ประโยคนี้ด่าเหมารวมนายท่านเจี่ยนด้วย
เดิมทีนายท่านเจี่ยนก็ขุ่นเคืองใจอยู่แล้ว พูดตำหนิ “เจ้าเป็นถึงแม่ใหญ่[1] เหตุใดไม่อบรมสั่งสอนให้ดี เรือนในอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้า เหตุใดจึงเกิดเรื่องโสมมเช่นนี้ขึ้นได้” ลี่อี๋เหนียงเป็นสตรีที่ผู้อื่นยกให้เขาด้วยความเคารพ เพิ่งรับเข้ามาไม่นาน ยังอยู่ในช่วงรื่นรมย์
เจี่ยนฮูหยินไม่ใส่ใจคำตำหนิของนายท่านเจี่ยน พูดประชดประชัน “ท่านพี่ตามใจเจียวอี๋เหนียงอย่างกับอะไรดี ไม่ให้แม้แต่มาน้อมทักทายข้า แล้วจะให้ข้าไปอบรมสั่งสอนนางได้อย่างไรเจ้าคะ”
เจี่ยนชิงโยวเดินตามหลังส่ายหน้าไปมา เดินเข้าไปแล้วพูด “ท่านพ่อ ท่านแม่ ชิงโยวเหนื่อยแล้วเจ้าค่ะ อยากขอตัวกลับไปพักก่อน” พูดจบนางก็โน้มตัวทำความเคารพแล้วเดินถอยออกไป
เห็นการทะเลาะเบาะแว้งเช่นนี้ นางรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก ต่อหน้าผู้คนท่านแม่ทั้งอ่อนโยนและสวยสง่า ลับหลังผู้คนกลับโต้เถียงกับท่านพ่อ ทั้งยังชักสีหน้าให้บรรดาอนุภรรยาและบุตรของพวกนางอยู่เสมอ
โชคดีที่นางเติบโตมากับเหล่าฮูหยินหวังเพียงสามีในอนาคตไม่ใจร้ายอย่างบิดาก็พอ
ได้ยินว่า เวลานี้ข้างกายซินอี้หมิงไม่มีแม้กระทั่งสาวใช้ห้องข้าง[2]มุมปากของเจี่ยนชิงโยวยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว…
ด้านหลังคือการโต้เถียงของคนสองคนที่ไม่จบสิ้น
“เจ้าดูตัวเจ้าสิ…”
……
ในบ้านตระกูลหลี่ฟากตะวันออกของหมู่บ้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
ตามด้วยเสียง “เข้าห้องหอ” ฟางเถาเอ๋อร์ถูกจัดให้อยู่ในห้องหอสีแดง
เวียนดื่มสุราครบสามรอบ สุราก็ดื่มแล้ว ปลุกห้องเจ้าสาว[3]แล้ว ทุกคนแยกย้ายกันออกไป หลี่ไคสือกลับเข้ามาในห้องด้วยความมึนเมา
ในห้องหอ ท่ามกลางเทียนแดง เหลือเพียงสองสามีภรรยา
“คนบ้า ยังไม่เข้ามาอีก”
ฟางเถาเอ๋อร์เลิกคิ้วขึ้นยั่วยวน หลี่ไคสือไม่ได้เข้าไปหานาง ล้มตัวลงบนเตียง ถึงอย่างไรก็เปิดผ้าคลุมหน้าตั้งแต่ตอนปลุกห้องเจ้าสาวแล้ว
ฟางเถาเอ๋อร์เห็นเขาล้มลงบนเตียง เข้าใจว่าเขาดื่มมากไป จึงไม่ได้ใส่ใจนัก นางยิ้มด้วยความงดงาม “ไม่ได้ขึ้นคร่อมบนตัวข้ามาหลายวันแล้ว ไม่รู้สึกอยากสักหน่อยหรือ”
ขณะพูด นางก็ยื่นมือไปถอดเสื้อหลี่ไคสือ
หลี่ไคสือตัวสั่น รู้สึกหนาวสะท้านด้วยความตกใจ ปากของเขาพูดพึมพำ “อยาก…อยาก…” พลิกตัว ทว่ากลับหยุดนิ่ง คล้ายนอนหลับไปแล้ว
หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาคิดหาทุกวิถีทาง ทั้งเคยช่วยตนเอง เคยร้องคราง ทั้งยังเคยแอบดูสะใภ้บ้านอื่นถ่ายเบา…
ตอนกลางคืน นอนริมหน้าต่างข้างห้องสามีภรรยาหนุ่มสาวและฟังเสียงที่ทำให้เลือดสูบฉีด…
ทว่า เจ้านั่นที่ต้องใช้ในห้องหอกลับไม่เงยหน้าขึ้น ต้องรู้ว่า เมื่อก่อน หนึ่งในเรื่องเหล่านั้นทำให้เขามีความสุขในการเล่นกับตนเองได้นานครึ่งค่อนวัน
ตอนนี้ ภรรยาทวงการบ้านแล้วแต่เขากลับไม่สามารถส่งการบ้านได้ตามเวลา นอกจากแกล้งหลับแล้ว เขายังจะทำอะไรได้
“ลุกขึ้น เจ้าคนขี้เมา!เจ้าคนเกียจคร้าน!” ฟางเถาเอ๋อร์เขย่าตัวหลี่ไคสือ ด้วยความไม่พอใจ นี่คือคืนเข้าหอของนาง นางรอคืนนี้มานานแล้ว
หลี่ไคสือไม่ง่วงนอนแม้แต่น้อย ถูกเขย่าจนตัวสั่น แต่กลับไม่กล้าลืมตา แกล้ง ต้องแกล้งนอนต่อ!
“มาเถิด… มาพูดคุยเป็นเพื่อนข้าก่อน…” นางยังคงไม่หยุดเขย่าตัวเขา
หลี่ไคสือตกอยู่ในสงครามระหว่างสวรรค์กับมนุษย์
แกล้ง? แกล้งนอนต่อไปไม่ได้แล้ว! ลองดูสักครั้ง บางทีได้ลองบนเรือนร่างของสตรี เจ้านั่นของเขาอาจจะดีขึ้นก็ย่อมได้ ไม่แน่ว่าอาจจะเงยหน้าขึ้นมา
หมุนตัว พลิกตัวอย่างรวดเร็ว กอดเถาฟางเถาเอ๋อร์ที่เขย่าตัวเขาไม่ยอมหยุด แล้วกดนางลง “นังหญิงโฉด หากไม่ให้เจ้าได้รู้ถึงความเก่งกาจของข้า เจ้าคงไม่รู้ว่าตนเป็นผู้ใดแล้ว”
“เอาเลย! เอาเถอะ เอาให้แรง”
จากนั้น…
ไม่ว่าหลี่เคสือจะพยายามมากเพียงใด ไม่ว่าฟางเถาเอ๋อร์จะหยอกเย้าเช่นไร ก็ไม่สามารถทำให้เขากลับมาผงาดได้ ตอนแรกฟางเถาเอ๋อร์ยังมีความอดทน ในตอนหลังเรือนร่างของนางร้อนผ่าวจนทรมาน จึงด่าทอ “เจ้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง”
หลี่ไคสือโดนนางตำหนิ นั่งลงที่ปลายเตียง ขดตัวเป็นทรงกลม มีใจคิดอยากจะตาย
หลังจากฟางเถาเอ๋อร์นอนเงียบๆ ครู่หนึ่ง นางยังคงไม่ตายใจ นึกถึงเมื่อคราวก่อนตอนที่อยู่ในห้องมืด บุรุษผู้นี้ยังเก่งกาจยิ่งนัก นึกถึงวันนั้นที่พลิกตัวไปมา ด้วยเหตุนี้ ความร้อนในใจของนางก็แผดเผาขึ้นมา
กระโจนเข้าไปหาหลี่ไคสือ
ภาพเมื่อครู่ฉายซ้ำอีกครั้ง
ครั้งนี้ฟางเถาเอ๋อร์ไม่ได้เหมือนครั้งที่แล้ว แค่ตำหนิว่าเขาไร้ประโยชน์ แต่ครั้งนี้นางด่าสุดความสามารถ ทุกอย่างที่นางรู้ ทุกคำหยาบคายที่สามารถบรรยายได้ด่าออกมาจนหมด
หลี่ไคสือเงียบอีกครั้ง ฟางเถาเอ๋อร์ด่าไปด่ามา เรือนร่างของนางร้อนผ่าว อยากจะอดกลั้นก็ไม่อาจอดกลั้นได้
พลิกตัว ถอดเสื้อผ้า อ้าขากว้างด้วยตนเอง อยู่ตรงนั้น ต่อหน้าหลี่ไคสือ เริ่มลูบคลำตนเองขึ้นมา
นับจากร้องบรรเลงเพลงรักกับหลี่ไคสือที่ห้องมืดเมื่อคราวก่อน ได้ลิ้มรสโลกีย์และติดใจกับรสนั้น
ในตอนหลัง นางแอบไปดูท่านพ่อท่านแม่ของนางร้องบรรเลงเพลงรัก หลังจากดูจบ ความปรารถนาของนางไม่อาจปลดปล่อย นางจึงถอดอาภรณ์ ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนวดคลึงส่วนต่างๆ เพื่อช่วยตนเอง
ครั้งแล้ว ครั้งเล่า…
หลี่ไคสือเห็นฟางเถาเอ๋อร์นวดคลึงตนเองเช่นนั้น รู้สึกเร่าร้อนยิ่งนัก ดวงตาของเขาแดงก่ำ ไฟราคะในทรวงดั่งคลื่นร้อนซัดเขาระลอกแล้วระลอกเล่า แต่ร่างกายกลับไม่ได้ดั่งใจ ไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย
ทั้งโมโหและเป็นกังวล เขาพุ่งตัวเข้าไปหา ตบบ้องหูฟางเถาเอ๋อร์อย่างแรง จากนั้นใช้มืออุดปากของนาง ไม่ว่าร่างกายของเขาจะมีปฏิกิริยาตอบโต้หรือไม่ ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีถูระหว่างขาของฟางเถาเอ๋อร์
ในตอนแรกฟางเถอาเอร์อยากจะผลักออกมาด้วยความหงุดหงิด ทว่าในตอนหลัง กลับให้ความร่วมมืออย่างดี
ทั้งสองร่วมเพศปลอมๆ กันอย่างดื่มด่ำ
รุ่งสาง ฟางเถาเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาก็ทำลายข้าวของในเรือนทั้งยังโวยวายจะขอหย่า ภรรยาหลี่ปาเปิดประตูแล้วตบนางหนึ่งฉาด
สตรีชั้นต่ำที่นอนกับบุตรชายของตนก่อนแต่งงาน นางคิดว่านางเป็นใคร เมื่อแต่งเข้าตระกูลหลี่ เช่นนั้นก็ต้องเป็นสะใภ้ของตระกูลหลี่ ต้องยอมให้นางที่เป็นแม่สามีสั่งสอน มีอย่างที่ไหนมาก่อความวุ่นวายแต่เช้า!
“เจ้ากล้าตบข้า?” ฟางเถาเอ๋อร์ถูกเลี้ยงอย่างประคบประหงมตั้งแต่เล็ก ไม่เคยถูกทุบตีมาก่อน เวลานี้นางมีเหตุผลในใจ แน่นอนว่าย่อมไม่ยอม ตบภรรยาหลี่ปากลับหนึ่งฉาก “นางมนุษย์ป้า บุตรชายของเจ้าไร้น้ำยา หรือจะให้ข้าที่เป็นสตรีเป็นเพียงภรรยาในนามเช่นนั้นหรือ”
ภรรยาหลี่ปาคิดไม่ถึงว่านางจะกล้าตบตนกลับ เดือดดาลขึ้นมาทันที ทั้งทุบตีและด่าทอฟางเถาเอ๋อร์ “บุตรชายของข้าไร้น้ำยา แล้วบุรุษที่ขึ้นคร่อมเจ้าในวันนั้นคือใคร ผู้ใดทำลายพรหมจรรย์ของเจ้า หรือจะบอกว่าเจ้าเสียพรหมจรรย์ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”
“…” ฟางเถาเอ๋อร์เงียบ
ภรรยาหลี่ปาเห็นว่านางไม่อาจโต้เถียง จึงว่าปมด้อยของนาง ด้วยความลำพองใจ “สตรีแพศยา ไม่อาจให้สามีของตนร่วมรักกับตน ยังไม่รู้จักอาย เที่ยวป่าวประกาศออกมาได้ ช่างไร้ยางอายเสียจริง เจ้าไร้ยางอาย แต่ข้ากับสามีของข้ายังมียางอาย”
หลี่ไคสือเห็นฟางเถาเอ๋อร์เหิมเกริมเช่นนี้ กระชากผมของนาง ทุบตีนางจนล้มลงบนพื้น ขึ้นควบนาง จากนั้นก็เริ่มตบปากนาง
ภรรยาหลี่ปาเห็นบุตรชายเข้าข้างตน ไม่เพียงแต่ไม่ห้าม แต่ยังเทน้ำมันลงบนกองไฟ “ตบนางให้แรง กล้าตบข้างั้นรึ แต่งเข้าตระกูลวันแรกก็กล้าทุบตีแม่สามี ไม่ว่าอย่างไร นางก็ทำไม่ถูก…”
[1]แม่ใหญ่ ภาษาจีน 嫡母 เป็นคำที่ลูกที่เกิดจากอนุทุกคนใช้เรียกภรรยาเอกของบิดา
[2]สาวใช้ห้องข้าง สาวใช้ผู้ทำหน้าที่ปรนนิบัติคุณชายและสอนวิชากามาศาสตร์
[3]ปลุกห้องเจ้าสาว 闹洞房 เน่าต้งฝาง เป็นวิธีการหนึ่งที่แขกในงานกระทำต่อคู่บ่าวสาวอย่างสนุกสนานครื้นเครง วิธีการแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่