จู๋หลินยืนอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง มองดูเฉินตันจูพาเหล่าสาวรับใช้เดินลงไปยังเชิงเขา ไม่ได้ไปทางบ่อน้ำจริงๆ
“เจ้าอย่ากังวลเลย” องครักษ์อีกคนพิงลำต้นของต้นไม้พลางหัวเราะ “เรื่องเพียงนี้ คุณหนูตันจูไม่มีทางปะทะกับพวกนาง เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือ เวลานี้คุณหนูตันจูไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
ใช่ จดหมายที่เขาเขียนให้ท่านแม่ทัพบอกว่าเวลานี้คุณหนูตันจูไม่ทะเลาะไม่ก่อเรื่องไม่รั้งทางชิงทรัพย์อยู่อย่างเงียบสงบ นอกจากลงเขาไปหุยชุนถังเดือนละครั้งสองครั้ง เวลาอื่นไม่ออกจากอาราม ท่านแม่ทัพอ่านจดหมายแล้วยังตอบกลับเขามา ถึงแม้จะเขียนแค่ รู้แล้ว
หากเป็นการปะทะธรรมดา จู๋หลินก็คงไม่กังวล เพียงแค่บ่อน้ำธรรมชาติแห่งหนึ่ง คนเหล่านั้นก็บอกแล้วว่าตอนบ่ายค่อยมา เขาเชื่อว่าเฉินตันจูไม่ติดใจ แต่ว่า…ภายในคุณหนูเหล่านั้นมีคุณหนูสี่
ถึงแม้คุณหนูสี่จะไม่พูดอันใดแม้แต้น้อย ราวกับไม่รู้ว่าเฉินตันจูพักอยู่ที่นี่ แต่เหล่าคุณหนูที่มาเที่ยวเล่นย่อมต้องเป็นความคิดของนาง
เวลานี้เขาควรยินดีที่เฉินตันจูไม่รู้เรื่องของคุณหนูสี่ มิฉะนั้น…
หวังว่าคุณหนูสี่อย่าได้ก่อเรื่องมิฉะนั้น…มือของจู๋หลินกระชับแน่น หากทำให้องค์รัชทายาทขุ่นเคือง เขาจะยอมรับผิดเอง ไม่ให้ท่านแม่ทัพต้องลำบากใจ
“คุณหนู ข้ายังกลัวว่าท่านจะลำบากใจ” อาเถียนเดินอยู่ข้างตัวเฉินตันจู “เวลานี้คนขึ้นเขามามากขึ้น อาจละเมิดคุณหนูบ้าง”
เฉินตันจูเดินอย่างอารมณ์ดี กระโปรงพลิ้วไหว ชายกระโปรงสีทองเปล่งประกาย รอยยิ้มของนางก็เช่นเดียวกัน “จะเป็นการละเมิดได้อย่างใด ไม่ละเมิด ไม่ละเมิด เป็นแค่เรื่องเล็ก” ก่อนจะชี้นิ้วลงไปยังเชิงเขา “เจ้าดู กิจการของท่านยายนับวันยิ่งดีขึ้น มีคนมากมาย พวกเรารีบไปช่วย”
พูดจบก็ยิ้มให้อาเถียน
“จากนั้นดื่มชาไม่ให้เงิน”
คุณหนูดีใจ นางก็ดีใจ อาเถียนหัวเราะตาม “คุณหนูไปแล้ว คงมีคนจำนวนมากถามหายา ทุกคนต้องดื่มชาอีกหลายเหยือก ท่านยายได้เงินมากขึ้น ยังต้องให้เงินค่าชาอันใดอีก นางต้องแบ่งเงินให้คุณหนูเสียมากกว่า”
เฉินตันจูพยักหน้า “เจ้าพูดถูก” ก่อนจะครุ่นคิด “อย่าเห็นว่าทางเขาไม่ไกล แต่มีคนจำนวนมากไม่อยากขึ้นเขา น่าจะมีวันที่ตั้งโรงยาไว้เชิงเขาบ้าง ไม่มอบยาไม่ขายชา แค่รักษาเป็นอย่างใด”
อาเถียนครุ่นคิดอย่างตั้งใจ ก่อนจะพยักหน้า “ดีเจ้าค่ะ ดีเจ้าค่ะ เช่นนี้นอกจากขายยา การรักษาของคุณหนูย่อมต้องได้รับการยอมรับ”
เฉินตันจูปรบมือ “เช่นนั้นก็ตามนี้ พวกเราค่อยหารืออีกครั้ง เวลานี้ไปช่วยท่านยายก่อนเถิด”
อาเถียนวางใจเมื่อคุณหนูไม่ได้ถูกเรื่องของบ่อน้ำกระทบต่ออารมณ์จริงๆ เยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อที่วิ่งนำไปอยู่ด้านหน้าวิ่งกลับมา “คุณหนู ท่านยายเว้นโต๊ะไว้ให้แล้วเจ้าค่ะ”
เฉินตันจูเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น เมื่อใกล้ถึงเชิงเขาก็พบว่าบนก้อนหินริมทางในป่าสองข้างมีบ่าวรับใช้สิบกว่าคนนั่งกระจัดกระจายอยู่ บ้างดื่มชาบ้างสนทนาอย่างสนุกสนาน อีกทั้งยังมีบางคนปูเสื่อนอน…
“คนเหล่านี้ล้วนเป็นบ่าวรับใช้และคนเคลื่อนรถของคุณหนูเหล่านั้นเจ้าค่ะ” อาเถียนพูดเสียงเบา
เหล่าคุณหนูต้องเตรียมสิ่งของมากมายเมื่อออกมาเที่ยวเล่น ไม่ว่าจะเป็นของกินหรือของใช้ล้วนพกออกมาจากจวนของตนเอง ผู้ติดตามจึงย่อมมีจำนวนมาก
เฉินตันจูก็เคยมีประสบการณ์เช่นนี้ นางยิ้ม “คนไม่น้อย” สายตามองผ่านพวกเขาไปยังรถสูงเจ็ดแปดคันที่จอดอยู่ พยักหน้า “รถก็ไม่เลว”
สมกับที่เป็นผู้มีฐานะ
สายตาของเฉินตันจูมองจ้องไปยังคนเหล่านี้ อีกฝ่ายก็มองเฉินตันจูด้วยความสงสัย หญิงงามเดินลงมาจากบนเขาอย่างกะทันหัน ชุดกระโปรงสวยงาม รูปร่างอรชร ใบหน้าอ่อนหวาน…คุณหนูตระกูลใดกัน
เมื่อรับรู้ถึงสายตาของพวกเขา เฉินตันจูชะงักฝีเท้าลง ถามด้วยความสงสัย “รถม้าของพวกเจ้าไม่ธรรมดา ไม่ใช่คนเมืองอู๋ใช่หรือไม่”
หญิงงามเป็นผู้ริเริ่มการสนทนา ย่อมไม่มีผู้ใดปฏิเสธที่จะตอบ บ่าวรับใช้คนหนึ่งที่นั่งอยู่บนก้อนหินพยักหน้า “พวกข้าอพยพมาจากเมืองซีจิงขอรับ”
เฉินตันจูตอบรับ ยิ้มให้เขาทีหนึ่ง ก่อนจะถามอย่างสงสัยอีกครั้ง “รถเหล่านี้ล้วนเป็นของจวนเจ้าหรือ” พูดพลางทำหน้าอิจฉา “จวนเจ้ามีรถหลายคันมาก”
เมื่อจู๋หลินที่ติดตามอยู่ไม่ไกลเห็นภาพตรงหน้า เขาจ้องเขม็งไปยังบ่าวรับใช้คนนั้น ภายในใจภาวนาให้เขาอย่ามองนาง อย่ามองนาง อย่าฟังนาง อย่าฟังนาง…
บ่าวรับใช้อดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นหญิงงามเผยสีหน้าอิจฉา เขาโบกมือด้วยความถ่อมตน “ไม่ใช่ขอรับ ไม่ใช่ขอรับ มีหลายจวนขอรับ” นอกจากนี้เขายังอดที่จะพูดเสริมขึ้นไม่ได้ “นอกจากตระกูลที่มาจากเมืองซีจิงแล้ว ยังมีตระกูลในเมืองอู๋ด้วยขอรับ คุณหนู ท่านมาจากตระกูลไหนขอรับ มาเที่ยวเล่นบนภูเขาเช่นเดียวกันหรือขอรับ”
เหตุใดเจ้าบ่าวรับใช้จึงพูดมากเพียงนี้ ตาของจู๋หลินแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว เหตุใดจึงมีผู้ที่โง่เขลาถึงเพียงนี้ เขามองไม่ออกหรือว่าคุณหนูงามคนนี้กำลังหลอกถามอยู่
เฉินตันจูทำท่าทางราวกับถูกถามจนร้อนรน “ข้าหรือ ตระกูลข้า…” นางราวกับละอายที่จะพูดชื่อของตระกูลเล็กของตนเองออกมา ก่อนจะถามขึ้น “ไม่รู้ว่า พวกเจ้ามาจากตระกูลใดกัน”
จู๋หลินกำเปลือกไม้ชิ้นหนึ่ง เขาตีบ่าวรับใช้คนเดียวให้สลบไป ไม่ถือว่าก่อเรื่องใช่หรือไม่
แต่ก็ยังคงสายไป บ่าวรับใช้นั้นตอบอย่างเสียงดัง “ตระกูลหลูแคว้นวั่งเมืองซีจิง”
เฉินตันจูพยักหน้า “ข้าเคยได้ยิน ตระกูลนี้มีชื่อเสียงมาก” ก่อนจะยิ้มให้บ่าวรับใช้อีกครั้ง จากนั้นเดินผ่านไป
เมื่อเห็นหญิงสาวเดินจากไป บ่าวรับใช้ยิ้มให้กับคนอื่น พร้อมทั้งใช้สายตาสื่อสารเป็นเชิงว่าหญิงสาวในเมืองอู๋น่ารักเสียจริง ส่วนจู๋หลินก็โล่งใจเช่นเดียวกัน เขาบีบเปลือกไม้ในมือจนแหลกละเอียด โชคดีที่ไม่ใช่บ่าวรับใช้ตระกูลเหยา เอ๊ะ แต่ถึงแม้จะเป็นตระกูลเหย เฉินตันจูก็ไม่รู้ว่าภรรยาอีกคนของหลี่เหลียงแซ่เหยา เขากังวลจนเลอะเลือนไปหมดแล้ว
ตั้งแต่เฉินตันจูแอบฟัง ใจของเขาก็ยกขึ้นมา เมื่อได้ยินว่านางจะลงไปดื่มชาที่เชิงเขา เขาก็วางใจลง จนเดินมาพบกับเหล่าบ่าวรับใช้และคนเคลื่อนรถระหว่างทาง ทำให้ใจของเขายกขึ้นมาอีกครั้ง ความกังวลนี้ทำให้เขาลำบากแม้แต่การหายใจ…กังวลเสียยิ่งกว่าทำสงครามกับท่านแม่ทัพ
โชคดีที่เวลาต่อมาเฉินตันจูไม่มีท่าทีอื่นใดอีก นางเดินเข้าโรงน้ำชาดื่มชาอย่างแท้จริง
แขกในโรงน้ำชามีจำนวนไม่น้อย หญิงชราขายชาเว้นโต๊ะให้นาง ทำให้แขกคนอื่นต่างตำหนิด้วยรอยยิ้ม
“เหตุใดจึงบอกพวกข้าว่าไม่มีที่ ให้พวกข้ายืนดื่มอยู่ด้านนอก”
“เพราะว่า นางคือคุณหนูตันจูแห่งอารามดอกท้อที่ข้าเล่าให้พวกเจ้าฟังไปก่อนหน้านี้” หญิงชราขายชาพูด ก่อนจะเรียกแขกคนหนึ่ง “คนนั้น ก่อนหน้าเจ้าบอกว่ามีบริเวณใดไม่สบาย เร็ว ไม่ต้องเอายาอันใด มาให้คุณหนูตันจูดูให้”
แขกคนนั้นลังเลเล็กน้อย เขาเคยพูดก็จริง แต่ไม่คิดว่าคุณหนูตันจูจะอายุน้อยเพียงนี้ น่าจะมีเพียงสิบหกสิบเจ็ด…จะรักษาโรคได้จริง?
“ได้หรือไม่ ลองดูย่อมรู้” เฉินตันจูได้ยิน “ท่านมาให้ข้าลองดู หากข้าพูดไม่ถูก ข้าเลี้ยงชาท่าน”
หญิงสาวตรงหน้าตรงไปตรงมาอย่างมาก แขกคนอื่นต่างยุยง แขกคนนั้นจึงกัดฟันเดินมานั่งลง ดูก็ดู ผู้ชายอย่างเขาจะเกรงกลัวให้หญิงสาวดู?
เมื่อแขกคนนี้นั่งเข้ามา มีอีกหลายคนตามเข้ามาดูด้วย พวกเขาล้อมโต๊ะเอาไว้ คนที่ยืนอยู่ด้านนอกเป็นชายหนุ่มอายุน้อยสองคนที่กำลังถือถ้วยชาดื่มอยู่ หนึ่งในนั้นสวมหมวกปิดบังใบหน้า หลังจากที่รับถ้วยชาไปก็ยืนนิ่งไม่ขยับ สุขุมอย่างมาก ส่วนอีกคนร่าเริงเล็กน้อย เขามองไปรอบด้าน ได้ยินอันใดก็พึมพำบอกกับสหายที่สวมหมวก
ตั้งแต่เฉินตันจูลงจากเขามา สายตาของเขาก็จับจ้องอย่างไม่ละสายตา ผู้ใดไม่อยากมองหญิงงาม แน่นอนว่าชายหนุ่มที่สวมหมวกยังคงยืนนิ่งดุจดั่งภูผา ถูกสหายใช้ศอกกระแทกสองทีก็ไม่มีปฏิกิริยา
จนกระทั่งได้ยินหญิงชราขายชาพูดถึงชื่อของคุณหนูตันจู คิ้วของเขาจึงเลิกขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เพียงแค่เลิกขึ้นเท่านั้น ส่วนสหายที่มาด้วยเบิกตาโต “โอ้ หญิงสาวผู้นี้คือคุณหนูตันจู” จากนั้นคำพูดของเขาก็มากขึ้น “รักษาโรคได้จริงหรือ” “จริงหรือเท็จกัน” “ข้าไปดูเสียหน่อย”
ชายสวมหมวกยังคงไม่สนใจ เขากดหมวดให้ต่ำลง แต่ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ เพียงแค่ยกชาขึ้นดื่มในบางครั้ง
เขาไม่สนใจ แต่มีคนที่สนใจจำนวนมาก หลังจากแขกคนนั้นให้รักษา ก็มีคนอื่นนั่งลงต่อทันที อีกทั้งมีการหยอกล้อจากหญิงชราขายชา ภายในโรงน้ำชาคึกคักขึ้นมาทันที
เหล่าบ่าวรับใช้และองครักษ์ที่พักผ่อนอยู่เชิงเขาต่างเดินเข้ามาซื้อชาสองถ้วยพร้อมทั้งดูความคึกคักนี้
แขกภายในโรงน้ำชามาแล้วจากไป ไปๆ มาๆ เวลาล่วงเลยไปถึงช่วงบ่าย เหล่าคุณหนูที่เที่ยวเล่นอยู่บนเขาก็ลงมา เหล่าสาวรับใช้ต่างเรียกขานบ่าวรับใช้และคนเคลื่อนรถของตระกูล ส่วนเหล่าคุณหนูพลางเดินไปทางรถของตนเองพลางนัดหมายสถานที่เที่ยวเล่นในครั้งหน้า
เฉินตันจูนั่งอยู่ในโรงน้ำชา มองดูหญิงสาวที่แต่งกายงดงาม ฟังเสียงอ่อนหวาน แอบท่องแซ่ที่พวกนางพูดถึงในใจ คุณหนูตระกูลหลู คุณหนูตระกูลผัง คุณหนูตระกูลเกิ่ง อืม ตระกูลเกิ่ง โชคชะตาที่ทำให้นางได้เจอ โอ้ ยังมีคุณหนูตระกูลเหยา…
ตระกูลเหยา ตระกูลของพระชายารัชทายาท…
ครานี้ที่เดินทางมาภูเขาดอกท้อมีแต่ตระกูลใหญ่ ในเมื่อได้พบปะกับเหล่าคุณหนูตระกูลใหญ่ของราชสำนักมากมายเพียงนี้ หากไม่หาความโชคร้ายให้พวกนางเสียบ้างก็คงจะน่าเสียดาย
เฉินตันจูตะโกนเสียงดัง “นี่…”