เรื่องนี้ทำหลายคนรู้สึกเสียดาย เพราะดาราจีนที่ได้ปรากฏตัวบนเวทีระดับโลกมีไม่มาก โดยเฉพาะบทของนางเอก แม้เฝิงเหวินจะแสดงเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นได้อย่างราบรื่น แต่ก็ไม่ถึงขั้นสมบูรณ์พร้อม
กู้เซียงอยากเปลี่ยนความคิดของทีมผู้สร้าง ด้วยการสร้างความประทับใจในการแสดง จนพวกเขาไม่อยากเปลี่ยนนางเอกจากคนจีนไปเป็นคนญี่ปุ่น
นักแสดงที่มีใจรักชาติยิ่งชีพ จะสามารถนำพาประเทศและวัฒนธรรมของตัวเองออกสู่สายตาโลกได้อย่างภาคภูมิใจและทรงคุณค่า
แต่เธอจะทำได้หรือเปล่า…
หลังตอบรับคำเชิญ กู้เซียงก็ให้เหวินจิ้งรีบจัดการเรื่องวีซ่า
เหวินจิ้งพยายามพิสูจน์จากหลากหลายช่องทางเพื่อให้แน่ใจว่าพวกนั้นไม่ใช่มิจฉาชีพ ก่อนจะโทรแจ้งถางรุ่ย
“สู้ๆ นะ” ถางรุ่ยโทรมาแสดงความยินดี
“ฉันจะพยายามค่ะ” กู้เซียงยิ้มตอบ
สักพักจ่านหยางก็โทรมาบอกเธอว่า หลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องวีรบุรุษสุจริตเสร็จ จะเดินทางไปดูการคัดตัวที่อเมริกาด้วย
กู้เซียงแอบรู้สึกดี เพราะยังไม่ทันได้คัดตัว จ่านหยางก็มั่นใจในตัวเธอถึงขั้นจะตามมาดูแล้ว
เธอไม่อยากสูญเสียโอกาส จึงฝึกซ้อมกับโค้ชสอนศิลปะป้องกันตัวบ่อยขึ้นกว่าเดิม
ชาติที่แล้ว กู้เซียงอยากเล่นหนังบู๊มาก จึงตั้งใจฝึกฝนเพื่อให้มีพื้นฐานด้านการต่อสู้
จากมุมมองของนักแสดงมืออาชีพ เมื่อเห็นว่าเธอมีคุณสมบัติโดดเด่น สามารถทำการแสดงโดยไม่ต้องอาศัยตัวแสดงแทน ครูฝึกก็รู้สึกประทับใจในตัวลูกศิษย์คนนี้มาก
คืนนั้น กู้เซียงอยู่ซ้อมจนดึก กว่าจะเดินทางกลับบ้านก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว
อะพาร์ตเมนต์ของเธออยู่แถบชานเมือง เพื่อป้องกันพวกปาปารัสซี่ที่ชอบตามถ่ายรูปเวลาขับรถกลับบ้าน
บรรยากาศยามนี้เงียบสงัด ไม่มีรถผ่านไปมา กระทั่งถึงสี่แยกไฟแดง กู้เซียงจึงหยุดรถรอ
ขณะเดียวกัน กู้หนานกับกลุ่มเพื่อนเดินกอดคอกันออกมาจากร้านคาราโอเกะ หลังฉลองสอบปลายภาคเสร็จเรียบร้อย
เพื่อนคนหนึ่งตบบ่ากู้หนาน “เสียงตดของนายฉันยังแทบไม่เคยได้ยิน แต่วันนี้ดันร้องเพลง บอกมาตรงๆ ว่าชอบซาซาใช่ไหม?”
“ไม่อยากเชื่อว่าไอ้หล่อหน้านิ่งของพวกเราจะชอบดาวมหาลัย ฮ่าๆๆ” เพื่อนอีกคนแซว
“ซาซาอะไร เสี่ยวหนานของพวกเราไม่ได้ชอบดาวมหาลัยโว้ย มันชอบเซียงเซียงที่เป็นดาราหน้าใหม่แบบหัวปักหัวปำเลย!”
“ทั้งหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งหน้าจอมือถือ ตั้งเป็นรูปกู้เซียงหมดเลย ฉันละยอมใจจริงๆ ปกติไม่เห็นนายตามดาราสักคน ทำไมถึงได้ชอบเธอขนาดนี้ สวยน่ะใช่ แต่ไม่ได้น่าหลงใหลขนาดนั้น ฉางจิ่งเทียนยังมีเสน่ห์กว่าอีก!”
“ไปไกลๆ เลย หลงเจ๋อสวยกว่าเยอะ!”
“ต้องดูฝีมือการแสดงไม่ใช่ความสวย เข้าใจไหม? ดูว่าเขาแสดงสมบทบาทหรือเปล่า เคารพในอาชีพมากแค่ไหน”
“เสี่ยวเจ๋อมาเรียต่างหากปังสุด!”
พอเห็นเพื่อนๆ เถียงกันมากขึ้น แถมยังเอากู้เซียงไปเทียบกับดาราคนอื่นๆ อีก กู้หนานจึงหมดความอดทน
“หุบปากได้แล้ว!”
ทุกคนตรงนั้นหันมองเขาเป็นตาเดียว
“โกรธอะไรของนายเนี่ย ชอบกู้เซียงขนาดนี้เลย?”
“มันกับกู้เซียงนามสกุลเดียวกัน ไม่แน่ห้าร้อยปีที่แล้วอาจเป็นคนตระกูลเดียวกันก็ได้”
กู้หนาน “…..”
พวกเขาเดินถึงสี่แยกไฟแดงที่เปลี่ยนเป็นไฟเขียวพอดี
เพื่อนคนหนึ่งจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด “ซวยจริง รออีกแป๊บแล้วกัน”
“เฮ้ย ข้างหน้ามีไอ้โง่ฝ่าไฟแดง อยากตายหรือไงวะ!”
กู้เซียงเหยียบคันเร่ง โดยไม่เห็นว่ามีคนเดินตรงมาที่รถ
ถนนเส้นนี้ค่อนข้างมืด จู่ๆ ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งก็ตกลงบนรถของเธอ หากเป็นผู้หญิงขี้กลัวคงเกิดอุบัติเหตุไปแล้ว โชคดีที่เธอเคยแสดงเป็นศพหัวขาด เลยประคองสติได้ดี นอกเหนือไปจากศิลปะป้องกันตัว ที่ช่วยให้ไวต่อสิ่งเร้า
หลังเหยียบเบรกอย่างแรง ผู้หญิงคนนั้นก็กลิ้งลงจากรถไปนอนบนพื้น
แสงไฟจากหน้ารถส่องให้เห็นใบหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย กู้เซียงจึงเดินลงไปดูอาการ
“คุณโอเคไหมคะ?”
ขณะกำลังจะเข้าไปประคอง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงผู้ชายตะคอกมาแต่ไกล
“อีโสเภณี คิดจะหนีเหรอ? กูจะฆ่ามึง!”
กู้เซียงนิ่งไปเล็กน้อย กระทั่งผู้หญิงที่นอนอยู่บนพื้นเริ่มมีเลือดสีแดงไหลออกมา
เธอเข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น จึงส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืน
กู้หนานที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ข้างถนน เห็นชายคนหนึ่งเดินตรงไปที่รถ
“สงสัยผัวเมียทะเลาะกัน แต่ฉันว่า… คนขับหน้าเหมือนไอดอลนายเลยว่ะ ไปดูกันหน่อยไหม?” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
“ไอดอลไหนวะ?” เพื่อนอีกคนถามต่อ
“กู้เซียงไงล่ะ!”
กู้หนานหรี่ตามองรถคันที่จอดอยู่กลางถนน ก่อนจะเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“เหมือนกู้เซียงที่ไหน นั่นมันกู้เซียง!”
ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดเรื่องที่พี่สาวมาโผล่อยู่ตรงนี้ ก็มีอันต้องตกใจกับท่าทีขึงขังของผู้ชายคนนั้น
ด้วยความที่กลัวว่ากู้เซียงจะถูกรังแก จึงรีบวิ่งเข้าไปดู
“แม่งเอ๊ย แค่หน้าเหมือนก็วิ่งตามแล้ว อยากเป็นฮีโร่หรือไงวะ?”
ผู้ชายท่าทางดุดันตรงเข้าไปหากู้เซียง กลิ่นเหล้าโชยเตะจมูกจนเธอขมวดคิ้ว
จู่ๆ เขาก็เตะผู้หญิงที่นอนอยู่บนพื้นอย่างไม่ปรานี กู้เซียงจึงรีบเข้าไปขวาง
“ทำอะไรน่ะ!” เธอพูดด้วยความโมโห
“ทำอะไรน่ะเหรอ ก็สั่งสอนเมียไงล่ะ!” จากนั้นก็หันไปตวาดผู้หญิงที่นอนบนพื้น “ทนไม่ได้ก็หย่าซะ อย่าทำให้กูต้องเหลืออด!”
เขาทำท่าจะเตะอีก แต่ถูกกู้เซียงรั้งไว้
“เธอกำลังจะแท้งลูก คุณจงใจทำร้ายร่างกายคนอื่น ฉันจะเรียกตำรวจ!”
“มึงคิดว่ากูไม่กล้าทำผู้หญิงเหรอ?” พูดจบก็เหวี่ยงหมัดใส่กู้เซียง
คนที่อยู่ในฤทธิ์สุรามักสูญเสียสติสัมปชัญญะ สามารถแสดงความร้ายกาจออกมาสารพัด
กู้หนานใจเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกจากอก ระยะห่างเพียงไม่กี่ก้าว แต่เขากลับไปไม่ถึงเสียที เวลาช่างยาวนานเหลือเกิน
ภาพตรงหน้าเหมือนฉากในภาพยนตร์ เด็กหนุ่มที่ยืนดูเหตุการณ์ต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
หญิงสาวที่นอนอยู่บนพื้นกุมท้องร้องโอดโอย ขณะที่มือข้างหนึ่งของกู้เซียงคว้าแขนของชายขี้เมา ส่วนอีกข้างก็ล้วงปืนกระบอกสีดำออกมาจ่อขมับเขา
ท่วงท่าของเธอคล่องแคล่วว่องไวราวกับสายลับที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี
“แล้วคิดว่าฉันไม่กล้าฆ่าผู้ชายเหรอ?”
แม้จะเป็นอากาศช่วงเดือนหก แต่ผู้ที่ได้ยินก็ยังสะท้านไปทั้งร่าง
บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด สุดท้ายก็ถูกทำลายด้วยกลิ่นปัสสาวะ
หญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงออกกำลังกาย รวบผมหางม้าสูง ใบหน้างดงาม แต่ในมือกลับถือปืนกระบอกหนึ่ง
แม้ใบหน้าของเธอจะอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความดุดันน่ายำเกรง
การพกอุปกรณ์ประกอบฉากเป็นเรื่องดี ส่วนความพร้อมในการแสดงก็เป็นสัญชาตญาณที่ดี
จรรยาบรรณของนักแสดงมีประโยชน์ก็ตอนนี้แหละ!
ตอนรถพยาบาลมาถึง ชายที่ก่อนหน้านี้ตกอยู่ในฤทธิ์สุราก็เริ่มสร่างเมา
อาจเพราะสีหน้าท่าทางของกู้เซียงที่ควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมด ไม่ก็เกิดจากฝีมือการแสดงของเธอที่โดดเด่นและสมจริง ทำให้ชายคนนั้นไม่กล้าสบตาอีก
แม้อยากหนี แต่แข้งขากลับอ่อนแรง สุดท้ายก็ทรุดตัวลงนั่งกับกองปัสสาวะของตัวเอง
เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย กู้เซียงตัดสินใจตามไปดูที่โรงพยาบาล โดยมีกู้หนานกับเพื่อนๆ ตามไปด้วย
ทุกคนนั่งอัดกันเป็นปลากระป๋องอยู่ในรถของกู้เซียง จากเด็กหนุ่มที่คึกคะนอง หัวเราะเฮฮา กลายเป็นนิ่งเงียบ ไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว
“ดึกขนาดนี้ออกมาเพ่นพ่านทำไม พี่เขยไม่มาเป็นเพื่อนเหรอ?” กู้หนานที่นั่งอยู่ข้างคนขับถาม
“เขาถ่ายหนังอยู่ ช่วงนี้ยุ่งมาก” กู้เซียงตอบ
“ไม่รู้เหรอว่าที่ทำมันอันตราย?” เขานึกถึงภาพเมื่อครู่ แล้วเริ่มบ่นต่อ “ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก พี่ต้องวิ่งหนีไม่ใช่เอาปืนไปจ่อ ถ้าโดนโต้กลับจะทำยังไง อยากพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งวันพรุ่งนี้เหรอ?”
กู้หนานยังคงไม่ยอมรับว่าปฏิกิริยาของพี่สาวทำเขาขวัญกระเจิง
จากท้องถนนธรรมดา กลายเป็นฉากในภาพยนตร์บู๊ที่สร้างความเร้าใจให้กับวัยรุ่น หากไม่ใช่กู้เซียง เขาคงไม่เข้าไปช่วยแน่นอน
“ก็มันสุดวิสัยนี่” กู้เซียงพยายามขับตามหลังรถพยาบาลเพื่อไม่ให้คลาดกัน “แล้วนายล่ะ ดึกดื่นป่านนี้ ทำไมยังไม่กลับบ้าน มาเถลไถลอะไรแถวนี้?”
“มาคลายเครียดหลังสอบ”
“เสี่ยวหนาน คนนี้คือ…”
ในที่สุดก็มีเพื่อนชายในกลุ่มที่ใจกล้ากว่าใครถามขึ้นว่า “เธอเป็นรุ่นพี่นายเหรอ?”
“รุ่นพี่อะไรกัน ดูหนังบู๊เยอะไปหรือเปล่า นี่พี่สาวแท้ๆ ของฉันเอง”
“โห พี่สาวนายหน้าเหมือนกู้เซียงเลยอะ แถมสวยกว่าด้วย” เด็กหนุ่มอีกคนอาศัยจังหวะนี้ประจบประแจง “แมนกว่า เท่กว่า เจ๋งสุดๆ ไปเลย!”
เธอเหลือบมองกู้หนานเป็นเชิงถามว่าเพื่อนยังโอเคหรือเปล่า
พอถึงโรงพยาบาล กู้เซียงรีบตามลงไปดูเหตุการณ์จนลืมสวมแว่นดำและผ้าปิดปาก ทุกคนจึงเห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน และพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยกว่าในทีวี
กู้หนานทั้งอายทั้งโมโหกับท่าทีของเพื่อนๆ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับพี่สาว จึงไม่มีใครรู้จักสถานะที่แท้จริงของเธอ
เมื่อไม่รู้จะทำยังไง เพราะอีกฝ่ายก็เริ่มมีชื่อเสียงแล้ว เขาจึงพูดออกไปตรงๆ หากปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผิด อาจถูกเอาไปโพนทะนาใหญ่โตจนเกิดเรื่องวุ่นวายได้
กู้หนานเริ่มจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเอง โดยที่กู้เซียงไม่ทันสังเกต
ทั้งสองมีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นกู้หนานที่มาหาเธอ แต่ยังไม่เคยได้เจอเพื่อนๆ ของเขาสักครั้ง