ตอนที่ 158 หนูน้อยไม่รู้สึกถึงความปลอดภัย
คุณยายหวังสั่นศีรษะด้วยความเหน็ดเหนื่อย “พวกเธออย่าถามเลย ฉันมีทางออกแล้วกัน”
วิธีนี้เป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของนางและนางจะไม่ใช้มันหากไม่มีความจำเป็นจริง ๆ
ด้วยวิธีการนี้ ถึงฟางจั๋วหรานจะแต่งงานกับหรงหรง เขาจะต้องเกลียดชังนางและครอบครัวหวังทั้งครอบครัวไปตลอดชีวิตของเขา
เขาและหรงหรงจะเป็นได้เพียงคู่สามีภรรยาที่มีแต่ความขุ่นข้องหมองใจ
และพวกเขาสกุลหวังจะได้ประโยชน์จากเขามากน้อยแค่ไหนนั้น ในใจนางไม่รู้แม้แต่น้อย
นางหวังว่าจะคว้าใจฟางจั๋วหรานได้ ให้เขาแต่งงานกับหรงหรงอย่างเต็มใจ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่นางจะพยายามทำเพื่อสกุลหวังของนางได้
ถึงตอนนั้น ทรัพย์สินความมั่งคั่งทั้งหมดของเขาย่อมมอบให้สกุลหวังของนางด้วยสองมือของเขาเอง จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
โต้วโต้วข้ามผ่านช่วงระยะอันตรายเจ็ดวันอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สามารถย้ายไปอยู่ห้องผู้ป่วยธรรมดาได้แล้ว
ในวันที่สองที่พวกเขาย้ายไปที่ห้องผู้ป่วยธรรมดา คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเตรียมตัวกลับไปที่หมู่บ้าน
บ่ายนั้น หลินม่ายทำอาหารเลิศรสมากมายเป็นพิเศษเพื่อผู้เฒ่าทั้งสอง และมีฟางจั๋วหรานมาร่วมรับประทานด้วย
ระหว่างมื้ออาหาร หลินม่ายเอ่ยถึงว่าเธออยากจะสร้างบ้านให้คุณยายเถียนและลูกหลานของนางสักหลัง
เธอวางแผนไว้ว่าจะปลูกบ้านใหม่ให้พวกเขาในวันเว้นวันในยามที่เธอกลับไปที่บ้านเพื่อเก็บลูกท้อและลูกไหน
แต่อาการป่วยกระทันหันของโต้วโต้วทำให้แผนของเธอล้มไม่เป็นท่า เธอจำเป็นต้องอยู่ในเมืองเพื่อดูและหนูน้อยที่กำลังป่วย
ทว่าการปลูกบ้านให้คุณย่าเถียนไม่อาจเลื่อนออกไปได้อีก
เป็นปลายเดือนพฤษภาแล้ว ไม่นานเดือนกรกฎาคมก็จะมาเยือน
กรกฎาคมเป็นเดือนที่ฝนตกหนักที่สุดของทั้งปีในมณฑลหูหนานและปริมาณน้ำฝนมากเสียจนผู้คนเริ่มตั้งคำถามกับชีวิต
หากไม่ปลูกบ้านให้คุณย่าเถียนกับหลาน ๆ ก่อนกรกฎาคม ตลอดทั้งเดือนนั้นพวกเขาต้องใช้ชีวิตกว่าครึ่งเดือนอยู่ในบ้านที่มีรอยรั่วซึม
หากแต่เธอผละไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงขอให้คุณปู่ฟางช่วยคุณยายเถียนปลูกบ้านสักหลัง
คุณปู่ฟางตอบตกลงด้วยความเต็มใจ
แล้วหอบหิ้วของขวัญเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างที่หลินม่ายเตรียมไว้ให้ผู้เฒ่าทั้งสองพร้อมเงินอีกจำนวนหนึ่งสำหรับสร้างบ้านให้คุณย่าเถียน ขึ้นรถไฟกลับไปกับคุณย่าฟาง
ตอนโต้วโต้วอยู่ในห้องไอซียู หลินม่ายเข้าไปไม่ได้ทำได้เพียงมองหล่อนผ่านกระจกหน้าต่าง ไม่อาจรับรู้ได้ว่าโต้วโต้วฉลาดเฉลียวและแข็งแรงขนาดไหน
หลังจากย้ายมาที่ห้องผู้ป่วยธรรมดา เมื่อเทียบกับเด็ก ๆ ในห้องผู้ป่วยเดียวกันแล้ว หลินม่ายพบว่าโต้วโต้วทั้งฉลาดเฉลียวและแข็งแรงมาก
เด็กที่อยู่ในห้องผู้ป่วยเดียวกันที่โตกว่าหล่อนร้องราวกับหมูถูกเชือดตอนถูกฉีดยาและต้องกินยา หล่อนเป็นคนเดียวที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยไม่ได้ร้องไห้หรือตื่นตระหนก
ยิ่งเจ้าก้อนโต้วน้อยเป็นแบบนี้ หลินม่ายยิ่งรักหล่อนสุดหัวใจมากขึ้น
ฟางจั๋วหรานมาตรวจดูโต้วโต้วทุกวัน หลาย ๆ ครั้งเมื่อพยาบาลบอกให้กินยา หล่อนก็กิน เมื่อต้องฉีดยา หล่อนก็จะยื่นแขนเล็ก ๆ ออกไปให้พยาบาลฉีดยา
เส้นเลือดของเด็กค่อนข้างเล็กและเปราะบาง ซึ่งเจาะแล้วรั่วได้ง่าย พยาบาลจะเจาะใหม่อีกรอบโต้วโต้วก็ไม่ร้องไห้
ทุกครั้งที่เขาเห็นภาพนี้ ฟางจั๋วหรานอดที่จะขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้ พูดไปพูดมาคำพูดของเขาก็มักจะเกริ่นให้หลินม่ายมอบความรู้สึกปลอดภัยให้โต้วโต้ว
หลินม่ายไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอไม่ทำให้โต้วโต้วรู้สึกปลอดภัย? เป็นไปไม่ได้กระมัง
ฟางจั๋วหรานพูดว่าผู้ป่วยโรคหัวใจควรดื่มซุปปลาและกินพุทราจีนให้มาก
ในวันนี้ หลินม่ายทำลูกชิ้นปลาจากเนื้อปลาช่อนและต้มซุปพุทราจีนใส่ลูกชิ้นปลาเป็นพิเศษไปส่งให้โต้วโต้ว
ทันทีที่เดินเข้าไปในประตูห้องผู้ป่วยก็ได้ยินแม่ของเด็กหญิงตัวน้อยในห้องผู้ป่วยเดียวกันนำโต้วโต้วไปเป็นตัวอย่าง
“ดูลูกสิ ร้องไห้เสียนานทุกครั้งที่กินยาและฉีดยา โต้วโต้วที่อยู่เตียงสองเด็กกว่าลูก เขายังไม่ร้องไห้ตอนกินยาฉีดยาเลย”
เด็กหญิงอายุประมาณเจ็ดแปดขวบเหลือบมองโต้วโต้วอย่างดูถูก “หล่อนมาจากบ้านนอกนี่นา เด็กบ้านนอกไม่กลัวเจ็บหรอก”
โต้วโต้วพูดด้วยเสียงเล็ก ๆ “ฉันไม่ได้ไม่กลัวเจ็บเพราะมาจากบ้านนอกนะ ฉันแค่ชินกับการฉีดยาและกินยาตั้งแต่เด็กน่ะสิ”
เด็กหญิงถามอย่างไม่เข้าใจ “เธอต้องฉีดยาเยอะแยะมากมายขนาดนั้น ทำไมยังกลัวเจ็บอีกล่ะ? เธอยังไม่ชินกับความเจ็บอีกหรอ?”
หลินม่ายได้ยินดังนี้ ใจเธอก็รู้สึกเหมือนจมลงเรื่อย ๆ
โต้วโต้วเคยได้รับการฉีดยาและกินยา? เธอรู้ไหมว่าเธอเป็นโรคหัวใจ?
แต่หล่อนไม่เคยเอ่ยถึงมันต่อตนเลย
ไม่แปลกใจว่าทำไมฟางจั๋วหรานเปรยเสมอว่าเธอต้องให้ความรู้สึกปลอดภัยกับโต้วโต้ว เกรงว่าเขาจะเห็นร่องรอยอะไรบางอย่างเข้าแล้ว
หลินม่ายปรับอารมณ์ตัวเองแล้วเข้าไปในห้องผู้ป่วยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทักทายโต้วโต้วด้วยรอยยิ้ม “ที่รัก แม่มาหาแล้ว”
โต้วเรียกแม่ของเธออย่างเจื้อยแจ้ว
หลินม่ายป้อนลูกชิ้นปลาและซุปพุทราจีนให้โต้วโต้ว เห็นเด็กคนอื่นออกไปเดินเล่นกับพ่อแม่บริเวณสวนเล็ก ๆ ของแผนกผู้ป่วยในจึงถามโต้วโต้วอย่างอ่อนโยน “ลูกรู้แล้วว่าตัวเองเป็นอะไรใช่ไหม?”
โต้วโต้วมองเธออย่างตื่นตกใจ และปิดปากแน่น
หลินม่ายยกมือขึ้นลูกหัวนุ่มฟูของเธอ น้ำเสียงอ่อนโยนกว่าเดิม “แม่ได้ยินทุกอย่างที่หนูพูดกับเด็กคนนั้นเมื่อกี้”
หนูน้อยร้องไห้โยเยออกมา “หนูไม่ได้จะโกหกแม่นะคะ หนูไม่กล้าบอกแม่เพราะกลัวแม่ไม่ต้องการหนูถ้ารู้ว่าหนูป่วย แม่คนเดิมของหนูเขาไม่ต้องการหนูเพราะหนูป่วย”
หลินม่ายโอบเธอเข้ามากอดในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว “แม่ไม่ได้ว่าหนู แค่อยากบอกหนูว่า ถ้าป่วยไข้ มีคนกลั่นแกล้งรังแก…. หนูต้องบอกแม่ในสิ่งที่หนูจัดการเองไม่ได้ แม่จะได้ช่วยแก้ปัญหาให้หนูได้ทันท่วงทีนะจ้ะ”
เธอจับใบหน้าเล็ก ๆ ของโต้วไว้ แล้วเช็ดน้ำตาให้ “ดูลูกสิ ซ่อนความเจ็บป่วยของตัวเองไว้ แม่ไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย ถ้าแม่รู้เร็วว่านี้แม่จะได้ดูแลหนูให้ดี หนูอาจจะไม่ต้องผ่าตัด จำสิ่งที่แม่พูดไว้นะจ๊ะ ไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ป่วย จะดีหรือไม่ดี แม่จะไม่มีวันทิ้งหนู เพราะหนูเป็นแก้วตาดวงใจของแม่”
โต้วโต้วน้ำตาคลอเอ่อล้นดวงตาเม็ดแตงโมของหล่อน
ฟางจั๋วหรานมาตรวจเช็คร่างกายของโต้วโต้ว ได้ยินบทสนทนาระหว่างแม่และลูกสาวเข้า เขาเดินเข้าไปแล้วบอกโต้วโต้ว “หนูไม่ใช่เป็นเพียงแก้วตาดวงใจของแม่ ยังเป็นแก้วตาดวงดวงใจของอาด้วยนะ อาและแม่ของหนูล้วนเป็นคนที่หนูพึ่งพาและเชื่อใจได้ ทีหลังไม่ต้องปิดบังอะไรจากและแม่หนูและอาแล้วนา”
หนูน้อยเบียดร่างกายนุ่มนิ่มของเธอเข้ากับอ้อมแขนของหลินม่าย กระพริบตากลมโตที่ยังเปียกชื้นน้ำตา พึมพำรับอย่างว่าง่าย แล้วปล่อยให้ฟางจั๋วหรานตรวจร่างกายอย่างสงบนิ่ง
เมื่อโจวฉายอวิ๋นมาผลัดกับหลินม่ายดูแลโต้วโต้ว โต้วโต้วก็นอนหลับไปแล้ว
หลินม่ายกระซิบบางคำกับหล่อนก่อนออกจากห้องผู้ป่วยไป และเจอกับฟางจั๋วหรานไม่ไกลออกไป
หลินม่ายทักทายเขาอย่างเป็นธรรมชาติแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ทำไมคุณดูออกว่าโต้วโต้วรู้ว่าหล่อนเป็นโรคหัวใจ แล้วยังจงใจปิดฉันคะ?”
ฟางจั๋วหรานหัวเราะเบา ๆ “ผมเป็นหมอ ต้องจัดการกับคนไข้ทุกวัน แม้ผมจะเห็นเด็กที่เข้มแข็งมาเยอะ แต่เกือบทุกคนไม่มีใครเกิดมาเข้มแข็งแต่แรก ในระยะแรกของการรักษาพวกเขาจะร้องไห้ออกมาเพราะความเจ็บปวดที่เกิดจากการฉีดยาและต้องกินยา โดยเฉพาะเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับโต้วโต้ว เพราะพวกเขาไม่คิดอะไร พวกเขาก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น หลังจากระยะเวลายาวนานเด็กบางคนก็จะหยุดร้องไห้ไป โต้วโต้วไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าผมเลย ผมเลยเดาว่าหล่อนอาจจะเคยโดนฉีดยาและต้องกินยา ทำไมหล่อนถึงชินกับมันน่ะหรือ? ก็เป็นเพราะฉีดยาและกินยาบ่อย ๆ นั่นเอง แต่คุณไม่รู้อะไรเลย ผมเลยเดาว่าเด็กน้อยอาจปิดบังปัญหาร่างกายจากคุณ เด็กตัวเล็ก ๆ จะมีเจตนาไม่ดีได้อย่างไร? หล่อนซ่อนมันจากคุณเพราะไม่รู้สึกถึงความปลอดภัยในใจของหล่อน กลัวว่าคุณจะทิ้งหล่อนหากคุณพบว่าหล่อนป่วย”
หลินม่ายผงกศีรษะ “เป็นจริงดังที่คุณวิเคราะห์ไม่ผิดเพี้ยนเลยล่ะ โต้วโต้วกลัวว่าฉันจะทิ้งหล่อน จึงไม่กล้าบอกความจริงกับฉัน”
เธอถอนหายใจบางเบา “แม่ผู้ให้กำเนิดโกหกหล่อนว่าจะไปซื้อซาลาเปามาให้กิน บอกให้หล่อนรออยู่ใกล้ ๆ สถานีรถไฟ ในความเป็นจริงตอนนั้นหล่อนรู้แล้วว่าแม่ต้องการจะทิ้งตัวเองแต่หล่อนไม่มีทางเลือกได้แต่เชื่อฟังแม่อย่างว่าง่าย หล่อนในตอนนั้นจะสิ้นหวังขนาดไหนกัน!”
ฟางจั๋วหรานเอ่ยขึ้น “พวกเราทำได้เพียงค่อย ๆ รักษาความบอบช้ำทางจิตใจของหล่อนอย่างช้าๆ”
หลินม่ายพยักหน้าเห็นด้วย
แม้หนูน้อยจะถูกย้ายไปที่ห้องผู้ป่วยผู้ป่วยทั่วไป แต่ร่างกายยังอ่อนแออยู่มากและต้องมีคนคอยเฝ้าในตอนกลางคืน
ตอนบ่าย หลินม่ายนอนหลับพักผ่อนที่บ้านแล้วกลับมาที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าโต้วโต้วหลังทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าโต้วโต้วจะต้องการคนคอยดูแล ตราบใดที่โต้วโต้วหลับอยู่ เธอยังเอนนอนข้างเตียงได้
หากโต้วโต้วต้องการเข้าห้องน้ำหรือรู้สึกไม่สบายตัว เพียงแค่เปล่งเสียงเล็กน้อยหลินม่ายจะตื่นขึ้น
หลังนอนหลับกระทั่งเที่ยงคืน โต้วโต้วยังหลับอย่างสงบ หลินม่ายกลับตื่นขึ้นเพราะเธอดื่มน้ำมากเกินไป
เธอหันไปดูโต้วโต้วและเห็นว่าด็กน้อยยังหายใจอย่างสม่ำเสมอ จึงไปเข้าห้องน้ำด้วยความวางใจ
แต่แล้วเธอก็ตกใจเมื่อพบว่าประจำเดือนของตนมา แต่ตอนนี้เธอไม่มีผ้าอนามัยอยู่กับตัวเลย
เธอนั่งยอง ๆ อยู่ในห้องน้ำลำพัง ไม่รู้ต้องทำอย่างไรต่อ
คงไม่ต้องนั่งยอง ๆ อย่างนี้ไปทั้งคืนกระมัง~~~
………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เลือกเอานะคะคุณยายว่ายอมให้นังหรงแต่งกับพี่หมอแต่แลกด้วยการโดนพี่หมอเกลียดแบบไม่เผาผียกตระกูลได้ไหม
น้องโต้วโต้วเข้มแข็งมากเลย งืออออ
เอาทิชชูมายัดๆๆ แก้ขัดไปก่อนดีไหมคะ เรื่องน่ารำคาญใจของผญ.จริงๆ ค่ะ เข้าใจอารมณ์เลย วันเตรียมผ้าอนามัยพร้อมคือไม่มา วันไหนไม่ได้เตรียมปุ๊บคือมาเป็นก๊อกแตก กวนมาก
ไหหม่า(海馬)