หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 30

ตอนที่ 30

เรื่องฆ่าทั้งอาฆาตเหมือนจะเป็นภาพยนตร์แนวล้างแค้นธรรมดา แต่ชาติที่แล้วหนังเรื่องนี้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมมาก ทั้งการทุ่มทุนสร้างมหาศาล แถมยังแสดงให้เห็นถึงจุดเด่นของวิถีชีวิตในเมืองฮ่องกงช่วงยุค 90 รวมถึงวัฒนธรรมและประเพณีที่น่าสนใจไม่น้อย
ในเรื่องของความรัก จากหญิงนักฆ่าที่วางมือจากวงการ มาพบกับเด็กหนุ่มผู้ซึ่งเพิ่งออกจากสำนักที่ร่ำเรียนวิชาใหม่ๆ เป็นความรักที่มัดใจสาวๆ ได้เป็นอย่างดี แถมฉากบู๊ยังตื่นตาตื่นใจมากด้วย
เมื่อก่อนฉางหยูรับเงินจากการสังหารผู้อื่นแบบไร้อุดมการณ์ ฆ่าทั้งคนดีและคนเลว แต่เมื่อได้กลับเข้าสู่วงการอีกครั้ง ก็ทำเรื่องที่ถูกต้องมากขึ้น
ในความเป็นจริง ไม่มีใครสามารถตัดสินความเป็นความตายให้ใครได้ โจรที่ปล้นสะดมมาแจกจ่ายชาวบ้านเป็นเพียงนิทานปรัมปรา เพราะลึกๆ ฉางหยูแค่อยากทำหน้าที่ของแม่และใช้ชีวิตอย่างสงบเท่านั้น
“ฉันไม่ใช่คนที่ชอบฆ่าใคร ฉันเป็นคนดี”
กู้เซียงรับปากว่าจะไปคัดตัวนักแสดง เพราะรู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะดำเนินไปในทิศทางที่ดี เป็นหนังฆ่าเลือดสาดที่ออกแนวคลาสสิก สำคัญคืออยากทำอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมมากๆ เพราะบุคลิกของฉางหยูทั้งซับซ้อน เย็นชา และอ่อนโยนในคราวเดียวกัน
ชาติที่แล้วก่อนจะหายไปจากวงการ เธอมักได้รับแต่บทที่ต้องแต่งตัวสวยๆ ชาตินี้จึงตัดสินใจจะไม่รับบทประเภทนั้นหากไม่จำเป็น เพราะอยากตั้งใจฝึกฝนฝีมือการแสดง
การคัดตัวนักแสดงจะมีขึ้นปลายเดือนสิบ กู้เซียงจึงเก็บตัวอยู่แต่ที่บ้านและซ้อมบทตลอดช่วงปิดเทอม
เธอให้เหวินจิ้งหาภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศที่เกี่ยวกับแม่ม่าย ฆาตกร และแม่เลี้ยงเดี่ยวมาให้ดู รวมถึงวรรณกรรมระดับโลกด้วย เพราะมีหลายจุดที่คล้ายคลึงกับภาพยนตร์
แต่ละวัน เหวินจิ้งจะเขียนข้อความให้กำลังใจกู้เซียง อาทิ ยอมลำบากสามสิบวันสบายไปอีกสามสิบปี หากวันใดโด่งดังค้างฟ้าจะได้ทำทุกอย่างที่ปรารถนา ตลอดจนอวยพรให้ได้ร่วมงานกับจ่านหยางอีกครั้ง
กู้เซียงเป็นคนที่มีพรสวรรค์อยู่แล้ว เมื่อประสบการณ์ในชาติที่แล้วบวกกับความขยันในการฝึกฝน ฝีมือการแสดงของเธอจึงพัฒนาขึ้นมาก
ขณะกำลังซ้อมบทจนเริ่มแตกฉาน กู้เซียงก็ได้รับคำเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงปิดกล้องละครฉีโฮ่วจ้วน
เวินหลินยู่กระอักกระอ่วนใจมาก เนื่องจากเรตติ้งครึ่งแรกกับครึ่งหลังต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ละครก็ยังคงถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะกู้เซียงที่เล่นเป็นตัวร้าย
เหวินจิ้งตื่นเต้นจนออกหน้าออกตา ดึงดันจะพากู้เซียงไปแปลงโฉม เพราะเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ปรากฏตัวหลังเล่นบทของตัวเองจบ งานนี้ต้องมีนักข่าวจากหลายสำนักมารอสัมภาษณ์ จะปล่อยให้สภาพเหมือนศพขึ้นพาดหัวข่าวไม่ได้
สวยขนาดไหนก็ยากจะรับมือกับกล้องที่จ่อจากทุกมุมได้
กู้เซียงรื้อตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดกระโปรงที่ใส่ตอนมาถึงเมือง G ออกมา เนื่องจากกู้ฉางชุนรู้ว่าลูกสาวจะเข้าวงการบันเทิง จึงซื้อชุดนี้และสั่งให้กู้หนานเอามามอบให้เป็นของขวัญ
ตอนนี้เธอเป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้ว จะใส่ชุดที่พอใช้ได้ไปออกงานคงไม่ไหว เพราะระหว่างดาราด้วยกัน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการถูกเปรียบเทียบ โดยเฉพาะกับเฉียวอิ้งฉิง
เมื่อได้ชุดที่ต้องการ เหวินจิ้งก็พาเธอไปทำผม กว่าจะเตรียมตัวเสร็จก็ถึงเวลาเข้างาน กลายเป็นว่ากู้เซียงไปถึงเป็นคนสุดท้าย
ที่หน้างาน เจี่ยงลี่ลี่ในเดรสคอวีสีม่วงเข้ม เน้นทรวดทรงให้ดูเซ็กซี่ โผเข้ากอดกู้เซียงด้วยความคิดถึง
“สวยจังเลย” เจี่ยงลี่ลี่ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ไปทำผมร้านไหนมาเนี่ย แล้วได้ข้อความของฉันหรือเปล่า?”
เจี่ยงลี่ลี่กลัวว่ากู้เซียงที่เป็นดาราหน้าใหม่จะไม่รู้เกี่ยวกับการแต่งกายในงานเลี้ยงฉลองปิดกล้อง จึงส่งข้อความไปบอก
ชาติที่แล้วกู้เซียงเดินพรมแดงบ่อยมาก เพียงแต่ตอนนี้ไม่ได้มีเสื้อผ้าให้เลือกมากนัก เพราะไม่ได้ดังเหมือนชาติที่แล้ว ลองได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนม เธอคงโดดเด่นไม่แพ้เมื่อก่อน
อีกสิบปีข้างหน้า เธอจะเป็นผู้นำแฟชั่นตัวยง ถ้าอยู่ในวงการภาพยนตร์ไม่ได้ ก็แค่ไปเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องสำอางหรือเสื้อผ้าสตรี
พอเห็นกู้เซียง นักข่าวที่รออยู่ด้านนอกก็รีบเข้ามากดชัตเตอร์รัวๆ
ตอนแรกเจี่ยงลี่ลี่กลัวว่าเธอจะตกใจ แต่พอเห็นว่ารับมือได้ดี ก็ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้
หลังเสร็จธุระจากจุดถ่ายรูป กู้เซียงก็เดินทักทายนักแสดงคนอื่นๆ ซึ่งก็บ่นว่าคิดถึงเธอเพราะไม่เจอกันนาน
เฉียวอิ้งฉิงวางตัวอย่างสง่างามเหมือนที่ผ่านมา ซ้ำยังทักทายกู้เซียงด้วยความอบอุ่น รู้ด้วยว่าเธอกำลังจะไปแคสต์งานภาพยนตร์เรื่องฆ่าทั้งอาฆาต จึงถามไถ่เรื่องการเตรียมตัว ส่วนเหลียงจี้ก็ยังคงวางตัวเป็นคุณชายเย็นชาที่ไม่สนใจใครเหมือนเดิม
น่าแปลกที่วันนี้จ่านหยางไม่มาร่วมงาน ทั้งที่เป็นโอกาสในการประชาสัมพันธ์ละครครั้งใหญ่
งานเลี้ยงวันนี้เริ่มด้วยการร่วมกันตัดเค้ก เปิดแชมเปญฉลอง
ตอนอยู่ในกองถ่าย กู้เซียงไม่ได้แสดงร่วมกับใครนอกจากเฉียวอิ้งฉิง เหลียงจี้ และจ่านหยาง แต่กลับมีความสัมพันธ์อันดีกับทีมงานทุกคน
งานเลี้ยงปิดกล้องผ่านไปได้ด้วยดี ต่างก็กล่าวขอบคุณกันและกันที่ร่วมตรากตรำงานหนักคล้ายทหารที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ก่อนจะเข้าสู่ช่วงสำคัญของงาน นักข่าวพากันแห่แหนเข้าไปรุมจ่อไมค์สัมภาษณ์เฉียวอิ้งฉิง เหลียงจี้ และกู้เซียง
มีการถ่ายภาพคู่ระหว่างกู้เซียงกับเฉียวอิ้งฉิง สองนักแสดงที่เฉือนบทบาทกันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน
เฉียวอิ้งฉิงเคยชินกับการแต่งตัวอย่างผู้ดี เธอสวมเดรสสีครีมยาวคลุมเข่า รองเท้าส้นแหลมสูง มัดผมไว้อย่างหลวมๆ ส่วนกู้เซียงใส่ชุดของดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง Alexander McQueen ชายกระโปรงเป็นริ้วระบาย สวมรองเท้าแบรนด์ CL รวบผมเป็นหางม้าเฉียงแล้วม้วนปลายให้เป็นลอน
เฉียวอิ้งฉิงแต่งตัวได้เหมาะสมและสง่างาม ส่วนกู้เซียงก็ดูอ่อนหวานสบายตา เสื้อผ้าไม่ราคาถูกจนเกินไปและไม่พยายามจะโดดเด่นเหนือคนอื่น
กู้เซียงรู้ดีว่าควรจะวางตัวยังไง เสื้อผ้าที่ดูเกินวัยหรือเซ็กซี่จนเกินไปจึงไม่เหมาะที่จะใส่ในวันนี้ เฉินเมี่ยวเป็นเพียงบทบาทในละคร แต่ไม่ใช่กับชีวิตจริง
เมื่อนำบุคลิกของพวกเธอมาเทียบกัน คนดูกลับรู้สึกว่าเฉียวอิ้งฉิงเสแสร้ง ตรงข้ามกับกู้เซียงที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนกว่ามาก
เฉียวอิ้งฉิงเริ่มรู้ตัวว่าถูกเปรียบเทียบ จึงส่งยิ้มที่อ่อนโยนยิ่งกว่าให้นักข่าว กระทั่งกู้เซียงถูกถามคำถามโดยนักข่าวหนุ่มผมหยิก
“ได้ร่วมงานครั้งแรกกับนักแสดงมากประสบการณ์อย่างคู่พระนาง คุณกู้รู้สึกยังไงบ้างครับ?”
กล้องและไมค์ทุกตัวล้อมหน้าล้อมหลังกู้เซียง โดยมีเหลียงจี้และเฉียวอิ้งฉิงคอยจับจ้อง
เป็นคำถามที่ดีมาก ไอ้หนุ่มผมหยิกเดี๋ยวฉันส่งทิปให้หลังเลิกงานนะ!
เฉียวอิ้งฉิงกับเหลียงจี้วางแผนกลั่นแกล้งเธอ แม้รู้ดีแต่กู้เซียงก็ยอมเสียเปรียบ แต่จะไม่ทนไปตลอดชาติแน่
เธอเคยเป็นคนโมโหร้าย มาวันนี้จะลองสำรวมดูบ้าง ทว่าในใจยังไม่เลิกคิดแค้น
“พี่ๆ ทั้งสองแสดงดีมากค่ะ ถ่ายทอดออกมาจากอินเนอร์จริงๆ ของพวกเขาเลย”
ทุกคนตรงนั้นทำหน้าเหวอ ดาราหน้าใหม่คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เด็ดดอกไม้ครั้งเดียว สะเทือนไปถึงดวงดาว!

คำตอบของกู้เซียงทำเฉียวอิ้งฉิงกับเหลียงจี้หน้าเจื่อน
พอเห็นทุกคนทำหน้างง กู้เซียงจึงอธิบายต่อ “ก็จูชิงฮวนทั้งฉลาดและสุขุม ส่วนหมิงอ๋องก็หล่อเท่ เหมือนกับตัวจริงของพวกพี่เขาไงคะ”
นักข่าวหนุ่มผมหยิกเป็นแค่เด็กฝึกงาน จึงไม่เข้าใจความกำกวมในคำตอบของกู้เซียง พอได้ฟังที่เธออธิบายก็เชื่อไปตามนั้น ต่างจากนักข่าวคนอื่นๆ ที่ยังคงไม่เชื่อ
อะไรที่เรียกว่าแสดงจากอินเนอร์? คำคำนี้สามารถขยายความได้มากมาย หมิงอ๋องและจูชิงฮวนเป็นคู่กันในละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วน หรือเธอต้องการจะบอกว่าชีวิตจริงพวกเขาก็เป็นคู่กันงั้นเหรอ?
คล้ายว่าพวกนักข่าวจะจับพิรุธได้ จึงยื่นไมค์ไปที่เฉียวอิ้งฉิงกับเหลียงจี้แล้วถามคำถามที่ลึกกว่าเดิม
กู้เซียงนึกสะใจที่เห็นทั้งสองตอบคำถามด้วยท่าทางกระวนกระวาย ชาติที่แล้วกระแสคู่จิ้นทำให้การคบกันของพวกเขาดูเป็นธรรมชาติ แต่เหตุการณ์ในชาตินี้ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะที่ผ่านมาไม่มีท่าทีว่าจะประกาศความสัมพันธ์กัน
โลกใบนี้ไม่จำเป็นต้องหมุนตามใคร แค่ถ่ายละครด้วยกันยังหาเรื่องแกล้งเธอสารพัด ถือว่าขอกำไรคืนเล็กๆ น้อยๆ ก็แล้วกัน
คิดไม่ถึงว่าคำตอบของกู้เซียงจะทำให้เกิดกระแสในโลกอินเทอร์เน็ตขนาดนี้ บทสัมภาษณ์ในงานเลี้ยงปิดกล้องถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็ว พวกเธอเคยทะเลาะกันในละคร ชีวิตจริงก็ถูกเอามาเปรียบเทียบกันอีก กู้เซียงเหนือกว่าทั้งอายุและความสดใส ส่วนเฉียวอิ้งฉิงก็มีทั้งประสบการณ์และความสง่างาม เดิมแฟนคลับของทั้งคู่ชอบโจมตีกันอยู่แล้ว ยิ่งได้ฟังบทสัมภาษณ์ก็ยิ่งโจมตีกันหนักขึ้นไปอีก
คำว่า ‘อินเนอร์’ ถูกนักข่าวสายบันเทิงนำไปเขียนกันคนละทิศทาง
คนพวกนี้มีจินตนาการสูง วาจาคมคาย แค่เธอพูดเปิดทางให้ก็สามารถหยิบยกเรื่องที่เกี่ยวข้องมาเชื่อมโยงได้
เรื่องการแอบมีสัมพันธ์ลับของเฉียวอิ้งฉิงกับเหลียงจี้ แฟนคลับของกู้เซียงไม่ได้คิดในแง่ดีขนาดนั้น พวกเธอมองว่าเป็นเรื่องของเมียหลวงกับเมียน้อย จูชิงฮวนคือเมียน้อยที่แย่งสามีชาวบ้าน ส่วนหมิงอ๋องก็เป็นผู้ชายสารเลวที่มีสนมอยู่เต็มตำหนัก คำพูดที่บอกว่าแสดงจากอินเนอร์ จึงสามารถตีความได้เป็นร้อยประเด็น

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท