว่างงานแต่อย่างใด กระทั่งยามที่ซ่งอิงทำงานเหล่านี้เสร็จสิ้น ทั้งสามคนล้วนไปกันหมดแล้ว เหลือเพียงกู้หมิงเป่าอยู่เป็นเพื่อนนางเท่านั้น
กู้หมิงเป่าสั่งจองชุดถุงมือขนแกะเอาไว้หนึ่งแบบ ตอนนี้จับจ้องคนงานที่กำลังย้อมสีไม่วางตา
ซ่งอิงไม่ใช่ทำเป็นเสียทุกอย่างเช่นกัน งานประเภทย้อมสีย่อมต้องมอบหมายให้คนงานที่เชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะทำอยู่แล้ว นางเช่าคนงานมืออาชีพของโรงย้อมสีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองหลวงมาทำงานให้ เมื่อนางจ่ายเงินมากพอ พวกเขาก็ทำงานกันอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว
ลุงของนางผู้นั้นก็เป็นคนงานในโรงย้อมสีเช่นกัน นางจึงรู้ว่าในยุคสมัยนี้งานย้อมสีไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องเรียนรู้กันไม่ใช่น้อยๆ
ยุคราชวงศ์ต้าติ้ง ศิลปะการย้อมสีเป็นเรื่องที่สุกงอมแล้ว เพียงแต่สีสันหลักๆ แบ่งออกเป็นเก้าชนิด แต่หากจะแบ่งตามความเข้มความอ่อนของสี ก็แบ่งออกมาอย่างละเอียดได้หลายร้อยสี
ซ่งอิงเลือกสีสันเพียงแค่ห้าชนิดที่เห็นได้ทั่วไปเอามาย้อม สีน้ำเงินที่ค่อนข้างอ่อนและสีเหลือง ยังมีสีแดงและสีน้ำเงินเข้ม ที่เหลือก็คือสีชาด
คนโบราณกล่าวถึงแต่ละสีสันในแง่มุมต่างๆ นานา ซ่งอิงแยกแยะความแตกต่างไม่ได้จริงๆ จึงให้กู้หมิงเป่าช่วยเหลือนาง
นางกับกู้หมิงเป่าทำงานกันสองคนอย่างไม่สนกลางวันกลางคืนเลยก็ว่าได้
เดือนห้า วันที่สิบห้า ถุงมือขนแกะและถุงเท้าขนแกะหนึ่งชุดแรกก็เพิ่งทำเสร็จ ไม่ได้มากมาย แค่อย่างละยี่สิบคู่เท่านั้น
“ข้าซื้อเอาไว้ทั้งหมดมิได้หรือ พี่ซ่ง ข้ามีเงินนะ!” กู้หมิงเป่าปั้นหน้าร้องทุกข์
นางต้องเอาไปมอบให้หลายคนมาก ทั้งท่านปู่นาง พี่ชาย ลุงป้าแล้วยังมีลูกพี่ลูกน้องชายและหญิงตั้งหลายคน ยี่สิบคู่นี้ไม่พอใช้ด้วยซ้ำ!
ซ่งอิงใจร้ายเกินไปแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะให้นางซื้อของดีขนาดนี้ได้เพียงสองคู่เท่านั้น!