ตอนที่ 155 ใครเป็นคนในครอบครัวคุณ
ผ่านไปสักครู่ โต้วโต้วรู้สึกเหนื่อยจึงล้มตัวลงนอน
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางไปหาฟางจั๋วหรานเพื่อถามถึงอาการของโต้วโต้ว
ฟางจั๋วหรานเดินมาหาพร้อมน้ำอัดลมสองขวดในมือของเขา
เมื่อเห็นคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง เขาก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกับหลินม่าย “คุณปู่คุณย่า ทำไม่พวกท่านมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?”
เพียงเท่านั้นคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางถึงนึกขึ้นได้ถึงจุดประสงค์ที่พวกเขาเข้ามาในเมืองครั้งนี้ และบอกเขากับหลินม่ายถึงเรื่องราวทั้งหมด
ฟางจั๋วหรานมองหลินม่ายอย่างเคร่งเครียด “หวังเฉียงเป็นคนทุบรถแทรกเตอร์ของคุณในคราวนั้นเหรอ ทำไมคุณไม่บอกความจริงผม?”
หลินม่ายค่อนข้างสับสน “ก็ฉันไม่รู้นี่นา!”
ในครอบครัวหวังหรง เธอรู้จักเพียงหวังหรงคนเดียว แต่ไม่ได้รู้จักหวังเฉียง
เธอมองผู้เฒ่าทั้งสองแล้วมองฟางจั๋วหราน “ฉัน…ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ?”
คุณย่าฟางเหลือบตามองเธอ “เธอทำอะไรผิด? คนเขากลั่นแกล้งเธอ เธอไม่ทวงถามความยุติธรรมจากพวกเขาหรือ? ปู่ของเธอกับฉันเข้าเมืองมาเพื่อเป็นกำลังหนุนให้เธอ!”
หลินม่ายจึงค่อยวางใจ
หากคุณปู่ฟางคุณย่าฟางและฟางจั๋วหรานขอให้เธอปล่อยหวังเฉียงไป เธอคงต้องทำ แต่เธอคงเหินห่างจากพวกเขานับแต่นั้น
โชคดีที่พวกเขาเป็นล้วนเป็นคนมีเหตุผล
…….
ฟางเว่ยกั๋วและภรรยารีบรุดไปที่หมู่บ้านซานหยางกลับเห็นว่าประตูบ้านหลินม่ายมีกุญแจล็อกอยู่
สองสามีภรรยามองหน้ากันด้วยความสงสัย
หวังเหวินฟางพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ไม่ใช่ว่าคนๆ นั้นเล่นตลกกับเราเหมือนเป็นลิงเป็นค่างหรือ?”
เมื่อเห็นมีคนผ่านมา ฟางเว่ยกั๋วรีบสอบถาม “ทำไมไม่มีคนอยู่ที่บ้านนี้เลยครับ?”
ชาวบ้านคนนั้นบอก “คุณถามถึงม่ายจื่อหรือ หล่อนไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว คุณต้องการเช่าบ้านใช่ไหม?”
เขาชี้ไปข้างหน้า “ไปที่ทำการหมู่บ้านหาผู้ใหญ่บ้านสิ เจ้าของบ้านวางใจให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยหาบ้านเช่าให้หล่อน”
คู่สามีภรรยาไปหาผู้ใหญ่บ้านโดยไม่หยุดพักเพื่อสอบถามที่อยู่ของหลินม่าย
ผู้ใหญ่บ้านขอโทษขอโพย “ฉันรู้แค่ว่าม่ายจื่อเช่าร้านใกล้โรงพยาบาลผู่จี้เพื่อทำธุรกิจ แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าเป็นที่ไหน”
ขอบเขตแคบลงมากแล้วหากค่อย ๆ เคาะประตูไปทีละหลังยังคงหาหลินม่ายพบ
สองสามีภรรยาขอบคุณเขาอย่างสุภาพแล้วรีบขับรถออกไป
ฟางเว่ยกั๋วจริง ๆ แล้วไม่อยากมีเอี่ยวกับคดีของเว่ยเฉียง
ตอนนี้เขาเป็นถึงหัวหน้าผู้มากความสามารถขององค์กรใหญ่โตพรั่งพร้อมด้วยอนาคตแสนรุ่งโรจน์ เขาหวงแหนคุณสมบัตินี้ของเขายิ่งนัก
ตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาการดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด หากผิดพลาดไปแม้แต่น้อย อาจจะกระทบหน้าที่การงานของเขาได้
ระหว่างเดินทางกลับ ฟางเว่ยกั๋วเอ่ยกับหวังเหวินฟาง “ผมช่วยเรื่องทางครอบครัวฝั่งคุณได้เท่านี้ ให้พวกเขาไปหาคนใกล้โรงพยาบาลผู่จี้ด้วยตัวเองเถอะ”
หวังเหวินฟางพยักหน้าอย่างว่าง่าย
หากไม่จำเป็นจริงๆแล้ว หล่อนก็ไม่อยากให้เขาเข้าไปพัวพันกับคดีของหวังเฉียง
หากฟางเว่ยกั๋วล้มลง สกุลหวังก็จะขาดคนเกื้อหนุน
หวังเหวินฟางส่งต่อคำพูดไปถึงครอบครัวสกุลหวัง
หวังหรงโกรธเสียจหน้าดำคล้ำราวกับก้นหม้อ
นังแพศยาน้อยนั่นพยายามจะล่อลวงญาติผู้พี่ของหล่อนจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่เช่าร้านทำกิจการอยู่ใกล้ ๆ โรงพยาบาลผู่จี้ ไม่ใช่เพราะต้องการใกล้ชิดกับญาติผู้พี่ของหล่อนมากขึ้นหรอ!
พวกเขาสมาชิกครอบครัวทั้งสามคนไม่แม้แต่จะกินข้าวเย็น ไปสอบถามที่อยู่ของหลินม่ายใกล้โรงพยาบาลผู่จี้
คุณปู่ฟางและภรรยาไม่ค่อยได้เข้ามาในเมืองบ่อยนัก หลินม่ายทำอาหารอร่อยมากมายหลายอย่างให้พวกเขา และพวกเขารับประทานอาหารอย่างพออกพอใจ
หลังอาหารเย็น หลินม่ายจะไปส่งซุปบำรุงให้โต้วโต้วและอยู่ที่โรงพยาบาลต่อเพื่อเฝ้าหล่อน
แม้ว่าโต้วน้อยผู้น่ารักอาการดีขึ้นมากแล้วตอนนี้ อย่างไรก็ตามหล่อนยังไม่พ้นระยะอันตรายและหลินม่ายเป็นกังวลหากไม่ได้อยู่เฝ้าหล่อนที่โรงพยาบาล
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางก็ต้องการไปเยี่ยมหนูน้อยเช่นกัน
สุดท้ายไม่ใช่เพียงแต่พวกเขาที่ต้องการตามไป ฟางจั๋วหรานก็ไปด้วยกัน
ทุกคนเดินไปคุยไปแล้วไปเจอกับสมาชิกครอบครัวของหวังหรงทั้งสามคน
หวังหรงนึกไม่ถึงว่าเมื่อพวกเขาทั้งสองคนมาถึงถนนเจี่ยเฟิงก็จะพบหลินม่าย
เมื่อเห็นหลินม่ายกับฟางจั๋วหรานเดินเคียงกันมา หล่อนอิจฉาตาร้อนเจียนจะเป็นบ้า ปรารถนาที่จะพุ่งเข้าไปฉีกกระชากหลินม่ายให้เป็นชิ้นๆ
หากแต่เมื่อนึกถึงปัญหามากมายที่ครอบครัวพวกเขากำลังประสบ จึงทำได้แต่ระงับอารมณ์ตนเองไว้โดยไม่มีทางเลือก
พ่อหวังหรงเดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าหลินม่าย เขาพูดอย่างตื่นเต้น “โอ้ เสี่ยวหลิน เจอเธอสักที! ที่แท้หนูคุ้นเคยดีกับจั่วหรานและผู้เฒ่าฟางนี่เอง พวกเราเป็นดั่งน้ำพรั่งพรูสาดซัดวังมังกร(1) คนในครอบครัวแท้ๆ กลับไม่รู้จักคนในครอบครัว ไปกันเถอะ ไปสถานีตำรวจท้องที่กับอา ไปพาพี่ชายเสี่ยวเฉียงออกมา ดูสินี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งเพทั้งนั้น!
ตอนที่พูดเขาสื่อความนัยผ่านสายตาให้กับภรรยาและลูกสาว
แม่ลูกหวังหรงรีบเร้าดึงหลินม่าย
หากแต่โดนสกัดกั้นโดยคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง
คุณย่าฟางพูดด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “ใครเป็นคนบ้านเดียวกับพวกเธอ ถ้าเป็นครอบครัวเดียวกัน ลูกสาวของพวกเธอจะยุยงให้พี่ชายหล่อนกลั่นแกล้งม่ายจื่อเหรอหา! ยังจะบอกว่าเข้าใจผิดอีก เข้าใจผิดผายลมสิ! ทุบรถแทรกเตอร์ของม่ายจื่อเสียขนาดนั้น คิดว่าพวกเราไม่รู้เรอะ!”
คุณปู่ฟางไม่พอใจอย่างมาก “เสี่ยวเฉียงบ้านเธอเป็นพี่ชายม่ายจื่อ? ไม่ต้องมาเอ่ยเรื่องสายสัมพันธ์หรอก มันจะทำให้คนเขาอยากจะสำรอกออกมาเปล่าๆ!”
คุณแม่หรงไม่ใช่คนที่มีความอดทน เมื่อถูกตำหนิติเตียนโดยผู้เฒ่าตระกูลฟางทั้งสองตรงนั้น หล่อนต้องการที่จะระเบิดอารมณ์เสียตรงนั้นให้ผู้เฒ่าทั้งสองได้เห็น
แต่หล่อนเป็นผู้มีอันจะกิน ในใจหล่อนจึงรู้สึกกระดากอายอยู่บ้างเล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้นลูกชายหล่อนยังต้องพึ่งพาพวกเขาผู้เฒ่าทำมาหากิน หล่อนไม่กล้าอาละวาดจึงต้องอดกลั้นมันไว้
คุณพ่อหวังหรงพูดด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง “หรงหรงทำผิดไปแล้ว พวกเราได้อบรมสั่งสอนแกเรียบร้อยแล้วครับ”
คุณปู่ฟางโบกมือ “นั่นเป็นเรื่องของครอบครัวเธอ ไม่ต้องมาบอกพวกเรา หลีกไป อย่ามาขวางทาง!”
คุณพ่อหรงร้องขอ “ท่านปู่ ให้เสี่ยวหลินช่วยเสี่ยวเฉียงเถอะครับ ขอร้องท่านเถอะ”
คุณปู่ฟางเอ่ยด้วยสีหน้าอึมครึม “พวกเธอมีความสามารถนักไม่ใช่เหรอ? ถึงกับสั่งให้เว่ยกั๋วไปหาพวกเราได้ เราไม่ได้ตอบตกลงเสียหน่อย เว่ยกั๋วไว้หน้าพวกเราอยู่บ้างจึงหาทางออกให้ตัวเอง ขอร้องพวกเราให้ได้อะไร?”
ทันทีที่เขาคิดถึงการกระทำที่น่าอับอายของลูกชายคนโตที่มีต่อคู่สามีภรรยาเฒ่าทั้งสองเพราะเรื่องวุ่นวายของครอบครัวหวังเหวินฟาง คุณปู่ฟางจึงไม่อาจระงับความโกรธได้
พ่อหวังหรงยังอยากตื้อเขาต่อ แต่ฟางจั๋วหรานกลับผลักเขาไปด้านข้างอย่างไม่เกรงใจแล้วกันคุณปู่ฟางและคนอื่นให้เดินต่อไป
หวังหรงไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ตะโกนใส่หลังของฟางจั๋วหราน “พี่ชาย เห็นคนตายแล้วจะไม่ช่วยจริง ๆ เหรอ”(2)
ฟางจั๋วหรานกล่าวทิ้งไว้เพียงหนึ่งประโยค “หากฟ้าส่งภัยพิบัติลงมายังมีหวังที่จะรับมือได้ แต่ถ้าภัยพิบัตินั้นเกิดขึ้นด้วยการกระทำของตนก็ไม่อาจหลีกหนีมันได้นะ”
ครอบครัวหวังหรงไม่มีทางเลือกได้แต่จากไปอย่างไม่พอใจ
หลินม่ายและทุกคนเฝ้าดูนางพยาบาลป้อนซุปบำรุงให้โต้วโต้วในโรงพยาบาลและหยอกเล่นกับหล่อนผ่านกระจกสักพัก เมื่อหล่อนหลับไปแล้ว คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางก็กลับไปเช่นกัน
แม้บ้านพักจะขาดแคลนยิ่งนักในยุคนี้ แต่ด้วยตำแหน่งของฟางจั๋วหราน แผนกการแพทย์จัดสรรบ้านที่มีสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่นให้เขา
ฟางจั๋วหรานวางแผนจะพาปู่ย่าของเขาไปพักที่บ้านพักเขาสักสองวัน
หลินม่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย “ไปบ้านฉันเถอะค่ะ คุณปู่คุณย่าพักในห้องฉันกับโต้วโต้ว ฉันจะไปนอนกับพี่ฉายอวิ๋น”
ฟางจั๋วหรานปฏิเสธ “ตอนนี้เป็นปลายพฤษภา อากาศค่อนข้างร้อน ถ้าคุณนอนกับโจวฉายอวิ๋นจะไม่ร้อนเกินไปหรือ?”
“อยู่ห้องเดียวกันไม่ได้หมายความว่าจะนอนเตียงเดียวกันสักหน่อย” หลินม่ายกล่าว “ฉันย้ายเตียงเล็กของโต้วโต้วไปห้องพี่ฉายอวิ๋นก็ได้แล้ว ต่างคนต่างนอนคนละเตียง จะร้อนได้ยังไง? คุณปู่คุณย่าอยู่กับคุณ งานคุณยุ่งขนาดนั้น มีเวลาดูแลคุณปู่คุณย่าที่ไหน? หากคุณปู่คุณย่าอยู่บ้านฉัน หากพวกท่านอยากไปเยี่ยมโต้วโต้วจะไปตอนไหนก็ย่อมได้ สะดวกสะบายอะไรขนาดนี้!”
หลินม่ายมีวาทศิลป์ยิ่งนัก ฟางจั๋วหรานไม่มีทางเลือกได้แต่เชื่อฟังเธอ และช่วยเธอย้ายเตียงโต้วโต้วไปห้องโจวฉายอวิ๋นและจัดแจงที่ทางให้ผู้เฒ่าทั้งสองก่อนจากไป
ทันทีที่ครอบครัวหวังหรงทั้งสามคนกลับถึงบ้าน พ่อแม่ของเพื่อนที่ดีสุดทั้งสองของหวังเฉียงมาถึงหน้าประตูและบังคับให้พวกเขาช่วยหวังเฉียงออกมาทันที
พ่อหรงและแม่หรงพูดถึงเรื่องดี ๆ เป็นเวลานาน สุดท้ายจึงทำให้พวกเขาจากไปด้วยความลำบากยากเข็ญ
สมาชิกครอบครัวทั้งสามคนเศร้าโศกราวกับเสียพ่อแม่ปรึกษาหารือกันว่าจะช่วยคนอย่างไร
ทันใดนั้นสายตาของพ่อหรงสว่างวาบขึ้นมา “เราลืมท่านผู้นี้ไปเสียแล้ว ตราบใดที่เราสามารถเชิญให้ท่านผู้นี้มาได้ ไม่ต้องกลัวว่าเสี่ยวเฉียงจะออกมาไม่ได้”
แม่กับลูกสาวถามขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน “เป็นใครกัน?”
พ่อหรงมองภรรยาและลูกสาวด้วยความภาคภูมิใจ แน่นอนว่าเป็นคุณย่าของหรงหรง คุณยายของจั๋วหราน! ขอให้คุณย่าหรงหรงชวนจั๋วหรานให้พาคนแซ่หลินมา นั่นไม่เท่ากับว่าสิ้นเรื่องแล้วหรือ?”
แม่หรงดีใจกับข่าวดีคาดไม่ถึงนี้ “ฉันลืมแม่ย่าไปได้ยังไง?”
คนทั้งสามรีบไปหาคุณย่าหรงหรงอีกครั้ง
———————————————————————
(1)大水冲了龙王庙 น้ำพรั่งพรูสาดซัดวังมังกร หมายถึง เกิดข้อพิพาทระหว่างคนใกล้ชิดเพราะไม่รู้จักกัน
(2) 见死不救 เห็นคนตายแล้วไม่ช่วย หมายถึง ไม่พยายามที่จะช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในอันตรายอย่างร้ายแรง
สารจากผู้แปล
ตระกูลนี้ยุ่งเหยิงอีนุงตุงนังไม่ใช่น้อยเลย เหนื่อยใจแทนม่ายจื่อเลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)