หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 20

ตอนที่ 20

ชื่อฉีโฮ่วจ้วนขึ้นเทรนด์อันดับหนึ่งในอินเทอร์เน็ต

 

หลังจากละครออกอากาศ นักแสดงกลุ่มหนึ่งโด่งดังขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉียวอิ้งฉิงและเหลียงจี้ซึ่งเป็นคู่พระนางของเรื่องก็ได้รับความสนใจไม่น้อย

 

การที่เจี่ยงลี่ลี่คืนจอแก้วอีกครั้ง ช่วยดึงแฟนละครได้จำนวนมาก บทของฮองเฮาที่ถอดภาพลักษณ์ของหญิงสาวผู้งดงามไปเป็นสตรีที่น่าเกรงขามเปิดมุมมองใหม่ให้กับผู้ชม แม้แต่ดาราอันดับสองและอันดับสามที่แสดงเป็นสนมในวัง ก็ยังได้รับความสนใจ ส่วนเว่ยคุนที่รับบทฮ่องเต้มาแล้วหลายเรื่องกลับไม่มีคนพูดถึงเท่าไหร่

 

ต่างจากกู้เซียงที่ดังทะลุฟ้าเพียงชั่วข้ามคืน แต่ก็ต้องแลกกับการถูกขุดประวัติด้านมืดออกมาตีแผ่อย่างสนุกปาก ทั้งเรื่องที่ปะทะคารมกับเฉินเหล่ยและเฉินซี เรื่องที่พยายามแย่งงานกับเพื่อนดาราหน้าใหม่ที่เปิดตัวในช่วงเดียวกัน ถูกนินทาว่าอาศัยเส้นสายของถางรุ่ย และแอบมีความสัมพันธ์ลับๆ กับจ่านหยาง

 

จู่ๆ ก็มีกระทู้หนึ่งโผล่ขึ้นมาว่า “ชวนซุบซิบเกี่ยวกับดาราหน้าใหม่ที่โด่งดังอยู่ในช่วงนี้” ตามด้วยการโพสต์ข่าวเสียๆ หายๆ ของกู้เซียงจำนวนมาก

 

เหวินจิ้งตบโต๊ะด้วยความโมโห “พวกหน้าม้ามือสมัครเล่น ไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย พูดได้ไงว่าจบแค่ชั้นมัธยมปลาย ทั้งที่เธอจบคณะเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง!”

 

“จะไปสนใจทำไม” กู้เซียงยักไหล่แล้วตะไบเล็บต่อ “หน้าม้าพวกนี้กระจอกจะตาย ให้พวกเขาทะเลาะกันไปเถอะ ยิ่งด่าก็ยิ่งดัง”

 

“เธอไม่รู้อะไร วงการบันเทิงน่ะซับซ้อนจะตาย!” เหวินจิ้งสอน

 

กู้เซียงหัวเราะในใจ เธอเป็นดารามานานหลายปี ทำไมจะไม่รู้ว่าวงการบันเทิงซับซ้อนแค่ไหน

 

ข่าวพวกนี้มองปราดเดียวก็รู้ว่าปลอม แล้วยังจะกล้าเรียกว่าเป็นข้อมูลลับอีก เพราะถ้าเป็นข้อมูลด้านลบจริงๆ จะต้องไม่เปิดโอกาสให้เจ้าของข่าวได้ทันตั้งตัว เหมือนอย่างภาพวาบหวิวของกู้เซียงกับผู้กำกับคนหนึ่งเมื่อชาติที่แล้ว

 

เห็นกู้เซียงนั่งนิ่ง สีหน้าเคร่งขรึม เหวินจิ้งจึงถามด้วยความห่วงใย

 

“เธอโอเคไหม?”

 

กู้เซียงค่อยๆ ดึงสติกลับมา “ฉันโอเค”

 

“ซ้อมบทกันหน่อยดีไหม เดี๋ยวไปกองถ่ายแล้วจะไม่มีเวลา” เหวินจิ้งถามพร้อมกับหยิบบทละครขึ้นมา

 

ละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนออกอากาศไปแล้วยี่สิบตอน ใช้เวลาถ่ายทำนานกว่าสามเดือน กู้เซียงไม่ได้มีบทบาทมากนัก เพราะการดำเนินเรื่องส่วนใหญ่จะเล่าถึงความรักระหว่างหมิงอ๋องและจูชิงฮวนมากกว่า

 

ในที่สุด คู่พระนางก็สามารถกลับเข้าสู่แสงสปอตไลต์ด้วยการใช้ทักษะการแสดงอย่างเต็มที่ สามารถเรียกคะแนนนิยมจากแฟนคลับได้อย่างหวุดหวิด แต่เมื่อเฉินเมี่ยวปรากฏตัว คนดูก็จมดิ่งกับบทบาทของนางอีกครั้ง กระทั่งพากันย้ายไปอยู่ทีมตัวร้าย

 

สี่สิบตอนแรก นางเอกสวมบทบาทหญิงสาวอ่อนโยนใสซื่อ แอบตกหลุมรักกับท่านอ๋องเผด็จการ พอพระชายาทราบเรื่อง ก็ใช้สารพัดวิธีสกปรกเพื่อจัดการกับอีกฝ่าย แต่สุดท้ายก็โดนมือที่สามเอาคืนและตายอย่างน่าอนาถ

 

ตอนที่สี่สิบถึงหกสิบเป็นเรื่องราวหลังจากที่พระชายาสิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้พบว่าความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้มีสาเหตุมาจากน้องชายแท้ๆ จึงบันดาลโทสะอย่างหนัก

 

ตอนที่หกสิบถึงหนึ่งร้อยเป็นช่วงสุดท้ายของละคร นางเอกลุกขึ้นต่อสู้กับสงครามในวัง กระทั่งได้ขึ้นครองบัลลังก์ฮ่องเต้

 

บทบาทของกู้เซียงจะจบลงในตอนที่สี่สิบ ช่วงแรกเธอคล้ายเป็นเพียงตัวประกอบที่คอยดูแลเอาใจใส่หมิงอ๋อง เพื่อแสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นตัวร้ายที่เหี้ยมโหด แต่ก็ยังเป็นภรรยาที่ดี ส่วนบทบาทที่แท้จริงจะอยู่ช่วงตอนที่ยี่สิบห้าถึงสี่สิบ รวมทั้งหมดสิบหกตอน

 

ในสิบหกตอนนี้ เธอแสดงเป็นตัวร้ายที่ปะทะกับนางเอกสาวผู้ใสซื่อ แม้จะถูกกลั่นแกล้งสารพัด แต่ทุกครั้งจูชิงฮวนจะได้รับความช่วยเหลืออย่างน่าประหลาด ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาจึงร้าวฉานมากยิ่งขึ้น

 

กู้เซียงเพิ่งรู้สึกว่าละครเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล เหตุใดนักเขียนถึงพยายามยกย่องเมียน้อยที่ทำลายครอบครัวของคนอื่น ซ้ำยังให้ภรรยาหลวงต้องตายอย่างน่าอนาถอีก

 

แต่ไม่ว่าจะขัดใจยังไง เธอก็ต้องเล่นไปตามบทบาท โดยเฉพาะฉากในวันนี้

 

ตั้งแต่บทที่ยี่สิบห้าเป็นต้นไป เฉินเมี่ยวที่เก็บงำความสงสัยมานานค้นพบความจริงว่าหมิงอ๋องมีใจให้กับจูชิงฮวน จึงเกิดความแค้นและเริ่มหาทางจัดการกับหญิงชู้

 

เมื่อถึงกองถ่าย นักแสดงทุกคนต่างทักทายกู้เซียง

 

ในวงการบันเทิงอย่าได้ดูเบาคนที่ไร้ความสามารถ เพราะไม่มีใครรู้ว่าต่อไปคนคนนั้นจะโด่งดังหรือไม่ ตอนนี้กู้เซียงโด่งดังแล้ว แม้จะเป็นเพียงนักแสดงสมทบ แต่ก็ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง เธอมีความสัมพันธ์อันดีกับจ่านหยาง มีฝีมือการแสดงที่ไม่ธรรมดา อนาคตต้องรุ่งเรืองอย่างแน่นอน ไม่ว่าในใจจะคิดยังไง นักแสดงเหล่านี้ก็จำต้องปฏิบัติต่อกู้เซียงด้วยความเป็นกันเอง

 

“รีบไปแต่งตัวเถอะ” เวินหลินยู่บอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

เขารู้สึกว่าดาราหน้าใหม่คนนี้ไม่ธรรมดา ทั้งแสดงได้ดีและรู้ประสา เวลามีสื่อต่างๆ มาสัมภาษณ์ ก็ตอบคำถามได้อย่างเหมาะสม รู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด วางใจได้ยิ่งกว่าดาราเก่าบางคนเสียอีก

 

กู้เซียงพยักหน้ารับคำ เมื่อไปถึงห้องแต่งตัวก็พบว่าเฉียวอิ้งฉิงอยู่ในนั้นก่อนแล้ว

 

“เรามาซ้อมบทด้วยกันไหม?” เฉียวอิ้งฉิงเสนอ “ยังไงก็ออมมือให้ฉันด้วยนะ”

 

“ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ ฝีมือการแสดงของพี่เฉียวดีขนาดนั้น” กู้เซียงตอบด้วยรอยยิ้ม

 

ตั้งแต่เปิดกล้องมาจนถึงตอนนี้ เธอยังไม่เคยเข้าฉากกับเฉียวอิ้งฉิงเลย วันนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองจะได้แสดงร่วมกัน

 

เฉียวอิ้งฉิงแต่งตัวเสร็จก่อน จึงออกไปซ้อมบทกับเหลียงจี้ที่ด้านนอก

 

ฉากนี้คือฉากที่หมิงอ๋องและพระชายาต้องเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ ฮ่องเต้เพิ่งกลับจากตำหนักของจูชิงฮวน ทรงรู้สึกว่านางเป็นสตรีใสซื่อที่สุดตั้งแต่เคยเจอมา

 

“บนโลกนี้ยังมีคนที่ไม่รู้ว่าข้าเป็นฮ่องเต้หรือ?”

 

“เจ้าเป็นสตรีที่เร้าความสนใจของข้าเหลือเกิน”

 

เหล่านี้ล้วนเป็นคำชมจากปากฮ่องเต้ และจูชิงฮวนก็ได้ขึ้นเป็นสนมที่ทรงโปรดปรานที่สุด

 

หลังงานเลี้ยงสิ้นสุดลง จูชิงฮวนอดไม่ได้ที่จะแอบไปพบกับหมิงอ๋อง เรื่องนี้ทำให้นางกำนัลสาวโสดรู้สึกหมั่นไส้ จึงนำเรื่องนี้ไปฟ้องพระชายา กระทั่งนางจับชายโฉดหญิงชั่วได้คาตา

 

ละครเรื่องนี้ไม่ได้ใส่รายละเอียดว่าเหตุใดการแอบพบกันของหมิงอ๋องและจูชิงฮวนจึงเล็ดลอดสายตาของฮ่องเต้ไปได้ อีกทั้งไม่ได้ใส่รายละเอียดว่าเหตุใดจึงเป็นนางกำนัลที่ไปพบเข้า แถมยังตามหาพระชายาจนเจออีก

 

เนื้อเรื่องให้ความสำคัญกับตัวละครหลักมาก เมื่อตัวร้ายได้ออกโรง ก็จะต้องปลดปล่อยทุกความร้ายกาจอย่างถึงที่สุด

 

“นอกจากเจ้าแล้ว ข้าก็ไม่อาจรักใครได้อีก” หมิงอ๋องบอกจูชิงฮวน

 

เฉินเมี่ยวกลายเป็นตัวปัญหาที่สร้างความวุ่นวายให้กับรักแท้ของพวกเขาทันที

 

ในกองถ่ายมีคนมุงดูฉากนี้จำนวนมาก ทั้งนักแสดงเก่าและใหม่ รวมถึงจ่านหยางกับถางรุ่ยที่รอดูกู้เซียงเล่นคู่กับเฉียวอิ้งฉิงอย่างใจจดใจจ่อ

 

หลังต่อบทกันเสร็จ เฉียวอิ้งฉิงกระซิบบอกเหลียงจี้ว่า “นี่เป็นฉากแรกที่เล่นด้วยกัน อย่าปล่อยให้ตัวร้ายมาแย่งซีนเราสองคนได้ คุณกับฉันช่วยกันกดมันให้จมดิน!”

 

เหลียงจี้พยักหน้าเบาๆ “ได้อยู่แล้ว”

 

 

v

 

กว่ากู้เซียงจะแต่งตัวเสร็จ เหลียงจี้กับเฉียวอิ้งฉิงก็ต่อบทกันได้สองรอบแล้ว

 

บทบาทของจูชิงฮวนค่อยๆ เติบโตตามเนื้อเรื่อง และเพื่อแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งและบุคลิกที่เปลี่ยนไป การแต่งกายจึงต้องหรูหราอลังการ เพื่อสื่อให้เห็นว่าผู้หญิงจะสวยที่สุดเมื่อตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก

 

ตั้งแต่ตอนที่ยี่สิบห้า เฉินเมี่ยวหมดศรัทธาในความรักและเริ่มใช้วิธีสกปรกโต้กลับ เดิมรูปร่างหน้าตาของกู้เซียงงดงามอยู่แล้ว แค่แต่งหน้าบางๆ ก็โดดเด่นกว่าเฉียวอิ้งฉิงที่แต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็ม

 

“พร้อมหรือยัง?” เวินหลินยู่ถามกู้เซียง

 

“พร้อมแล้วค่ะ” เธอพยักหน้า

 

ตั้งแต่ละครเรื่องนี้เริ่มถ่าย ไม่ว่าบทจะยาวแค่ไหนกู้เซียงก็ไม่เคยลืม แม้ดาราหน้าใหม่จะเตรียมตัวเตรียมใจรับความตื่นเต้นได้ดีเพียงใด ก็ต้องมีติดขัดกันบ้าง แต่เธอไม่เคยพูดผิดแม้แต่ครั้งเดียว

 

หลายคนเดาว่าเธอน่าจะซ้อมบทเป็นประจำ มีเพียงเธอที่รู้ดีว่าในบรรดาสถานีโทรทัศน์ทั้งแปดสิบช่อง จะมีห้าสิบช่องที่ออกอากาศเรื่องนี้และออกอากาศซ้ำในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนและฤดูหนาว บ้างก็ฉายซ้ำในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นอีก ผู้ชมต่างท่องบทละครได้ราวกับนกแก้วนกขุนทอง แล้วเธอจะลืมบทได้ยังไง

 

เมื่อช่างกล้องพร้อม เวินหลินยู่ก็ให้สัญญาณมือ

 

บรรยากาศยามค่ำคืน เงาของพุ่มไม้น้อยใหญ่ทาบลงบนพื้น แสงนวลของพระจันทร์สะท้อนเงาของคนสองคนที่ยืนเคียงข้างกัน

 

คนหนึ่งคือคุณชายที่มีครอบครัวแล้ว ส่วนอีกคนคือเมียรองของชายอื่น ต่างฝ่ายต่างมีใจและนึกเสียดายที่ไม่เจอกันตั้งแต่ก่อนแต่งงาน หากเป็นนิยายคงต้องตั้งชื่อเรื่องนี้ว่า ‘คนรักของผมคืออาซ้อ’ หรือ ‘สามีของฉันคือน้องเขย’ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีจุดจบไม่สู้ดี อย่าว่าแต่คนที่ฮ่องเต้กำลังโปรดปราน แม้แต่คนที่ถูกขับไล่ไปอยู่ตำหนักเย็น ก็ไม่สมควรเกี่ยวข้องด้วย เพราะเท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท