หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 4

ตอนที่ 4

ฉินฮ่าวนิ่งไปครู่ใหญ่ พอได้สติก็พูดขึ้นว่า “เตรียมฉากที่สอง ทะเลาะกับนายพลเฉา”

เฉาหยุนคือตัวละครที่เล่นเป็นคนดีโดยสมบูรณ์ แต่เซียงหงที่เป็นฝาแฝดกลับมีนิสัยเห็นแก่ตัว บุคลิกค่อนข้างซับซ้อน ถึงอย่างนั้น บทของเฉาหยุนก็ยังแสดงยากกว่าบทของเซียงหง เพราะต้องพยายามให้เหมือนผู้ชายที่สุด ต่างจากเซียงหงที่ไม่ต้องพยายามอะไรมาก แค่แสดงเอกลักษณ์พิเศษของผู้หญิงออกมา

กู้เซียงต้องทำบุคลิกให้เป็นกลาง ไม่ชายหรือหญิงมากจนเกินไป แค่ไว้ผมสั้นและพูดจาโผงผางอาจไม่พอ เนื่องจากตัวละครเฉาหยุนคือหญิงที่แต่งกายเป็นชาย ทว่าบุคลิกดั้งเดิมคือคุณหนูจากตระกูลสูง

ดาราวัยรุ่นส่วนใหญ่มักแสดงบทบาทที่สะท้อนถึงยุคสมัยไม่ค่อยได้ แต่กู้เซียงสามารถทำได้โดยสมบูรณ์

ฉินฮ่าวยังอยากลองอีกสักครั้ง เขาต้องการเห็นกู้เซียงระเบิดอารมณ์ จะได้รู้ว่าสามารถแสดงเป็นเฉาหยุนได้จริงหรือไม่

ฉากปะทะอารมณ์กับผู้เป็นพ่อนั้นไม่ง่าย เฉาหยุนมีอุดมการณ์เป็นของตัวเอง ส่วนแม่ทัพเฉาก็เป็นพ่อที่ดีแต่ไม่ใช่ทหารที่ดี เมื่อกตัญญูทั้งสองทางไม่ได้ เฉาหยุนก็เล็งปืนใส่หน้าพ่อแล้วหนีออกจากบ้านไป

“เหล่ามั่ว ช่วยแสดงกับเธออีกฉากแล้วกัน”

มั่วเฟิงพยักหน้าให้ฉินฮ่าว ท่าทางขอไปทีในฉากแรกเปลี่ยนเป็นความตั้งใจและให้เกียรติ

ดาราสาวตรงหน้ามีฝีมือทั้งที่อายุยังน้อย คล้ายฝึกฝนมาแล้วเป็นร้อยเป็นพันครั้ง จนสามารถเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครและถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว

“พ่อ…” เฉาหยุนขอบตาแดงก่ำ เล็งปืนในมือใส่หน้าอีกฝ่าย “เพื่อนร่วมพรรคตั้งมากมายพร้อมสละชีวิตเพื่อประเทศ แต่พ่อกลับขายวิญญาณให้หยวนซื่อข่าย ทอดทิ้งประชาชนของตัวเอง แล้วยังจะกล้าเป็นทหารต่ออีกเหรอ?”

“หุบปาก!” แม่ทัพเฉาตวาดลั่น “คิดไม่ถึงว่าแกจะไปเข้ากับไอ้พรรคเวรนั่น ทิ้งปืนแล้วกลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้!”

“ไม่!” เฉาหยุนพยายามแสดงความเข้มแข็ง ทั้งที่ในใจอ่อนแอเหลือเกิน “ได้โปรดยกโทษให้ลูกสาวคนนี้ที่อกตัญญูด้วย” เธอย้ายปลายกระบอกปืนมาเล็งที่ศีรษะของตัวเอง “อย่าตามมานะ!”

“เสี่ยวหยุน!” แม่ทัพเฉาเรียกด้วยเสียงอันสั่นเทา

เธอหันหลังเดินจากไปอย่างช้าๆ น้ำตาไหลอาบสองแก้ม ตัดสินใจสะบั้นความสัมพันธ์กับผู้เป็นพ่อเพื่อความถูกต้อง โดยไม่รู้ว่ากำลังจะสูญเสียสิ่งที่มีค่ามากขึ้นกว่าเดิม ทั้งญาติพี่น้อง คนรัก เพื่อน รวมถึงชีวิตของตัวเอง

ฉินฮ่าวถอนหายใจยาวแล้วพูดกับกู้เซียงว่า “เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้าฉากต่อไปได้เลย”

ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นออกอาการตกใจ คมมีดอาชาเปิดคัดตัวนักแสดงกว่าสองปีแล้ว ดารามากมายที่มาแคสต์บทนางเอกต่างถูกฉินฮ่าวตำหนิและไล่ตะเพิด มาวันนี้เขากลับนิ่งเงียบ แถมยังบอกให้กู้เซียงเตรียมตัวแสดงฉากต่อไปอีก

เฉินเจียหลิงที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายของฉินฮ่าว แอบขบกรามด้วยความอัดอั้น ตอนถ่ายทำเรื่องเหมยจวง เฉินเหล่ยซึ่งเป็นหลานของเธอมีปากเสียงกับกู้เซียง

หลังจากโด่งดัง แฟนคลับของกู้เซียงก็โจมตีเฉินเหล่ยกับเฉินซี ด้วยการบอกว่าพวกเธอรุมรังแกเด็กใหม่เนื่องจากอิจฉาที่แสดงได้ดีกว่า

เฉินเจียหลิงคุ้นเคยกับวงการบันเทิงมานาน รู้ด้วยว่าถ้าปล่อยให้กู้เซียงเติบโตไปกว่านี้จะไม่เป็นผลดีต่อลูกและหลานสาว จึงอยากใช้โอกาสนี้สั่งสอนอีกฝ่าย ด้วยการจ้างนักข่าวมาปล่อยข่าวเรื่องที่กู้เซียงแคสต์งานไม่ผ่าน

แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น…

ขณะเดินออกจากห้องคัดตัวนักแสดงเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กู้เซียงก็บังเอิญชนเข้ากับเด็กหนุ่มผมหยิกจากสำนักข่าวบันเทิงรายวัน

“คุณกู้?” เด็กหนุ่มผมหยิกทำตาโต “คุณมาแคสต์หนังเรื่องคมมีดอาชาจริงๆ ด้วย ผมขอสัมภาษณ์หน่อยได้ไหมครับ?”

“คุณ… เข้ามาได้ยังไง?”

ที่เธอถามก็เพราะที่นี่ไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้ามา

“ผมกระโดดกำแพงเข้ามา” เขาตอบอย่างภาคภูมิใจ

ข่าวด้านลบของเฉียวอิ้งฉิงทำให้นักข่าวฝึกหัดคนนี้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น พอเขาเสนอตัวขอทำข่าวของกู้เซียง จึงไม่มีใครปฏิเสธ

เรื่องที่เธอมาคัดตัวนักแสดงมีเพียงเหวินจิ้ง จ่านหยาง ถางรุ่ย และเจี่ยงลี่ลี่ที่รู้ เว้นเสียแต่ว่าคนในกองจะปล่อยข่าวเอง

“ฉันไม่มีเวลาให้สัมภาษณ์หรอกค่ะ” กู้เซียงตอบด้วยรอยยิ้ม “ฉากต่อไปรออยู่ ขอตัวก่อนนะคะ”

“ฉากต่อไปเหรอครับ?” เด็กหนุ่มผมหยิกทำเสียงตื่นเต้น “แสดงว่าผ่านฉากแรกแล้ว ยินดีด้วยนะครับ”

“ขอบคุณมากค่ะ”

“ผมเพิ่งพนันกับพี่ที่ทำงาน ว่ายังไงคุณก็ต้องแคสต์ผ่าน” เขาดีใจจนออกนอกหน้า “ถ้าไม่ได้สัมภาษณ์ งั้นขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมครับ?”

“ได้อยู่แล้วค่ะ” กู้เซียงพยักหน้า

เนื้อเรื่องรวมถึงเสื้อผ้าหน้าผมของภาพยนตร์เรื่องคมมีดอาชาถูกเผยแพร่สู่สาธารณชนนานแล้ว การถ่ายภาพในครั้งนี้จึงไม่ส่งผลกระทบอะไร

“ขอหล่อๆ นะคะ” เธอขยิบตาให้อีกฝ่าย

ท่าทางเป็นกันเองนี้ทำเด็กหนุ่มผมหยิกเข่าอ่อนด้วยความหลงใหล ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นผู้หญิง แต่กลับดูหล่อและเท่จนเกือบแยกไม่ออก

ภายในห้องคัดตัวนักแสดง ทุกคนกำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือด

“เด็กใหม่คนนี้ไม่ธรรมดา ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีมาก” ใครคนหนึ่งพูดด้วยความตื่นเต้น

“คัดเลือกนักแสดงมาก็ตั้งหลายครั้ง ยังไม่เคยเจอคนที่เหมาะสมขนาดนี้ เหลือเชื่อจริงๆ”

“ก็ไม่แน่หรอก!” เฉินเจียหลิงพูดแทรก “ยังมีบทของเซียงหงอีก อย่าเพิ่งสรุปกันไปก่อนสิ”

“ขนาดบทของเฉาหยุนยังเล่นได้ดีขนาดนี้ บทของเซียงหงคงไม่ต้องลุ้นแล้วแหละ”

“บุคลิกของเซียงหงซับซ้อนกว่ามาก หากแสดงไม่ดีพอ คนดูจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นโสเภณี” เฉินเจียหลิงยังคงไม่ลดละ

แม้เซียงหงจะสวยจนน่าหลงใหล แต่ก็มีความโก๊ะแฝงอยู่เหมือนกัน นักแสดงส่วนใหญ่ชอบขยายความเพียงด้านเดียว ทำให้บทบาทของตัวละครถูกถ่ายทอดแบบผิวเผิน

“เฉินซีก็เคยแสดงเป็นโสเภณี ไม่เห็นคุณตั้งมาตรฐานสูงขนาดนี้เลย?” เหล่าเซียวโต้กลับ

“พอได้แล้ว!” ฉินฮ่าวตัดบท “ฉันต้องการความสงบ!”

ผ่านไปยี่สิบนาที ประตูห้องก็ถูกเปิดออก

หญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาสวมเสื้อกี่เพ้าปักลายดอกไม้ ปกตั้ง กระดุมเฉียง สวมกระโปรงยาว รวบผมเป็นมวยสองข้างแล้วประดับด้วยแมลงปอหยกสองตัว

ทั้งที่เป็นคนคนเดียวกัน แค่เปลี่ยนการเขียนคิ้ว กรีดตา และกิริยาท่าทาง ก็กลายเป็นอีกคนได้แล้ว

เซียงหงเดินกรีดกรายเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งและทะนงตน ต่างจากเฉาหยุนที่ยิ้มอย่างเป็นมิตร

แม้รอยยิ้มจะไม่จริงใจ แต่ใบหน้าที่งดงามและมีเสน่ห์ ก็ดึงดูดผู้คนจนไม่อาจละสายตาได้

เธอคือฝาแฝดของเฉาหยุน แต่กลับมีโลกอีกใบที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง ชีวิตดิ้นรนปากกัดตีนถีบอย่างสามัญชน แววตาบ่งบอกถึงความเป็นนักวางแผนที่ชาญฉลาดและกล้าหาญ

ผู้หญิงคนนี้มีบุคลิกซับซ้อน ฉลาดแต่ชอบทำตัวซื่อบื้อ เห็นแก่ตัวแต่ชอบอ้างความถูกต้อง ยามไม่เห็นใจก็ไร้เมตตา แต่ยามสงสารก็มีคุณธรรม แม้จะไม่ใช่คนดีแต่ก็สามารถรักษาความดีแต่กำเนิดไว้ได้

ใบหน้าแบบเดียวกันแต่ให้ความสวยที่แตกต่างกัน ถ้าไม่เห็นกับตาฉินฮ่าวก็คงไม่เชื่อ

เหมือนเหล้าโถหนึ่งที่ให้ทั้งความเผ็ดร้อนและความหวานละมุนลิ้น แต่ก็ทำให้เมาได้เหมือนกัน

วงการบันเทิงมีประเด็นให้ถกเถียงอยู่เสมอ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความรักของดาราและข่าวเสียๆ หายๆ

เมื่อผลงานการแสดงมักจะได้รับความสนใจน้อยกว่าข่าวซุบซิบนินทา นักแสดงจึงต้องหมั่นสร้างกระแส ยกเว้นกู้เซียง

ตั้งแต่เข้าวงการจนถึงตอนนี้ เธอมีเรื่องให้พูดถึงตลอด แม้จะได้ชื่อว่าเป็นแฟนของจ่านหยาง แต่สิ่งที่คนพูดถึงมากที่สุดคือเรื่องของผลงานที่ไม่เกินจริง

ภาพของเธอในชุดจีนโบราณแสนงดงาม ทำให้ได้รับบทนางเอกเรื่องน้องใหม่และคมมีดอาชา

สองปีที่ผ่านมา คมมีดอาชาคือบทภาพยนตร์ที่วัดความสามารถด้านการแสดงของศิลปิน หลายคนคิดอยากไปทดลอง แต่ชื่อเสียงที่ค้ำคอก็ทำให้ไม่กล้าเสี่ยง เพราะกลัวรับความผิดหวังไม่ได้

กองถ่ายที่ถูกเลื่อนการถ่ายทำถึงสองปีกลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง บทของนางเอกได้ถูกกำหนดตัวนักแสดงแล้ว นั่นก็คือดาราหน้าใหม่อย่างกู้เซียง

หลังข่าวนี้ถูกเผยแพร่ก็สะเทือนไปทั้งวงการ หากจะบอกว่าเธอดังจากละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนเพราะผู้กำกับไม่ได้ตั้งมาตรฐานนักแสดงไว้สูง ส่วนเรื่องน้องใหม่ก็ได้มาเพราะดวง แถมเป็นแค่หนังตลกเบาสมองที่เล่นไม่ยาก เช่นนี้การได้เล่นหนังเรื่องคมมีดอาชาก็สามารถลบทุกข้อครหาได้อย่างสิ้นเชิง

ฉินฮ่าวคือผู้กำกับปีศาจ เขาตั้งมาตรฐานของตัวละครไว้สูงมาก แค่ทำได้ดีเพียงด้านเดียวก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่การทำได้ครอบคลุมทุกมิติของตัวละครนั้นสุดยอดกว่า

สองปีที่ผ่านมา ภาพยนตร์เรื่องคมมีดอาชาไม่สามารถหานางเอกที่เหมาะสมได้ แต่พอคิดจะหงายไพ่ ผลก็ออกที่กู้เซียงทันที

การคัดตัวนักแสดงครั้งนี้ลบข้อครหาทั้งหมดของเธอ ชาวเน็ตที่เคยวิจารณ์ว่าได้ดีเพราะดวง ดังเพราะชอบปั่นกระแส มีจ่านหยางกับถางรุ่ยคอยให้ท้ายทั้งที่ไม่มีความสามารถอะไร ต่างหน้าหงายโดยพร้อมเพรียงกัน

คนเราไม่จำเป็นต้องตอบโต้ทุกครั้งที่ถูกพาดพิง แค่ใช้ความสำเร็จตบหน้าคนพวกนั้นก็พอ

พาดหัวข่าวในนิตยสารบันเทิงรายวันคือภาพของกู้เซียงตอนไปแคสต์งานเรื่องคมมีดอาชา

ภาพแรกคือเฉาหยุนในชุดสูทกับผ้าพันคอ ผมสั้น มาดเท่แบบคุณชาย หล่อเหลาสะอาดสะอ้านแต่อ่อนโยนและห้าวหาญอย่างวีรสตรี ภาพที่สองคือเซียงหงในชุดกี่เพ้ากับผ้าคลุมไหล่ ดวงตาแพรวพราว มุมปากคลี่ยิ้มบาง เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ชวนหลงใหล

ทั้งสองภาพสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน แม้จะเป็นใบหน้าของคนคนเดียวกัน ยิ่งได้ตากล้องฝีมือดีที่ถ่ายภาพราวกับโปสเตอร์โฆษณามาช่วยเลือกมุมกล้องอีก ก็ยิ่งลงตัวไปหมด

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท