หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 38

ตอนที่ 38

ในที่สุด งานเลี้ยงประกาศรางวัลประจำปีก็เริ่มต้นขึ้น

 

นอกจากเรื่องชุดที่ดึงดูดความสนใจของนักข่าวแล้ว ประเด็นหลักของงานอย่างรางวัลดาราหน้าใหม่แห่งปีก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

 

ละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนมียอดผู้ชมสูงสุดในรอบปี ย่อมคว้ารางวัลหลายรายการ อาทิ รางวัลละครดีเด่นแห่งปี รางวัลบทละครดีเด่น รางวัล Popular Vote แต่ที่จะไม่ได้ก็คือรางวัลนักแสดงนำดีเด่น

 

เฉพาะเหลียงจี้คงไม่เท่าไหร่ แต่เฉียวอิ้งฉิงที่ทั้งผู้กำกับและนักเขียนตั้งใจจะผลักดันมากที่สุดกลับไม่ได้รางวัลอะไรเลย

 

เจี่ยงลี่ลี่ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบดีเด่นจากบทของฮองเฮาผู้โหดเหี้ยม สั่นคลอนภาพลักษณ์ของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์ก่อนหน้านี้ นับเป็นการกลับสู่วงการบันเทิงที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง

 

กู้เซียงได้รับรางวัลดาราหน้าใหม่แห่งปี ซึ่งเป็นรางวัลที่แก่งแย่งกันดุเดือดมาก

 

ทุกปีจะมีดาราหน้าใหม่ออกสู่สายตาสาธารณชน บ้างก็มีคนคอยหนุนหลัง บ้างก็ดวงดีเพราะมีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ ต่างคนต่างก็โดดเด่นไม่แพ้กัน แต่กู้เซียงกลับเป็นม้ามืดที่ได้รางวัลนี้ ทั้งที่ไม่ค่อยมีงาน แถมยังถูกแบนและถูกปล่อยข่าวเสียๆ หายๆ อีก

 

เธอเดินขึ้นไปรับรางวัลบนเวทีแล้วกล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้ไหวพริบอย่างมาก จะได้ไม่ถูกเอาไปล้อเลียนหรือเสียดสีในภายหลัง

 

ตั้งแต่เป็นที่รู้จัก กู้เซียงทำเรื่องต่างๆ ด้วยวุฒิภาวะแบบผู้ใหญ่ การแสดงออกจึงเป็นธรรมชาติ

 

รางวัลนี้คือก้าวแรกของการเป็นที่ยอมรับ รวมถึงเป็นใบเบิกทางชั้นยอดให้กับเธอในวงการบันเทิง ทุกคนต่างรู้ดีว่าเวทีนี้ยุติธรรมมาก ผู้ที่ขึ้นมอบรางวัลล้วนมีชื่อเสียง อย่างเช่น ‘เติ้งซิน’ ก็เป็นนักร้องเพลงสตริงที่เคยได้รับรางวัลดาราหน้าใหม่ดีเด่นมาก่อน

 

เพียงหนึ่งปีหลังจากได้เปิดคอนเสิร์ตเดี่ยว เขาก็มีตำแหน่งในวงการดนตรีอย่างมั่นคง กู้เซียงรู้ว่าคนคนนี้จะโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ และมียอดขายผลงานที่มหาศาล

 

เติ้งซินมอบรางวัลด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะถามเธอเกี่ยวกับความรู้สึกหลังได้รับรางวัล

 

เฉียวอิ้งฉิงจ้องกู้เซียงไม่วางตา คล้ายจะจับผิด แต่แล้วก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง

 

“ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะ” กู้เซียงตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 

เธอสวยสะดุดตาอยู่แล้ว ยิ่งได้สวมชุดที่แสดงถึงความมั่นใจ ประกอบกับการวางตัวที่เหมาะสม ก็ยิ่งให้ความรู้สึกสุภาพเรียบร้อยและถ่อมตน

 

ดาราที่มาร่วมงานต่างประหลาดใจกับท่าทางสบายๆ และสุนทรพจน์ที่น่าทึ่งของกู้เซียง ภายนอกเธอดูเหมือนหญิงสาวอ่อนแอ บอบบาง แต่เมื่อยืนอยู่บนเวที กลับทำเหมือนว่าเป็นสวนหลังบ้าน หรือสมัยเรียนจะได้รับหน้าที่เชิญธงชาติและพูดหน้าเสาธงเป็นประจำ

 

หลังกลับมานั่งประจำที่ เจี่ยงลี่ลี่ก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบถาม “ยินดีด้วยนะ ว่าแต่ทำไมบทพูดไม่ตรงกับสคริปต์ของเหวินจิ้งเลยล่ะ?”

 

“พอดีฉันลืมบทน่ะ” กู้เซียงตอบ

 

บทที่เหวินจิ้งเขียนให้ค่อนข้างยืดยาว เธอจึงย่อให้สั้นและกระชับลง

 

จ่านหยางที่เป็นแค่นักแสดงสมทบได้รับรางวัล Popular Vote จากชาวเน็ตอย่างไร้ข้อกังขาเหมือนเช่นทุกปี

 

เมื่องานประกาศรางวัลสิ้นสุดลง งานเลี้ยงฉลองก็เริ่มต้นขึ้น

 

งานนี้จัดขึ้นเพื่อศิลปินที่ได้รับรางวัลโดยเฉพาะ สื่อมวลชนจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม

 

เหล่าดาราต่างถ่ายรูปร่วมกันอย่างสนุกสนานแล้วโพสต์ลงเวยป๋อ ตามด้วยการแลกเปลี่ยนความรู้สึกในการทำงานตลอดทั้งปี

 

กู้เซียงไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงประเภทนี้ แต่เพราะกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่เข้าร่วมด้วย จึงจำใจอยู่ต่อ

 

เธอเดินอ้อมระเบียงเพื่อจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องรับรองเพราะสะดวกกว่าห้องน้ำ แต่บังเอิญได้เจอเว่ยคุนที่ยืนถือแก้วเหล้าสองใบระหว่างทาง

 

“ตามหาตั้งนานแน่ะ” เขาส่งแก้วเหล้าให้เธอหนึ่งใบ “ไม่อยากฉลองกับพวกเราแล้วเหรอ?”

 

“ฉันแค่จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดนี้ยาวเกินไป กลัวจะสะดุดล้มน่ะค่ะ” กู้เซียงตอบด้วยรอยยิ้ม

 

“ดื่มสักแก้วก่อนสิ ถือเป็นคำอวยพรจากผม ต่อไปคุณจะต้องดังแน่นอน แล้วอย่าลืมหัวหงอกอย่างผมล่ะ”

 

“ไม่ลืมแน่นอนค่ะ แต่ขอฝากแก้วนี้ไว้ก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวจะกลับมาดื่ม” กู้เซียงทำท่ารีบร้อน

 

“ไม่ได้ๆ ต้องดื่มตอนนี้เลย หรือคุณรังเกียจคนแก่อย่างผม?” เว่ยคุนตัดพ้อ

 

ก่อนหน้าเขาเล่นเป็นฮ่องเต้ในละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วน ก่อนจะมาเป็นผู้บังคับบัญชาและพ่อบุญธรรมของอาจวนในภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ พวกเขาร่วมงานกันสองครั้งแล้ว ถือว่าสนิทกันในระดับหนึ่ง เวลาอยู่ในกองถ่ายก็มักจะดูแลเธอเหมือนรุ่นพี่ดูแลรุ่นน้อง นับว่าเป็นดาราที่มีน้ำใจมากคนหนึ่ง

 

กู้เซียงถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ก็ได้ค่ะ”

 

เธอรับแก้วมาดื่มจนหมด แต่ไม่ได้กลืน หลังส่งแก้วคืนก็รีบเดินไปที่ห้องรับรองโดยไม่บอกลาอีกฝ่าย

 

เว่ยคุนยืนอยู่ที่เดิม มองแก้วเหล้าที่ว่างเปล่าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย

 

 

นักแสดงจากกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่รวมกลุ่มกันชนแก้วเฉลิมฉลอง

 

ที่หน้าห้องน้ำหญิง เฉิงหลินบังเอิญเห็นเฉียวอิ้งฉิงกำลังยืนคุยโทรศัพท์ที่มุมกำแพงพอดี

 

ตั้งแต่ถูกแย่งบทนางเอกเรื่องฆ่าทั้งอาฆาตไป เธอกับเฉียวอิ้งฉิงก็ไม่ติดต่อกันอีกเลย

 

เฉิงหลินไม่ได้เสียดายงาน แต่เสียความรู้สึกในฐานะเพื่อนมากกว่า เธอกับเฉียวอิ้งฉิงเข้าวงการไล่เลี่ยกัน เพียงแต่เดินกันคนละเส้นทาง

 

หลังถอนหายใจเบาๆ เฉิงหลินก็ตัดสินใจเข้าไปหาเฉียวอิ้งฉิงเพื่อปรับความเข้าใจ โดยไม่คิดว่าจะได้ยินแผนการบางอย่าง

 

“ฉันบอกพวกนักข่าวที่เตรียมไว้หมดแล้วว่าให้เล่นใหญ่ได้เลย อย่าลืมไลฟ์สดด้วยล่ะ”

 

“วงการบันเทิงไม่สนเหตุผลหรอก เอาแค่ผลลัพธ์ก็พอ เหล่าหลี่เองก็เตรียมการไว้หมดแล้ว เรื่องไม่ถึงคุณแน่นอน เว่ยคุนเห็นเธอดื่มเหล้าหมดแก้วกับตาเลยนะ”

 

เฉิงหลินขมวดคิ้วแน่น “เว่ยคุน?”

 

“คอยดูแล้วกัน ยัยกู้เซียงจมดินแน่!”

 

เฉิงหลินตาสว่างในทันที หลังจับต้นชนปลายได้ก็วิ่งหน้าตาตื่นไปที่ห้องจัดเลี้ยง

 

“เกิดอะไรขึ้น?” จ่านหยางถามเพราะเห็นอีกฝ่ายลุกลี้ลุกลน

 

“เห็นกู้เซียงบ้างไหม?” เธอถามราวกับเห็นแสงแห่งความหวัง

 

จ่านหยางขมวดคิ้วแล้วถามซ้ำ “เกิดอะไรขึ้น?”

 

“มีคนกำลังจะเล่นงานเธอ!” เฉิงหลินตอบ

 

ที่อีกฟากหนึ่ง นักข่าวของสำนักข่าวบันเทิงรายวันกำลังจัดการกับข้อมูลที่เพิ่งได้มา

 

เด็กหนุ่มผมหยิกกับใบหน้าซื่อๆ เอียงคอมองเพื่อนร่วมงานที่กำลังวุ่นวายกันอยู่

 

“มีข่าวสำคัญอะไรเหรอครับรุ่นพี่?” เขาถาม

 

“ข่าวใหญ่เลยแหละ น่าจะดึงกระแสได้ทั้งอาทิตย์!”

 

“พูดซะอยากรู้เลย บอกหน่อยได้ไหมครับ?” เด็กหนุ่มผมหยิกรบเร้ารุ่นพี่คนสนิท

 

หลังกวาดตามองจนแน่ใจ รุ่นพี่ก็โน้มตัวลงกระซิบที่ข้างหูของเขา “ข่าวดราม่าของกู้เซียง ใหญ่พอไหมล่ะ!”

 

“กู้เซียง?” เด็กหนุ่มครุ่นคิด “ดาราหน้าใหม่ที่ผมเคยไปสัมภาษณ์เหรอครับ?”

 

 

กู้เซียงอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าริมทางเดิน

 

เสื้อผ้าของเธออยู่ห้องที่สองฝั่งขวา แต่ยังไม่ได้เข้าไปเพราะรู้สึกถึงความไม่ปกติ

 

โดยทั่วไปหน้าห้องแต่งตัวนักแสดงจะต้องมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหญิงเฝ้าอยู่ แต่วันนี้ไม่มีสักคน

 

กู้เซียงรู้สึกเหมือนถูกสะกดรอยตาม เนื่องจากทางเดินเป็นรูปวงแหวน จึงตั้งใจเดินอ้อมอยู่หลายรอบ ไม่กล้าตรงไปออกประตูหน้า

 

เธอบ้วนเหล้าในปากทิ้งทั้งหมด ในวงการบันเทิงแม้จะสนิทเพียงใด ก็ไว้ใจมากไม่ได้ โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่มที่คนอื่นส่งให้

 

ชาติที่แล้วเธอพลาดกับเรื่องพวกนี้ หลังหย่ากับเหลียงจี้จึงโดนภาพหลุดโจมตีอย่างหนัก

 

หางตาของกู้เซียงเหลือบไปเห็นเงาของใครบางคน จึงรีบเข้าไปหลบในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งจัดไว้ให้ใช้ร่วมกัน ก่อนจะล้วงหาโทรศัพท์

 

“บ้าเอ๊ย เอาไปไว้ไหนเนี่ย!”

 

เฉียวอิ้งฉิงคิดจะจัดการเธอให้ล่มจม โชคดีที่ไหวตัวทันจึงไม่ได้ดื่มเหล้าจากมือของเว่ยคุน

 

จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก ตามด้วยร่างของจ่านหยางที่แทรกผ่านเข้ามา

 

“คุณ?” กู้เซียงอ้าปากค้าง

 

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

 

เห็นเธอยังปลอดภัยดี จ่านหยางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?” เธอเลิกคิ้วถาม

 

“เฉิงหลินบอกว่าคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมเลยเดาว่าน่าจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่ ประตูห้องอื่นไม่เปิด แต่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ารวมกลับเปิดได้”

 

“มีคนตามมาหรือเปล่า?” กู้เซียงถาม

 

“ที่ประตูมีผู้ชายอยู่คนหนึ่ง ท่าทางแปลกๆ ผมเลยจัดการจนสลบแล้วลากไปไว้อีกห้อง รอแป๊บหนึ่งนะ ผมจะโทรหาพนักงานรักษาความปลอดภัย” พูดจบจ่านหยางก็โชว์เครื่องช็อตไฟฟ้าในมือ

 

เขาบอกว่ามีคนสะกดรอยตามเธอ แปลว่าเฉียวอิ้งฉิงต้องการให้เธอเลือดตกยางออก งานนี้ถ้าไม่แก้แค้นคงไม่ใช่กู้เซียงแล้ว

 

หลังวางสาย จ่านหยางก็โยนเครื่องช็อตไฟฟ้าไว้ในห้อง “ไปกันเถอะ”

 

กู้เซียงพยักหน้าแล้วเดินตามเขาออกไป ทันทีที่เปิดประตู เสียงกดชัตเตอร์ซ้ำๆ และแสงแฟลชมากมายส่องกระทบใบหน้าของพวกเขาจนตาพร่า

 

“คุณกู้ ทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้คะ?”

 

มุมปากของกู้เซียงกระตุกเป็นรอยยิ้มเย็นชา “ทำเรื่องอะไรเหรอคะ?”

 

ทุกคนชะงักไปเล็กน้อย พอไม่มีแสงแฟลชจากกล้อง ภาพตรงหน้าก็ชัดเจนขึ้น

 

นักข่าวคนหนึ่งรีบชะโงกหน้าเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อมองหาความผิดปกติ

 

“อยากเข้าไปถ่ายข้างในไหมคะ?” กู้เซียงทำเสียงประชดประชัน

 

พอเห็นจ่านหยางยืนอยู่ด้วย นักข่าวคนหนึ่งก็รีบยื่นไมค์ไปที่กู้เซียง

 

“ทำไมคุณจ่านถึงอยู่ที่นี่คะ หรือพวกคุณกำลังคบกัน?”

 

“พวกคุณเริ่มคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”

 

“ในฐานะดาราหน้าใหม่ที่ได้รับรางวัล คุณจ่านคือเบื้องหลังที่คอยสนับสนุนหรือเปล่าคะ?”

 

“พวกคุณคบกันตอนถ่ายละครเรื่องฉีโฮ่วจ้วนใช่ไหมครับ?”

 

“ที่คุณได้เล่นเป็นนางเอกเรื่องน้องใหม่ เพราะคุณจ่านช่วยเหลือใช่ไหมครับ?”

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท