เฉินเลี่ยหู่ที่รออยู่ภายในตำหนักคิดภายในใจว่าหากตนเองบุกเข้าไปตำหนักด้านหลัง ถึงแม้จะท่านอ๋องอู๋จะโกรธกริ้ว แต่ก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้
อย่างไรท่านอ๋องอู๋โกรธเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น
เมื่อนึกถึงตอนนั้นที่ท่านอ๋องอู๋ต้องการให้เฉินตันเหยียนเข้าวัง เขาก็ไม่อาจนั่งดูอยู่เฉยๆ ได้ ในขณะที่กำลังจะลุกขึ้นนั้น เฉินตันจูก็กลับมาพอดี แต่ท่านอ๋องอู๋ไม่ได้ออกมาด้วย
ขันทีที่ส่งเฉินตันจูกลับมาพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องพูดคุยกับคุณหนูเฉินเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย กลับไปพักผ่อนก่อนแล้ว”
เหน็ดเหนื่อย? เหน็ดเหนื่อยแบบไหน จางเจี้ยนจวินมองพิจารณาเฉินตันจูด้วยสีหน้าขุ่นเคือง เสื้อผ้าเผ้าผมของเฉินตันจูยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่ตั้งแต่ตอนที่นางเดินทางเข้าพระราชวังก็เป็นเช่นนี้…นางกลับมาจากค่ายทหาร ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนสีหน้าของนาง เฉินตันจูก้มหน้าต่ำด้วยท่าทางเขินอาย มองไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย
แสร้งทำเป็นเขินอายอันใดกัน หากเป็นเมื่อก่อนจางเจี้ยนจวินคงไม่ใส่ใจ แต่เวลานี้เขารู้ว่าเด็กหญิงตรงหน้าสังหารพี่เขยของตนเอง เขาไม่เชื่อว่านางจะเขินอายจริง
นางพูดอะไรกับท่านอ๋องกัน หากไม่ถามให้กระจ่างเขาไม่มีทางจากไป แต่ไม่รอเขาถาม เฉินเลี่ยหู่ก็ชิงถามขึ้นก่อน “กงกง เรื่องของข้า…”
ขันทีพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านมหาราชครู คุณหนูรองอธิบายเรื่องทั้งหมดอย่างกระจ่างแล้ว ท่านอ๋องรู้ว่าเข้าใจท่านผิด เรื่องของหลี่เหลียงท่านเป็นผู้จัดการต่อไปจะทำอย่างไร ท่านตัดสินใจเอาเอง”
เฉินเลี่ยหู่เหลือบมองเฉินตันจู ยังคงไม่ยอมจากไป ถามขึ้น “เวลานี้สถานการณ์คับขัน ท่านอ๋องได้ออกพระราชโองการเปิดสงครามหรือไม่ วิธีที่ได้ผลที่สุดคือกระจายกำลังปิดรั้งเส้นทางแม่น้ำ…”
ท่านอ๋องอู๋ปวดหัวทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องนี้ ขันทีปวดหัวยิ่งกว่า เขาร้องไอ้หยาออกมาสองที “ใต้เท้า ท่านอ๋องมีแผนการของตนเองแล้ว แต่ยังต้องพิจารณาก่อน ใต้เท้ากลับไปจัดการเรื่องของหลี่เหลียงก่อนเถิด”
พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
เฉินเลี่ยหู่พูดตามอยู่ด้านหลัง “เรื่องของหลี่เหลียงจะจัดการอย่างไรได้ ข้าเพียงแค่แขวนร่างของเขา…”
ขันทีเดินหายลับไป คำพูดที่เหลือเฉินเลี่ยหู่ก็ไม่ได้พูดต่อ
จางเจี้ยนจวินคิดจะสืบเรื่องจากบุตรสาว จึงไม่ได้สนใจเฉินเลี่ยหู่ เหวินจงยืนพูดเสียงเย็นอยู่ด้านข้าง
“ข้าว่าไม่เหมาะสม หากให้ราษฎรรู้ว่าบุตรเขยของท่านมหาราชครูเฉินทรยศท่านอ๋องอู๋ จะเป็นการสร้างความตื่นตระหนก”
เฉินเลี่ยหู่สีหน้าดำทะมึน “ให้ราษฎรรู้ว่าถึงแม้จะเป็นบุตรเขยของข้าท่านมหาราชครูเฉิน แต่หากทรยศต่อท่านอ๋องก็มีเพียงตายเท่านั้น เช่นนี้ถึงจะทำให้ใจของกองกำลังมั่นคง” สายตาของเขาจ้องมองไปยังเหวินจงและจางเจี้ยนจวิน “สยบเหล่าโจรที่มีใจคิดจะก่อความโกลาหล!”
เหวินจงสีหน้าดำลง พูดเสียดสีออกมา “มีแค่ท่านมหาราชครูที่จงรักภักดี” พูดจบก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปคนอื่นก็จากไปตามกัน เพียงชั่วพริบตาภายในตำหนักเหลือเพียงแค่เฉินเลี่ยหู่ เขาหันกลับมาพบว่า เฉินตันจูมองเขาอยู่ด้านข้าง
“เกิดอันใดขึ้น” เขารีบถาม เห็นสีหน้าแปลกประหลาดของบุตรสาว ทำให้เขานึกถึงเรื่องที่ไม่ดี ภายในใจคุกรุ่นไปด้วยไฟโกรธ “ท่านอ๋องเขา…”
แต่สิ่งที่เฉินตันจูคิดอยู่นั้นคือท่านพ่อต่อว่าเหล่าจางเจี้ยนจวินว่าเป็นโจรที่มีใจคิดก่อการโกลาหล อันที่จริงตัวของนางเองก็ถือเป็นคนเหล่านั้น เฮ้อ เมื่อเห็นเฉินเลี่ยหู่ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง นางรีบก้มหน้าลงเพื่อหลีกเลี่ยง แต่เมื่อคิดว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีความห่วงใยเช่นนี้อีก นางจึงเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง พร้อมเบะปากใส่บิดาของตนเอง “ท่านอ๋องไม่ได้ทำอันใดข้า หลังจากที่ข้าอธิบายเรื่องของพี่เขยเสร็จสิ้น ข้าแค่เกรงว่าท่านอ๋องคงจะเกลียดพวกเรา”
เฉินเลี่ยหู่โล่งใจ “อย่ากลัว ท่านอ๋องเกลียดข้าไม่ใช่เรื่องแค่วันสองวันแล้ว”
เขาพูดพลางหัวเราะ รู้สึกว่าเป็นเรื่องตลกที่ไม่เลว
เฉินตันจูไม่ได้หัวเราะ น้ำตาหลั่งไหลลงมา
เฉินเลี่ยหู่ส่งเสียงตกใจ ก่อนจะเช็ดน้ำตาให้นางด้วยท่าทางตระหนก “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าหมายถึงท่านอ๋องไม่ชอบการกระทำของข้า แต่รู้ว่าข้าจงรัก ไม่มีทางเป็นอื่นใด แค่เพียงรักษาเมืองอู๋เอาไว้ได้ เรื่องของตระกูลเราจะผ่านไป”
เมืองอู๋รักษาไม่อยู่ เรื่องนี้ก็ไม่มีทางผ่านไป เฉินตันจูปล่อยให้บิดาเช็ดน้ำตาของตนเอง ก่อนจะพยักหน้าพยุงแขนของเฉินเลี่ยหู่เอาไว้ “มีท่านพ่ออยู่ ข้าไม่กลัวพวกเรากลับจวนกันเถิด ท่านพี่ยังอยู่บ้าน”
เฉินเลี่ยหู่ไม่ชอบการถูกพยุง แต่มองดูใบหน้าอ่อนเยาว์ของบุตรสาว บนขนตายาวยังเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา…บุตรสาวกำลังใกล้ชิดกับตนเอง เขาปล่อยให้เฉินตันจูพยุง เมื่อนึกถึงบุตรสาวคนโต ก่อนจะนึกไปถึงบุตรเขยที่ตนเองฝึกฝนขึ้นมาอย่างเต็มที่ ก่อนจะนึกถึงบุตรชายที่ตายไปของตนเอง ภายในใจเต็มไปด้วยความขมขื่น เขาเฉินเลี่ยหู่ชีวิตนี้ใกล้จะจบสิ้นแล้ว ความลำบากก็ใกล้จะจบสิ้นแล้วหรือไม่
“ท่านพ่อ” เฉินตันจูไม่กล้ามองหน้าของบิดา เพียงแต่มองออกไปด้านนอก พูดเสียงเบา “ฝนตกแล้ว”
เฉินเลี่ยหู่เรียกสติคืนมามองออกไปด้านนอกตำหนัก หยาดฝนล่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้ามืดมน สาดลงบนทางเดินภายในพระราชวังที่สะอาดราบเรียบ เขาตบมือของเฉินตันจูเบาๆ “พวกเรารีบกลับกันเถิด”
ตอนที่ทั้งสองคนกลับมาถึงจวน ฝนกำลังตกอย่างรุนแรง เฉินเลี่ยหู่ไปดูเฉินตันเหยียนเป็นอันดับแรก ได้เหล่าไต้ฟูบอกว่าเด็กไม่เป็นอันใด เขาก็นั่งลมข้างเตียงของเฉินตันเหยียนอย่างเงียบๆ สักพักจึงเรียกรวมกองกำลังฝ่าฝนออกไป
เฉินตันจูมองดูเฉินเลี่ยหู่ที่ตัวสวมชุดเกราะมือถือมีดจากไปภายใต้ทางเดิน นางรู้ว่าเขาไปรอรับร่างของหลี่เหลียงที่ประตูเมือง เมื่อร่างของอีกฝ่ายมาถึง เขาจะเป็นผู้แขวนร่างของเขาไว้ที่ประตูเมืองเอง
เธอมองฝนที่ตกลงมาอย่างเหม่อลอย หางตาเหลือบเห็นมีคนเดินผ่านไปอย่างตื่นตระหนก…
“อาเถียน” นางเรียก
อาเถียนที่หลบอยู่มุมกำลังเดินออกมาอย่างหวั่นเกรง นางคุกเข่าลงพร้อมอธิบายขึ้นทันที “บ่าวมาต้มยาให้คุณหนูใหญ่ ไม่ได้ตั้งใจชนคุณหนูรองนะเจ้าคะ” เธอก้มหัวจนชิดหน้าอก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
ก่วนเจียบอกว่า คุณหนูรองไม่อยากเห็นหน้าของตนเอง…อาเถียนกัดริมฝีปากล่างข่มน้ำตาเอาไว้ จะหลุดเสียงร่ำไห้ออกมาไม่ได้
เฉินตันจูถอนหายใจ ดึงนางขึ้นมา
“อาเถียน เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติภารกิจของข้า ข้าไม่อาจพาเจ้าไปได้ อีกทั้งเกรงว่าเจ้าจะหลุดปาก จึงพูดกับก่วนเจียไปเช่นนั้น ข้าไม่ได้เกลียดเจ้า ทำให้เจ้าตกใจ” นางพูดอย่างจริงจัง “ขออภัยด้วย”
คุณหนูรองเคยขออภัยคนอื่นเมื่อใดกัน อาเถียนเกรงกลัวจนน้ำตาหยุดไหล ทันใดนั้นไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ทำได้เพียงพูดอย่างตะกุกตะกัก “คุณหนูรอง ต่อจากนี้มีอะไรให้อาเถียนช่วยท่านเถิด”
เฉินตันจูมองหน้าของนาง ตอนนั้นนางได้รับอภัยโทษถูกส่งตัวไปอารามดอกท้อ บ่าวรับใช้ในอารามดอกท้อถูกสลายไป ไม่มีท่านมหาราชครู ไม่มีคุณหนูรอง ไม่มีฝูงสาวรับใช้ อาเถียนไม่ยอมจากไป นางคุกเข่าลงร้องขอ หากไม่อาจเป็นสาวใช้ได้ นางจะออกบวชในอารามดอกท้อ…
ด้วยเหตุนี้ อาเถียนอยู่เคียงข้างตนมาสิบปี อีกทั้งตายอยู่เคียงข้างนาง
เฉินตันจูพยักหน้า “ได้” อาเถียนยิ้มออกมา
“เรื่องต้มยามอบให้คนอื่น” เฉินตันจูพูด “ข้าจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า”
อาเถียนตอบรับอย่างดีใจ
เฉินตันจูอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเรียบง่าย ก่อนจะเดินถือร่มมาหาก่วนเจีย “เหล่าคนที่ตามข้ากลับมาถูกขังไว้ที่ใด”
ในเวลาเดียวกันกับที่ฉางซานถูกตีจนสลบไป อีกสิบกว่าคนที่ติดตามเฉินตันจูเข้ามาก็ถูกคุมขังไว้เช่นเดียวกัน พวกเขาถูกเข้าใจว่าเป็นกองกำลังของหลี่เหลียง
ประตูใหญ่ตระกูลเฉินปิดลง สิบกว่าคนนี้ก็ไม่อาจบินออกไปได้ พวกเขาจึงไม่ได้ขัดขืนอันใด
ก่วนเจียพาเฉินตันจูมายังห้องหนึ่งด้านหลังจวน “ล้วนอยู่ตรงนี้ ริบอาวุธและเกราะ พร้อมถูกมัดเอาไว้”
เฉินตันจูพูดกับเขา “ข้ามีบางอย่างจะถามพวกเขา เจ้าถอยไปเถิด”
คุณหนูรองไม่ให้เขาอยู่ฟังหรือ ก่วนเจียผงะ “คุณหนูรอง พวกเขาเป็นทหารร้าย” หากบ้าคลั่งทำร้ายคุณหนูรองขึ้นมาหรือใช้คุณหนูรองข่มขู่…
เฉินตันจูพูด “ไม่เป็นอันใด พวกเขาไม่กล้าทำร้ายข้า” พูดจบก็ผลักประตูเดินเข้าไป
ก่วนเจียคิดจะตามเข้าไป แต่ถูกอาเถียนที่ถือร่มอยู่รั้งเอาไว้ “คุณตาก่วนเจีย คุณหนูยังไม่กลัว ท่านจะกลัวอันใดกัน”
ก่วนเจียส่ายหัวอย่างระอา เอาเถิด เขาเสียมารยามเอง ตอนนี้คุณหนูรองเป็นผู้มีความคิดของตนเองแล้ว เมื่อนึกถึงเหตุกาณ์ที่คุณหนูรองกลับมาในค่ำคืนที่ฝนตกนั้นยังมีความรู้สึกราวกับฝันไป เขาคิดว่าเด็กหญิงดื้อรั้นด้วยอารมณ์ แต่ผู้ใดคิดว่านางจะมีความคิดที่จะไปสังหารคน…
เฉินตันจูปิดประตูลง เดิมทีห้องนี้ใช้สำหรับเก็บวางอาวุธ เวลานี้อาวุธบนชั้นไม้ล้วนหายไปแล้ว เหลือเพียงกลุ่มคนที่ถูกมัดเอาไว้ เมื่อเห็นนางเดินเข้ามาคนเหล่านี้สีหน้าเรียบเฉยไม่มีความหวาดเกรงและความโกรธเคือง
“คุณหนูรอง” หวังไต้ฟูทักทายด้วยรอยยิ้ม “ท่านหายยุ่งแล้วหรือ”
เฉินตันจูถาม “หวังไต้ฟูไม่กลัวหรือ”
หวังไต้ฟูพูดกลั้วหัวเราะ “มีอันใดน่าหวาดกลัว เพียงแค่การตายเท่านั้น”
บางครั้งการตายก็น่าหวาดกลัว แต่บางครั้งก็ไม่ เฉินตันจูนึกย้อนไปถึงการตายของตนเองเมื่อชาติก่อนมีแต่ความสุขใจ
“หวังไต้ฟูไม่เกรงกลัวก็ดี” นางพูด “ข้าไปพบท่านอ๋องมา ให้คำมั่นแทนท่านแม่ทัพไปหนึ่งเรื่อง”
หวังไต้ฟูถาม “เรื่องอันใด”
เฉินตันจูพูด “หากท่านอ๋องอู๋ยินยอมให้ราชสำนักเข้ามาสืบเรื่องมือสังหาร กองกำลังของราชสำนักต้องถอยไป ไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพตัดสินใจได้หรือไม่”
กะทันหันเสียจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ราชสำนักเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพียงแค่ชนะสงครามก็สามารถยึดครองได้…ราชสำนักขาดทุนเกินไป
สีหน้าของหวังไต้ฟูเปลี่ยนไปหลายที แต่เมื่อนึกถึงว่าเป็นการเข้าพบท่านอ๋องอู๋ หากเข้าพบท่านอ๋องอู๋ได้ พวกเขาสามารถปฏิบัติเรื่องอื่นได้อีกมาก เขาพยักหน้าอย่างช้าๆ “ได้”
ชาติก่อนหลี่เหลียงตัดคอของท่านอ๋องอู๋โดยตรง ไม่รู้ว่าเป็นความคิดของเขาเองหรือว่าเป็นพระราชโองการของฮ่องเต้
ท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กเป็นแม่ทัพที่ฮ่องเต้เชื่อใจ และมอบหมายกองทัพทั้งสามให้ แต่แม่ทัพนำกองกำลังสามารถเจรจากับท่านอ๋องอู๋แทนราชสำนัก?
ได้จริงหรือได้เท็จ อันที่จริงนางล้วนไม่มีทางเลือก เรื่องถึงเวลานี้แล้วนางทำได้เพียงเดินต่อไป เฉินตันจูพูด “อีกสักพักท่านอ๋องจะมาพระราชทานสิ่งของให้ข้า เรื่องในครานี้ข้าจะเขียนลงมา ท่านตามขันทีเข้าวังไปรายงานในฐานะบ่าวของข้า เมื่อถึงเวลาท่านจะได้พบกับท่านอ๋อง”
หวังไต้ฟูนอบรับ
เฉินตันจูพูดอย่างเปิดเผย “อันที่จริง ข้าข่มขู่ท่านอ๋องถึงทำให้เขายอมพบท่าน ส่วนท่านอ๋องจะพบท่านจริง หรือเป็นเรื่องหลอกลวง ข้าเองก็ไม่รู้ บางทีท่านอาจจะถูกสังหารทันทีที่เข้าไป”
หวังไต้ฟูหัวเราะ “คุณหนูรองเตรียมชุดให้ข้าก็พอ”