ตอนที่ 113 การทวงเงินครั้งสุดท้าย
เมื่อเห็นว่าฟางจั๋วหรานต้องการช่วยตัวเองจริงๆ และไม่มีเจตนาไม่ดีแอบแฝง เธอจึงบอกกับเขาว่าขาดส่วนผสมอะไรบ้าง
ถ้าเป็นช่วงหลังปี 90 วัตถุดิบพวกนั้นต่างหาซื้อได้ทั่วไป
แต่ทว่าในช่วงปี 80 การขนส่งล้าหลัง พวกเครื่องหลูจู่ที่มีเฉพาะในเทือกเขาอวิ๋นหนานและกุ้ยโจวจะไม่สามารถหาซื้อได้ในเจียงเฉิงเลย
แต่เมื่อรับความช่วยเหลือมาจากฟางจั๋วหรานแล้ว หลินม่ายก็ไหว้วานเขาอย่างตรงไปตรงมาว่าขอผงยี่หร่าอีกสักสองสามกิโล
เนื่องจากร้านข้างๆ กัดเธอไม่ปล่อย เช่นนั้นเธอก็สู้ตาย
แม้ในช่วงปี 80 จะไม่มีโทรศัพท์ส่วนตัว แต่เพื่อความสะดวกแก่การทำงาน ทางหน่วยงานก็จะติดตั้งโทรศัพท์บ้านไว้ให้ข้าราชการระดับสูง
แม้ว่าฟางจั๋วหรานจะไม่ใช่ข้าราชการระดับสูง แต่เขาเป็นศัลยแพทย์อายุน้อยที่มีฝีมือ
มีหลายกรณีที่เขาจะต้องเป็นผู้ลงมือผ่าตัดฉุกเฉินเพียงคนเดียว เขาไม่เพียงแต่มีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่เขายังมีร่างกายที่แข็งแกร่งอีกด้วย
สำหรับการผ่าตัดที่สำคัญหลายครั้ง แม้ว่าศาสตราจารย์อาวุโสด้านศัลยแพทย์ยังมีความสามารถ แต่แน่นอนว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายเทียบกันไม่ได้
ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยจึงติดตั้งโทรศัพท์บ้านให้ฟางจั๋วหราน เพื่อให้เขารับสายได้ง่ายขึ้น
ทันทีที่ฟางจั๋วหรานถึงบ้าน เขาก็โทรศัพท์หลายสายทันที
ไม่นานผู้ป่วยจากมณฑลอวิ๋นหนานและกุ้ยโจวที่เขาเป็นผู้รักษาก็สัญญาว่าจะช่วยจัดหาส่วนผสมในการทำหลูจู่ที่หลินม่ายต้องการให้เขา
ผงยี่หร่าจากซินเจียง ก็มีคนช่วยจัดหาให้เขา
ฟางจั๋วหรานขอให้พวกเขาส่งของมาให้เร็วที่สุด
เมื่อคิดถึงเรื่องที่สามารถช่วยสาวน้อยคนนี้ได้ ฟางจั๋วหรานก็กระตุกยิ้มเบาๆ
การมีร้านข้างๆ เป็นคู่แข่ง ทำให้ร้านของหลินม่ายเริ่มขายไม่ดี ถึงแม้ว่าจะทำปริมาณที่ลดลงแต่ก็แทบจะขายไม่หมด ไส้ที่ทำไว้ก็ยังเหลือ
ถึงเวลาที่พนักงานเลิกงาน หลินม่ายก็ไปที่ตลาดสดของรัฐเพื่อเอาเครื่องในหมูและปอดหมูที่เธอสั่งไว้
โจวฉายอวิ๋นขมวดคิ้วและพูดว่า “เอาของวันนี้มาแล้ว วันพรุ่งนี้อย่าเพิ่งสั่งของไว้นะ ตอนเที่ยงร้านข้างๆอาจทำเหมือนตอนเช้าก็ได้ เราไม่พูดเรื่องการลอกเลียนแบบ แต่การขายตัดราคาแบบนี้มันแย่มาก หากซื้อเครื่องในหมูและปอดหมูมาแล้วใช้ไม่หมดจะเสียดายเงินเปล่าๆ”
เพราะว่าต้องลดปริมาณลง ไส้ที่ทำไว้ในตอนเช้าก็ยังใช้ไม่หมด โจวฉายอวิ๋นจึงกังวลมาก
หล่อนไม่รู้ว่าตอนกลางวันจะทำยังไงกับเครื่องในหมูและปอดหมูพวกนี้ดี
ตอนนี้อากาศร้อน ของที่ขายไม่หมดทิ้งไว้ค้างคืนก็คงเน่าเสีย
หลินม่ายพยักหน้า “ฉันรู้ค่ะ”
เมื่อมาถึงตลาดสด เธอก็ไปพบหม่าเจียเฉียงพนักงานที่ช่วยเธอส่งสินค้า บอกว่าเธอน่าจะไม่ได้มารับสินค้าประมาณหนึ่งอาทิตย์
แต่ว่ายังไม่ต้องคืนเงินมัดจำ เพราะหลังจากนี้หนึ่งอาทิตย์เธอจะกลับมารับสินค้าอีกครั้ง
หม่าเจียเฉียงพยักหน้าตอบรับเมื่อได้ยินว่าเธอยังมารับสินค้าในวันหลัง
แน่นอนว่ามันเป็นไปตามที่โจวฉายอวิ๋นคาดไว้ ตอนกลางวันร้านข้างๆ ก็ขายของเหมือนกับร้านหลินม่ายทุกประการ และเป็นเช่นเดียวกับอาหารเช้าที่ขายถูกกว่าห้าเฟิน
หากต้องการหาความแตกต่าง ก็คงเป็นที่หลูจู่จากร้านของหลินม่ายนั้นมีกลิ่นหอมเฉพาะ ในขณะที่หลูจู่ของร้านป้าหูนั้นมีกลิ่นคาวของเครื่องใน
ความต้องการของคนในยุคนี้มีไม่สูง ขอแค่เป็นเนื้อและราคาถูก
แม้ว่ารสชาติอาหารของป้าหูจะไม่อร่อย แต่ตอนกลางวันคนก็ไปกินที่ร้านของป้าหูไม่น้อย
หลินม่ายเห็นว่าธุรกิจไม่ค่อยดี เธอจึงขายของที่หน้าร้านคนเดียว ให้โจวฉายอวิ๋นนำไส้ที่ทำเหลือไว้ในตอนเช้ามาทำซาลาเปา แล้วเธอจะนำมันออกไปขายที่อื่น
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ซาลาเปาก็ทำเสร็จแล้ว หลินม่ายแบ่งไว้ให้โจวฉายอวิ๋นขาย เพื่อขัดขวางร้านข้างๆ ที่ไม่ยอมให้ร้านเธอได้ขายราคาปกติ
ในเมื่อร้านข้างๆ ทำให้เธออยู่ไม่เป็นสุข เช่นนั้นเธอก็จะทำให้ป้าหูอยู่ไม่เป็นสุขเหมือนกัน มาเจอกันสักตั้ง
สำหรับอาหารที่เหลือ หลินม่ายนำขึ้นรถสามล้อออกไปขายข้างถนน
เธอขายของจนหมดในช่วงเวลาประมาณบ่ายสอง ช้าอีกนิดก็เกือบจะโดนเทศกิจจับไปแล้ว
ป้าหูร้านข้างๆ และโจวฉายอวิ๋นขายของกันหมดแล้ว หมดเวลาไปอีกวันหนึ่งสำหรับการทำธุรกิจ
ป้าหูเห็นหลินม่ายกลับมาแล้ว หล่อนก็พูดด้วยความภาคภูมิใจ
หลินม่ายขบริมฝีปากด้วยความรังเกียจ ขายของตัดราคาคนอื่นแบบนี้ มีอะไรให้น่าภูมิใจกัน!
เธอและโจวฉายอวิ๋นนำของจากรถสามล้อเข้าไปเก็บในครัว จากนั้นก็ได้ยินเสียงถกเถียงมาจากด้านนอก
โจวฉายอวิ๋นเงี่ยหูฟังตาปริบๆ “ดูเหมือนว่าข้างๆจะมีการทะเลาะกัน ฉันไปดูหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”
หลินม่ายตามติดไปด้วยความสนใจ
เป็นลุงที่ทำซึ้งนึ่งกับป้าหูกำลังยืนเถียงกัน
หลังจากฟังไม่กี่คำหลินม่ายก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่แท้ป้าหูก็สั่งซึ้งนึ่งมาจากลุง ตกลงกันไว้ว่าจะมัดจำไว้ครึ่งหนึ่งก่อน แล้วหลังจากส่งมอบค่อยจ่ายอีกครึ่ง
แต่พอลุงนำซึ้งนึ่งมาให้ ป้าหูก็ผลัดจ่ายเงินที่เหลือมาสองสามวันแล้ว
ลุงบอกว่าวันนี้มาเอาเงินงวดสุดท้าย แต่ป้าหูบอกว่าคุณภาพซึ้งนึ่งมันไม่ดี และปฏิเสธจะจ่ายเงินส่วนที่เหลือ
ลุงขายซึ้งคนนั้นโกรธมาก จึงเกิดการปะทะขึ้น
แต่ไม่ว่าจะเถียงกันเสียงดังแค่ไหน ป้าหูก็ยืนยันว่าคุณภาพของมันไม่ดี และจะไม่จ่ายเงินส่วนที่เหลือ
ลุงคนทำซึ้งนึ่งโกรธมาก ชี้ไปที่จมูกของป้าหูแล้วพูดว่า “แกรอดูได้เลย!” พูดจบลุงก็หันหลังเดินกลับไป
ป้าหูไล่ตามไปด่าเขา “รอดูก็รอดูสิ คิดว่าฉันกลัวแกเหรอไอ้บ้านนอก!”
โจวฉายอวิ๋นกลอกตาด้วยความรังเกียจ “มีบรรพบุรุษของใครไม่ได้มาจากชนบทบ้าง ผ่านมาสามชั่วอายุคนแล้วยังดูถูกกันอยู่อีกเหรอ?”
หลินม่ายเองก็เกลียดคนที่ยโสโอหังเช่นกัน
เธอหยิบปากกาและกระดาษมานั่งในร้านเพื่อสอนโจวฉายอวิ๋นให้อ่านและเรียนรู้เรื่องตัวเลขง่ายๆ
ตอนเด็กๆ โจวฉายอวิ๋นเคยเรียนหนังสืออยู่สองสามปี แม้จะลืมไปหมดแล้ว แต่ก็ยังมีความทรงจำหลงเหลืออยู่ และหลินม่ายเองก็ไม่ได้สอนยากมาก
ทั้งสองคนกำลังเรียนอยู่ ก็ได้ยินเสียงคนด้านนอกตะโกน “ฆ่ากันแล้ว! จะฆ่ากันตายแล้ว!”
หลินม่ายมองไปทางประตู เงยหน้าขึ้นก็เห็นลุงคนขายซึ้งนึ่งถือมีดทำครัวเดินดุ่มๆ มุ่งไปที่ร้านข้างๆ
เธอตะโกนร้อง “ไม่นะ!”แล้วพุ่งตัวออกไป
แต่ก็ช้าไปก้าวเดียว ลุงทำซึ้งนึ่งได้เอามีดทำครัวชี้ไปที่หน้าอกของป้าหู และตะโกนอย่างขุ่นเคือง “จะจ่ายส่วนที่เหลือไหม?”
ป้าหูกลอกตาลอกแลกด้วยความหวาดกลัว พูดด้วยริมฝีปากสั่นระริก “ฉะ..ฉันให้ก็ได้…”
หลินม่ายรีบเข้าไปคว้ามีดทำครัวจากมือลุง พร้อมเอ่ยว่า “ลุงคะ ฉันขอให้ลุงช่วยหาซื้อมีดทำครัวก็จริง ลุงก็ควรเอามีดมาให้ฉันก่อนที่จะไปพูดกับใครนะคะ ลุงว่าการที่ลุงเอามีดมาคุยกับคนอื่นแบบนี้ ถ้าลุงเจอคนไม่มีเหตุผลแจ้งว่าลุงใช้มีดทำร้ายเขา ไม่ว่าลุงจะแก้ตัวยังไงก็ฟังไม่ขึ้นนะคะ!”
ลุงทำซึ้งนึ่งถูกยั่วโมโหจนขาดสติไปครู่หนึ่ง
เมื่อหลินม่ายเข้ามาคว้ามีดทำครัวไป ก็ทำให้เขาได้สติขึ้น
แม้จะยังโกรธอยู่เต็มอก แต่เขาก็ยังระงับอารมณ์ของตนได้
เขายิ้มกับหลินม่ายอย่างขอบคุณ “ลุงลืมตัวไปน่ะ”
ป้าหูตกตะลึงไป
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายคว้ามีดทำครัวไปแล้ว สถานการณ์ก็คลี่คลายลง นางก็กำลังจะเอะอะพาลุงขายซึ้งไปสถานีตำรวจ ให้ถูกจับเข้าคุกสักสองสามปี
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินม่ายจะช่วยให้นางหลุดพ้นจากอาชญากรรมของลุงทำซึ้งนึ่งเพียงคำพูดไม่กี่คำ หล่อนก็โมโหจนควันออกทวารทั้งเจ็ด
หล่อนชี้ไปที่จมูกของหลินม่าย “เธอตาบอดหรือไง มันใช้มีดทำครัวมาจี้ฉันขนาดนี้ จะบอกว่ามันไม่ได้ใช้มีดทำร้ายคนอย่างนั้นเหรอ?”
หลินม่ายผายมือไปที่ลุงทำซึ้งนึ่ง “ฉันบอกลุงแล้ว ถ้าลุงถือมีดแล้วเจอกับคนไร้เหตุผล เขาก็จะใช้เป็นข้ออ้างในการโต้กลับได้”
ป้าหูโมโหขึ้นมาทันที “แกว่าใครไร้เหตุผล?”
หลินม่ายเปิดปากพูด “ป้าไงคะ!ซื้อซึ้งนึ่งจากคนอื่นไม่ยอมจ่ายเงิน ทั้งยังหาข้ออ้างสารพัด ถ้าไม่เรียกคนไร้เหตุผลจะให้เรียกว่าอะไร!”
แม้เธอจะไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่เธอก็ทนเห็นคนโดนรังแกไม่ได้เหมือนกัน
ป้าหูเท้าเอวโวยวาย “ก็ของมันไม่มีคุณภาพ ทำไมฉันต้องจ่ายด้วย?”
หลินม่ายพยักหน้า “ได้!งั้นป้าก็เอาซึ้งนึ่งมาคืนลุงแกให้หมด แล้วฉันจะช่วยลุงคืนเงินที่ป้าจ่ายไปก่อนหน้านี้ให้ ยุติธรรมนะ!”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะจ่ายไม่จ่าย เกือบตายแล้วยังปากดีอีกนะป้า
ไหหม่า(海馬)