บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 61 ลาจาก

ตอนที่ 61 ลาจาก

ท่านไม่ใช่ท่านอ๋องของเขาแล้ว

ท่านอ๋องอู๋ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ชนเข้ากับเหล่าขุนนางที่อยู่ด้านหลัง

เฉินเลี่ยหู่ที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนชราคนหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่น เส้นผมขาวดุจหิมะ รูปร่างผอมแห้ง ถึงแม้สวมชุดเกราะมือถือมีดก็ไร้บารมีเหมือนเคย เขาพูดประโยคนี้ออกมา ไม่ดุดันไม่เสียงแข็งไม่โกรธเคือง แต่ทำให้คนฟังรู้สึกกลัว

ท่านอ๋องอู๋ชี้นิ้วไปยังเฉินเลี่ยหู่ พูดเสียงสั่น “เจ้า เจ้าจะทำอะไร เจ้าจะสัง…”

เขายังพูดไม่ทันจบ เฉินเลี่ยหู่เหลือบมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินกะเผลกจากไป…

เหล่าคนตระกูลเฉินที่อยู่ด้านหลังเขาก็ผงะ เฉินตันเหยียนตั้งสติได้จึงคุกเข่าลงคนแรก ก้มกราบท่านอ๋องอู๋ “ข้าขอลาท่านอ๋อง”

นายท่านรองเฉินและนายท่านสามเฉินต่างคุกเข่าลง ก่วนเจียก็นำเหล่าองครักษ์คุกเข่าลง

“ข้า…ขอลาท่านอ๋อง…”

พวกเขาคุกเข่าลง ก้มกราบ เมื่อรอเฉินเลี่ยหู่เดินกะเผลกผ่านไป พวกเขาถึงลุกขึ้นเดินตามขึ้นไป

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ด้านนอกพระราชวังตกอยู่ในความเงียบ สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เฉินเลี่ยหู่ ตาโจรแก่ร้ายกาจนัก! เหวินจงกัดฟัน พลางบอกท่านอ๋องอู๋ “ร้องไห้”

ท่านอ๋องอู๋ตัวสั่น ร้องไห้ต่อเฉินเลี่ยหู่ที่เดินจากไป “ท่านมหาราชครู…เหตุใดเจ้า…เหตุใดเจ้าจึงทรยศข้า!”

เหวินจงเดินขึ้นหน้าพยุงท่านอ๋องอู๋เอาไว้ ตำหนิด้วยความโกรธเคืองและเศร้าโศก “เฉินเลี่ยหู่ เจ้าต้อนรับฝ่าบาทเข้ามา ท่านอ๋องยอมช่วยฝ่าบาทแบ่งปันความกังวลไปเป็นท่านอ๋องโจว ส่วนเจ้า หันหลังทิ้งท่านอ๋อง เจ้าช่างเนรคุณไร้คุณธรรมไร้ยางอาย!”

จางเจี้ยนจวินทุบอกตะโกน “เฉินเลี่ยหู่ เหตุใดเจ้าจึงเป็นคนเช่นนี้ เสียดายที่ท่านอ๋องจริงใจต่อเจ้า”

เหล่าขุนนางคนอื่นบ้างร้องไห้บ้างก่นด่า “เฉินเลี่ยหู่ เจ้าเนรคุณ!”

“เฉินเลี่ยหู่ ทรยศท่านอ๋อง!”

“เฉินเลี่ยหู่ เจ้าไม่รู้สึกผิดต่อบรรพบุรุษของเจ้าหรือ”

“เจ้าคนเนรคุณไร้คุณธรรม!” เสียงต่างๆ ถาโถมเข้ามาทางเฉินเลี่ยหู่

เฉินเลี่ยหู่ไม่ได้หันหลังกลับไป อีกทั้งไม่ได้หยุดฝีเท้าลง เขาลากมีดเดินไปข้างหน้าด้วยขากะเผลก เหล่าคนตระกูลเฉินเดินตามติดอยู่ด้านหลังเขา

ราษฎรที่รายล้อมเห็นพวกเขาเดินมา ต่างหลบทางให้ สีหน้าวิตกกังวล

“ท่าน ท่านมหาราชครูเฉิน” คนชราที่ถือไม้เท้าเรียกด้วยเสียงสั่น “ท่าน ท่านไม่ ท่านไม่ต้องการท่านอ๋องแล้วจริงหรือ”

เฉินเลี่ยหู่มองเขา ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย อีกทั้งไม่มีคำอธิบาย พยักหน้า “ใช่ ข้าไม่ต้องการท่านอ๋องแล้ว”

ความหวังสุดท้ายของคนชราดับสลาย กระแทกไม้เท้าลงพื้น “ท่านมหาราชครู ท่านทิ้งท่านอ๋องได้อย่างไร…”

“เขาไม่ใช่ท่านอ๋องของข้าแล้ว” เฉินเลี่ยหู่พูด “พี่ชาย ไม่มีท่านอ๋องอู๋แล้ว”

เขาพูดพลางเดินไปด้านหน้า คนชรานั้นกระแทกไม้เท้าอยู่ด้านหลัง ตะโกนทั้งน้ำตา “พูดอะไรกัน ท่านอ๋องอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นท่านอ๋องโจวหรือท่านอ๋องอู๋ เขาก็เป็นท่านอ๋อง…ท่านมหาราชครู ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้”

ข้างตัวของเขาล้วนเป็นราษฎรธรรมดา พูดหลักการอะไรออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงพูดเสริมขึ้น “ท่านมหาราชครู ทำเช่นนี้ไม่ได้”

เสียงร้องไห้ของท่านอ๋องอู๋ เสียงก่นด่าของเหล่าขุนนาง เสียงร้องขอของเหล่าราษฎร เฉินเลี่ยหู่ล้วนทำเหมือนไม่ได้ยิน เขาเดินไปด้านหน้าด้วยขาที่กะเผลก เฉินตันเหยียนไม่ได้ประคองบิดาเอาไว้ อีกทั้งไม่ให้เสี่ยวเตี๋ยประคองตัวเอง นางยืดตัวตรงเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างช้าๆ เสียงด้านหลังดังราวฟ้าผ่า สายตารอบด้านดุจดั่งเมฆดำ นายท่านสามเฉินเดินอยู่ท่ามกลางอย่างอกสั่นขวัญแขวน ในฐานะนายท่านสามของตระกูลเฉิน ชาตินี้เขาไม่เคยถูกจ้องมองขนาดนี้มาก่อน น่ากลัวเสียเหลือเกิน…

เขาอยากจะก้มหัวลง ราวกับก้มหัวจะสามารถหลบหลีกความกดดันได้ แต่ทันทีที่ก้มหัวลงก็ถูกนายหญิงสามสะกิด จนต้องยืดตัวตรงขึ้น

สุดท้ายมีคนถูกยั่วยุจนโกรธ ท่ามกลางเสียงร้องขอมีเสียงก่นด่าดังขึ้น

“เฉินเลี่ยหู่ เจ้าคนเนรคุณ ไร้คุณธรรม!”

อีกฝ่ายเป็นคนที่กำลังกินข้าวอยู่ริมทาง เขายืนอยู่บนเก้าอี้ยาว ยกมือขึ้นด้วยความโกรธเคือง ขว้างเปี๊ยะครึ่งชิ้นที่ยังกินไม่หมดเข้ามา แต่เนื่องจากอยู่ใกล้ ทำให้ขว้างถูกหัวไหล่ของเฉินเลี่ยหู่

เฉินเลี่ยหู่ชะงักลง บริเวณรอบด้านเงียบสงัดลงทันที คนนั้นราวกับไม่คิดว่าตนเองจะขว้างโดน ภายในดวงตาฉายแววหวาดกลัว แต่นาทีถัดมาได้ยินเสียงร้องไห้ของท่านอ๋องอู๋ “ท่านมหาราชครู อย่าทิ้งข้าไป…” ท่านอ๋องน่าสงสารเสียเหลือเกิน! ไฟโกรธภายในใจของเขาพลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง

“ข้าต้องการขว้างเจ้า!” เขาตะโกน ก่อนจะก้มหยิบชามที่วางอยู่บนโต๊ะขว้างมา

กระทบเข้ากับหัวไหล่ของเฉินเลี่ยหู่ ส่งเสียงกระทบเข้ากับเกราะเหล็ก

คนตระกูลเฉินและองครักษ์ที่เดินตามอยู่ด้านหลังเฉินเลี่ยหู่ตกใจ ก่วนเจียพุ่งตัวเข้ามา แต่เฉินเลี่ยหู่ห้ามเขาเอาไว้ ไม่สนใจคนผู้นั้น เดินหน้าต่อไป

การตอบสนองของเฉินเลี่ยหู่ทำให้ผู้คนที่รายล้อมโล่งใจ อีกทั้งยิ่งกระตุ้นให้เกิดอารมณ์โกรธมากยิ่งขึ้น

“ขว้างเจ้า!”

เสียงตะโกนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งของต่างๆ ขว้างเข้ามาดุจหยาดฝน

ตัวและหัวของเฉินเลี่ยหู่ถูกขว้างโดนอย่างต่อเนื่อง ก่วนเจียเอื้อมมือกันเอาไว้ แต่เฉินเลี่ยหู่ผลักเขาออกไป เดินอย่างไม่เกรงกลัวท่ามกลางเสียงก่นด่าและของที่ขว้างเข้ามา ก่วนเจียดวงตาแดงก่ำ เดินตามอยู่ด้านหลังของเฉินเลี่ยหู่ ปล่อยให้ใบผักและไข่ไก่ขว้างเข้าที่ตัว

คนอื่นในตระกูลเฉินก็เช่นเดียวกัน คนทั้งขบวนเดินอยู่ทามกลางเสียงก่นด่าและของที่ขว้างเข้ามา

ท่านอ๋องอู๋ที่ยืนอยู่ไกลออกมาอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นภาพนี้ เหวินจงรีบเตือนเขา เขาจึงเก็บเสียงเอาไว้

“โจรแก่นี้ ข้าจะดูเขาชื่อเสียงป่นปี้!” ท่านอ๋องอู๋พูดอย่างได้ใจ ก่อนจะแสร้งทำท่าเศร้าโศกขึ้นอีกครั้ง ลากเสียงยาว “ท่านมหาราชครู…ข้าปวดใจยิ่งนัก…เจ้าทิ้งข้าได้อย่างไร…”

จางเจี้ยนจวินก็ดีใจอย่างมาก พูดตาม “ท่านมหาราชครู…ท่านรีบกลับมาเถิด…”

บนกำแพงสูงของพระราชวังด้านหลังพวกเขา ฮ่องเต้และแม่ทัพหน้ากากเหล็กก็กำลังจับตาดูเหตุการณ์

“คิดไม่ถึงเสียจริง” ฮ่องเต้พูด สีหน้าเศร้าโศกเล็กน้อย “ข้าจะเห็นเฉินเลี่ยหู่แบบนี้”

จากนั้นยกยิ้มมุมปากขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มเลือนราง ภายในดวงตาสงบเงียบ

“เฉินเลี่ยหู่ในความทรงจำของข้า ยังคงเป็นท่านแม่ทัพใหญ่ที่ถือมีดยืนอยู่ข้างตัวท่านอ๋องอู๋องค์ก่อน บังคับให้ข้าเดินไปข้างตัวท่านอ๋องอู๋ทีละก้าว เชิญท่านอ๋องอู๋ร่วมนั่งราชรถร่วมกับข้า”

จักรพรรดิเกาจู่พระราชทานมหาราชครูให้แก่เหล่าท่านอ๋อง เพื่อให้พวกเขาสั่งสอนเหล่าท่านอ๋อง สุดท้าย เฉินเลี่ยหู่อยู่กับท่านอ๋องอู๋องค์ก่อนที่มีใจโลภ จึงกลายเป็นท่านอ๋องร้ายและขุนนางโหดเหี้ยมต่อราชสำนัก

ท่านอ๋องร้ายไม่อยู่แล้ว สำหรับท่านอ๋ององค์ใหม่ ขุนนางโหดเหี้ยมจึงไม่เป็นที่ชื่นชอบ

จุดจบของเฉินเลี่ยหู่ ถึงแม้จะไม่ตาย แต่ชื่อเสียงของเขาป่นปี้ไม่แตกต่างจากการตาย ฮ่องเต้เรียกขานเสด็จพ่อภายในใจ เหล่าท่านอ๋องและขุนนางที่ทำให้ท่านตาย เวลานี้เหลือเพียงแค่ท่านอ๋องฉีแล้ว ข้าจะแก้แค้นให้ท่าน ไม่ปล่อยให้ต้าเซี่ยต้องแยกแผ่นดินอีก

ท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่พูดอะไร หน้ากากเหล็กที่สวมอยู่บนหน้าทำให้มองไม่เห็นอารมณ์ มีเพียงสายตาที่ลึกล้ำมองไปยังถนนที่อยู่ไกลออกไป

ความเจ็บปวดของเด็กคนนั้นจบสิ้นแล้วหรือ ไม่ ทุกสิ่งเพิ่งเริ่มต้นขึ้น

บนถนน ตระกูลของเฉินเลี่ยหู่เดินจากไปไกลอย่างช้าๆ ฝูงชนที่รายล้อมยังไม่สลายความขุ่นเคืองไป แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ฉงนเหม่อลอย

คนส่วนใหญ่ในนี้คือเหล่าคนที่ไปโวยวายล้อมจวนตระกูลเฉิน

ไม่คิดว่าเฉินเลี่ยหู่จะทรยศท่านอ๋องจริงๆ เช่นนั้น บุตรสาวของเขากำลังด่าเขาจริง? แล้วพวกเขาจะไปด่านางเพื่อประโยชน์อะไรอีก

ต่อไปต้องทำอย่างไร

คนชรานั้นกระทืบเท้าขึ้นมา “เช่นนี้ก็ง่ายแล้ว”

ง่ายอย่างไร ทุกคนมองเขาอย่างฉงน

“เฉินเลี่ยหู่บอกแล้ว ท่านอ๋องอู๋กลายเป็นท่านอ๋องโจว ไม่ใช่ท่านอ๋องอู๋อีกต่อไปแล้ว เขาไม่ใช่ขุนนางของท่านอ๋องอู๋อีกต่อไป” คนชราปรบมือ “พวกเราก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ขุนนางของท่านอ๋องอู๋อีกต่อไป ย่อมไม่ต้องติดตามท่านอ๋องอู๋ไปเมืองโจวแล้ว!”

สมเหตุสมผล ทุกคนกระจ่าง แต่สีหน้ายังคงกังวลเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ท่านอ๋องอู๋ก็ดี ท่านอ๋องโจวก็ดี แต่ยังเป็นคนเดิม พวกเขาอาจต้องแบกรับข้อครหา…

คนชราหัวเราะ “กลัวอะไร จะด่า ก็ยังคงด่าท่านมหาราชครูเฉิน ไม่เกี่ยวกับพวกเรา”

จริงสิ ทุกคนกระจ่าง ปลดปล่อยภัยในใจ ก่อนจะหัวเราะอย่างดีใจ

ตระกูลของเฉินเลี่ยหู่เดินมาถึงจวนท่ามกลางเสียงก่นด่าและสิ่งของที่ขว้างมาดุจฝนตก แต่ละคนอนาถอย่างยิ่ง ใบหน้าของเฉินเลี่ยหู่มีเลือดไหล บนเสื้อเกราะเต็มไปด้วยรอยเปื้อน หมวกเกราะไม่รู้หายไปตอนไหน ผมสีขาวแผ่สยายลงมา เปื้อนไปด้วยเปลือกผลไม้…

เฉินตันเหยียนถูกนายหญิงสอง นายหญิงสามและเสี่ยวเตี๋ยคุ้มกันเอาไว้อย่างระวัง ถึงแม้จะน่าอนาถ แต่บนตัวไม่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อถึงหน้าประตูจวน นางรีบเดินขึ้นมาข้างตัวของเฉินเลี่ยหู่

“ท่านพ่อ ท่านยังดี…” นางเปิดปากถาม แต่ก็ต้องหยุดลง มือที่ไม่ได้ยื่นออกมาในตอนแรกยกขึ้นจับแขนเฉินเลี่ยหู่เอาไว้ สายตาจับจ้องไปด้านหน้า

สายตาของคนอื่นก็มองไป พร้อมหยุดฝีเท้าลง สีหน้าซับซ้อน

เฉินตันจูคุกเข่าอยู่ด้านหน้าประตู

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท