โรคไขข้ออักเสบอะไรกัน
อาการเช่นนี้ ไม่ใช่จ้งเฟิง[1]หรอกหรือ
สวรรค์!จ้งเฟิงห้ามเคลื่อนย้ายเด็ดขาด!มั่วเชียนเสวี่ยครุ่นคิดถึงวิธีรักษาเบื้องต้นเมื่อจ้งเฟิง พร้อมกับร้องตะโกน “ช้าก่อน!”
สาวใช้ที่กำลังจะเข้าไปช่วยพยุง ตกใจกับเสียงร้องของนางจนต้องหยุดชะงัก
มั่วเชียนเสวี่ยไม่มีเวลาอธิบายแล้ว
การรักษาเบื้องต้นของจ้งเฟิงคือเวลาไม่คอยท่า
“ถอยไปให้หมด!” ผลักพวกสาวใช้ที่เหม่อลอยออก นางพุ่งตัวเข้าไป ถอดรองเท้าถุงเท้าของเจี่ยนเหล่าไท่จวิน พร้อมกับร้องบอกเหลียงหมัวมัวด้วยความร้อนใจดั่งไฟแผดเผา
“เร็วเข้า เร็วหน่อย รีบไปหยิบเข็มมา”
สาวใช้ที่ถูกผลัก มีคนหนึ่งล้มลงชนเข้ากับหัวโต๊ะ ดูคล้ายว่าจะเป็นสาวใช้ที่มีอำนาจ นางรีบเอามือกุมหน้าผาก ชี้หน้ามั่วเชียนเสวี่ยแล้วพูด “ไปหยิบเข็ม? สตรีปากร้ายจากที่ใดกัน เจ้าคิดจะทำสิ่งใด พวกเจ้าตายไปแล้วหรือ เหตุใดไม่รีบไปลากตัวนางออกมา หากเหล่าไท่จวินเป็นอะไรขึ้นมา พวกเจ้ามีจำนวนหัวมากพอจะมารับผิดหรือ…”
“หงอวี้ หุบปาก!” เหลียงหมัวมัวร้องปรามหงอวี้
โรคไขข้ออักเสบนี้อันตรายยิ่งนัก ตอนนี้ทำได้เพียงรักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น[2]แล้ว
ขณะที่เหลียงหมัวมัวครุ่นคิดอยู่นั้น หยวนหมัวมัวหยิบเข็มมาให้มั่วเชียนเสวี่ยแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยรับเข็ม ใช้เข็มจิ้มนิ้วเท้าของเจี่ยนเหล่าไท่จวิน พร้อมกับสั่งให้เหลียงหมัวมัวที่กำลังเหม่อลอยไม่รู้จะทำเช่นไร “หันศีรษะของเหล่าไท่จวินไปด้านข้าง ให้ของเหลวในปากของเหล่าไท่จวินไหลออกมา อย่าให้ไหลย้อนกลับมิเช่นนั้นจะสำลักไปถึงหลอดลมได้”
เหลียงหมัวมัวรีบเอามือไปพยุงศีรษะของเหล่าไท่จวิน
มั่วเชียนเสวี่ยเห็นเหลียงหมัวมัวขยับศีรษะด้วยความรุนแรง จึงพูดตำหนิ “ทำเบาๆ!” เวลานี้แล้ว ไม่ใช่เวลาในการคำนึงถึงเรื่องมารยาท
“จากนั้นปลดคอเสื้อและผ้าผูกเอวของเหล่าไท่จวินออก หากเป็นไปได้ ดูดเสมหะในคอเหล่าไท่จวินเสีย เพื่อเลี่ยงไม่ให้เสมหะ อุดตันหลอดลม” ขณะที่มั่วเชียนเสวี่ยพูดสั่งการมือของนางก็บีบนิ้วเท้าของเหล่าไท่จวินไม่หยุด ทำให้มีเลือดดำไหลออกมาอีกครั้ง
เหลียงหมัวมัวไม่แม้แต่จะคิดว่าสิ่งที่มั่วเชียนเสวี่ยพูดถูกหรือผิด
นางรู้สึกว่าเวลานี้เรือนร่างของมั่วเชียนเสวี่ย มีแสงสว่างโอบล้อม
ปลดคอเสื้อและถอดผ้าผูกเอวของเหล่าไท่จวิน เหลียงหมัวมัวก้มหน้าลง ไม่แม้แต่จะลังเล ดูดเสมหะให้กับเจี่ยนเหล่าไท่จวิน
ระหว่างนี้ นิ้วเท้าทั้งสิบของเจี่ยนเหล่าไท่จวินถูกมั่วเชียนเสวี่ยจิ้มจนเป็นรู บีบเลือดออกจนหมดแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยพบว่าเหล่าไท่จวินยังคงไม่ได้สติ ตัดสินใจด้วยความยากลำบาก ใช้เข็มจิ้มนิ้วมือทั้งสิบ แล้วบีบเลือดดำออกมา
ขณะนั้นเอง เจี่ยนเหล่าไท่จวิน จึงจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาบ้าง
มั่วเชียนเสวี่ยเห็นเช่นนั้น ส่งสายตาให้เหลียงหมัวมัวปลอบนาง ส่วนตนก็นวดคลายเส้นให้นางเพื่อความผ่อนคลาย
ทั้งหมดนี้มั่วเชียนเสวี่ยล้วนดูมาจากอินเทอร์เน็ต การปลอบประโลมทำเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยตื่นตระหนกจนเป็นกังวล แล้วหมดสติไปอีกครั้ง นั่นอาจทำให้อาการหนักยิ่งกว่าเดิมได้
เมื่ออาการดีขึ้นให้ผู้ป่วยนอนนิ่งๆ แล้วนวดตัว การทำเช่นนี้ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ป้องกันไม่ให้ความดันลดลงแล้วส่งผลให้ลิ่มเลือดอุดตันร้ายแรงกว่าเดิม
เหลียงหมัวมัวเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี หวีผมให้กับเหล่าไท่จวิน
บริเวณโดยรอบเงียบงัน เงียบเสียจนมั่วเชียนเสวี่ยได้ยินเพียงเสียงเต้นตึกตักของหัวใจตนเอง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าใด ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
สาวใช้ที่เหลียงมัวมัวให้ไปเชิญหมอหวังมานั้นเดินนำทางอยู่ด้านหน้า ด้านหลังคือชายชราที่เดินตามมามือเปล่า
หลังจากเข้ามาด้านใน ชายชราที่ถูกเรียกว่าหมอหวัง กวาดตามองเจี่ยนเหล่าไท่จวินที่เวลานี้ยังคงนอนอยู่บนพื้น พูดขึ้นด้วยความสงสัย “นี่!เหตุใดคนป่วยจึงยังนอนอยู่บนพื้นอีก”
ทุกคนไม่กล้าส่งเสียง ต่างพากันมองไปที่มั่วเชียนเสวี่ย
มั่วเชียนเสวี่ยลุกขึ้น จ้องเขม็งไปที่หมอหวัง พลางกล่าว “หลังจากไขข้ออักเสบ ห้ามเคลื่อนย้ายโดยพลการ ดังนั้นข้าจึงไม่ให้พวกนางเคลื่อยย้ายเหล่าไท่จวิน ตอนนี้ อาการของเหล่าไท่จวินบรรเทาลงแล้ว แน่นอนว่าสามารถเคลื่อนย้ายได้”
“เจ้าเป็นคนช่วยรักษาเหล่าไท่จวินเบื้องต้นหรือ” ในฐานะหมอสิ่งแรกที่ควรทำคือรีบดูอาการคนป่วย วินิจฉัยและรักษา ไม่ใช่ถามนั่นถามนี่
มั่วเชียนเสวี่ยไม่พอใจกับหลักจรรยาบรรณแพทย์ของหมอชรานี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจแววตาของหมอหวังที่กำลังพินิจพิจารณานางอยู่ นางหันไปบอกกับเหลียงหมัวมัวที่ยังคงพยุงตัวเจี่ยนเหล่าไท่จวิน
“เหลียงหมัวมัว ให้พวกนางช่วยกันยกเหล่าไท่จวินขึ้นไปบนตั่งเถิด”
บรรดาสาวใช้รีบเข้าไปช่วย มั่วเชียนเสวี่ยพูดเสริม “จำเอาไว้ให้ดี สองสามวันนี้ห้ามนอนหนุนหมอนเด็ดขาด”
หลังจากสาวใช้วางเจี่ยนเหล่าไท่จวินลง หมอหวังรีบจับชีพจรให้นางทันที
ช่างรวดเร็วยิ่งนัก แม้กระทั่งมั่วเชียนเสวี่ยที่คิดว่าตนสายตาดีก็ยังไม่ทันเห็นว่าเขาเดินผ่านไปได้อย่างไร
หลังจากจับชีพจรเสร็จ หมอหวังเปิดตาเหล่าไท่จวินขึ้นมาดู แววตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ
เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รีบเดินเข้าไปหามั่วเชียนเสวี่ย พูดด้วยรอยยิ้ม “แม่หนู!เจ้ารักษาเช่นไร รีบบอกข้าที”
ดวงใจน้อยๆ ของมั่วเชียนเสวี่ยสั่นไหว ชายชราผู้นี้ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย! เหล่าไท่จวินยังไม่หายดี เขาไม่เพียงไม่ทำการรักษาต่อ ไม่อธิบายอาการให้คนในครอบครัวรู้ ทั้งยังไม่จ่ายสูตรยา กลับมีเวลามาถามนาง แล้วยังถามด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอีก?!
สิ่งสำคัญคือเขาเสียมารยาทเช่นนี้ ทว่าไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาตำหนิเขา
สีหน้าของเหลียงหมัวมัวเปี่ยมไปด้วยความกังวล ทว่าไม่อาจทำสิ่งใดกับพฤติกรรมของชายชราผู้นี้ได้ “หมอหวัง เหล่าไท่จวินเป็นอย่างไรบ้าง”
“วางใจเถอะ เหล่าไท่จวินไม่เป็นอะไรแล้ว มีข้าอยู่ ขอเพียงพักผ่อนเสียหน่อย ไม่กี่วันก็กลับมาเป็นปกติแล้ว”
“จริงหรือเจ้าคะ เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านมาก! หมอหวัง”
“เหตุใดต้องขอบคุณข้าด้วย คนที่พวกเจ้าควรขอบคุณคือแม่หนูคนนี้ หากมิใช่เพราะนางรักษาเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี กว่าข้าจะมาถึง แม้จะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ย่อมพิการเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต แม้มิได้เป็นอะไรมาก แต่คงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน!”
“ขอบคุณท่านมากหนิงเหนียงจื่อ…”
ไม่รอให้เหลียงหมัวมัวพูดจบ หมอหวังโยนตำรับยาออกมาหนึ่งใบ พร้อมกับพูด “วุ่นวายจริงๆ ซื้อยาตามตำรับยานี้” คว้ามั่วเชียนเสวี่ยออกไปจากห้อง
“แม่หนู เจ้ารีบบอกมา เจ้าทำให้คนป่วยโรคไขข้อเอกเสบหายดีในพลันวันได้เช่นไร แม้ข้าจะมาได้ทันท่วงที รักษาอยู่นาน ก็ไม่เห็นว่าจะรักษาได้ผลดีเช่นเจ้า”
“ข้าเวียนหัวแล้ว!” นางเวียนหัวเสียที่ไหน โมโหต่างหาก
เป็นชายชราที่แปลกจริงๆ! ยังจะนับถือเรียกว่าหมอหวังอีก เสียดายที่เหลียงหมัวมัวเคารพเขาเช่นนั้น
ไม่สนใจไยดีความเป็นความตายของคนป่วย แต่กลับทำเช่นนี้ ลากนางออกมา นางยังไม่ทันได้ตั้งตัว เพียงลมพัดผ่านก็ยืนอยู่ที่ลานหน้าเรือนแล้ว แม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่รู้ว่าเดินออกมาได้อย่างไร
“เวียนหัว?”
นิ้วมือทั้งห้าจับชีพจรของนาง กระทำการด้วยความรวดเร็ว ระหว่างกระชากลากถู มั่วเชียนเสวี่ยอ้าปากแลบลิ้นออกมาอย่างห้ามไม่ได้
หมุนตัวหนึ่งครั้งในอากาศ นางรู้สึกเพียงว่ามีมือหนึ่งกดหัวไหล่ของนาง ตบท้อง จากนั้นหมุนอีกสามร้อยหกสิบองศา มือนั้นก็ทั้งกดและตบแผ่นหลังของนาง
ยังไม่รอให้นางร้องตะโกน นางก็ยืนอยู่บนพื้นโดยดังเดิม ราวกับไม่เคยเคลื่อนไหวขยับตัวมาก่อน
นี่มัน… ความฝัน?! หรือเป็นการแสดงละครกันนี่
ตานางมองไปรอบๆ…
แม่เจ้าโว้ย ไม่มีสลิงสักเส้น!
[1] จ้งเฟิง โรคหลอดเลือดสมอง หมายถึง โรคที่มีอาการหน้ามืด ล้มลงหมดสติฉับพลัน ร่างกายครึ่งซีกอ่อนแรง ปากเบี้ยว เห็นภาพซ้อน พูดติดขัด หรืออาจไม่มีอาการล้มลงหมดสติ
[2] รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น ทำสิ่งที่รู้ว่าไม่มีทางสำเร็จ หรือดันทุรังทำในสิ่งที่เกินความสามารถ