ตอนที่ 38 ผู้จัดการข่งมาขอโทษถึงบ้าน
ผู้จัดการข่งกระแอมไอ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอคำปรึกษา “สหายเสี่ยวหลิน คุณช่วยเขียนจดหมายอีกฉบับส่งให้ทางสำนักหนังสือพิมพ์ได้ไหม บอกพวกเขาว่าเราแก้ไขความผิดพลาดแล้ว”
หลินม่ายพยักหน้า “ได้สิ แต่รอให้ฉันเสร็จเรื่องราวหลังปีใหม่ก่อนแล้วจะเขียนให้นะคะ ตอนนี้ไม่ว่าง”
มีเวลาตอบโต้ แต่ไม่มีเวลาเจรจากันดี ๆ ใครจะเชื่อ!
แม้ว่าจะไม่เชื่อ แต่ผู้จัดการข่งก็ไม่กล้าแสดงความรู้สึกออกมา แค่กำชับหลินม่ายว่าห้ามลืมเท่านั้น
หลังจากที่ผู้จัดการข่งและพนักงานคนนั้นจากไป หลินม่ายก็หอบเอาของขวัญที่ผู้จัดการข่งนำมาให้กลับเมืองซื่อเหม่ยพร้อมกับโต้วโต้ว
ส่วนของขวัญที่พนักงานคนนั้นนำมาให้ หลินม่ายตั้งใจจะเก็บไว้ให้โต้วโต้ว เธอกลัวว่าเมื่อหล่อนโตขึ้นจะไม่ยอมดื่มนมและนมมอลต์ เลยอยากให้หล่อนดื่มเสียหน่อย
รถไฟไม่ได้ออกเดินทางตลอดเวลา ต้องรอขึ้นตามรอบรถ
รถไฟขนส่งผู้โดยสารจะออกทุกหนึ่งชั่วโมง จึงต้องเร่งเดินทางให้ทันรถไฟขนส่งผู้โดยสารขบวนแรก
เพื่อกลับไปรับซื้อไก่และไข่ไก่ในหมู่บ้านโดยเร็วที่สุด หลินม่ายจึงต้องกัดฟันจ่ายค่าเดินทางจำนวนห้าหยวน พาโต้วโต้วนั่งรถไฟขนส่งผู้โดนสารกลับมายังเมืองซื่อเหม่ย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าค่ารถไฟทั่วไปแค่หนึ่งหยวน
เวลาล่วงเลยมาถึงสี่โมงเย็น สองแม่ลูกหลินม่ายก็หอบของขวัญมายังบ้านของคุณปู่ฟาง
คุณปู่ฟางกำลังยืนตากแดดดคุยกับเพื่อนบ้านอยู่หน้าบ้านพอดี เมื่อเห็นสองแม่ลูกหลินม่ายจากไกล ๆ ก็ตะโกนเข้าไปในบ้านด้วยความตื่นเต้น “ยายเฒ่า ม่ายจื่อและโต้วโต้วกลับมาแล้ว!”
คุณย่าฟางรีบวิ่งออกมาจากในบ้าน หลินม่ายและโต้วโต้วตะโกนพร้อมกัน “สวัสดีค่ะคุณย่า!”
“คุณย่าสวัสดีค่ะ!”
“จ้ะ ๆ” คุณย่าฟางดีใจมาก “ของขายหมดแล้ว เลยกลับมาได้ละสิ?”
“อื้อ!” หลินม่ายพยักหน้าอย่างหนักแน่น รอให้สองเฒ่าเชิญเข้าบ้าน จากนั้นก็นำของขวัญที่ผู้จัดการข่งนำมาให้วางลงบนโต๊ะ
ของขวัญเหล่านั้นประกอบไปด้วยนมผง น้ำตาลแดง นมมอลต์รวมทั้งขนมหลากหลายชนิด เหล้าและบุหรี่
คุณย่าฟางบ่นอุบ “ครั้งที่แล้วเธอเอานมผงกลับมาให้ปู่ฟางแล้ว ยังจะซื้อมาอีก!”
ยุคสมัยนี้นมมอลต์เป็นสินค้าค่อนข้างมีระดับ แต่นมผงมีราคาแพงยิ่งกว่านมมอลต์เสียอีก คุณย่าฟางเลยทำใจที่หลินม่ายเสียเงินไม่ได้ จึงตำหนิเธอออกไป
คุณปู่ฟางคอยให้คำแนะนำอยู่ข้าง ๆ “เธอเสียเงินซื้อเสื้อขนสัตว์ที่เธอซื้อให้ฉันและย่าของเธอไปไม่น้อย อย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแบบนี้สิ เก็บเงินไว้ซื้อบ้านเถอะ”
หลินม่ายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันหาเงินซื้อบ้านได้แล้วค่ะ กลับมาครั้งนี้ฉันอยากมารับซื้อไก่และไข่ไก่เอาไปขายในเมือง”
คุณย่าฟางบ่นอุบอย่างผิดหวัง “ยังจะไปขายของในเมืองอีก ไม่คิดจะกลับมาฉลองปีใหม่ด้วยกันเหรอ?”
หลินม่ายรีบเอ่ย “ต้องกลับมาสิคะ ฉันขายพรุ่งนี้ทั้งวันไปจนถึงครึ่งวันหน้า ยังไงก็ต้องกลับบ้านมากินข้าวที่บ้านแน่นอน”
เมื่อคุณปู่ฟางได้ยินดังนั้น ก็เตรียมจะพุ่งตัวออกไป “ฉันช่วยรับซื้อไก่และไข่ไก่ให้เธอได้นะ”
หลินม่ายคลี่ยิ้มพลางขัดขวางเขา “ฉันยังไม่ได้บอกราคารับซื้อคุณปู่ฟางเลยนะ”
“ก็ฉันร้อนใจ!” คุณปู่ฟางยิ้ม “แล้วเธอจะรับซื้อในราคาเท่าไหร่หล่ะ?”
หลินม่ายถามราคาไก่และไข่ไก่ในเมืองมาแล้ว ซึ่งเพิ่มจากราคาเดิมสองเท่า
คุณย่าฟางจึงเอ่ยอย่างเป็นกังวล “ราคารับซื้อสูงขนาดนี้ เธอจะได้กำไรไหมละเนี่ย?”
หลินม่ายพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ได้สิคะ”
ในตลาดมืดไก่เป็ดปลาเนื้อเหล่านี้มีราคาสูงเกินมาตรฐาน คนส่วนใหญ่เอื้อมไม่ถึง รับซื้อในราคานี้แล้วมันจะอะไรนักหนา
คุณปู่ฟางเอ่ย “ราคารับซื้อสูงขนาดนี้แค่เดินป่าวประกาศเอ็ดตะโรไปรอบหมู่บ้าน ทุกคนก็แห่กันมาถึงหน้าบ้านแล้ว ไม่ต้องเสียแรงวิ่งโร่ออกไปรับซื้อหรอก”
หลินม่ายรีบวางแผนทันที “งั้นคุณปู่ช่วยเช่ารถแทรกเตอร์ให้ฉันหน่อยนะคะ ฉันจะไปป่าวประกาศในหมู่บ้านละแวกนี้ ให้พวกชาวบ้านมาหาเราถึงที่”
ทั้งสองคนแยกกันไปคนละทาง
หลินม่ายมายังหมู่บ้านแรก เสนอราคารับซื้อของตัวเอง ปรากฏว่าพวกชาวบ้านต่างวิ่งเข้ามารุมกันเหมือนอย่างที่คาดคิดไว้ นำไก่และไข่ไก่ของตัวเองมาขายให้เธอ
หลินม่ายให้พวกเขาตรงไปขายที่บ้านคุณปู่ฟางหลังจากนี้อีกหนึ่งชั่วโมง ตอนนี้เธอต้องวิ่งไปประกาศอีกหลายหมู่บ้าน
หมู่บ้านที่ฉลาดหน่อยก็ช่วยป่าวประกาศให้เธออย่างกระตือรือร้น แต่เงื่อนไขคือต้องรับซื้อแพะสองตัวของบ้านพวกเขาด้วย
หลินม่ายพยักหน้า “ถ้าแข็งแรงก็รับซื้อ”
การเลี้ยงแกะในหมู่บ้านยุคสมัยนี้หายากมาก ซึ่งที่เลี้ยงไว้ส่วนใหญ่เป็นแพะ ไม่มีใครเลี้ยงแกะ
แพะตัวไม่ใหญ่มาก รับซื้อสองตัวจึงไม่ใช่ปัญหา
มีคนช่วยเธอป่าวประกาศ หลินม่ายจึงไม่ต้องวิ่งวุ่นให้เหนื่อยอีก ให้ชาวบ้านไปเสนอขายไก่และไข่ไก่ถึงบ้านคุณปู่ฟาง เธอก็แค่ต้อนรับพวกเขาอยู่ที่บ้านคุณปู่ฟาง
ระหว่างทางกลับมาบ้านคุณปู่ฟาง มีชาวบ้านที่เร็วยิ่งกว่าถือไก่สองตัวมือข้างหนึ่ง อีกข้างถือตะกร้าใส่ไข่ไก่ใบหนึ่งมาถึงก่อนเธอ และตั้งแถวยาวอยู่หน้าบ้านของคุณปู่ฟางแล้ว
แม่ไก่บ้านในหมู่บ้านมีน้ำหนักประมาณหนึ่งชั่ง ส่วนตัวผู้มีน้ำหนัก 1.5 ชั่ง ราคารับซื้อของแม่ไก่อยู่ที่ชั่งละ 1.2 หยวน ไก่ตัวผู้ 1 หยวน ไข่ไก่ห้าเฟิน
นอกจากหลินม่ายจะเก็บเงินจำนวนสองร้อยหยวนไว้ใช้ยามฉุกเฉินแล้ว เธอได้นำเงินที่เหลือมาใช้รับซื้อสินค้า โดยรับซื้อแม่ไก่และไก่ตัวผู้ไปทั้งหมดแปดร้อยกว่าตัว ไข่ไก่อีกสองพันฟอง แพะห้าตัว
แม้จะกำหนดรับซื้อแพะแค่สองตัว แต่ครอบครัวยากจนครอบครัวหนึ่งอยากขายแพะที่บ้านของหล่อนให้กับหลินม่าย เพื่อช่วยเขา หลินม่ายจึงแหกกฎรับซื้อแพะจากบ้านเขา
หลินม่ายรับซื้อสินค้าอย่างคึกคักอยู่หน้าบ้านคุณปู่ฟาง โดยที่คนสกุลอู๋ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ไกล ๆ ด้วยความอิจฉาตาร้อน
แต่ก็ได้แต่อิจฉา เพราะหล่อนไม่กล้าพาลูกชายและลูกสะใภ้ไปขายไก่และไข่ไก่ในตลาดมืด
ได้ยินมาว่าการซื้อขายในตลาดมืดเสี่ยงถูกตำรวจจับได้ง่าย หรือต่อให้ไม่มีใครมาจับ ในตลาดมืดที่ปะปนไปด้วยคนดีและคนชั่วแห่งนั้น หาเงินได้ก็ใช่ว่าจะไม่ถูกแย่งถูกขโมย หล่อนกล้าไปที่ไหน!
คุณป้าอู๋กัดฟันสาปแช่งหลินม่ายอยู่ในใจ ต่อให้หาเงินในตลาดมืดได้ก็ขอให้ถูกขโมยถูกปล้น ทางที่ดีก็ขอให้ถูกจับ กินข้าวแดงในคุกสักหลายปี
หลินม่ายรับซื้อตั้งแต่สิบโมงกว่าตลอดจนถึงหกโมงกว่า ถึงจะรับซื้อได้ครบทุกคน
เธอหมดงบรับซื้อสินค้าที่ชาวบ้านนำมาหลังจากนั้น ชาวบ้านเหล่านั้นทำได้แค่เดินคอตกกลับไป
คุณย่าฟางทำอาหารมื้อค่ำเสร็จแล้ว มีทั้งปลามีทั้งเนื้อ
คุณย่าฟางให้หลินม่ายกินปลากินเนื้อ แล้วเอ่ยขอโทษ “ดึกมากแล้ว ซื้อได้แค่ซี่โครง”
หลินม่ายอยากกินเนื้อแดงแทบขาดใจ
รีบกินมื้อค่ำจนหมด ไข่ไก่ที่หลินม่ายรับซื้อมาเหล่านั้นถูกปิดด้วยหญ้าแห้งหนึ่งชั้น บรรจุลงในตะกร้าใบใหญ่ หลีกเลี่ยงไม่ให้แตกระหว่างการขนย้ายพรุ่งเช้าเพราะการกระทบกระเทือน
แม้ว่าไก่ที่พวกชาวบ้านนำมาขายเหล่านั้นจะถูกขายแบบรวม ๆ แต่เธอได้ทำการตรวจสอบรอบหนึ่งแล้ว ไก่ที่ไม่ถูกมัดจนแน่นก็ทำการมัดใหม่ เพราะกลัวว่าจะมีไก่ตัวไหนร่วงกลางทาง
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ หลินม่ายและโต้วโต้วก็อาบน้ำเข้านอน
ตีห้าพรุ่งนี้เช้าต้องนั่งรถแทรกเตอร์ไปขายไก่ในเมือง
การขายในครั้งนี้เธอไม่พาโต้วโต้วไป ถ้าต้องขายของไปด้วย ดูแลลูกไปด้วย เธอคงยุ่งหัวปั่น โต้วโต้วเองก็รับปาก
หลินม่ายตื่นนอนช่วงเวลาตีสี่ครึ่งในเช้าตรู่วันต่อมา หลังล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อย คนขับรถแทรกเตอร์ก็ขับรถเข้ามา
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางตื่นเช้า ช่วยหลินม่ายขนของขึ้นรถแทรกเตอร์ กระทั่งเห็นพวกเขาห่างออกไป จึวงกลับมานอนในห้องต่อ
ฤดูหนาวตอนตีห้านั้นมืดมาก ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถแทรกเตอร์หรือหลินม่ายต่างก็เฝ้าระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา
แม้ว่าพวกเขาจะเดินทางอยู่บนถนนหลัก ทั้งยังห่างจากเมืองไม่ไกลนัก ความปลอดภัยถือว่าใช้ได้ แต่ก็จำกัดแค่เฉพาะช่วงกลางวัน
ตั้งแต่สองทุ่มจนถึงหกโมงเช้ายากจะควบคุมความปลอดภัยได้ บนถนนเส้นหลักมักมีโจรออกปล้นบ่อยครั้ง
แม้โจรจะมาปล้นทรัพย์ไม่ได้ปล้นคน แต่คนขับรถแทรกเตอร์พยายามหลบเลี่ยง เพราะคุณปู่ฟางขอร้องให้เขาไปส่งหลินม่ายถึงในเมืองอย่างปลอดภัย เขาจะชะล่าใจไม่ได้
กระทั่งรถแทรกเตอร์ขับมาถึงอำเภอที่เรียกว่าเสี่ยวกั่ง ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงผมเผ้ากระเซอะกระเซิงคนหนึ่งวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือ น้ำเสียงน่าเวทนานั้นสร้างความพิศวงให้กับค่ำคืนที่เงียบสงัด
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สมัยนั้นก็อันตรายเหมือนกันนะ แล้วม่ายจื่อเป็นเด็กสาวกำลังโตเดินทางคนเดียว
ใครวิ่งมาขอความช่วยเหลือกันนะ ถ้าเป็นเหยื่อก็ดีไป แต่ถ้าเป็นนางนกต่อก็คือซวย
ไหหม่า(海馬)