หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 29

ตอนที่ 29

จ่านลู่หันมองกู้หนานพลางบ่น

“พ่อนี่ก็เหลือเกิน บังคับให้มาจนได้ พวกเขายังไม่ได้จะแต่งงานสักหน่อย ทำไมต้องพิธีรีตองขนาดนี้!”

“เฝิงเหวินกับจ่านหยางไม่เคยคบกันสักหน่อย!” กู้หนานขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

เขาเหมือนกู้เซียงมาก โดยเฉพาะเรื่องที่ชอบปกป้องคนในครอบครัว ยิ่งได้ยินพี่สาวถูกกระแนะกระแหนในระยะเผาขน ก็ยิ่งทนไม่ไหว

เขายกจานผลไม้ขึ้น แล้วจิ้มแตงโมเข้าปากอย่างไม่เกรงใจ

“พ่อนี่ก็จริงๆ เลย ยังไม่ดองกันสักหน่อย ต้อนรับขับสู้ซะดีเชียว!”

จ่านลู่ชี้หน้ากู้หนานด้วยความโมโห “นาย!”

เธอถูกเอาใจจนเคยตัว พอถูกพูดจาประชดประชันอย่างไม่เกรงใจ ก็เก็บอาการไม่อยู่

หลังกินแตงโมจนหมด กู้หนานก็พูดขึ้นว่า

“ทิ้งไว้ให้หมากินเสียดายแย่!”

เขาทิ้งจ่านลู่ที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟไว้เบื้องหลัง แล้วเดินเข้าห้องนอนไป

กว่าจ่านหยางกับกู้เซียงจะนั่งเครื่องบินมาถึง ทั้งสองครอบครัวก็สนิทสนมกันแล้ว

กู้เซียงรู้สึกว่าหลายเรื่องในชาตินี้เกิดขึ้นอย่างที่เธอปรารถนา แต่ก็มีหลายเรื่องที่หักมุมอยู่เหมือนกัน

กู้ฉางชุนพึงพอใจตระกูลจ่านมาก โดยเฉพาะการที่ลูกสาวจะมีที่พึ่งที่ไว้ใจได้

“พี่เขย เดินทางมาเหนื่อยหรือเปล่า อยากพักก่อนไหม?” กู้หนานทักทายจ่านหยาง

“ไม่ต้องหรอก” จ่านหยางตอบด้วยรอยยิ้ม “ฉันเอาหนังสือมาฝากด้วยนะ ตีพิมพ์ครั้งสุดท้าย นายน่าจะชอบ”

“จริงเหรอ?” กู้หนานตาเป็นประกาย “ขอบคุณครับพี่เขย” เขารีบพูด

กู้ฉางชุนมองลูกชายราวกับเห็นผี เพราะที่ผ่านมากู้หนานชอบทำสีหน้าท่าทางเย็นชา ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่กลับสดใสเบิกบานเมื่ออยู่ต่อหน้าจ่านหยาง

หลังสร่างเมา กู้ฉางชุนลืมบทสนทนาที่คุยกับจ่านฉางเฟิงเมื่อคืนจนหมดสิ้น

เขามองจ่านหยางด้วยสายตาจับผิด ใจก็คิดว่าลูกสาวอาจถูกคนคนนี้เล่นของ เพราะทั้งกู้เซียงและกู้หนานหลงใหลผู้ชายคนนี้มาก ซึ่งจะต้องรู้ให้ได้ว่าเพราะอะไร

จ่านลู่ยืนอยู่หลังจ่านฉางเฟิง มองจ่านหยางอย่างไม่เชื่อสายตา

การที่เด็กวัยรุ่นอย่างเธอมีพี่ชายที่ทั้งหล่อทั้งเท่ ฉลาด สุขุม และมีชื่อเสียง ย่อมเป็นความภาคภูมิใจอยู่แล้ว แต่เวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน จ่านหยางกลับทำเหมือนเธอเป็นแค่คนเดินถนนทั่วไป ยังคงเย็นชาและห่างเหินเหมือนเดิม

แต่เมื่อได้เจอกู้หนาน กลับใช้คำพูดที่สุภาพอ่อนโยนด้วย จนจ่านลู่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ—สองพี่น้องตระกูลกู้ไม่ธรรมดาจริงๆ แม้แต่คนที่คุมยากก็ยังอ่อนข้อให้!

ทั้งสองฝ่ายมองสำรวจซึ่งกันและกัน ตระกูลจ่านเพิ่งได้เห็นกู้เซียงเป็นครั้งแรก จึงตื่นเต้นจนออกนอกหน้า โดยเฉพาะจ่านฉางเฟิง

จ่านหยางไม่เคยมีความรักก่อนวัยอันควร เป็นคนว่านอนสอนง่ายมาตลอด แต่เมื่ออายุมากขึ้น ก็ยังคงไม่มีความรัก จ่านฉางเฟิงจึงเริ่มร้อนใจ กลัวว่าสิ่งที่เขาเคยทำไว้ในอดีตจะกลายเป็นปมในใจของลูกชาย ทำให้ไม่อยากเข้าใกล้ผู้หญิง

พอรู้ว่าจ่านหยางคบกับกู้เซียง แม้ปากจะบอกว่าต้องศึกษานิสัยให้ดีก่อน แต่ในใจกลับตื่นเต้นมาก ขอแค่ได้เจอหน้าว่าที่สะใภ้ ก็ไม่คิดถือสาอะไรทั้งสิ้น

บร๊ะ! หยางหยางชอบผู้หญิงแล้ว ชอบผู้หญิงจริงๆ ด้วย ฮ่าๆ—จ่านฉางเฟิงหัวเราะในใจ

“กู้เซียงใช่ไหม? สวยอย่างที่คิดเลย ฉันเคยดูหนังที่เธอเล่นกับเสี่ยวจ่านด้วยนะ เหมาะสมกันมาก” เขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

เธอนึกภาพชายวัยใกล้เกษียณ นั่งดูหนังรักอยู่บนโซฟาแล้วกินขนมไปด้วยไม่ออก

จ่านหยางกระแอมเล็กน้อย “นั่งคุยกันดีๆ เถอะครับ”

“ได้ๆ” จ่านฉางเฟิงรีบนั่งลง

เมื่อทุกคนเข้าประจำที่ จ้าวจวนก็เปิดบทสนทนาด้วยความระมัดระวัง

“หยางหยาง ที่พ่อของเธอกับฉันมาในวันนี้ เพราะอยากถามเรื่องการแต่งงาน”

เธอพูดอย่างระมัดระวัง และคอยสังเกตสีหน้าของจ่านหยางไปด้วย เพราะกลัวว่าเขาจะไม่พอใจ

“สื่อต่างประเทศออกข่าวไปแล้ว พวกเราเลยคิดว่าไม่ควรปล่อยเรื่องนี้ให้นานเกินไป กู้เซียงเป็นผู้หญิงจะดูไม่งาม”

สื่อต่างประเทศลงข่าวพวกเขาราวกับเป็นคู่หมั้นกันแล้ว จ่านฉางเฟิงรู้จักนิสัยของลูกชายดี ถ้าเขาไม่ชอบกู้เซียง เรื่องคงไม่บานปลายใหญ่โตขนาดนี้

ในเมื่อข่าวกระจายออกไปทั่วโลก ก็แปลว่าจ่านหยางตั้งใจจะใช้ชีวิตร่วมกับกู้เซียงแล้ว

จ่านหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้เขาจะเตรียมการไว้บ้างแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้เรื่องนี้จำกัดอิสรภาพของกู้เซียง เพราะเธอไม่ใช่คนที่จะยอมให้การแต่งงานมากักขังตัวตน ยิ่งเธอได้งานที่อเมริกา เขาก็ยิ่งต้องเปลี่ยนแผนตาม

กู้ฉางชุนได้ยินก็ยิ่งดีใจ การที่กู้เซียงเข้าวงการบันเทิงและพาตัวเองให้ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ ทำเขารู้สึกภูมิใจอย่างมาก แต่ลึกๆ ก็ยังแอบกังวล

ในฐานะพ่อ กู้ฉางชุนไม่ได้อยากให้ลูกสาวโด่งดัง แต่อยากให้เธอมีความสุขและไม่เหนื่อยกับงานจนเกินไป เพราะวงการบันเทิงทำให้ดาราหลายคนเสียสุขภาพ ด้วยรูปแบบของงานที่ต้องลำบากตรากตรำ

ถ้ากู้เซียงได้แต่งงานเร็วๆ ชีวิตก็อาจจะมั่นคงขึ้น

“ขอโทษนะคะพ่อ ขอโทษนะคะเหล่าจ่าน ตอนนี้พวกเรายังไม่คิดถึงการแต่งงาน” กู้เซียงปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม “งานของหนูกับจ่านหยางกำลังไปได้ดี อีกอย่างพวกเราอยากให้ความรู้สึกมั่นคงกว่านี้ก่อน ไม่อยากรีบร้อนด่วนตัดสินใจค่ะ” เธอพูดถึงแผนการของตัวเองโดยไม่ปิดบัง

ใครเป็นคนกำหนดว่าผู้หญิงอายุเท่านั้นเท่านี้จะต้องแต่งงาน พอไม่แต่งก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อีก ในเมื่อคนเราเกิดมาแค่ครั้งเดียว ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองรักเพื่อจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง

คำพูดตรงไปตรงมาของเธอทำผู้ฟังอึ้งไปตามๆ กัน

“บ้าไปแล้วหรือไง?” จ่านลู่รับไม่ได้กับคำตอบ

“เกี่ยวอะไรกับเธอ?” กู้หนานสวนกลับทันควัน

“ลู่ลู่” จ่านฉางเฟิงตำหนิลูกเลี้ยง ก่อนจะหันไปมองกู้เซียงแล้วตอบด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เป็นไรหรอก ค่อยๆ ดูกันไปก็ดีเหมือนกัน”

กู้ฉางชุนพยักหน้าเห็นด้วย

“พวกเธอยังเด็ก ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ขยันทำงานเก็บเงินน่ะดีแล้ว ว่าแต่…” จ่านฉางเฟิงหันมองจ่านหยาง “ถ้าคิดเรื่องแต่งงานเมื่อไหร่ ต้องรีบบอกพ่อนะ จะได้ช่วยกันวางแผน ครั้งนี้ถือว่าสองครอบครัวได้เจอหน้ากัน ฉลองสักหน่อยดีกว่า”

“ใช่ๆ นายพูดถูก” กู้ฉางชุนรีบรับคำ

กู้เซียงกับจ่านหยางสบตากันด้วยความอิดหนาระอาใจ

พอออกมาได้ กู้เซียงก็จูงจ่านหยางเข้ามาในห้องเพื่อปรับความเข้าใจ

“ที่ฉันพูดเมื่อกี๊ คุณโกรธหรือเปล่า?”

“ถ้าผมบอกว่าโกรธ คุณจะชดเชยให้เหรอ?”

“ไม่”

“ถ้างั้นก็ไม่โกรธ”

“จริงเหรอ?” กู้เซียงทำหน้าทะเล้น

จ่านหยางถอนหายใจแล้วลูบศีรษะอีกฝ่าย

“คุณมีความสุขก็ดีแล้ว ยังไงผมก็รออยู่ตรงนี้ จะแต่งเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วแต่คุณเลย”

“ไม่กลัวถูกหลอกเหรอ? เกิดฉันอยากเลิกกับคุณขึ้นมากลางคัน จะทำยังไง?”

วิธีจีบหญิงร้อยแปดพันเก้าที่จ่านหยางศึกษามาไม่เสียเปล่า เขาขยิบตาให้กู้เซียงแล้วพูดว่า

“จะยากอะไร ก็รีบฉวยโอกาสก่อนสิ”

“คุณ!”

ไม่ทันที่กู้เซียงจะได้พูดอะไร กู้หนานก็เปิดประตูแล้วเดินเข้ามา

“คุมตัวเองกันหน่อยสิ!”

เห็นทั้งสองนิ่งอึ้งไป เขาก็โบกมือ “เอาละๆ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันเลย ฉันส่งวิดีโอไปให้พี่ทางอีเมล มีเวลาก็เปิดดูหน่อยนะ”

พูดจบก็หันไปขยิบตาให้จ่านหยาง “ผู้ชายอย่างเราท่าต้องไว ใจต้องนิ่งรู้เปล่า”

พริบตาเดียวก็ถึงช่วงปีใหม่อีกครั้ง

หลังปีใหม่ ภาพยนตร์เรื่องไล่ล่าฆ่าเบคที่กู้เซียงเล่นจะถ่ายทำเสร็จพอดี

ระหว่างการถ่ายทำ ฝีมือการแสดงของกู้เซียงทำให้สเก็ตเชอร์สตื่นตาตื่นใจมาก โดยเฉพาะฉากบู๊ที่แสดงได้อย่างคล่องแคล่วราวกับไม่ใช่ดาราหน้าใหม่

การหาความพอดีระหว่างการแสดง ทั้งท่าทางและสีหน้าอารมณ์ เป็นสิ่งที่กู้เซียงถนัดและทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยฝีมือขนาดนี้ กับบทภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นน่าสนใจ ก็ยิ่งสมบูรณ์แบบมากขึ้นไปอีก

แม้สเก็ตเชอร์สจะยังหนุ่ม แต่เขาเป็นผู้กำกับที่มีความสามารถและมีชื่อเสียงในวงกว้าง เมื่อเขาให้ความสำคัญกับกู้เซียง เพื่อนร่วมวงการคนอื่นๆ ก็สนใจตาม บางคนถึงกับมาเยี่ยมกองถ่าย และจากไปด้วยความรู้สึกชื่นชม

การมีพรสวรรค์นั้นไม่ยาก ที่ยากคือการนำพรสวรรค์และประสบการณ์นั้นๆ มาตกผลึกรวมกัน ประสบการณ์ของกู้เซียงเหมือนมีอยู่โดยไร้ที่มา ทำให้พวกที่เคยดูถูกเธอต้องทิ้งความคิดเหล่านั้นไป

การสามารถนำประสบการณ์กับพรสวรรค์มาตกผลึกรวมกันไม่ใช่เรื่องยากที่สุด ที่ยากคือเธอเป็นคนมีความสามารถโดดเด่น แต่ยังทำงานด้วยความตั้งอกตั้งใจ ส่งผลให้ทั้งกองถ่ายกระตือรือร้นตามไปด้วย

กู้เซียงไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงปิดกล้อง เนื่องจากติดงานมอบรางวัลโล่ทองคำ ซึ่งจ่านหยางได้รับรางวัลนักแสดงชายดีเด่นจากภาพยนตร์เรื่องวีรบุรุษสุจริต

เหตุการณ์เหมือนกับในชาติที่แล้ว หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องวีรบุรุษสุจริตเข้าฉาย จ่านหยางก็ได้รับรางวัลนักแสดงชายดีเด่นหรือรางวัลราชาแห่งวงการภาพยนตร์

สำหรับเขา ค่ำคืนนี้ถือเป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ แม้จะเป็นหนึ่งในสองของพระเอกที่แสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่การแสดงของเขาเหนือความคาดหมายของทุกคนมาก

กู้เซียงรู้สึกได้ว่าฝีมือการแสดงของจ่านหยางผ่านการฝึกฝนและดีกว่าชาติที่แล้วไม่น้อย ฉากเศร้าแต่ละฉาก เขาแสดงได้ขยี้ใจคนดู แม้พระเอกอีกคนจะแสดงได้ดีไม่แพ้กัน แต่ก็ยังด้อยกว่าอยู่ดี

ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ กู้เซียงไม่มาร่วมคงไม่ได้ เธอจึงปฏิเสธงานเลี้ยงปิดกล้องของภาพยนตร์เรื่องไล่ล่าฆ่าเบค เพราะเคยให้สัมภาษณ์ตอนโปรโมทหนังไปแล้ว

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท