จ่านฉางเฟิงเห็นลูกชายยิ้มอยู่ในจอโทรทัศน์ก็ถอนหายใจเบาๆ จนจ้าวจวนต้องพูดปลอบ
“ผู้หญิงที่เสี่ยวจ่านชอบต้องดีอยู่แล้ว จะกังวลไปทำไม เขาได้บอกหรือเปล่าว่าจะพามาเจอที่บ้านเมื่อไหร่? พวกคุณสองพ่อลูกจะได้ใช้โอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์กัน”
“เฮอะ! ไม่ได้อยากเจอนักหรอก” จ่านลู่ได้ยินก็อารมณ์เสีย
เฝิงเหวินที่เธอชอบถูกกู้เซียงแย่งทั้งผู้ชายและงานไป
ทุกคนต่างรู้ว่าบทนางเอกในเรื่องไล่ล่าฆ่าเบคจะช่วยดันเฝิงเหวินให้ก้าวสู่บทบาทใหม่อีกขั้นได้ แต่จู่ๆ ก็มีดาราหน้าใหม่มาเขี่ยเธอออกไปแบบหน้าชื่นตาบาน
“พูดให้มันน้อยๆ หน่อยนะ” จ้าวจวนตำหนิลูกสาว “เหวินเหวินนิสัยกระด้าง ส่วนเสี่ยวจ่านก็เป็นคนโลกส่วนตัวสูง ให้อยู่ด้วยกันคงยาก แม่ว่ากู้เซียงดูอ่อนโยนดี พี่ชายลูกถึงได้ชอบไง”
“ไม่แน่อาจจะกระด้างกว่าพี่เหวินเหวินก็ได้” จ่านลู่เปิดโทรศัพท์ “คนในวงการบันเทิงเสแสร้งจะตาย พวกเราที่เป็นคนธรรมดานี่แหละที่น่าสงสาร”
“นังลูกคนนี้นี่! หาแฟนไม่ได้เลยอิจฉาเขาหรือไง?” จ้าวจวนชี้หน้าด่าจ่านลู่ “สเก็ตเชอร์สเลือกเธอเป็นนางเอก เพราะฝีมือการแสดงเข้าขั้น ถึงจ่านหยางจะไม่เคยเล่าให้ฟัง แต่แม่ก็พอรู้จากข่าวในทีวี”
“ก็แค่ข่าวที่กรองแล้วจากในทีวี!” จ่านฉางเฟิงส่ายหน้า “พวกเรารู้แค่ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ตั้งใจทำงาน แต่ตื้นลึกหนาบางยังไม่รู้ ยิ่งเป็นคนในวงการบันเทิงก็ยิ่งน่ากลัว”
จ่านลู่ใส่หูฟังแล้วเปิดดูข่าวในมือถือ ผ่านไปสักพักก็ตะโกนขึ้นว่า
“พ่อ แม่!”
“เอะอะโวยวายอะไรอีก อยู่เงียบๆ ได้ไหม?” จ้าวจวนตกใจจนสะดุ้ง
“พ่อกับแม่รีบมาดูเร็ว!” จ่านลู่ไม่สนใจคำพูดของแม่ และรีบส่งโทรศัพท์ให้ดู
พาดหัวข่าวนี้เพิ่งปรากฏไม่นาน แต่มีคนกดอ่านไปแล้วล้านกว่าคน
นักแสดงหนังบู๊หน้าใหม่แห่งวงการฮอลลีวูด เคยเข้าโรงพัก แท้งลูก แย่งบทนางเอกไปจากคนอื่น ใช้เส้นสายผู้กำกับ
ตามด้วยภาพของกู้เซียงที่กำลังยิ้มอย่างสดใส
เพียงชั่วข้ามคืน ชื่อของกู้เซียงถูกโจมตีด้วยข่าวฉาวที่รุนแรง
ขนาดดาราที่ไม่ค่อยมีข่าวเสียหาย โดนปั่นกระแสเพียงเล็กน้อยก็สร้างผลลัพธ์ได้มหาศาลแล้ว นับประสาอะไรกับกู้เซียงที่เป็นถึงดาราฮอลลีวูด
พอมีข่าวเสียหายออกมา ทุกคนจึงเริ่มสงสัยในเส้นทางสู่วงการบันเทิงของเธอ
การพูดแบบมีหลักฐาน เท่ากับเป็นการตอกหมัดอย่างแรง ทั้งสองภาพที่ถูกเผยแพร่ มีหน้าของกู้เซียงประกอบอยู่ด้วย ทั้งที่สถานีตำรวจและในโรงพยาบาล แม้จะใส่ผ้าปิดปาก ก็เดาได้ไม่ยาก
แล้วดึกดื่นขนาดนั้น เธอไปทำอะไรที่หน้าห้องคลอด?
“แม่เจ้า ไอดอลของเราเคยท้อง ว่าแต่ท้องกับใคร?”
ผู้คนคาดเดากันไปสารพัด แต่กลับไม่มีใครคิดว่าเป็นลูกของจ่านหยาง เพราะพวกเขาแยกกันถ่ายหนังตลอด ตอนให้สัมภาษณ์ก็ดูเหมือนคู่รักที่น่าจะมีอะไรกันหลังแต่งงานมากกว่า นอกจากจ่านหยางจะโดนสวมเขา
ส่วนที่สถานีตำรวจ มีศิลปินเข้าแจ้งความแทบทุกวัน ทั้งเรื่องตบตีทะเลาะวิวาท เมาแล้วขับ รวมถึงยาเสพติดก็มีให้เห็นหลากหลาย ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกู้เซียง แต่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ข่าวที่ปล่อยเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเรื่องรักสามเส้าของจ่านหยางกับเฝิงเหวินอีก
ผู้ให้ข่าวเล่าว่าจ่านหยางกับเฝิงเหวินเป็นคู่รักกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ถูกกู้เซียงซึ่งเป็นมือที่สามเข้ามาแทรก พวกเธอแย่งจ่านหยางกันแบบเอาเป็นเอาตาย ถึงขั้นใช้ภาพยนตร์เรื่องไล่ล่าฆ่าเบคเป็นตัวตัดสิน
ปกติกระแสจะอยู่แค่สองสามวัน แต่ไม่ใช่กับข่าวรักสามเส้า
เฝิงเหวินคือดาราที่ไปโด่งดังในต่างประเทศ ส่วนจ่านหยางตั้งแต่เข้าวงการจนถึงตอนนี้ ไม่เคยมีข่าวเรื่องความสัมพันธ์กับใครเลย ทุกคนต่างรู้ว่ากู้เซียงเป็นรักแรกของเขา มาวันนี้เธอกลับเป็นฝ่ายที่แย่งแฟนคนอื่นเสียนี่
ไม่นานหลังจากนั้น ภาพถ่ายของจ่านหยางกับเฝิงเหวินที่ยืนคู่กันตั้งแต่สมัยประถม มัธยม มหาวิทยาลัย จนถึงวันรับปริญญาก็ถูกปล่อยออกมาแบบไม่หยุดยั้ง
ตามด้วยข่าวที่บอกว่าเฝิงเหวินต้องรีบเดินทางกลับจีนแบบกะทันหัน หลังรู้ข่าวการคบหากันของจ่านหยางกับกู้เซียง
ทั้งเวลา สถานที่ และภาพประกอบ ทำให้ภาพลักษณ์ของกู้เซียงป่นปี้
เธอถูกประณามว่าเป็นโสเภณีแห่งวงการมายา พลอยทำให้จ่านหยางกลายเป็นผู้ชายหน้าไม่อายไปด้วย
แม้เฝิงเหวินจะเป็นผู้เสียหาย แต่เรื่องส่วนตัวที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับงาน ก็เป็นเรื่องที่วงการฮอลลีวูดรับไม่ได้
จู่ๆ ทุกคนก็ถูกธนูปักอกเสียดื้อๆ ยิ่งเสียหายมากเท่าไหร่ กระแสก็ยิ่งโด่งดัง
หากพิจารณาเนื้อข่าวแล้วพบว่าเป็นเรื่องที่ไม่หนักหนาสาหัส คนจะเลิกสนใจไปเอง แต่กรณีของกู้เซียงเรียกว่าเข้าขั้นวิกฤติ จนถึงขั้นที่บริษัทโฆษณาโทรต่อว่าเซิ่งถางซึ่งเป็นต้นสังกัดของเธอ
ถางรุ่ยหัวหมุนไปหมด เขาสั่งให้คนไปสืบต้นตอของข่าว แล้วโทรหาจ่านหยางเพื่อให้คำแนะนำเรื่องการตอบคำถามสื่อ แต่อีกฝ่ายไม่รับสายและไม่คิดที่จะออกมาชี้แจง
กู้หนานถอดสายอินเทอร์เน็ตและสายสัญญาณโทรทัศน์ เพื่อไม่ให้กู้ฉางชุนเสพข่าวมากไปกว่านี้
จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครสามารถติดต่อกู้เซียงที่อยู่ในอเมริกาได้ เขาในฐานะน้องชายรู้สึกคับแค้นใจที่ไม่สามารถจัดการกับคนที่ปล่อยข่าวลวงของพี่สาว
“รักสามเส้าบ้าบออะไรกัน? ยังไม่ทันรู้เรื่องจริงก็เอาไปโพนทะนาแล้ว!”
เรื่องนี้ชี้แจงไม่ยาก ติดก็แค่ทุกคนกำลังประโคมข่าวกันอย่างสนุกสนาน จึงไม่มีใครอยากจะฟังข้อเท็จจริง
กู้หนานทบทวนครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินทางไปหาครอบครัวของสาวท้องที่โรงพยาบาล
สถานการณ์เป็นไปอย่างที่เขากังวล กู้เซียงกำลังตกที่นั่งลำบาก เฝิงเหวินคือดาราที่มีชื่อเสียงในอเมริกา ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเธอย่อมถูกจับตามอง
ตอนนี้กู้เซียงคือนางมารร้าย ทุกคนต่างเห็นใจฝ่ายที่เสียเปรียบในความรัก นั่นคือเฝิงเหวินที่ถูกแย่งทั้งงานและคนรัก
แม้สเก็ตเชอร์สจะแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเชื่อมั่นในตัวเธอ แต่เขาไม่สามารถขับเคลื่อนกองถ่ายเพียงลำพังได้ ในงานเปิดตัวภาพยนตร์ กู้เซียงจึงถูกทุกคนเพิกเฉยราวกับเป็นวิญญาณ
กำหนดการเดิมคือสเก็ตเชอร์สจะต้องแนะนำกับสื่อมวลชนว่ากู้เซียงเป็นนักแสดงมากความสามารถที่มีอนาคตไกล แต่พอมีข่าวเสียหายออกมา เขาก็ทอดทิ้งเธอราวกับไม่มีตัวตน ไม่มีใครคุยกับเธอ ไม่มีใครสนใจเธอ และไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน มือที่สามก็จะถูกสังคมปฏิบัติด้วยความรังเกียจเหมือนๆ กัน
“พูดแบบนี้ได้ยังไง? ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงก็กล่าวหากันแล้ว ไม่คิดจะฟังพวกเราอธิบายเลยเหรอ?” เหวินจิ้งโวยวายด้วยความโมโห “เซียงเซียง กลับบ้านเรากันเถอะ อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์”
“กลับก็แปลว่ายอมรับสิ” กู้เซียงกวาดตามองผู้คนโดยรอบ “ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไร เพราะยังไงพวกเขาก็ไม่ฟัง ฉันเคยบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า ความผิดเดียวสำหรับวงการบันเทิงคือการโดดเด่นจนเกินไป”
ความริษยา โทสะ ความเห็นแก่ตัว ล้วนปรากฏในการแก่งแย่งชิงดี ยิ่งวงการบันเทิงมีการแข่งขันสูง อารมณ์เหล่านี้เลยมีให้เห็นอยู่เสมอ
เธอรู้ดีว่าข่าวด้านมืดเป็นอะไรที่คนวงการบันเทิงชอบ ไม่ใช่ว่าเธออธิบายไม่ได้ แต่อยากประเมินสถานการณ์ก่อน
เฝิงเหวินในเดรสตัวยาวสีดำเดินหน้าบึ้งมาหากู้เซียง
หากเธออยากให้ความลับของตัวเองถูกเปิดเผย คงพูดไปนานแล้ว หลายปีที่ผ่านมาไม่มีใครรู้เรื่องนี้ แปลว่าเธอก็ไม่อยากให้รู้เช่นกัน
“ยังดูดีอยู่เลยนี่” เฝิงเหวินประชด “อุตส่าห์บากหน้ามาถึงที่นี่ ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
“ฉันควรนั่งร้องไห้อยู่แต่ในห้องงั้นเหรอ?” กู้เซียงเลิกคิ้วถาม “อะไรควรทำก็ทำไป ถึงยังไงก็ต้องเล่นหนังเรื่องนี้อยู่ดี”
ข้อดีของกู้เซียงก็คือ เธอจะไม่เปลี่ยนแผนที่วางไว้เพราะเรื่องไม่คาดฝันเด็ดขาด แม้ข่าวเสียหายจะกระจายไปทั่วหัวระแหง ก็ยังต้องทำหน้าที่เหมือนเดิม
ในเมื่อบทนางเอกยังคงเป็นของเธอ ก็จะทำให้ทุกคนที่อยากเห็นเธอย่อยยับหน้าหงายไปตามๆ กัน
เธอเคยถูกข่าวเสื่อมเสียถล่มจนแทบฆ่าตัวตายมาแล้ว พอได้เจอประเด็นดราม่า จึงไม่สะทกสะท้านอีก เพราะข่าวลือก็คือข่าวลือวันยังค่ำ
เฝิงเหวินมองกู้เซียงด้วยแววตาเหลือเชื่อ “ฉันจะสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด”
“ฉันก็เหมือนกัน” กู้เซียงตอบ
เฝิงเหวินหันหลังเดินจากไป เพราะคิดว่าคุยต่อก็ไร้ประโยชน์
ด้วยความที่เธอมีฐานแฟนคลับอยู่ในอเมริกาพอสมควร พอตกเป็นผู้เสียหาย หลายคนจึงปฏิบัติดีต่อเธอด้วยความสงสาร
กู้เซียงถูกทิ้งไว้ตามลำพัง แต่กลับไม่แสดงอาการร้อนใจ และยังคงพูดคุยกับเหวินจิ้งด้วยท่าทางปกติ
ซ่งจูเสียนลอบมองด้วยแววตาเกลียดชัง ใช่ว่าทุกคนจะสามารถแย่งบทของคนอื่นได้ โดยเฉพาะกู้เซียงที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่แบบไม่มีคนคอยหนุนหลังด้วยแล้ว
คิดได้เช่นนี้จึงหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วส่งข้อความหาใครบางคน
แม้สเก็ตเชอร์สจะพยายามแนะนำกู้เซียงด้วยความตื่นเต้น แต่เพื่อนร่วมวงการกลับไม่แยแส และแสดงออกว่าสนใจเฝิงเหวินมากกว่า
ผู้กำกับอีกคนที่สนิทกับสเก็ตเชอร์สกระซิบบอกเขาว่า “สเก็ตเชอร์ส… ครั้งนี้นายพลาดแล้ว”
สเก็ตเชอร์สเพียงแต่ยิ้มและไม่ตอบอะไร
แฟนคลับด้านนอกพยายามแทรกตัวเข้ามา เพราะงานเปิดตัวภาพยนตร์จะมีดารามาร่วมงานค่อนข้างมาก
เมื่อดาราคนอื่นๆ ได้ทักทายแฟนคลับและร่วมถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็ถึงคราวของกู้เซียง
“ดูนางโสเภณีจีนคนนั้นสิ!”
สิ้นประโยคนี้ เสียงเป่าปากและโห่ไล่ก็ดังสนั่น