องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! – บทที่ 65 การปรากฏตัวขององค์ชาย

บทที่ 65 การปรากฏตัวขององค์ชาย

“โฮก!” เสียงคำรามของสัตว์ร้ายทำเอาแก้วหูแทบแตก 

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยสีหน้าเปลี่ยน นางนึกอยากจะเบี่ยงตัวหลบ แต่ขาทั้งสองข้างของนางกลับถูกพลังบางอย่างตรึงเอาไว้ให้อยู่กับที่ ไม่ว่านางจะพยายามดิ้นรนเพียงใด ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล 

 

 

สัตว์อสูรเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ดุร้ายที่สุดในป่าวิญญาณ ทั้งร่างของมันเต็มไปด้วยพิษ นอกจากผู้ฝึกปราณระดับทองแล้ว ก็ไม่มีผู้ฝึกปราณคนใดที่จะสามารถกำราบมันได้ ไม่ว่าพวกเขาจะเก่งกล้าสามารถแค่ไหน ก็จะกลายเป็นแค่อาหารอันโอชะของมัน 

 

 

“กลิ่นของมนุษย์ หอมอร่อย อร่อย!” ดวงตาของสัตว์อสูรแดงวาบ มันแยกเขี้ยว ขณะพร่ำพูดคำเดิมซ้ำไปซ้ำมาราวกับคนปัญญาอ่อน 

 

 

เรื่องนี้ทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา สัตว์อสูรกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์นั้นแตกต่างกัน สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เกิดมาพร้อมพลังวิญญาณ แต่สัตว์อสูรที่ยังพัฒนาไปไม่ถึงระดับสูงสุดจะไม่สามารถพูดได้ 

 

 

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าโอกาสที่นางจะตายค่อนข้างสูงทีเดียว 

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยกระชับมีดสั้นของตนแน่น พลางเรียกสายลมที่อยู่รอบตัว 

 

 

นางเป็นผู้ฝึกปราณสายควบคุม ตราบใดที่มีลม นางก็สามารถควบคุมมันได้ 

 

 

เจ้าสัตว์อสูรเหมือนจะสังเกตเห็นแล้วว่ามนุษย์ตัวกระจ้อยร่อยตรงหน้ากำลังพยายามต่อต้านตน มันจึงกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ! 

 

 

ร่างของเฮ่อเหลียนเวยเวยกระเด็นไปด้านหลังเหมือนกับว่าวที่สายขาด พลังอันรุนแรงราวกับสายฟ้าฟาดกระแทกร่างนางเข้าอย่างจัง ความรู้สึกเดียวที่นางสัมผัสได้คือความเจ็บปวดรวดร้าวทั่วร่างกาย ประหนึ่งว่าร่างของนางถูกฉีกออกจากกัน 

 

 

ช่วงอกของนางยกขึ้น ก่อนจะกระอักเลือดสีแดงเข้มออกมาเต็มปาก 

 

 

นี่ไม่ใช่เลือดธรรมดา แต่การตีกันระหว่างกำลังภายในและพลังปราณของนาง ทำให้นางอาเจียนเอาเลือดที่มีพิษร้ายแรงที่สุดออกมา!  

 

 

น่าขำสิ้นดี! 

 

 

ราชินีนักรบที่เคยล่าพยัคฆ์มานับไม่ถ้วนอย่างนางจะมาสิ้นท่าอยู่ในสถานที่อย่างนี้ได้อย่างไร! 

 

 

ทันใดนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็รวบรวมพลังปราณ แต่ไม่รู้ว่านางบังเอิญไปสัมผัสกับเส้นลมปราณเส้นใดเข้า พลังลึกลับอันแข็งแกร่งจึงไหลทะลักไปทั่วร่าง 

 

 

พลังปราณลึกลับสายนี้ทำเอานางถึงกับตกใจจนหายใจไม่ออก ในเวลาเดียวกันนั้นหัวใจของนางก็พลันสั่นสะท้าน จากนั้นความหวาดกลัวก็ถาโถมเข้าใส่ สำหรับนางที่เป็นคนทะนงตนมาแต่ไหนแต่ไร ความรู้สึกเช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยด้วยซ้ำ 

 

 

เพราะร่างกายของนางสูญเสียการควบคุม ร่างที่แข็งทื่อของนางจึงล้มลงไปกองกับพื้นทันที 

 

 

นางไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ความรู้สึกเดียวที่มีคือความรู้สึกเหมือนร่างถูกผ่าออกเป็นสองซีก ความเจ็บปวดประหนึ่งมีใบมีดกรีดเฉือนทุกส่วนในร่างกายของนางอย่างโหดเหี้ยม 

 

 

พลังอันรุนแรงสายนั้นอาละวาดอยู่ภายในร่างของนาง และพุ่งไปที่จุดตันเถียน ทุกครั้งที่กระแสพลังแล่นผ่าน มันจะฉีกทึ้งกำลังภายในและพลังปราณที่ผสานอยู่ในร่างของนางไปพร้อมกัน 

 

 

เกิดอะไรขึ้นกันแน่ พลังแปลกๆ นี่มาจากไหน มันคิดจะทำอะไร 

 

 

นางสัมผัสได้ว่าพลังมหาศาลนี้กำลังกลืนกินกำลังภายในของนางไปทีละน้อย 

 

 

คำสองคำพลันปรากฏขึ้นในสำนึกของเฮ่อเหลียนเวยเวย… แว้งกัด 

 

 

นางไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ 

 

 

แต่สถานการณ์ในตอนนี้อันตรายยิ่งนัก พลังนั่นทั้งแข็งแกร่งและดุดัน 

 

 

ในไม่ช้าจะต้องมีปัญหาแน่ หากกำลังภายในของนางถูกกลืนกินจนหมด เช่นนั้นสิ่งที่จะถูกกินต่อไปก็คือตัวนางเอง 

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย 

 

 

อยากกินนางหรือ 

 

 

งั้นก็ต้องถามก่อนว่านางอนุญาตหรือไม่! 

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยรวบฝ่ามือเข้าหากัน เผชิญหน้ากับพลังนั้นในทันที 

 

 

พลังอันแตกต่างทั้งสองสายเหมือนกับคู่ต่อสู้มากฝีมือที่แข็งแกร่งเข้าห้ำหั่นกัน 

 

 

พลังประหลาดที่อยู่ภายในร่างของนางค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับกำลังภายในของนาง! 

 

 

แม้แต่ใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่รอบกายนางก็ดูจะเปลี่ยนไป 

 

 

ปัง! 

 

 

แสงสว่างจ้าบาดตาสายหนึ่งปรากฏขึ้น พร้อมกับพุ่งออกไปหมายจะทำลายล้าง 

 

 

มันระเบิดใส่ขาหน้าทั้งสองข้างของสัตว์อสูรที่คิดจะฉีกเฮ่อเหลียนเวยเวยออกเป็นชิ้นๆ 

 

 

“โฮก!” เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดจากสัตว์อสูรดังก้องไปทั่วบริเวณ 

 

 

สัตว์อสูรถอยหลังกลับไปด้วยความเจ็บปวด มันไม่เข้าใจว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นได้อย่างไร แต่กลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตจากบรรพกาลนั้นกลับทำให้มันไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้นางอีก ดังนั้นมันจึงหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไป! 

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยเองก็รู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งจากภายในร่างกาย นางยั้งมือตัวเองเอาไว้ ก่อนที่พลังซึ่งปะทุอยู่ในตัวจะสลายหายไป 

 

 

นางเห็นเจ้าแมวขาวมองนางด้วยสายตาเหลือเชื่อ “ระดับพลังของเจ้าเพิ่มขึ้นแล้วหรือ” 

 

 

“คงจะอย่างนั้น” เฮ่อเหลียนเวยเวยขยับข้อมือ นางรู้สึกว่าความเปลี่ยนแปลงของนางไม่ใช่การทะลวงระดับพลังปราณธรรมดา 

 

 

เจ้าแมวขาวมองนางด้วยสายตาลึกล้ำ “เจ้าไปฆ่าสัตว์อสูรเสียสิ สำหรับผู้ฝึกปราณแล้ว แกนกลางของสัตว์อสูรนับว่าเป็นยาบำรุงชั้นดีเชียว” 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของมัน เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงจำได้ว่าก่อนหน้านี้หยวนหมิงก็เคยบอกให้นางกินแกนกลางสักอัน ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไมหยวนหมิงถึงอยู่ในสภาวะหลับใหล บางทีหากนางป้อนแกนกลางให้เขากิน เขาอาจจะตื่นขึ้นมาก็ได้ 

 

 

แน่นอนว่านี่เป็นแค่การคาดเดาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเท่านั้น 

 

 

แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นคนที่ทำอะไรรวดเร็วเสมอ ในเมื่อแกนกลางไม่ใช่ของไม่ดี ดังนั้น นางไปเอามาก่อนก็พอแล้ว! 

 

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็โผตัวขึ้นโดยทันที แล้วไล่ตามรอยที่สัตว์อสูรหายไป 

 

 

เจ้าแมวขาวย่อมไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ตัวเดียว มันกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเฮ่อเหลียนเวยเวย 

 

 

หนึ่งคนหนึ่งแมวเข้าคู่กันได้เป็นอย่างดี ทั้งสองต่างตื่นเต้นที่จะได้ล่าสัตว์อสูร 

 

 

แต่พวกนางคิดไม่ถึงว่าสัตว์อสูรที่ควรจะตายแล้วกลับไม่ตาย แต่มันยังบังเอิญไปพบเข้ากับคนอื่นที่เพิ่งมาถึงแทน 

 

 

สัตว์อสูรตัวนั้นดูจะหงุดหงิดกับการปรากฏตัวของมนุษย์จำนวนมาก ยิ่งกว่านั้นมันเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บมาจากเฮ่อเหลียนเวยเวย ตอนนี้มันจึงไม่อยู่ในอารมณ์อยากฆ่าใครอีก จะมีก็เพียงแต่ความหิวเท่านั้นที่ยังคงอยู่ 

 

 

“กิน กิน…” ทันใดนั้น สัตว์อสูรก็อ้าปากและหยุดอยู่หน้าชายหนุ่มผู้หนึ่ง เสียงคำรามอื้ออึงของมันกังวานอยู่ในอากาศ 

 

 

ชายหนุ่มคนนั้นมองสัตว์อสูรอย่างเกียจคร้าน แสงอาทิตย์สาดส่องลงบนเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์ และผมยาวสีดำสนิทของเขา แผ่กลิ่นอายอันน่าดึงดูดออกมา น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ “หลีกไป” 

 

 

ชายคนนั้นดูเหมือนจะเคยชินกับการใช้น้ำเสียงออกคำสั่งเช่นนี้ดี 

 

 

น้ำเสียงของเขาทำให้สัตว์อสูรโมโหขึ้นมา! 

 

 

บ้าอะไรกันวะ! 

 

 

ปกติเวลามนุษย์เห็นมัน เจ้าพวกนั้นจะก้มหัวลง เพราะกลัวว่ามันจะฆ่าพวกเขา! 

 

 

แต่เขากลับมาเจอมนุษย์สองคนที่ไม่สนใจเรื่องนั้น อีกทั้งคนที่สองยังน่าหงุดหงิดเสียยิ่งกว่าคนแรกเป็นไหนๆ! 

 

 

“โฮก!” สัตว์อสูรเงยหน้าคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว และพุ่งเข้าไปหาชายคนั้นด้วยกรงเล็บหมายจะจู่โจม! 

 

 

แม้จะเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรตัวมหึมา ชายหนุ่มผู้นั้นก็ไม่ได้เกรงกลัว อีกทั้งยังไม่คิดที่จะหลบเสียด้วยซ้ำ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาสงบนิ่งและล้ำลึก ขณะยกมือเรียวของตนขึ้นอย่างช้าๆ นิ้วอันงดงามราวกับงาช้างนั้นงอเข้าหากัน แล้วแสงสีทองแดงก็ค่อยๆ ห่อหุ้มมือขวาของเขาเอาไว้ 

 

 

สัตว์อสูรรู้สึกถึงลางไม่ดีขึ้นมาทันที ร่างกายของมันเริ่มสั่น ด้วยความหวาดกลัวกับภาพตรงหน้า มันจึงถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความกลัว! 

 

 

มันตระหนักได้ในยามนี้เองว่าคนคนนี้คือคนที่มันไม่ควรเข้าไปหาเรื่องด้วย 

 

 

ไม่ใช่เพราะมันเพิ่งจะมีสติปัญญา 

 

 

แต่เป็นเพราะเมื่อครู่มันยังไม่ทันสังเกตเห็นเงาที่อยู่ด้านหลังของชายผู้นั้นต่างหาก 

 

 

กิเลนอัคคี! 

 

 

กิเลนอัคคี ราชาแห่งเหล่าสรรพสัตว์! 

 

 

ใครกันที่มีพลังมากพอที่จะทำพันธสัญญากับกิเลนอัคคีได้! 

 

 

สัตว์อสูรนึกเสียใจในการกระทำของตนอย่างที่สุด หากมันหลีกทางไปตั้งแต่ตอนที่ผู้ชายคนนี้ปล่อยมันไป เช่นนั้นมันก็คงไม่ต้องถูกกิเลนอัคคีไล่ล่า! 

 

 

“โฮก!” 

 

 

เสียงคำรามที่แทบดังสนั่นลั่นหูดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าดูน่าสังเวชและเต็มไปด้วยความเสียใจ 

 

 

ภายในพริบตา สัตว์อสูรก็หายไป! 

 

 

สัตว์ร้ายทั้งหมดในป่าวิญญาณต่างพากันตื่นตระหนกหลังจากได้ยินเสียงคำรามนั้น 

 

 

แม้แต่เจ้าแมวขาวที่อยู่บนไหล่ของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็เกร็งตัวขึ้น ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงสัมผัสถึงตัวตนที่แสนอันตรายนั้นได้ 

 

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้ว แล้วกระโดดลงบนพื้น 

 

 

ขณะที่กิ่งไม้รอบๆ ส่ายไหวไปตามลม ขาแข็งแกร่งคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากในป่าจากนั้นก็ตามมาด้วยเข็มขัดทองคำปักริ้วกุหลาบสีดำ สุดท้ายจึงเป็นหน้ากากสีเงิน และเส้นผมสีดำสนิทที่ทิ้งตัวลงด้านหลังของเขา แผ่กลิ่นอายที่เปี่ยมไปด้วยความน่าดึงดูดและความสูงส่งอย่างท่วมท้น ประหนึ่งเทพเจ้าปรากฏกาย… 

 

 

นั่น… องค์ชายสามหรือ 

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก นักรบหญิงย้อนเวลามาเจอสังคมอุดมพลังปราณ…และองค์ชายสายคลั่งรัก!

“เจ้าต้องรับผิดชอบ”

“ก็ได้ ท่านต้องการให้ข้ารับผิดชอบอย่างไรหรือ อย่าบอกนะว่าท่านอยากให้ข้าแต่งงานด้วย”

“แต่งงานหรือ…” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจับคางของเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างหยอกล้อ

“ไหนๆ เราก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ลองมาตรวจสอบเรื่องนี้กันก่อนดีไหม…

ไปเตรียมห้อง!”

เฮ่อเหลียนเวยเวย ราชินีนักรบแห่งศตวรรษที่ 21 ย้อนเวลามาอยู่ในร่างคุณหนูใหญ่ชื่อเดียวกัน

ย้อนมาวันแรกก็พบว่านางถูกยกเลิกงานแต่งงาน ทั้งยังเจอแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดาหมายหัวเอาชีวิต

ทั้งยังต้องพบว่า โลกนี้วัดค่าของคนด้วยพลังลมปราณ ทว่าร่างนี้ไม่มีลมปราณ จึงถูกเรียกว่า ‘นังคนไร้ค่า’

แต่จู่ๆ โชคชะตาให้นางได้บังเอิญพบหนังสือโบราณ ทำพันธะสัญญากับคนหูหมาป่า ทั้งยังมีหนังสือเรียกตัวจากสำนักไท่ไป๋

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบุรุษรูปงามที่ใครต่างก็เกรงใจ นาม ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ไล่ตามนางไปทุกที่

เพราะในเมื่อนางเคยขโมยจูบแรกเขามา และเขาก็คือบุรุษหน้ากากเงินที่นางเคยพบมาก่อน

ชีวิตใหม่นี้มีของดีอยู่ในมือ จะแกร่งขึ้น จะแก้แค้น จะร้ายกว่าเดิมจนทั่วหล้าต้องตกตะลึง นางไม่เคยกลัว!

กลัวเพียงอย่างเดียว… เขาคนนั้นจะไม่คืนชีวิตสุขสงบให้นาง เล่นไล่จับมันเหนื่อยมากนะรู้ไหม?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท