องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! – บทที่ 116 เฮ่ยเหลียนเวยเวยตัวตลก

บทที่ 116 เฮ่ยเหลียนเวยเวยตัวตลก

เฮ่อเหลียนเวยเวยยืนอยู่ท่ามกลางสายตาเหยียดหยามที่จ้องมาจากผู้คนนับพัน ใบหน้าของนางเรียบเฉยและหยิ่งยโส ราวกับว่าบทสนทนาของผู้คนเหล่านั้นไม่ได้รบกวนนางเลยแม้แต่น้อย ดวงตาใสของนางกวาดมองไปรอบๆ อย่างช้าๆ และในที่สุด นางก็มองไปที่เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ “ตระกูลเช่นนั้นหรือ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าถูกขับไล่ออกจากตระกูลเฮ่อเหลียนเพราะเจ้าและท่านพ่อที่ไม่รู้จักบุญคุณคนนั้นมานานแล้ว”

“บุตรสาวคนโตของตระกูลเฮ่อเหลียนคนนี้ช่างก้าวร้าวจริงๆ ลองดูผู้เป็นน้อง แล้วหันมาดูคนเป็นพี่สิ เฉพาะแค่รูปร่างหน้าตาก็บ่งบอกได้แล้วว่าใครคือคนดี และใครคือคนชั่ว”

“เอาเถอะ คนที่หนีออกจากสำนักไท่ไป๋กับผู้ชายกลางดึกเช่นนั้นจะดีได้อย่างไรกันเล่า”

เมื่อได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนทั้งหลาย เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ก็ก้มศีรษะลง และใช้ผ้าเช็ดหน้าซับตรงหางตาของตนเองอย่างเสแสร้ง “ข้ารู้ว่าพี่ใหญ่รังเกียจข้าสุดหัวใจ” หลังจากที่พูดจบ นางก็ค่อยๆ ละสายตาออกจากเฮ่อเหลียนเวยเวย ก่อนจะแสดงท่าทีเห็นอกเห็นใจ และยิ้มให้กับทุกคนอย่างนอบน้อม “ทุกคน อย่าพูดถึงพี่ใหญ่เช่นนั้นเลย นางแค่ไม่พอใจเท่านั้น กล่าวโทษข้าแทนเถอะ”

การกระทำนั้นแสดงให้ทุกคนรับรู้ว่านางเป็นหญิงงามและมีจิตใจเมตตาตามคาด

ริมฝีปากของเฮ่อเหลียนเวยเวยเบะปากออกอย่างไม่ใส่ใจ เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ไม่เคยเบื่อหน่ายที่จะใช้กลยุทธ์ราคาถูกเหล่านี้แสดงให้กลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลังรับชม แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยนั้นเบื่อที่จะทนดูแล้ว

เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์กำผ้าเช็ดหน้าของตนเองและพูดราวกับกำลังลังเล “แต่พี่ใหญ่ไม่เคยจับอาวุธมาก่อน แล้วทำไมท่านถึงมาเข้าร่วมงานประลองเจ้ายุทธ์ได้เล่า ท่านตั้งใจมาเพื่อต้องการให้ชีวิตของท่านน่าสนใจขึ้นเช่นนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นจริง น้องสาวคนนี้ก็ เอ่อ ขอแนะนำให้พี่ใหญ่ถอนตัวเสียดีกว่า”

เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตาลงและมองสีหน้าของทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวที แน่นอนว่าพวกเขาล้วนมีสีหน้าดูถูก สายตาเหล่านั้นจ้องมองมาที่หญิงสาวราวกับกำลังมองดูแมลงกลิ่นเหม็นที่อยู่ในท่อระบายน้ำ พวกเขาแสดงท่าทีที่ดูรังเกียจอย่างมาก

เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะค่อยๆ ยิ้มออกมาอย่างใจเย็น ถอนตัวเช่นนั้นหรือ นางยังไม่ได้เงินเลย หึ แล้วนางจะถอนตัวทำไมกันเล่า

เฮยเจ๋อเองก็ไม่รู้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะมาปรากฏตัวที่นี่ เพราะตอนที่พวกเขาพูดคุยกันนั้น ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้

ในตอนนั้น พวกเขาพูดคุยกันแค่เรื่องการนำอาวุธจากร้านขายอาวุธของพวกเขามาประมูลขายเท่านั้น

ดังนั้น ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ เฮยเจ๋อจึงมักจะเข้าร่วมในงานประมูลสินค้าอยู่เสมอ เขารอมาครึ่งค่อนวัน แต่ก็ยังไม่เห็นหุ้นส่วนธุรกิจของตนเอง เขาจึงคิดไปว่าอีกฝ่ายจะไม่มาแล้ว

เขาไม่คิดเลยว่านางจะเข้าร่วมงานประลองเจ้ายุทธ์ทันทีที่เดินทางมาถึง

เฮยเจ๋อขมวดคิ้ว เขามองดูเหตุการณ์บนเวทีโดยไม่กะพริบตา ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความตึงเครียด

ทำให้เด็กรับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างเขานั้นปรับตัวไม่ทัน…

ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งนั้น มีเหล่าองครักษ์ที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่งต่างก็ขมวดคิ้วอย่างกังวลใจ “นายน้อยขอรับ การเดิมพันครั้งนี้สูงยิ่งนักขอรับ หากเฮ่อเหลียนเวยเวยผู้นี้แพ้ขึ้นมา เช่นนั้นแล้ว…”

“อย่างนี้นี่เอง” เด็กหนุ่มรูปงามที่นั่งอยู่บนตำแหน่งบนสุด ดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงขององครักษ์คนนั้น และกำลังพึมพำกับตัวเองเสียมากกว่า “เป็นการปลอมตัวเช่นนั้นหรือ ดูเหมือนไม่ใช่อย่างนั้นเลย”

ดวงตาขององครักษ์ผู้นั้นเป็นประกาย “ปลอมตัวหรือขอรับ” สิ่งที่ตระกูลชนชั้นสูงของพวกเขาเชี่ยวชาญ ก็คือการปลอมตัว และนายน้อยคนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในคนที่ปลอมตัวได้ดีที่สุดในจักรวรรดิจ้านหลง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร หรือพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเพียงใด นายน้อยคนนี้ก็สามารถแยกแยะตัวตนที่แท้จริงของคนๆ นั้นได้ทันที

ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มรูปงามคนนั้นจะพบกับสิ่งที่น่าสนใจอย่างมาก ดวงตาเรียวยาวของเขาส่องประกายสดใส “ข้าไม่นึกเลยว่าคนไร้ค่าของตระกูลเฮ่อเหลียนจะมีรูปลักษณ์ที่แท้จริงเช่นนั้น หึหึ น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ”

องครักษ์คนนั้นเริ่มเข้าใจสิ่งที่นายน้อยของเขากำลังพูดถึงได้ยากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือแสงสว่างในดวงตาของนายน้อย และท่าทีครุ่นคิดเช่นนี้นั้นเหมือนกับว่านายน้อยได้พบของเล่นที่ถูกใจ

และโดยปกติแล้ว ของเล่นที่นายน้อยรู้สึกถูกใจก็มักจะมีจุดจบเพียงอย่างเดียว นั่นคือความพินาศ…

จริงๆ แล้ว นิสัยเช่นนี้ก็ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาจาก ‘คนๆ นั้น’

หากเปรียบเทียบกับองค์ชายคนนั้น นายน้อยผู้นี้ก็ยังถือว่าน่ารักอยู่ เพราะอย่างน้อย เมื่อเขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เขาก็จะแค่อารมณ์เสีย และก็จบกันไปเท่านั้น

ถ้าเป็นองค์ชายคนนั้น… ความคิดของเขานั้นช่างลึกล้ำ และไม่มีใครสามารถหนีจากเขาพ้น

เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก นายน้อยก็ถูกองค์ชายคนนั้นหลอกลวงอย่างน่าเศร้า

องครักษ์คนนั้นหันศีรษะมามองเด็กหนุ่มรูปงามและดูบอบบางคนนี้อย่างเงียบๆ

ไม่รู้ว่านายน้อยผู้นี้จะยังคงขุ่นเคืองใจที่องค์ชายหลอกให้เขาสวมใส่เสื้อผ้าผู้หญิงอยู่อีกหรือไม่…

“อะไร?” เด็กหนุ่มรูปงามเคาะโต๊ะ แล้วลืมตาเรียวยาวของเขาขึ้น ก่อนจะกวาดสายตามองไปทางองครักษ์

องครักษ์คนนั้นใช้เวลาครุ่นคิดอย่างยากลำบากว่าจะใช้ถ้อยคำอย่างไร ก่อนจะเอ่ยตอบ “ข้าน้อยได้รับข่าวมาจากในวังหลวงขอรับ”

เมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘วังหลวง’ แผ่นหลังของเด็กหนุ่มรูปงามก็สั่นเล็กน้อยพร้อมกับโค้งริมฝีปากเป็นรอยยิ้มที่เยือกเย็น “พูดต่อสิ”

“ดูเหมือนว่าองค์ชายคนนั้นก็จะเสด็จมาที่นี่ด้วยขอรับ” องครักษ์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาในเมืองแล้วหรือยัง แต่การเดินทางครั้งนี้น่าจะเป็นความลับ จึงไม่มีองครักษ์ตามมาด้วยเลยแม้แต่คนเดียวขอรับ”

ปัง!

เด็กหนุ่มรูปงามคว้าคอเสื้อขององครักษ์คนนั้น แล้วดึงอีกฝ่ายเข้ามาหา พร้อมกับพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “หาโอกาสจับตัวเขาไว้”

“นายน้อยขอรับ นั่นคือองค์ชายเลยนะขอรับ” องครักษ์ปาดเหงื่อเย็นๆ ที่ผุดออกมาจากหน้าผากของตนเอง และคิดในใจ [แม้ว่าพวกท่านจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ท่านจะใจร้อนเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ เฮ้อ]

เด็กหนุ่มรูปงามหรี่ตาลง “ไม่ต้องกลัว เชื่อฟังนายน้อยคนนี้ ไปจัดการเขาซะ”

เมืองอู่ซิวนั้นแตกต่างจากเมืองอื่นๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ

เพราะเมืองแห่งนี้อยู่ในสถานะพิเศษ จึงไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของราชวงศ์

กล่าวโดยสรุปคือ เด็กหนุ่มรูปงามคนนี้ต้องการจะสื่อความหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือที่นี่เป็นอาณาเขตของพวกเขา และพวกเขาก็สามารถจับใครก็ตามที่พวกเขาต้องการจะจับได้

องครักษ์คิดแล้วคิดอีก ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ท่านควรคิดทบทวนดูอีกครั้งนะขอรับ ตอนนี้ ร่างกายของท่านยังไม่ฟื้นตัวพอที่จะไปเผชิญหน้ากับองค์ชายคนนั้น”

“ไม่ต้องคิดมาก” เด็กหนุ่มรูปงามเผยให้เห็นฟันเขี้ยวที่สวยงามทั้งสองซี่ “ปีนั้น ตอนที่เขาหลอกให้ข้าสวมใส่ชุดผู้หญิง เขาก็ไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้นเช่นกัน นายน้อยคนนี้จะพูดอีกครั้ง ไปจัดการเขาซะ! ตอนนี้เขาไม่มีพลังปราณ ดังนั้นพวกเราจึงลงมือได้สะดวก”

องครักษ์ไออย่างรุนแรง เขาอยากจะพูดว่า ‘นายน้อยขอรับ พวกเราจะไปต่อสู้กับเขาด้วยวิธีการเช่นนั้น มันจะดีหรือขอรับ’

แต่เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่นายน้อยและองค์ชายคนนั้นยังเป็นเด็ก พวกเขาก็ไร้ยางอายยิ่งกว่าผู้ใด…

“ขอรับ” ในที่สุด องครักษ์ก็ตอบรับคำสั่ง

เด็กหนุ่มรูปงามยิ้ม และออกคำสั่งอย่างจริงจัง “จับเป็น”

องครักษ์คิดในใจ …นี่… นี่คงไม่มีใครกล้าฆ่าองค์ชายคนนั้นหรอกขอรับ

“เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปได้แล้ว ข้ายังอยากจะดูการแสดงดีๆ นี้ต่อ” เด็กหนุ่มรูปงามโบกมือและมองไปที่ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยสายตาที่ต่างจากเดิม พร้อมกับใคร่ครวญถึงสิ่งที่น่าสงสัยเมื่อตอนก่อนหน้านี้

นางใช้รูปลักษณ์ของผู้ชายเข้าหาเขาเช่นนั้นหรือ

อืม เฮ่อเหลียนเวยเวยคนนี้เป็นคนเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ช่างแตกต่างจากที่คิดเอาไว้จริงๆ

เขาไม่รู้เลยว่านางสามารถบอกความแตกต่างของอาวุธแต่ละแบบได้จริงๆ หรือนางเพียงแค่แกล้งทำไปอย่างนั้น…

อันที่จริง แทบทุกคนต่างคิดว่าการที่เฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าร่วมงานประลองเจ้ายุทธ์นั้นเป็นเรื่องตลกกันทั้งสิ้น

พวกเขายังไม่ลืมว่าช่วงหนึ่งเดือนที่แล้วนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยได้เข้าร่วมการทดสอบอาวุธเล็กๆ ที่หอเฟิ่งหวงด้วย

ผลก็คือนางเพิ่งจะเข้าไปด้านในได้เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ก่อนจะโดนท่านอาจารย์ตู๋เทียนขับไล่ออกมาอย่างหมดความอดทน

และในขณะนี้ ณ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่มีการรวมตัวกันของเหล่าเจ้ายุทธ์แห่งนี้ นางยังคงกล้าที่จะเข้ามาและสร้างเหตุการณ์วุ่นวายเช่นนี้อีก นางมีแต่จะทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าก็เท่านั้น

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก นักรบหญิงย้อนเวลามาเจอสังคมอุดมพลังปราณ…และองค์ชายสายคลั่งรัก!

“เจ้าต้องรับผิดชอบ”

“ก็ได้ ท่านต้องการให้ข้ารับผิดชอบอย่างไรหรือ อย่าบอกนะว่าท่านอยากให้ข้าแต่งงานด้วย”

“แต่งงานหรือ…” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจับคางของเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างหยอกล้อ

“ไหนๆ เราก็จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ลองมาตรวจสอบเรื่องนี้กันก่อนดีไหม…

ไปเตรียมห้อง!”

เฮ่อเหลียนเวยเวย ราชินีนักรบแห่งศตวรรษที่ 21 ย้อนเวลามาอยู่ในร่างคุณหนูใหญ่ชื่อเดียวกัน

ย้อนมาวันแรกก็พบว่านางถูกยกเลิกงานแต่งงาน ทั้งยังเจอแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดาหมายหัวเอาชีวิต

ทั้งยังต้องพบว่า โลกนี้วัดค่าของคนด้วยพลังลมปราณ ทว่าร่างนี้ไม่มีลมปราณ จึงถูกเรียกว่า ‘นังคนไร้ค่า’

แต่จู่ๆ โชคชะตาให้นางได้บังเอิญพบหนังสือโบราณ ทำพันธะสัญญากับคนหูหมาป่า ทั้งยังมีหนังสือเรียกตัวจากสำนักไท่ไป๋

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบุรุษรูปงามที่ใครต่างก็เกรงใจ นาม ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ไล่ตามนางไปทุกที่

เพราะในเมื่อนางเคยขโมยจูบแรกเขามา และเขาก็คือบุรุษหน้ากากเงินที่นางเคยพบมาก่อน

ชีวิตใหม่นี้มีของดีอยู่ในมือ จะแกร่งขึ้น จะแก้แค้น จะร้ายกว่าเดิมจนทั่วหล้าต้องตกตะลึง นางไม่เคยกลัว!

กลัวเพียงอย่างเดียว… เขาคนนั้นจะไม่คืนชีวิตสุขสงบให้นาง เล่นไล่จับมันเหนื่อยมากนะรู้ไหม?!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท