ครั้งนี้ หลังจากจูบเสร็จ ห่อตัวนางเอาไว้ในผ้าห่มอีกครั้ง เตรียมที่จะทำสิ่งนั้น!
มั่วเชียนเสวี่ยถูกกระแสไฟฟ้าในร่างกายทรมานจนปากแห้ง ด้วยเหตุนี้จึงโมโห ยกเท้าที่อยู่ในผ้าห่มขึ้นมา เตะเขาลงจากเตียง
แม่เจ้าโว้ย เขาเองก็ทรมานร่างกายจะแย่ ยังคิดจะแกล้งนาง? นี่มันเรื่องอะไรกัน!
หนิงเซ่าชิงไม่ได้ระวังตัวคิดไม่ถึงว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะเตะเขาลงจากเตียง ตะลึงงันอยู่บนพื้น
เมื่อครุ่นคิด ก็เข้าใจ
ท่ามกลางความมืด เขาคลายยิ้มบางๆ เขาอดกลั้นมานานมากจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้
วันนี้เป็นวันเกิดของเขา เผชิญหน้ากับสตรีผู้เป็นที่รัก ความรู้สึกเร่าร้อนนั่นหากไม่ระบายออกมา ต้องอดกลั้นเจียนตายแน่นอน
เป็นเขา ที่มองข้ามความรู้สึกของนาง
เมื่อเข้าใจเรื่องนี้ หนิงเซ่าชิงคลานขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง เห็นมั่วเชียนเสวี่ยหันหน้าหนี คราวนี้เขาไม่ได้ปลดปล่อยโดยมีผ้าห่มกั้นกลางแล้ว แต่มุดตัวเข้าไปในผ้าห่มของตนเองแล้วเผชิญหน้ากับมั่วเชียนเสวี่ย
ก่อนหน้านี้ปลดปล่อยหลายครั้ง เมื่อครู่ตกลงไปบนพื้นจึงเย็นเฉียบไปทั้งตัว ทำให้ไฟราคะในใจที่เขาอดกลั้นมานานทุเลาลงบ้างแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยไม่พอใจ หันหลังให้เขาอีกครั้ง
เขายื่นมือออกไปคว้าตัวนาง คว้าตัวนางเข้ามาในผ้าห่มของตนอีกครั้ง
เรือนร่างสัมผัสกัน ความรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาเล็กน้อย ปรับลมหายใจของตนเอง หนิงเซ่าชิงพูดแผ่วเบา “ที่จริงแล้ว ข้าโดนพิษลมหนาว!”
มั่วเชียนเสวี่ยเกือบตกใจ เขารู้? เขารู้มาโดยตลอดว่าตนโดนยาพิษ? ก็จริง คนฉลาดเช่นเขา จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าร่างกายของตนผิดปกติ
“พิษนั่น…ถึงชีวิตหรือไม่” เสียงของมั่วเชียนเสวี่ยสั่นเครือ เขารู้ว่าตนโดนยาพิษ ไม่แน่อาจจะมีวิธีก็ย่อมได้
“ยังไม่เป็นอะไรชั่วคราว” หนิงเซ่าชิงเห็นคนในอ้อมกอดสั่นเทา พูดปลอบ “เดิมทีข้าไม่อยากบอกเจ้า กลัวเจ้าจะเป็นกังวล ตอนนี้หากไม่พูด ก็กลัวว่าเจ้าจะเข้าใจผิด กลัวจะคิดเหลวไหล”
โดนพิษ ได้! ต่อให้รู้ว่าโดนพิษ แต่เกี่ยวอะไรกับการร่วมรักเล่า
มั่วเชียนเสวี่ยหมดคำจะพูด
“พิษนี้ไม่แผลงฤทธิ์ ตอนนี้ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อร่างกายของข้า ทว่า เมื่อร่วมรัก น้ำ…ของข้าเข้าไปในตัวเจ้า ลมหนาวเข้าสู่ร่างกายเจ้า ทำให้มดลูกเจ้าเย็น วันข้างหน้ามีความเป็นไปได้สูงว่าเจ้าอาจไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ชั่วชีวิต”
หนิงเซ่าชิงกล่าวเสียงเรียบทว่าเคล้าไปด้วยตึงเครียดเล็กน้อย
มั่วเชียนเสวี่ยฟังแล้วกลับโมโหอย่างมาก นางก่นด่าในใจ อ๊ากกก! นี่มันพิษอะไร ต้องการจะทำลายความสุขทั้งชีวิตของนางหรือ
ผู้ที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้ วันข้างหน้าอย่าได้ตกอยู่ในมือนาง นางจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไป คิดๆ แล้วแค้นสุดขีด ขอสาปแช่งก่อนเลยแล้วกัน
“ถ้า…ถ้าเช่นนั้นควรจะทำเช่นไร” ถึงแม้จะกระอักกระอ่วน แต่นางก็ยังคงถามออกไป หรือว่าหากไม่ถอนพิษ พวกเขาก็ต้องเป็นเช่นนี้ต่อไป
เขาเสียสุขภาพ นางเสียใจ! ไม่เพียงแค่เสียใจ นางก็เสียสุขภาพด้วย ต้องกลั้นเอาไว้!
“ได้ยินว่าพิษนี้มีเพียงหมอประหลาดที่คนในยุทธภพขนานนามว่าเซียนพิษสามารถถอนได้ คนที่ข้าส่งไปเจอตัวเขาแล้ว ช่วงนี้หมอประหลาดปรากฏตัวในเมืองเทียนเซียงหลายครา คิดว่าอีกไม่นานคงจะเจอตัวเขาแล้วให้เขาถอนพิษได้แล้ว”
“หมอประหลาด?”
“อืม หรือว่าเจ้าเคยได้ยิน”
“ข้าคิดว่า ข้าเคยเจอ หมอประหลาดที่ท่านพูดถึง”
พูดถึงหมอประหลาด มั่วเชียนเสวี่ยจำต้องพูดถึงตระกูลเจี่ยน จำต้องเอ่ยถึงเจี่ยนชิงโยว
พูดถึงเจี่ยนชิงโยว มั่วเชียนเสวี่ยบอกว่านางเป็นคนปราดเปรื่อง มากความรู้ ตัดสินใจเด็ดขาด
ตั้งแต่มาถึงโลกนี้ เจี่ยนชิงโยวคือเพื่อนแท้คนแรกของนาง นางอยากให้หนิงเซ่าชิงวางปมในใจ ไม่ต้องยอมรับก็ได้ แต่อย่างน้อยช่วยหยุดถือสาเรื่องช่วยชีวิตนางในคราวนั้นได้แล้ว
จากการพูดคุยกันด้วยความ ‘จริงใจ’ ใจของทั้งคู่ใกล้กันมากขึ้น
ขณะพูด ได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยถึงเจี่ยนชิงโยว หนิงเซ่าชิงเพียงแค่เงียบไปครู่หนึ่ง ท่าทีที่มีต่อเจี่ยนชิงโยวแม้จะบอกไม่ได้ว่าดี แต่ก็ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน เป็นต้องหึงหวงไว้ก่อนทันทีที่พูดถึง
เมื่อคืนทั้งสองร่วมบรรเลงเพลงรักกันตลอดทั้งคืน ตอนเช้าย่อมไม่ตื่น
อาอู่เอาคำพูดที่มั่วเชียนเสวี่ยฝากฝังไว้ไปเรือนตระกูลถงแต่เช้า ทางด้านอาซานก็ไปลางานให้เจ้าของตนที่โรงเรียน
ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยตื่นขึ้นมา ก็สายมากแล้ว วันนี้ไม่มีธุระอะไร นางนอนอยู่บนเตียงด้วยความเกียจคร้านไม่อยากขยับตัว หนิงเซ่าชิงเอนตัวลงบนเตียงด้วยความเกียจคร้าน มองดูมั่วเชียนเสวี่ยที่เป็นเช่นนี้ ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม รู้สึกว่าเวลานี้สงบสุขแล้ว คล้ายปุยเมฆที่เป็นอิสระ แต่ไม่โดดเดี่ยว
ความสงบนี้ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยนึกถึงสุภาษิตที่บอกว่า ‘ชีวิตสงบสุข ปรารถนาที่จะแบ่งปันกับท่าน วันเวลาเดินช้าเหมือนน้ำที่ไหลริน ปรารถนาที่จะอยู่กับท่าน เมื่อวันเวลาเหลือน้อยลง ปรารถนาที่จะชราไปพร้อมกับท่าน’
ดวงตาอ่อนโยน ทุกแห่งหนเปี่ยมไปด้วยความรัก ทว่าด้านนอกกลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เจ้านาย ท่านผู้เฒ่าถงมาเยี่ยมขอรับ”
ท่านผู้เฒ่าถงมา ถงจื่อจิ้งเป็นอะไรไปเช่นนั้นหรือ
มั่วเชียนเสวี่ยรีบกระโดดลงจากเตียงด้วยความร้อนใจ ทว่าหนิงเซ่าชิงกลับกดนางลงบนเตียง พูดเสียงเรียบเฉย “อย่าร้อนใจ ทุกอย่างล้วนมีสามีคอยแบกรับ เจ้าพักผ่อนต่อเถอะ”
กล่าวจบเดินออกไปจากห้อง สีหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
ในห้องโถง ท่านผู้เฒ่าถงเดินวนไปมาด้วยความร้อนใจและกังวล
หนิงเซ่าชิงเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับประสานมือ “หัวหน้าตระกูลถงมาที่เรือนซอมซ่อ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดหรือขอรับ”
ท่านผู้เฒ่าถงเงยหน้าขึ้น “คุณชายหนิง ไม่ทราบว่าฮูหยินอยู่หรือไม่”
หนิงเซ่าชิงพูดออกไปด้วยสีหน้าเยือกเย็น ท่านผู้เฒ่าถงอดกลั้นทว่าก็ไม่เกรงใจ
ในเมืองหลวงทั้งสองมีฐานันดรศักดิ์ทัดเทียมกัน ต่างรู้จักกันดี ไม่จำเป็นต้องพูดจาอ้อมค้อม
หนิงเซ่าชิงเชิญท่านผู้เฒ่าถงนั่ง ตนก็นั่งอยู่ด้านข้าง พูดขึ้นช้าๆ “ฮูหยินป่วย นอนพักอยู่ในเรือน”
“คุณชายหนิงได้โปรดบอกนาง ข้ามาหานางเพราะมีเรื่องด่วนจะพูดด้วย” ถึงอย่างไรท่านผู้เฒ่าถงก็เป็นฝ่ายร้องขอ น้ำเสียงจึงอ่อนกว่าเล็กน้อย
หนิงเซ่าชิงมองด้วยแววตาเยือกเย็น “เรื่องสำคัญใด หัวหน้าตระกูลถงพูดออกมาตามตรงเถอะ”
“บุตรชายของข้าจื่อจิ้ง วันนี้ได้ยินว่าหนิงเหนียงจื่อไม่ไปหา อาการกำเริบอีกครั้ง คุณชายหนิงได้โปรดผ่อนผัน”
“คุณชายอาการกำเริบ ตามหลักแล้วท่านผู้เฒ่าถงควรจะไปตามหมอ ไม่ใช่ถ่อมาหาคนที่ตระกูลหนิงของข้า”
“คุณชายหนิงไม่รู้ โรคของบุตรชายข้าพิเศษอย่างมาก…”
“ประการแรกฮูหยินของข้าไม่ใช่หมอ ไม่มีความรู้ด้านการรักษา ประการที่สองไม่ใช่ทาสรับใช้ของตระกูลถง ไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่ง ท่านผู้เฒ่าถงเข้าผิดเรือน ขอร้องผิดที่แล้ว…”
ทั้งสองเจ้าหนึ่งคราข้าหนึ่งครา ฟาดฟันกันด้วยคำพูด
ตอนแรก ใบหน้าของท่านผู้เฒ่าถงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงถือว่าอ่อนน้อม เห็นหนิงเซ่าชิงน้ำไฟไม่กล้ำกราย[1]ก็ยิ่งเป็นกังวล พูดจาเหี้ยมโหด อย่างไม่รีบร้อน “คาดว่า คุณชายหนิงคงไม่อยากพบหน้าน้องชายในเร็วๆ หรอกกระมัง”
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่านี่เป็นการข่มขู่อย่างชัดเจน!
หนิงเซ่าชิงวางถ้วยน้ำชาลง หัวเราะในลำคอ “ข้าไม่เคยโดนข่มขู่” กล่าวจบ หันหลังเดินออกไป “อาซาน ส่งแขก!”
ท่านผู้เฒ่าถงยืนขึ้น “คุณชายหนิงไม่กลัว แต่อย่าลืมไปว่าหนิงเหนียงจื่อไร้กำลัง อ่อนแอยิ่งนัก”
นี่เป็นการเอาชีวิตของมั่วเชียนเสวี่ยมาข่มขู่เขา
[1] น้ำไฟไม่กล้ำกราย ไม่มีเรื่องอะไรส่งผลกระทบต่อตนได้