รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 9 ทุกการกระทำของผู้อาวุโสนั้นช่างลึกซึ้ง

บทที่ 9 ทุกการกระทำของผู้อาวุโสนั้นช่างลึกซึ้ง

บทที่ 9 ทุกการกระทำของผู้อาวุโสนั้นช่างลึกซึ้ง

ราชาพยัคฆ์เป็นที่เลื่องลือว่าดุร้ายและน่าเกรงขาม ขณะที่ความแข็งแกร่งของมันนั้นหาตัวจับยากยิ่ง

“เหตุใดต้องเป็นพวกเราด้วยเล่า”

บังเกิดสุ้มเสียงถอนหายใจดังให้ได้ยิน ก่อนที่ชายชราร่างง่อนแง่นจะค่อย ๆ เดินออกมาจากส่วนลึกของสำนักไท่หัว

คนผู้นี้มีผมหงอกขาวโพลน และผิวหนังของเขาก็มีรอยย่นอย่างเห็นได้ชัด

“ราชาพยัคฆ์ เจ้าไม่จำเป็นต้องเริ่มเข่นฆ่าที่นี่ ข้ารู้จักเจ้า เจ้าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง และขอบเขตสุญญตาก็หาใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าไม่”

เฒ่าชรามองไปยังราชาพยัคฆ์ ก่อนจะเสริมว่า “ในสำนักไท่หัวนั้น ข้าพูดได้เลยว่ามีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้ ข้าสามารถให้ราชาพยัคฆ์ค้นวิญญาณพวกเขาได้ ส่วนคนในสำนักไท่หัวที่เหลือนั้นล้วนไร้เดียงสานัก…”

หากราชาพยัคฆ์ลงมือจริง หายนะครั้งนี้สำนักไท่หัวคงไม่อาจหนีพ้นได้แล้ว

เพื่อที่จะรักษาผู้อาวุโสและศิษยานุศิษย์ให้ได้มากที่สุด เขายอมสละ ‘ขั้วอำนาจนี้’ เพื่อสำนักไท่หัวเลยทีเดียว

แม้ว่าการตัดสินใจเช่นนี้จะถือเป็นการทำลายสำนักไท่หัว แต่ก็ยังดีกว่าเห็นทั้งสำนักถูกกวาดล้างจนสิ้นไป

“ข้ายินดีให้ท่านค้นวิญญาณของข้า หากมันทำให้ราชาพยัคฆ์โกรธน้อยลงได้และสามารถทราบชัดเจนถึงความจริงแท้!”

เจ้าสำนักก้าวออกมาข้างหน้า แสดงทัศนคติของตนต่อหน้าทุกคน

“ข้าก็เช่นกัน!”

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับสำนักไท่หัวของเราเลย!”

ผู้ฝึกตนที่มีพลังเหนือขอบเขตสุญญตาของสำนักไท่หัวต่างลุกขึ้นยืนทั้งหมด พวกเขาเต็มใจให้ราชาพยัคฆ์ค้นจิตวิญญาณของพวกเขา

“เจ้าสำนัก!”

“ศิษย์พี่…!”

ศิษย์ของสำนักไท่หัวร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า เพราะทราบดีว่าเจ้าสำนักและผู้อาวุโสอยู่ที่นั่นเพื่อปกป้องพวกเขาไว้

อีกทั้ง พวกเขารู้ถึงผลลัพธ์ของการค้นวิญญาณดี

การที่เจ้าสำนักและผู้อาวุโสทำเช่นนี้คือ การเสียสละเพื่อปกป้องพวกเขา!

ทว่าราชาพยัคฆ์หาได้แยแสไม่ จิตสังหารของมันยังคงแข็งแกร่งเช่นเดิมและมิได้ลดลงแม้แต่น้อย

มันก้าวเข้าสู่ขอบเขตผันอนันต์แล้ว และในบูรพาทิศก็ไม่มีผู้ใดหยุดมันได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าสำนักไท่หัวจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของลูกมัน แต่มันก็จะทำลายสำนักไท่หัวอยู่ดี

การทำเช่นนี้เพียงเพื่อระบายโทสะเท่านั้น!

โทสะในใจของมันนั้นสูงเทียมฟ้าจนต้องหาที่ระบายออกมา

“บุตรแห่งข้าตกตายในเขตแดนสำนักไท่หัวของเจ้า เช่นนั้นสำนักไท่หัวของเจ้าก็จงชดใช้มาเสีย และวันนี้พวกเจ้าทุกคนจะต้องตายทั้งหมด!”

ดวงตาของราชาพยัคฆ์เย็นชายิ่ง ก่อนที่มันจะตบอุ้งเท้าลงมาอีกครั้ง กฎบัญญัติอันทรงพลังพวยพุ่งขึ้นมา อักขระก่อตัวเป็นทะเล ขณะที่พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวของขอบเขตผันอนันต์กวาดไปทั่วภูเขาไท่หัว!

ความว่างเปล่าระเบิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า พลังแห่งความโกลาหลพลันหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย หออาคารของสำนักไท่หัวพลังทลายลงมา และทั่วทั้งสำนักก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

“รุจีส่องหล้า!”

บรรพชนของสำนักไท่หัวตะโกนเสียงดัง เขาโคจรปราณทั้งร่างเพื่อปลดปล่อยเคล็ดวิชาอันยอดเยี่ยมของสำนักไท่หัวออกมา ต่อต้านการโจมตีของราชาพยัคฆ์

ปราณแสงพุ่งออกมาจากร่างของบรรพชนสำนักไท่หัว พลังของมันนั้นนับว่ามหาศาลและสว่างไสวเป็นอย่างมาก!

ย้อนกลับไปในตอนนั้น ผู้ก่อตั้งสำนักไท่หัวบังเอิญตระหนักได้ถึง ‘แสง’ บางอย่างระหว่างสวรรค์กับโลก ทำให้เขาสามารถสร้างวิถีจาก ‘แสง’ นี้ได้ จากนั้นเขาจึงได้สร้างสำนักไท่หัวขึ้นมา และแสงสว่างนี้ก็ถูกเรียกว่า ‘ไท่หัว’ โดยผู้ก่อตั้งสำนัก

“ไร้ประโยชน์!”

ราชาพยัคฆ์เยาะเย้ยและอุ้งเท้าที่ตบอยู่ก็ยังคงตบต่อไป

ทันทีที่แสงสว่างนั้นถูกกรงเล็บพยัคฆ์ตบเข้า บรรพชนของสำนักไท่หัวก็ถูกแรงนั้นกระแทกจนกระเด็นพุ่งไปชนภูเขาไท่หัวทันที โลหิตสีแดงฉานกระอักออกจากปากของเขา เพราะถูกโจมตีอย่างหนัก!

เจ้าสำนักไท่หัวและผู้อาวุโสที่เหลือต่างใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดเพื่อป้องกันกรงเล็บของราชาพยัคฆ์

กรงเล็บของราชาพยัคฆ์นั้นน่ากลัวและน่าสะพรึงเกินไป หากมันยังตบลงมาเรื่อย ๆ ไม่แคล้วภูเขาไท่หัวและผู้คนทั้งหมดในภูเขาต้องตกตายด้วยกรงเล็บนี้เป็นแน่!

อั่ก! อั่ก!

ธารโลหิตพุ่งกระฉูดดุจสายฝน เจ้าสำนักไท่หัวและผู้อาวุโสไม่อาจหยุดยั้งมันได้เลย คนแล้วคนเล่าโดนระเบิดจนบาดเจ็บสาหัส ถึงขั้นกระดูกในร่างกายแทบแหลกลาญไปตาม ๆ กัน!

“สำนักไท่หัวของข้าจะจบสิ้นลงเช่นนี้จริง ๆ หรือ”

“สำนักไท่หัวของข้ากำลังจะรุ่งโรจน์อยู่แล้ว ไยข้าต้องมาทนทุกข์กับภัยพิบัตินี้ด้วย”

ผู้คนทั้งสำนักไท่หัวโศกเศร้าและร่ำไห้ ในใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไร้ซึ่งหนทางในการทำสิ่งใด

กรงเล็บของราชาพยัคฆ์ตบลงมาราวกับฟ้าถล่ม มันน่าสะพรึงกลัวเกินกว่าจะต้านทานได้!

ฟึ่บ!

ยามนี้เอง สีหน้าของเซี่ยเหยียนพลันแปลกไป และจี้หยกวิหคสวรรค์ในตัวนางก็สั่นอย่างรุนแรง

“นี่มันจี้หยกที่แกะสลักโดยผู้อาวุโสนี่…”

ด้วยเสียง ‘ฟึ่บ’ จี้หยกวิหคสวรรค์ของนางพลันโผทะยานออกไป ชั่วพริบตาทั้งผืนนภาก็ปรากฏเมฆมงคลไร้ขอบเขตบานสะพรั่ง แสงเจิดจ้าดุจอัญมณีเลิศล้ำ งดงามจนหาภาพใดเทียบได้ จากนั้น วิหคสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ก็โผบินออกมาจากเมฆมงคล

เฟิ่งหวงสยายปีกกว้าง ขนของมันงดงามและสัมผัสแห่งเต๋าบางอย่างก็หลั่งไหลออกมา มันอ้าปากแล้วพ่นลมหายใจ ทว่าราชาพยัคฆ์ที่เห็นเช่นนี้กลับใบหน้าเปลี่ยนสีทันที มันรีบดึงกรงเล็บกลับไปและพยายามหลีกเลี่ยงลมหายใจของเฟิ่งหวง

ก่อนจะฉีกช่องว่างในอากาศเพื่อหนีไป ทว่าน่าเสียดายนักที่ลมหายใจของเฟิ่งหวงจับตัวมันเอาไว้แล้ว!

ตู้ม!

ผู้ที่เป็นราชาตกลงมาจากความว่างเปล่า ร่างของราชาพยัคฆ์ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้น ๆ ในทันที แล้วผืนพสุธาก็กลายเป็นสีแดงฉานของเลือด มันต้องลมหายใจของเฟิ่งหวง ซ้ำยังไม่อาจต้านทานอีกฝ่ายได้ ด้วยเหตุนี้ มันจึงถูกฆ่าตายคาที่!

วิหคสวรรค์บินวนรอบท้องฟ้า แสงเจิดจ้าส่องประกายระยิบระยับ ก่อนในที่สุด มันจะบินกลับไปหาเซี่ยเหยียนและกลายเป็นจี้หยกอีกครั้ง 

แล้วจี้หยกนั้นก็ตกลงในมือของเซี่ยเหยียน

ฟู่ว!

เสียงลมหายใจอันเย็นเยียบดังขึ้นให้ได้ยินครั้งสุดท้ายก่อนจะเงียบหายไป ทุกสายตาหันไปมองจี้หยกวิหคสวรรค์ในมือของเซี่ยเหยียนทันที

นี่มันจี้หยกอะไรกัน

ราชาพยัคฆ์ผู้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตผันอนันต์ ด้วยการดำรงอยู่ยงคงกระพันในบูรพาทิศ ทั้งยังสามารถกวาดล้างสำนักไท่หัวทั้งหมดด้วยมือเดียว กลับ…ถูกจี้หยกนี้สังหาร?

หนังศีรษะของพวกเขาชาวาบ จิตวิญญาณสั่นสะท้านกันในบัดดล ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจี้หยกชิ้นนี้เป็นสมบัติที่ล้ำค่ายิ่ง!

“เจ้า…ไปเอามาจากไหน”

บรรพชนของสำนักไท่หัวเดินเข้าไปหาเซี่ยเหยียนด้วยความตกใจ

“ข้าซื้อมันมา…ไม่สิ ชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นผู้มอบให้ข้า”

เซี่ยเหยียนก็ตกตะลึงเช่นกัน นางไม่คาดคิดว่าจี้หยกวิหคสวรรค์จะน่ากลัวถึงเพียงนี้ ถึงขั้นว่าทรงพลังพอ ๆ กับราชาพยัคฆ์ที่ถูกสังหารในทันที!

อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวหลานหยิบจี้หยกแกะของนางออกมากำไว้ในมือ

ในใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มือที่ถือจี้หยกแกะไว้สั่นเล็กน้อย นางพึมพำกับตัวเองว่า “มันเป็นสมบัติจริง ๆ ด้วย!”

เมื่อบรรพชนของสำนักไท่หัวได้ยินคำพูดของเซี่ยเหยียน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นทันที และถามอย่างเหลือเชื่อว่า “ชายหนุ่มมอบให้เจ้าอย่างนั้นหรือ”

“มิใช่สิ เขาเป็นผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จี้หยกนี้ถูกแกะสลักโดยเขา แล้วผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ก็เปิดร้านอยู่ในเมืองชิงซาน…”

เซี่ยเหยียนเอ่ยอย่างเร่งรีบ

“ผู้อาวุโสท่านนี้อยู่ในเมืองชิงซานจริง ๆ หรือ!?”

หัวใจของบรรพชนของสำนักไท่หัวสั่นสะท้านในทันทีที่ได้ยิน

จี้หยกถูกแกะสลักโดยผู้อาวุโสท่านนั้นช่างน่าเกรงขามและน่าสะพรึงกลัวยิ่ง เช่นนี้แล้ว ตัวตนของผู้อาวุโสท่านนั้นจะแข็งแกร่งถึงเพียงไหนกันหนอ

ตนย่อมไม่คาดคิดมาก่อนว่า ผู้อาวุโสที่ทรงพลังเหนือจินตนาการจะอาศัยอยู่ในเมืองชิงซาน ซึ่งใกล้กับสำนักไท่หัวของพวกเขา!

“เจ้ารู้สิ่งใดบ้าง รีบบอกข้ามาโดยละเอียด!”

เขารีบถามเซี่ยเหยียนด้วยความอยากรู้ทุกสิ่งอย่าง

เซี่ยเหยียนไม่กล้าปกปิดไว้ นางจึงพูดทุกอย่างออกมา

“ผู้อาวุโสท่านนั้นเป็นตัวตนที่อยู่เหนือธรรมชาติ เขาจะมอบของให้โดยไม่ตั้งใจได้อย่างไร ทุกการกระทำของผู้อาวุโสย่อมต้องมีความหมายลึกซึ้งเป็นแน่!”

บรรพชนที่ได้ยินเช่นนั้นพลันรู้สึกสะท้อนใจ “ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ทำนายสิ่งต่าง ๆ ได้ราวกับเทพเจ้า เขาคงคาดการณ์ไว้นานแล้วว่าสำนักไท่หัวเราจะต้องประสบเภทภัยพิบัตินี้ เช่นนั้น ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่จึงให้จี้หยกแก่เจ้า เพื่อช่วยสำนักไท่หัวเราจากเภทภัยครั้งนี้!”

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท