“ให้ตายเถอะ ฉันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเลย หมิงอ๋องกับจูชิงฮวนก็หน้าด้านซะจริงๆ จูบกันจนลิ้นผูกโบแล้ว!”
“เมื่อไหร่ฉาก AV ใต้ต้นไม้จะจบ?”
“เหนียงเหนียงไม่ต้องร้องนะ ฉันจะไปขอให้นักเขียนแก้บทเอง ชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้จะมีความสุขไม่ได้!”
“พ่อฉันบอกว่าไอ้อ๋องนี่ต้องปัญญาอ่อนแน่เลย เมียตัวเองสวยกว่าตั้งเยอะ”
“ไปตั้งกลุ่มด่าจูชิงฮวนกันดีกว่า เห็นหวังเฟยเหนียงเหนียงร้องไห้แล้วปวดใจแทน!”
พอได้อ่านข้อความในกลุ่มวีแชต ตู้หยู่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ
เมื่อวานยังแบ่งเป็นทีมเฉินเมี่ยวกับทีมจูชิงฮวนอยู่เลย วันนี้พับกระดานไปแล้วหนึ่ง ทำให้เห็นว่าทีมของหวังเฟยเหนียงเหนียงชนะด้วยความสามารถของนักแสดงล้วนๆ
ตัวเธอเองยังแอบหมั่นไส้ คิดอยากให้เฉินเมี่ยวกำจัดจูชิงฮวนให้สิ้นซาก จนลืมไปว่าใครกันแน่ที่เป็นนางเอก ลืมด้วยว่าตอนที่อ่านนิยาย เธอเกลียดเฉินเมี่ยวมากแค่ไหน
เนื้อหาในละครห่างไกลจากบทประพันธ์เดิมมาก นางเอกที่ควรจะใสซื่อบริสุทธิ์ กลับกลายเป็นหญิงแพศยาในพริบตา ส่วนตัวร้ายแสนอำมหิต ก็กลายเป็นคนที่แฟนละครพากันสงสาร
ละครเรื่องนี้ต้องการแสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมของตัวร้าย จึงมีบทให้ได้แสดงถึงความอำมหิตและเลือดเย็น
ในจอปรากฏภาพของเฉินเมี่ยวที่เย่อหยิ่ง นัยน์ตาไม่ปรากฏความริษยาหรือโทสะ แต่เป็นแววตาของคนที่ถูกรังแก ดั่งราชสีห์ที่แม้พ่ายแพ้ก็ยังสง่างามและน่าเกรงขามอยู่
ความงามของนางยังคงน่าหลงใหล แม้จะกดขี่อีกฝ่ายแต่กลับไม่ดูน่ารังเกียจ บุคลิกเหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดสายตาผู้คนจนแทบไม่มีใครอยากละสายตา
“จูชิงฮวน”
“จูจาวหรง”
“สารเลว!”
“เพียะ เพียะ!”
เสียงตบสองครั้งเหมือนเสียงลมที่พัดโชยในวันอากาศร้อนอบอ้าว ความอัดอั้นตันใจที่มีมาตลอดคลี่คลายลง คล้ายออกวิ่งแปดร้อยเมตรแล้วได้ดื่มน้ำอัดลมเย็นชื่นใจ เหมือนคนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำที่สุดท้ายก็สามารถเปิดฝาโยเกิร์ตออกได้
“สะใจจริงๆ!”
ตู้หยู่สาบานว่าเธอเห็นสีหน้าสบายอารมณ์ของผู้เป็นแม่ ผู้หญิงทุกคนที่เคยถูกความรักหักหลัง ยิ่งเป็นคนที่มีลูกแล้วก็จะยิ่งเจ็บปวดเป็นพิเศษ พวกเธอคงอยากเข้าไปตบเมียน้อยและเตะชายชั่วให้สาแก่ใจ ทว่าเคยชินกับการเป็นคนใจดี จึงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำได้
ละครคือการเติมเต็มความฝันของผู้หญิงหลายๆ คน โดยเฉพาะฉากนี้
ทั้งความน้อยใจ เสียใจ โกรธ โมโห และแค้นเคือง คนดูรู้สึกยังไง ตัวละครก็รู้สึกอย่างนั้น
ไม่สาแก่ใจ ก็จะทำให้สาแก่ใจ เกลียดพวกคนชั่ว ก็จะทำลายพวกคนชั่ว
ไม่ต้องอาศัยกระแสตอบรับจากคนดู เพราะพฤติกรรมของเฉินเมี่ยวได้พูดแทนพวกเธอแล้ว
ฉากปะทะกันของจูชิงฮวนกับเฉินเมี่ยว มีขึ้นเพื่อขอคะแนนความสงสารให้นางเอก เพิ่มความเกลียดชังให้นางร้าย แต่กลายเป็นฉากเมียหลวงตบเมียน้อยแทน
เรตติ้งยังคงสูงเหมือนที่ผ่านมา และยังคงติดเทรนด์อันดับหนึ่งในเวยป๋อ ต่างกันก็แค่อารมณ์ของคนดู
ในตอนท้าย เฉินเมี่ยวมององครักษ์เจียงเยว่ เอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็น “ข้าจะเอาชีวิตนาง!”
ตู้หยู่เลียนแบบท่าทางของเฉินเมี่ยว ด้วยการยิ้มเยาะแล้วรินนมใส่แก้ว
“ไปเลยเหนียงเหนียง ไปเอาชีวิตนังสารเลวนั่น!”
แม้จะเป็นความคิดที่ไม่สมควร แต่ฉากตบในคืนนี้ก็โคตรสะใจเลย
ชีวิตก็เหมือนละครที่ต้องอาศัยความสามารถด้านการแสดงเพื่อเอาตัวรอด
กู้เซียงตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับโลกใบเดิมที่เปลี่ยนไป
ในความทรงจำของเธอ เรื่องฉีโฮ่วจ้วนให้ความสำคัญกับนางเอกเป็นหลักทั้งในละครและบทประพันธ์ ภาพลักษณ์ของจูชิงฮวนจะต้องดีที่สุด
การได้กลับมาเกิดอีกครั้ง มีบางเรื่องเปลี่ยนไปจากชาติที่แล้วก็จริง แต่การที่เวินหลินยู่เป็นผู้กำกับละครเรื่องนี้ก็ทำให้หลายอย่างยังคงเดิม นักเขียนไม่ได้เปลี่ยนบทตามกระแสมากนัก จูชิงฮวนยังคงเป็นจูชิงฮวน ความโหดเหี้ยมอำมหิตของเฉินเมี่ยวไม่ได้ลดน้อยไปกว่าเดิม แต่อารมณ์ของคนดูกลับเปลี่ยนไป
มีการถกเถียงถึงละครตอนล่าสุดเต็มเวยป๋อ รวมถึงแฮชแท็กที่ว่า #หวังเฟยเหนียงเหนียงตบหนักมาก #โคตรสะใจ ส่วนคอมเมนต์ใต้โพสต์ของละครก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือขอให้นักเขียนช่วยเปลี่ยนตอนจบ
กู้หนานมาเยี่ยมและใช้คอมพิวเตอร์ของเธอเข้าเวยป๋อ
หลังค้นหาคำว่า ‘กู้เซียง’ ก็พบกับผลลัพธ์ในรูปแบบของคอมเมนต์ชื่นชมจำนวนมหาศาล
“ดังขนาดนี้เลยเหรอ?” เขาหันไปถามพี่สาว
“ยังหรอก” เธอตอบขณะล้างองุ่นไปด้วย “รอละครจบก่อนค่อยว่ากัน”
รอให้เธอเล่นบทของตัวเองจบก่อน แม้จะยังไม่มีชื่อเสียง แต่ก็น่าจะเป็นที่รู้จักบ้าง
“ไปอกหักมาจากไหน?” กู้หนานถามด้วยความสงสัย
“ดูละครด้วยเหรอ?” กู้เซียงย้อนถาม
“เปล่า มีแต่พวกผู้หญิงที่ชอบดูละครปัญญาอ่อนแบบนั้น” เขาตอบแบบไม่เกรงใจ
“อ้อ” เธอค่อยๆ เอาองุ่นใส่ชามแก้ว
“แล้วตอนต่อไปเป็นยังไง บอกได้หรือเปล่า?”
กู้เซียงค้อนใส่น้องชาย จนเขาต้องรีบแก้ตัว
“เพื่อนฝากมาถาม!”
กู้หนานไม่ยอมให้ใครรู้ว่าเป็นแฟนละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วน เพราะกลัวจะถูกเพื่อนผู้ชายในกลุ่มหัวเราะเยาะ แต่ละครที่พี่สาวแท้ๆ เล่น จะไม่ดูได้ยังไง
“เพื่อนคนไหนถาม? ฉันเล่นเป็นตัวร้ายนะ ป่านนี้ไม่เกลียดแย่แล้วเหรอ?”
“ไม่… ไม่เกลียดนะ” เขาสวนกลับทันควัน “เฉินเมี่ยวน่าสงสารจะตาย ผู้หญิงนิสัยแย่อย่างจูชิงฮวนยกให้ไอ้หมิงอ๋องหน้าโง่มันไปเถอะ ที่จริงนักเขียนน่าจะเปลี่ยนตอนจบนะ ให้พวกมันได้ไปรักกันต่อในนรกไง”
“รู้เหมือนดูมา…” กู้เซียงทำหน้ารู้ทัน
กู้หนานนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะแกล้งทำเป็นโมโห
“เพื่อนเอาแต่เล่าทั้งวัน บอกว่าไม่ฟังก็ไม่หยุด น่ารำคาญมาก!”
“นายปลื้มเฉียวอิ้งฉิงไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่ปกป้องเลยล่ะ?” กู้เซียงลองใจน้องชาย
“ก็ตอนนี้ไม่ชอบแล้วไง”
เดิมเขาชื่นชอบดาราที่บุคลิกสง่างาม นิสัยเรียบร้อย หน้าตาน่ารักอยู่แล้ว แต่หล่อนกลับถูกกู้เซียงที่มีบทพูดไม่ถึงสามคำลงไม้ลงมืออย่างบ้าคลั่ง
ดาราที่กู้หนานชื่นชอบมีไม่มากนัก และเฉียวอิ้งฉิงก็คือหนึ่งในสามคนที่เขาปลื้ม แต่หลังจากละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนออกอากาศ ความรู้สึกที่มีต่อเฉียวอิ้งฉิงก็เปลี่ยนไป
แม้เธอจะดูอ่อนโยนและสง่างาม บทที่ได้รับก็ฉลาดและมั่นคงทางอารมณ์ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกู้เซียงกลับดูจืดชืด เป็นมือที่สามที่ทำครอบครัวคนอื่นแตกแยกแบบหน้าด้านๆ
เฉียวอิ้งฉิงทั้งน่ารัก อ่อนโยน และใสซื่อบริสุทธิ์ แต่เมื่ออยู่ในชุดจีนโบราณที่ไม่ว่าจะแต่งให้วิจิตรแค่ไหน ก็ยังถูกกู้เซียงบดบังรัศมี
กู้หนานที่เป็นผู้ชายยังรู้สึกขมขื่นแทนตัวละครเฉินเมี่ยว จึงตั้งใจมาหาพี่สาวเพื่อถามว่ากำลังอกหักอยู่หรือไม่ เพราะถ้าไม่เคยเสียใจกับความรัก ทำไมถึงแสดงได้สมจริงขนาดนั้น
“พวกวัยรุ่นนี่เปลี่ยนใจง่ายจริง”
“พี่โตกว่าฉันแค่สองปีเองนะ” กู้หนานเหลือบมองอีกฝ่าย แล้วก็นึกบางอย่างขึ้นได้ “เดือนหน้าเป็นวันเกิดพ่อ อาหยีก็อยู่ด้วย อย่าลืมมาร่วมงานนะ”
เขาจะเรียกเธอว่าพี่เวลาต้องการบางอย่างเสมอ ตั้งแต่กู้เซียงกลับชาติมาเกิด ปมร้าวฉานระหว่างเธอกับกู้ฉางชุนผู้เป็นพ่อ ก็ดูจะเบาบางลง
เธอเคยไปเยี่ยมเขาหลายครั้ง แม้การสนทนาจะเป็นไปอย่างราบรื่น แต่รอยร้าวในความสัมพันธ์ที่ยาวนานกว่าสิบปี ก็ไม่สามารถสมานให้เป็นปกติได้ภายในเวลาอันสั้น แต่หากเทียบกับความถือตัวของเธอในชาติที่แล้ว นับว่าทิศทางในตอนนี้ดีกว่ามาก
ทุกครั้งที่ไปเยี่ยม เธอจะจงใจหลบหน้าภรรยาคนปัจจุบันของกู้ฉางชุน เพราะไม่สามารถข้ามผ่านปมในใจของตัวเองได้ คล้ายว่าการยอมรับแม่ใหม่จะเป็นการทรยศแม่ที่แท้จริง แม่ของตนที่เจ็บปวดจนแทบคลุ้มคลั่ง
เมื่อน้องชายเอ่ยปากชวน เธอก็ทบทวนเล็กน้อยแล้วตอบตกลง
“ได้สิ”
“จริงเหรอ?” กู้หนานรีบโน้มตัวเข้าใกล้ “ห้ามกลับคำนะ”
“รู้แล้วน่า”
กู้เซียงดันศีรษะน้องชายให้ออกห่างด้วยความรังเกียจ กู้หนานจึงกลับไปนั่งกินองุ่นต่อ
“ว่าแต่ตอนต่อไป เฉินเมี่ยวจะทำอะไรจูชิงฮวนอีก?”
คาบเรียนภาคค่ำวันนี้ ทุกคนจะได้รับคะแนนสอบครั้งก่อน
เต็มร้อยยี่สิบคะแนน ตู้หยู่สอบได้แปดสิบห้าจุดห้าคะแนน อยู่ในเกณฑ์เกือบผ่าน แต่สีหน้าของเธอกลับไม่สลดเลย
“ให้ตายเถอะ” เพื่อนนักเรียนที่นั่งอยู่ข้างหลังมองตู้หยู่
“สอบตกแล้วยังหน้าระรื่นอีก กินยาผิดขวดมาหรือเปล่า?”
“เธอจะไปรู้อะไร” ตู้หยู่หันมองเพื่อนที่นั่งข้างๆ
“เขาเรียกว่าชนะใสๆ”
ละครตอนที่ยี่สิบห้าที่เพิ่งออกอากาศเมื่อวาน เหมือนเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับคนดู พอตื่นขึ้นอีกครั้งในตอนเช้า โลกทั้งใบก็เปลี่ยนไปอยู่ทีมเฉินเมี่ยวหมดแล้ว
กู้เซียงมีรูปโฉมงดงาม การแสดงเป็นเลิศ จึงได้รับการสนับสนุนจากผู้ชมอย่างรวดเร็ว คนที่เคยเกลียดก็เป็นกลาง คนที่เคยเป็นกลางก็เปลี่ยนเป็นแฟนคลับ แฟนคลับที่เคยติดตามก็ยิ่งรักเธอมากขึ้นไปอีก
นักเรียนหญิงสายภาษาเป็นพวกชอบดราม่า หลายวันก่อนมีการทดสอบประจำเดือน ในแบบเรียนของพวกเธอมีเรื่องของสือตู้เหนียง* อยู่ด้วย แม้เนื้อเรื่องจะแตกต่างจากละครที่ติดตามอยู่ แต่เรื่องราวในฉีโฮ่วจ้วนก็ติดอยู่ในใจของพวกเธอจนยากจะลืม ยิ่งได้ดูละครตอนล่าสุดก็ยิ่งสนับสนุนเฉินเมี่ยวอย่างไม่ลังเล
เฉินเมี่ยวคือตัวร้ายที่เรียกความสงสารจากคนดูที่ยึดความยุติธรรมเป็นหลัก ทำให้นางเอกที่ไม่มีวีรกรรมด่างพร้อยต้องกลายเป็นหญิงแพศยาโดยปริยาย