หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 37

ตอนที่ 37

เมื่อได้เห็นเด็กชายตัวน้อยในระยะใกล้ หนุ่มผมหยิกก็ยิ้มไม่หุบ

วันนี้จ่านซิงเฉินสวมชุดกีฬา ริมฝีปากของเขาเป็นสีชมพูระเรื่อ ดวงตาสดใสดั่งดวงดาวและแฝงไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ผิวขาวเนียนละเอียดเหมือนเดินออกมาจากภาพวาด

หนุ่มผมหยิกสะกดกลั้นความตื่นเต้นเอาไว้ แม้จะไม่ใช่นักข่าวฝึกหัดเหมือนเมื่อก่อน แถมยังเคยสัมภาษณ์ดาราดังมาแล้วหลายคน รวมถึงได้เป็นพิธีกรรายการใหญ่ๆ มาแล้วไม่น้อย แต่เพราะเด็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือลูกชายของไอดอลสาวที่เขาหลงใหลมานานนั่นเอง

เด็กน้อยมองชายท่าทางประหลาดแล้วกะพริบตาถี่ๆ สีหน้าแววตายังคงเป็นธรรมชาติ

อายุแค่นี้แต่กลับไม่ประหม่าเวลาอยู่หน้ากล้อง น่ารักจริงๆ—หนุ่มผมหยิกชื่นชมในใจ

เมื่อทุกคนเข้าประจำที่ พิธีกรหนุ่มผมหยิกก็เปิดรายการ

“จ่านซิงเฉินของพวกเรามาถึงแล้ว ทักทายคนดูหน่อยครับ”

จ่านซิงเฉินจำได้ว่านี่คือรายการถ่ายทอดสด เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะยิ้มทักทายทุกคนในห้องส่ง

ตอนไม่ยิ้ม เขาดูเหมือนเด็กดื้อคนหนึ่ง แต่เมื่อได้โชว์ลักยิ้มทั้งสองข้าง โลกก็ดูสดใสทันที เหมือนธารน้ำแข็งที่ละลายและสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิ

“สวัสดีครับ ผมชื่อจ่านซิงเฉิน”

“ชื่อเพราะจังเลย ทำไมถึงชื่อนี้ล่ะครับ?” พิธีกรหนุ่มผมหยิกถามต่อ

ปกติคำถามแบบนี้ พ่อกับแม่จะมีการนัดแนะลูกๆ ไว้ก่อน

เกาหนิงบอกว่า “ปะป๊า หม่าม้าอยากให้หนูเป็นคนเรียบร้อยค่ะ”

เติ้งเติงบอกว่า “หม่าม้าบอกว่าชื่อนี้น่ารักครับ”

เวินเถียนเถียนตอบว่า “เพราะหนูหน้าหวานไงคะ”

แต่จ่านหยางไม่ได้นัดแนะกับจ่านซิงเฉิน เพราะอยากรู้ว่าลูกชายจะแก้สถานการณ์ยังไง

ในฐานะพ่อ เขาไม่อยากให้ลูกชายแค่มายืนอวดใบหน้าหล่อๆ ของตัวเอง แต่อยากให้ทุกคนได้เห็นศักยภาพในอีกมุมหนึ่งด้วย

พิธีกรหนุ่มผมหยิกมองเด็กชายผู้หล่อเหลาราวกับรูปปั้นแกะสลักอย่างใจจดใจจ่อ

เขาเดาว่าจ่านซิงเฉินจะตอบว่า “ปะป๊า หม่าม้าอยากให้ผมส่องแสงสว่างเหมือนกับดวงดาวครับ”

ถ้าอีกฝ่ายตอบแบบนี้ เขาก็จะพูดกลับไปว่า “แค่นี้หนูก็ส่องสว่างเหมือนกับดวงดาวแล้วครับ”

ทว่าความเป็นจริงโหดร้ายกว่านั้น…

จินตนาการของเด็กไม่มีที่สิ้นสุด จ่านซิงเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิด คล้ายกำลังหาทางออกอย่างหนัก จนเพื่อนๆ อดที่จะหันมองไม่ได้

“เพราะปะป๊าหม่าม้าของผมเป็นซูเปอร์สตาร์ ชื่อของผมก็เลยแปลว่าดาวดวงน้อยครับ”

ช่างเป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมาเหลือเกิน

ถางรุ่ยได้แต่อ้าปากค้าง ส่วนเจี่ยงลี่ลี่ก็เบ้ปากด้วยความหมั่นไส้

“ช่างกล้านะไอ้หนู!”

จ่านฉางเฟิงและกู้ฉางชุนที่นั่งดูโทรทัศน์ด้วยกัน หัวเราะเสียงดังลั่น

“หลานคนนี้มันแสบจริงๆ ฮ่าๆๆ” กู้ฉางชุนชอบอกชอบใจ

“บุคลิกแบบนี้ก็เป็นเอกลักษณ์ดีนะ” จ่านฉางเฟิงขยับแว่นตาให้เข้าที่

กู้หนานกอดอกมองชายแก่สองคนที่กำลังหัวเราะร่วน

“เธอเป็นคนสอนประโยคเมื่อกี๊ให้หลานใช่ไหม?” เขาหันไปถามตู้หยู่

“ตอบแบบนี้น่ารักจะตาย” ตู้หยู่แอบบ่นเบาๆ “ไม่คิดว่าเขาจะจำได้ด้วยซ้ำ”

จ่านซิงเฉินไม่ใช่ชื่อที่กู้เซียงกับจ่านหยางตั้งให้ ตอนนั้นพวกเขาตั้งแค่ชื่อเล่นว่าจ่านซิงซิง เพราะชื่อจริงคุณตากับคุณปู่ตั้งไว้ให้แล้ว

ซึ่งกู้ฉางชุนกับจ่านฉางเฟิงเห็นตรงกันว่าหลานของพวกเขาควรเป็นเสมือนดวงดาวที่ส่องแสงเจิดจรัสอยู่บนท้องฟ้า

กู้เซียงกับจ่านหยางไม่กล้าขัด จ่านซิงซิงจึงถูกเปลี่ยนไปเป็นจ่านซิงเฉิน

จ่านซิงเฉินไม่รู้ว่าตัวเองเพิ่งปล่อยมุกออกไป

จ่านหยางพึงพอใจในอารมณ์ขันของลูกชายมาก ส่วนพิธีกรหนุ่มผมหยิกก็รีบดำเนินรายการต่อ

“จ่านซิงเฉิน หนูเป็นเด็กที่พิเศษจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นลูกของซูเปอร์สตาร์ ต่อไปต้องได้เป็นซูเปอร์สตาร์อย่างแน่นอน”

จ่านซิงเฉินพอใจในคำพูดของอีกฝ่าย จึงกล่าวชมด้วยสีหน้าจริงจัง

“ผมของคุณอาเท่สุดๆ ไปเลย!”

พิธีกรหนุ่มผมหยิกถึงกับน้ำตาซึม—เขาชมว่าฉันหล่อใช่ไหม?

ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นรายการสด เขาคงบอกเด็กชายตัวน้อยไปว่า “ว่างๆ ไปทำผมด้วยกันไหม?”

ทว่าตอนนี้อยู่ระหว่างการถ่ายทำ หลังทักทายกันเสร็จจึงเข้าสู่กิจกรรม ‘สำรวจตำบลชิงซาน’

รายการส่งเสริมพัฒนาการเด็กมักสอดแทรกความรู้และมีช่วงให้ได้ฝึกฝนประสบการณ์

ทั้งกองถ่ายจึงย้ายไปที่ตำบลชิงซาน ซึ่งไม่ได้สวยหรูเหมือนชื่อ เพราะเน้นธรรมชาติที่งดงามมากกว่า

นี่คือตำบลที่ห่างไกลจากมลพิษ มีแม่น้ำ ภูเขา ให้ความรู้สึกสบายตา ความเป็นอยู่ค่อนข้างลำบาก ไม่สะดวกสบายเหมือนในเมืองหลวง

พอจ่านซิงเฉินเห็นห้องพักที่ทางรายการจัดไว้ให้ก็ทำหน้าบึ้ง

บ้านพักมีทั้งหมดสี่หลัง หลังที่ดีที่สุดคือบ้านของชาวนาคนหนึ่ง ใต้หลังคามีข้าวโพดแขวนไว้เป็นราว หลังที่สองเป็นเพียงบ้านมุงจากธรรมดา ดูเก่าแต่ก็พอพักอาศัยได้ หลังที่สามเป็นบ้านมุงฟาง หลังคาบางส่วนชำรุดหลุดลุ่ยไปบ้างแล้ว ยังมีแพะตัวหนึ่งผูกไว้หน้าบ้าน ซึ่งดึงดูดความสนใจของเด็กๆ มาก ส่วนหลังสุดท้าย แม้แต่จ่านหยางก็ยังมีสีหน้าเคร่งเครียด

หลังที่สี่คือวัดร้าง ไม่มีห้องพักเป็นสัดเป็นส่วน ด้านในมีกองฟางสองกองที่คลุมด้วยผ้าผืนใหญ่เพื่อใช้สำหรับนอนวางอยู่

เมื่อเด็กๆ เห็นบ้านหลังที่สี่ก็พากันตื่นกลัว แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังปวดหัวจี๊ด

พวกเขาไม่ใช่คนเรื่องมากและไม่ได้ถือตัว แต่เด็กๆ จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างรัดกุม เพราะอาจมีเชื้อโรคที่ทำให้เจ็บป่วยได้

เติ้งเติงหันไปกระตุกเสื้อของเติ้งซินผู้เป็นพ่อ แล้วถามอย่างไร้เดียงสา

“ปะป๊า อันนั้นคือเตียงใช่เปล่า?”

เติ้งซินมองรูปปั้นกวนอิมที่ตั้งอยู่หน้ากองฟาง เนื่องจากค่อนข้างเก่าจึงทิ้งร่องรอยประหลาดไว้ไม่น้อย ทั้งยังมีขนาดใหญ่จนไม่อาจเคลื่อนย้าย หากตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วเห็นรูปปั้นนี้เข้า อย่าว่าแต่เด็กเลย แม้แต่เขาก็ตกใจ

รายการนี้ไม่เคยทำให้คนดูผิดหวัง หลังจากที่พิธีกรหนุ่มหัวหยิกประกาศว่ามันคือบ้านผีสิงที่มีชื่อเสียงที่สุดในตำบลแห่งนี้ เวินเถียนเถียนก็ร้องไห้จ้าแล้วโผกอดเวินหลินยู่

“ปะป๊า หนูไม่อยู่หลังนี้ หนูจะกลับบ้าน”

เวินหลินยู่อายุมากแล้วกว่าจะได้เวินเถียนเถียนมาเป็นแก้วตาดวงใจ เขาจึงรักและทะนุถนอมเธอมาก

“ไม่ต้องกลัวนะลูก ป๊าอยู่ด้วยทั้งคน” เขาอุ้มลูกสาวขึ้นปลอบ

เกาหนิงอายุมากกว่าทุกคน จึงไม่งอแงเหมือนคนอื่น แต่ด้วยความที่เป็นเด็กผู้หญิง แม้ไม่ได้ร้องไห้จ้าเหมือนเวินเถียนเถียน แต่ก็บีบมือเกาลี่จนแน่น

“ปะป๊าคะ หนูกลัว”

เกาลี่นึกขำในใจ “พ่อจูงมือหนู ไม่ต้องกลัวนะ”

“ปะป๊า ผีคืออะไรเหรอ?” เติ้งเติงถามเติ้งซิน

เติ้งซินอธิบายให้ลูกชายฟังอย่างใจเย็น

“ผีคือสิ่งที่เกิดจากมโนภาพของคน เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงนะลูก”

จากนั้นก็เล่าอีกยาวยืด โดยไม่สนว่าเด็กอายุแค่นี้จะเข้าใจหรือเปล่า

ท่ามกลางบรรยากาศการปลอบกันไปปลอบกันมาอย่างอ่อนโยน จ่านหยางและจ่านซิงเฉินดูจะเป็นคู่ที่ประหลาดกว่าใคร

จ่านหยางยืนกอดอก หลุบตามองลูกชายด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ส่วนจ่านซิงเฉินก็ยืนเอามือล้วงกระเป๋า แล้วทำปากขมุบขมิบ

“คนพวกนี้น่ารำคาญจริงๆ!”

พิธีกรหนุ่มผมหยิกยกไมโครโฟนขึ้นถาม

“เสี่ยวซิงซิง กลัวบ้านผีสิงหรือเปล่า?”

ได้ยินที่อีกฝ่ายเรียก ความประทับใจที่จ่านซิงเฉินเคยมีต่อพิธีกรผมหยิกก็ลดน้อยลง

“ไม่กลัวฮะ”

“เพราะอะไรเหรอครับ?” พิธีกรหนุ่มผมหยิกเอ็นดูท่าทางที่ดูโตกว่าเด็กคนอื่นของจ่านซิงเฉินมาก

“ของปลอมทั้งนั้น” เขาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

พิธีกรหนุ่มผมหยิกถึงกับวางหน้าไม่ถูก—เสี่ยวซิงซิงผู้หล่อเหลา เริ่มไม่ให้ความร่วมมือแล้วสิ!

กู้เซียงกับสามีไม่ใช่คนเย็นชา แต่ทำไมลูกชายถึงได้ตัดบทเก่งขนาดนี้

“เขาเคยไปที่กองถ่าย ตอนแม่ของเขาถ่ายหนังผีครับ” จ่านหยางอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่เคยกลัวผีอีกเลย”

หนังผีที่กู้เซียงเล่น?—พิธีกรหนุ่มผมหยิกและคุณพ่อคนอื่นๆ นิ่งอึ้งไปตามๆ กัน

มันคือภาพยนตร์เรื่องคำสาปนรก กู้เซียงแสดงเป็นผีหัวขาด หลังจากเพลงขึ้น หน้าจอก็ปรากฏภาพศีรษะของเธอที่ถูกตัดฉับจนขาด ผู้ชมในโรงต่างกรีดร้องด้วยความตกใจ

หลังได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ พิธีกรหนุ่มผมหยิกก็ไม่กล้านอนคนเดียวไปหลายวัน แต่จ่านซิงเฉินที่อายุยังน้อยกลับไปเยี่ยมกองถ่ายซะงั้น

การที่เขาได้ไปเยี่ยมกองถ่ายถือเป็นเรื่องที่ดีมาก นอกจากจะได้เห็นกับตาว่าทุกอย่างไม่ใช่เรื่องจริง หัวที่ขาดออกมาเป็นแค่อุปกรณ์ประกอบฉาก ส่วนผีตัวที่ว่าก็คือคุณแม่คนสวยของเขา ซึ่งก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร

ท่าทีของจ่านซิงเฉินทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไป ทั้งเพื่อนๆ และคุณพ่อที่มาด้วยต่างมองเขาด้วยแววตาตกตะลึง ซึ่งก็ไม่ได้ส่งผลต่อเขาเท่าไหร่

และแล้วก็เข้าสู่ช่วงของการจับฉลากเลือกบ้านพัก

พิธีกรหนุ่มผมหยิกหยิบกระดาษออกมาสี่แผ่น

“ได้เวลาที่พวกเราจะต้องจับฉลากเลือกบ้านพักกันแล้ว ในมือของผมตอนนี้มีบัตรอยู่สี่ใบ ขอให้เด็ก ๆ ออกมาหยิบกันคนละใบ แล้วเอาไปให้คุณพ่อเป็นคนเฉลยนะครับ” เขาพักหายใจครู่หนึ่ง “แต่ก่อนที่เราจะเริ่ม ต้องจัดลำดับการจับฉลากซะก่อน ขอเชิญคุณพ่อทั้งสี่คน ก้าวออกมาข้างหน้าแล้วทำการวิดพื้น คนไหนที่วิดพื้นได้นานที่สุด จะได้จับฉลากเป็นคนแรก ส่วนคนที่วิดพื้นได้น้อยที่สุด จะได้จับฉลากเป็นคนสุดท้าย”

คุณพ่อทั้งสี่มองหน้ากันไปมา

เวินเถียนเถียนที่ถูกเวินหลินยู่อุ้มอยู่ จุ๊บหน้าผากผู้เป็นพ่อแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ชนะให้ได้นะคะปะป๊า”

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท