หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 5

ตอนที่ 5

กระแสในอินเทอร์เน็ตมาไวไปไว หากเรื่องนี้ไม่ถูกพูดถึงก็จะเงียบไปเอง กู้เซียงไม่เชื่อว่าชื่อของเธอจะเป็นกระแสได้ตลอด เฉินเหล่ยเองก็เป็นดาราหน้าใหม่ คงไม่กล้าหาเรื่องถึงขนาดนั้น

ต้องยอมรับว่ากู้เซียงเป็นคนดวงดีมาก เพราะครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นก็มีข่าวใหม่ถูกดันขึ้นกลบกระแสของเธอแล้ว

#จ่านหยางโผล่ที่เมือง G

‘จ่านหยาง’ คือดาราที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นเน็ตไอดอล เป็นนักแสดงแถวหน้า เล่นทั้งภาพยนตร์และละคร แถมยังเป็นนักร้องอีกด้วย

แม้เหลียงจี้จะได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่จ่านหยางกลับเหนือชั้นกว่า

ต้นสังกัดของเหลียงจี้สร้างภาพลักษณ์ราวกับเทพบุตรให้เขา เพื่อจะได้เดินบนเส้นทางนี้อย่างสง่างามและมั่นคง ซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นจริงเพราะเขาเป็นคนค่อนข้างทะเยอทะยาน

แม้เหลียงจี้จะเป็นนักแสดงที่มีความสามารถ แต่โลกใบนี้กลับมีคนประเภทที่ได้บางอย่างมาโดยง่าย ขณะที่คนอื่นต้องใช้ความพยายามอย่างมหาศาล และจ่านหยางก็เป็นคนประเภทนั้น

จ่านหยางโดดเด่นในทุกๆ ทาง หน้าตาดี ชาติตระกูลเพียบพร้อม สุขุมนุ่มลึก และไม่เคยมีข่าวเสียหายมาก่อน

หากจะบอกว่าไอดอลคืออาชีพอย่างหนึ่ง จ่านหยางก็คือคนที่ทำอาชีพนี้ได้อย่างสมบูรณ์

เขาแย่งส่วนแบ่งการตลาดก้อนใหญ่จากดาราชายในวงการบันเทิง เป็นที่รักของทุกคน และถนัดเรื่องบริหารเสน่ห์อย่างมาก

ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาเล่นเป็นพระเอกคือหนังฟอร์มยักษ์ที่ร่วมทุนสร้างกับต่างประเทศ แต่เมื่อผลงานถูกเผยแพร่ แทนที่เขาจะอยู่ชื่นชมความโด่งดังของตัวเอง กลับหายเข้ากลีบเมฆ

หลังจากนั้นก็ปรากฏตัวเป็นครั้งคราว รับบทไม่เคยซ้ำ แม้ผลงานจะดูไม่มาก แต่ภาพยนตร์และละครที่เลือกรับล้วนโด่งดังทั้งสิ้น

เหลียงจี้เคยถูกชวนไปเล่นเป็นนักแสดงชายอันดับสามในภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง บทของเขาถูกเขียนขึ้นเพื่อเรียกคะแนนจากแฟนคลับ แต่สุดท้ายจ่านหยางก็ได้ไป

เรื่องนี้ทำเหลียงจี้มีอคติกับจ่านหยางอย่างมาก เขาบอกกู้เซียงว่าอีกฝ่ายมีคนคอยหนุนหลัง ทำให้ได้รับโอกาสดีๆ ตลอด รวมถึงพื้นฐานครอบครัวที่ร่ำรวย นักข่าวจึงไม่กล้าเสนอข่าวในทางที่เสียหาย ทั้งที่ไม่ได้มีความสามารถด้านการแสดงเท่าไหร่

แต่กู้เซียงไม่คิดเช่นนั้น จึงไม่เก็บเรื่องของพวกผู้ชายมาคิดให้รกสมอง ใครจะรู้ว่าการกลับมาครั้งนี้ของเธอ จะมีจ่านหยางคอยช่วยกู้สถานการณ์ให้

ข่าวการปรากฏตัวของจ่านหยางที่เมือง G ขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งในเวยป๋ออย่างรวดเร็ว

ที่ทุกคนตื่นเต้นก็เพราะซูเปอร์สตาร์คนนี้ค่อนข้างเก็บตัว โพสต์เหน็บแนมดาราหน้าใหม่ของเฉินเหล่ยจึงถูกข่าวของจ่านหยางกลืนหายไปในพริบตา

กู้เซียงจิบน้ำแล้วเปิดดูโพสต์ที่กำลังติดเทรนด์อันดับหนึ่งในเวยป๋อ ภาพที่เห็นคือชายหนุ่มในชุดลำลองสีดำ สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า รูปร่างสูงโปร่ง

พริบตาเดียว คอมเมนต์กว่าหมื่นข้อความก็ปรากฏขึ้นที่ใต้โพสต์ บรรดาแฟนคลับพากันกรีดร้องด้วยความดีใจ

“หล่อมาก ขาอย่างยาวอะ”

“อยู่ดีๆ ก็กลับมา หรือจะมีผลงานใหม่?”

“ขอให้ได้เป็นพระเอก ขอให้ได้เป็นพระเอก ขอให้ได้เป็นพระเอก”

“คุณสาของฉัน!”

บรรยากาศแห่งความยินดีนี้ไม่ต่างจากช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่ แทบไม่หลงเหลือร่องรอยการก่นด่าอย่างไม่มีใครยอมใครเมื่อครู่

ศัตรูของศัตรูนับว่าเป็นเพื่อน ชาติที่แล้วเหลียงจี้ริษยาจ่านหยางมาก นั่นแปลว่าชาตินี้เธอควรเชื่อมสัมพันธ์กับจ่านหยางเอาไว้

กู้เซียงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย เพราะแม้แต่เฉียวอิ้งฉิงก็ไม่เคยได้ร่วมงานกับจ่านหยาง ซูเปอร์สตาร์คนนี้โลดแล่นในวงการบันเทิงราวกับงานอดิเรก ไม่ทำตัวสนิทสนมกับดาราคนไหนเป็นพิเศษ

ที่ผ่านมาเธอเป็นคนวู่วาม ใจร้อน ครั้งนี้จึงตั้งใจจะลบข้อบกพร่องในอดีตทั้งหมด

เรื่องแรกที่กู้เซียงต้องรับมือคืองานแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทต้นสังกัดกับสตูดิโอผู้ผลิตซีรีส์เน็ตไอดอล

งานนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอโดยตรง แต่เนื่องจากเป็นดาราหน้าใหม่ บริษัทจึงต้องพาออกงาน เพื่อให้ผู้คนชินตา เปิดโอกาสให้ได้พบปะกับคนเบื้องหลังภาพยนตร์และละคร เพราะความบังเอิญที่เกิดขึ้นในวงการนี้ อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา

กู้เซียงรู้ดีว่ามันคือโอกาสทองสำหรับดาราหน้าใหม่ แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเมื่อชาติที่แล้วก็ตาม

ท่ามกลางผู้คนมากมาย ชุดที่เธอใส่มาร่วมงานเกิดปริขาด แม้จะรวบผ้าไว้ได้ทัน ไม่ถึงขั้นโป๊เปลือย แต่ก็ถูกนักข่าวเอาไปเขียนในทางเสียหาย ตามด้วยถ้อยคำเยาะเย้ยถากถางอีกมากมาย

เรื่องการปะทะคารมในเวยป๋อ รวมถึงเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยกลางงานแถลงข่าว ทำกู้เซียงกลายเป็นกระแสในแง่ลบ ซึ่งค่อนข้างรุนแรงสำหรับดาราหน้าใหม่ที่เกือบต้องอำลาวงการอย่างถาวร

หากไม่ใช่เพราะบังเอิญได้งานภาพยนตร์ ชื่อของเธอคงไม่ต่างจากนักแสดงตัวเล็กๆ อีกหลายคน ที่ไม่มีวันได้เจิดจรัสในวงการ เพราะไม่ว่าจะปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอีกกี่ครั้ง วีรกรรมที่เคยสร้างก็ไม่อาจลบเลือนได้ ต้องทนกระแสโจมตีอยู่เกือบครึ่งปี

แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เสื้อผ้าของเธอปริขาด?

ทั้งที่ก่อนวันงานได้ตรวจสอบชุดอย่างดีแล้ว กู้เซียงเองก็ไม่เคยพลาดเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้

ท่ามกลางดาราหน้าใหม่ เธอปรากฏตัวด้วยหน้าตาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ บริษัทจึงให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ

ในเมื่อขวางทางก็ต้องถูกโค่น การแก่งแย่งชิงดีในวงการบันเทิงไม่ใช่เรื่องแปลก ต่อให้ไม่หาเรื่องใครก่อนก็ใช่ว่าจะไม่ถูกหาเรื่อง

อุตส่าห์ได้กลับมาเกิดอีกครั้ง เธอจะไม่ยอมพลาดซ้ำรอยเดิมเด็ดขาด หากใครคิดขวางทาง ก็พร้อมจะเอาคืนทันที

กู้เซียงเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดราตรีสีดำแนบเนื้อที่ออกแบบอย่างประณีตออกมา

ชายกระโปรงที่เป็นริ้วระบายเปลี่ยนความสุขุมให้กลายเป็นสดใส การตัดเย็บค่อนข้างแน่นหนา ไม่ปริแตกง่ายๆ แน่นอน

ชุดนี้เคยถูกกู้เซียงฉีกเป็นชิ้นๆ หลังจบงานแถลงข่าว แต่วันนี้เธอกำลังรูดซิปหลัง ติดตะขอยึดกระดุมด้วยความมั่นใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น เหวินจิ้งมารับกู้เซียงที่หอพัก เพราะเด็กใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเสียงบริษัทจะไม่เตรียมรถรับส่งไว้ให้

พอกู้เซียงขึ้นนั่งบนรถ เหวินจิ้งก็แอบดูสีหน้าของอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเธออารมณ์ดีจึงส่งนมและไข่ต้มให้

“โอเคขึ้นไหม?” เหวินจิ้งเปิดประเด็น

“โอเคนะ” กู้เซียงก้มลงดื่มนม “ได้จ่านหยางมาช่วยกลบกระแสแล้วนี่”

“ชื่อนี้เยียวยาได้ทุกสิ่งจริงๆ” เหวินจิ้งอมยิ้ม

กู้เซียงกลอกตามองบน แม้แต่ผู้จัดการส่วนตัวของเธอก็ยังหลงเสน่ห์ของจ่านหยาง “เยียวยาอะไรกัน เขาเพิ่งจะแสดงเป็นฆาตกรโรคจิตไม่ใช่เหรอ?”

“เสียดายเมื่อวานไม่อยู่ที่นั่น อดได้ลายเซ็นเลย” เหวินจิ้งยังคงรำพึงรำพัน

“…..”

“ไม่แน่อาจได้เจอเขาที่งานแถลงข่าววันนี้ อย่าลืมขอลายเซ็นมาให้ด้วยนะ หรือฉันควรเข้าไปขอเขาถ่ายรูปเอง? แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว!” ตอนทำงาน เหวินจิ้งค่อนข้างเป็นมืออาชีพ แต่ถึงจะเป็นถึงผู้จัดการศิลปิน เธอก็อายุแค่ยี่สิบต้นๆ หากจะออกอาการคลั่งไคล้ดาราก็คงไม่แปลก “รู้งี้แวะสระผมกับเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า ไม่เป็นไรๆ แต่งหน้าเพิ่มเอาแล้วกัน”

“พอได้ยัง!” กู้เซียงเริ่มหมดความอดทน “แล้วจ่านหยางจะมางานแถลงข่าวนี้ทำไม?”

เหวินจิ้งทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะสงบปากสงบคำ

จ่านหยางทั้งหน้าตาดี มีฐานะ ฝีมือการแสดงเป็นเลิศ มั่นใจในตัวเอง ไม่ทำตามคำสั่งของใครง่ายๆ จะเชิญไปงานแถลงข่าวหรืองานเลี้ยงรับรางวัลทีก็ต้องดูอารมณ์ก่อน เพราะแม้แต่งานประกาศรางวัลสำคัญๆ ก็ยังถูกเขาปฏิเสธ นับประสาอะไรกับงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ของบริษัทไร้ชื่อทุนน้อย

หลังก้มหน้าพักหนึ่ง เหวินจิ้งก็ทำเสียงตื่นเต้นอีกครั้ง

“รอให้ฉันดันเธอจนดังก่อน ค่อยหาโอกาสถ่ายรูปกับจ่านหยางก็ได้ เซียงเซียง มาสู้ไปด้วยกันนะ!”

กู้เซียงรู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้เพื่อให้เหวินจิ้งได้ถ่ายรูปคู่กับจ่านหยาง ไม่ใช่เพื่ออนาคตในวงการบันเทิงอีกต่อไปแล้ว

“เอาเถอะ… เอาที่สบายใจ”

เมื่อพวกเธอไปถึง ฝ่ายสถานที่ก็กำลังง่วนกับการจัดแสงและลองเครื่องเสียง

บริษัทต้นสังกัดของกู้เซียงชื่อว่า ‘หัวเซิน’ มีแนวโน้มว่าจะเติบโตไปในทิศทางที่ดีในอีกสิบปีข้างหน้า แต่ตอนนี้ยังเป็นเพียงบริษัทเล็กๆ ไม่มีดาราแถวหน้าในสังกัด มีเพียงดาราอันดับสองและสามเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กใหม่ที่ยังไม่ได้เข้าวงการ

ในฐานะศิลปินที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก กู้เซียงไม่มีข้ออ้างใดๆ ที่จะเข้างานสาย จึงรีบมาถึงก่อนเวลาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและแต่งตัว

ชาติที่แล้วเธอมัวแต่โมโหกับเรื่องในเวยป๋อจนนอนดึก หลังไปร่วมงานสายก็ยังต้องเจอเรื่องชุดขาดอีก ช่างไร้สาระจริงๆ

เหวินจิ้งทักทายพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ด้านหน้า แต่เนื่องจากมาถึงก่อนเวลาหลายชั่วโมง เธอจึงต้องไปรายงานตัวกับทีมงานก่อน กู้เซียงจึงไปยืนรอตรงประตูหลังเวที

“กู้เซียง”

หญิงสาวที่เรียกเธอจากด้านหลังดูจะอายุน้อยกว่า ผมสีน้ำตาลเข้มม้วนเป็นลอน หน้าม้าเรียบตรงเสมอกัน สวมชุดราตรีสีชมพู ชายกระโปรงเป็นริ้วระบาย บุคลิกทั้งอ่อนโยนและอ่อนหวาน

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท