รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 4 สวรรค์เมตตาข้าผู้นี้

บทที่ 4 สวรรค์เมตตาข้าผู้นี้

บทที่ 4 สวรรค์เมตตาข้าผู้นี้

ท่านผู้เฒ่าที่ว่ามองหน้าหลี่จิ่วเต้าด้วยสายตาเป็นประกาย

ชายหนุ่มตรงหน้าต้องแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อเขาปราบพยัคฆ์ตัวใหญ่ในขอบเขตสุญญตาได้ด้วยลูกธนูเพียงดอกเดียว!

อีกทั้ง…เขายังเป็นเพียงมนุษย์เสียด้วย!?

ดวงตาของชายชราแทบจะถลนออกนอกเบ้า นี่เพราะสัมผัสถึงความผันผวนของพลังปราณในตัวหลี่จิ่วเต้าไม่ได้เลย หลี่จิ่วเต้าย่อมต้องเป็นมนุษย์ไม่ผิดแน่!

แต่ไม่นานนัก ชายชราก็ก่นด่าตนเองว่าโง่เง่าอยู่ในใจว่า ‘คนธรรมดาจะยิงพยัคฆ์หลากสีจนตายด้วยลูกธนูเพียงลูกเดียวได้อย่างไร’

เช่นนั้นแล้วก็เหลือความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียว นั่นคือชายหนุ่มตรงหน้าต้องอยู่ในขอบเขตที่เขาคาดไม่ถึงเป็นแน่ และเป็นเพราะขอบเขตของเขาเองที่ต่ำต้อยเกินกว่าจะสัมผัสได้ถึงขอบเขตที่แท้จริงของหลี่จิ่วเต้า

“ท่านผู้เฒ่าหายกลัวหรือยังขอรับ”

หลี่จิ่วเต้าเห็นว่าชายแก่นั้นเงียบไป ซ้ำสีหน้ายังแปลกประหลาดยิ่ง เขาจึงนึกว่าชายชรากำลังหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

“ดูข้าพูดเข้า แม้แต่หนุ่มสาวยังไม่อาจทนกับเรื่องราวพวกนี้จนหวาดกลัวได้ แล้วเหตุใดท่านจะกลัวไม่ได้เลยเล่า ใช่หรือไม่ท่านผู้เฒ่า”

หลี่จิ่วเต้ากล่าวโทษตัวเอง ชายชราผู้นี้อายุมากแล้ว ย่อมเป็นเรื่องปกติที่เขาจะเกิดความกลัว

“ผู้อาวุโส…ข้าไม่เป็นไร!”

ผู้เฒ่าเอ่ยอย่างร้อนรน

ผู้อาวุโส?

หลี่จิ่วเต้าสีหน้าหดหู่ทันที ทำไมอีกฝ่ายต้องเรียกเขาว่าผู้อาวุโสด้วย?

หน้าตนแก่ขนาดนั้นเลย?

“มิต้องฝืนตนทำใจกล้าหาญหรอกท่านผู้เฒ่า ข้าเห็นว่าบนร่างกายท่านเต็มไปด้วยบาดแผล เช่นนั้น ข้าจะพาท่านกลับบ้านของข้าก่อนก็แล้วกัน”

ชายหนุ่มช่วยพยุงตัวอีกฝ่ายขึ้นแล้วพาเดินออกไป

ชายชราแอบชะงักไปเล็กน้อย ผู้อาวุโสท่านนี้ทำตัว…แปลกประหลาดนัก!

ด้วยความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสแล้ว ยังจะพาเขากลับเมืองในสภาพนี้อีกหรือ? เหยียบเมฆก้าวผ่านม่านหมอก หรือทะยานข้ามผ่านดาราจะไม่ไวกว่าหรือไร?

แต่ชายชราเขาไม่กล้าพอที่จะเอ่ยถามออกไป

ตนอยู่มามากกว่าร้อยปี รู้ดีว่าตัวตนทรงพลังเช่นนี้ย่อมไม่อาจใช้สามัญสำนึกคาดเดาได้ และอารมณ์ของผู้อาวุโสที่ทรงพลังนั้นก็มักแปลกประหลาดมากด้วย

ใช้ศรลูกเดียวปลิดชีวิตของพยัคฆ์หลากสี พลังเช่นนี้นับว่าแข็งแกร่งกว่าเขามาก ตนไม่หาญกล้าเอ่ยคำงี่เง่าจนเผลอล่วงเกินผู้อาวุโสผู้เก่งกาจท่านนี้หรอก!

ชายชราถูกหลี่จิ่วเต้าพยุงก็รู้สึกไม่สบายใจนัก ตัวตนของเขานับว่าเป็นสิ่งใด ถึงอาจหาญได้รับการดูแลจากผู้อาวุโสที่ยากจะหยั่งถึงเช่นนี้ได้!

คิดแล้วก็ลอบมองไปยังศพของพยัคฆ์ร้ายด้วยสีหน้าพิลึก

สัตว์อสูรพลังมหาศาลนั้นย่อมเต็มไปด้วยสมบัติ ผู้อาวุโสท่าน…จะปล่อยมันไว้เช่นนี้เลยหรือ?

ไม่คิดว่า…สิ้นเปลืองไปหน่อยหรือกระไร?

“พี่เต้า เกิดอันใดขึ้น?”

“มีคนบาดเจ็บหรือ?”

ระหว่างทาง พรานป่าเดินผ่านหลี่จิ่วเต้าก็รีบรุดเข้ามาหาและช่วยเหลือผู้เฒ่าข้างกาย

“ชายชราผู้นี้หลงอยู่ในเนินเขาเขียวก่อนจะถูกพยัคฆ์ตัวใหญ่โจมตีเข้าน่ะ โชคดีที่ข้าไปถึงทันเวลา เลยยิงเจ้าเสือร้ายนั่นได้พอดี”

หลี่จิ่วเต้ายิ้มพลางเอ่ยต่อ “จริงสิ ในป่ายังมีเสือลายเมฆที่ข้ายิงไว้ด้วย พวกเจ้าก็แยกศพของเสือลายเมฆกับเจ้าเสือยักษ์นั่น แล้วเอาไปแบ่งกันเถอะ”

ชายหนุ่มหาได้ชอบเนื้อเสือไม่ การล่าสัตว์เป็นเพียงงานอดิเรกของเขาเท่านั้น หากไม่พบกับสัตว์ที่ชอบกิน เขาก็มักจะมอบมันให้กับพรานป่าในชิงซาน

“ขอบคุณขอรับพี่เต้า!”

“อย่าเลยพี่เต้า เดี๋ยวพวกเราช่วยพาผู้เฒ่ากลับเมืองเอง”

พรานป่าต่างหัวเราะร่า เสือลายเมฆและพยัคฆ์ตัวใหญ่นั้นถือว่ามีคุณค่ามาก บางคนช่วยหลี่จิ่วเต้าพยุงผู้เฒ่า ในขณะที่คนอื่น ๆ พากันเดินเข้าไปในป่าลึก เพื่อนำร่างของเสือลายเมฆและเสือตัวใหญ่ออกมา

พยัคฆ์หลากสีนั้นอยู่ในขอบเขตสุญญตา ซ้ำยังแข็งแกร่งกว่าเจ้าสำนักบางคนเสียอีก แต่ผู้อาวุโสท่านนี้กลับมอบมันให้กับพวกพรานป่าธรรมดาง่าย ๆ เช่นนี้เลย!?

ชายชราถึงกับนิ่งอึ้งไปในบัดดล

พลังของผู้อาวุโสนั้นยากแท้หยั่งถึง เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่แย่แสเจ้าเสือยักษ์ตัวนั้น!

แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏอยู่บนหน้าของชายชราทันที ครานี้ตนช่างโชคดีแท้ที่ได้พบกับผู้อาวุโสเก่งกาจยากหยั่งถึงผู้นี้!

ขอบเขตสุญญตาเป็นขอบเขตที่สูงเกินไป ตัวเขาเองก็ติดอยู่กับในขอบเขตนี้มานานแล้ว จึงได้ออกเดินทางไปทั่วเพื่อจะทะลวงผ่านขอบเขตสุญญตาให้ได้

โชคร้ายที่ไม่อาจกระทำได้สำเร็จ

ในเวลาต่อมา เมื่อได้พบกับพยัคฆ์หลากสี ชายชรานึกว่าตนจะสามารถสังหารมันได้ แต่เขาประเมินตัวเองสูงเกินไป ไม่เพียงแต่ฆ่าไม่ได้เท่านั้น ทว่ายังถูกมันตามล่าอีกต่างหาก!

และเพราะที่แห่งนี้คือดินแดนของสำนักไท่หัว เขาจึงต้องการจะไปที่สำนักไท่หัวเพื่อขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย

ผู้ใดจะไปรู้ว่าพยัคฆ์หลากสีนั้นทรงพลังถึงขั้นไล่ล่าตามจับเขาได้ โชคยังดีที่ได้พบกับหลี่จิ่วเต้ามาช่วยไว้ทัน มิเช่นนั้น ชีวิตน้อย ๆ ของเขาคงดับสูญไปแล้ว!

‘หวังว่าจะได้รับการชี้แนะจากผู้อาวุโสทรงพลัง หากข้าได้รับคำชี้แนะละก็ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะทะลวงขั้นได้โดยง่ายเลยหรอกหรือ’

ชายชรายิ้มแย้มอยู่ในใจอย่างมีความสุข

ด้วยความช่วยเหลือของพรานป่า พวกเขากลับมาถึงเมืองชิงซานอย่างรวดเร็ว เหล่าพรานป่าช่วยพยุงผู้เฒ่าจนมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านของหลี่จิ่วเต้า

“ท่านผู้เฒ่า ไม่ต้องห่วงไป พี่เต้านั้นมีทักษะด้านการรักษาอย่างหาที่ใดเปรียบ ข้ารับรองได้ว่าท่านจะหายดีอย่างแน่นอน!”

พรานป่าคนนั้นยิ้มก่อนจะหันไปบอกลาหลี่จิ่วเต้า

ทักษะการรักษาของหลี่จิ่วเต้าเป็นที่เลื่องลือในเมืองชิงซานเช่นกัน โรคภัยที่ถึงตายต่างได้รับการรักษาในมือหลี่จิ่วเต้า พวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการที่หลี่จิ่วเต้าเปิดร้านขายภาพและศิลปะพู่กันนั้นช่างเสียของเหลือเกิน

หลี่จิ่วเต้าเพียงบอกว่าเขาชอบวาดภาพ และไม่สนใจเปิดร้านขายโอสถแต่อย่างใด ทว่าเมื่อมีผู้คนต้องได้รับการรักษา หลี่จิ่วเต้าก็หาได้ปฏิเสธไม่

ชายชรารู้สึกขบขันเมื่อได้ยินพรานป่าเอ่ยเช่นนั้น

ผู้อาวุโสอย่างหลี่จิ่วเต้านั้นแข็งแกร่งนัก ซ้ำพลังของเขายังยากจะหยั่งถึง แค่รักษาโรคหาได้ต้องใช้โอสถไม่ เพราะทักษะการปรุงยาของเขาย่อมไร้ที่ใดเปรียบอยู่แล้ว!

ประตูร้านไม่ได้ลงกลอนเอาไว้

หลี่จิ่วเต้าไม่เคยลงกลอนประตูเนื่องจากคิดว่ามันไม่จำเป็น ชื่อเสียงดีงามของเขายังเป็นที่เลื่องลือในเมืองชิงซาน และร้านค้าของเขาไม่เคยขาดเหลืออะไร อีกอย่าง ในร้านก็ไม่ได้มีของล้ำค่าอะไรด้วย

เขาพยุงผู้เฒ่าเข้ามาข้างใน เมื่อเข้ามาแล้ว ชายชรานึกว่าตนได้เข้ามายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเซียน วิถีและกฎแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ทำให้เขาเบิกบานใจยิ่งนัก ทั้งยังทำให้ใจของเขาสั่นไหวมากด้วย!

“นี่มัน นี่มัน…!”

ชายชราอึ้งค้างอยู่ ณ จุดนั้น ตนไม่เคยพานพบไปที่ใดที่เต็มไปด้วยความพิเศษและความดีงามเช่นนี้มาก่อน สำนักเมฆาลับฟ้าที่อยู่ก็ถือว่าเป็นสำนักใหญ่ เพราะมันสร้างขึ้นเหนือเหมืองวิญญาณแห่งสวรรค์และปฐพี เรียกได้ว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหมาสำหรับการบ่มเพาะ

แต่เมื่อเทียบกับที่นี่แล้ว สำนักเมฆาลับฟ้าที่ตนจากมาถือเป็นเพียงสวะเท่านั้น!

“ผู้เฒ่า ท่านไปนอนในห้องก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะจัดเทียบยาให้ท่านเอง”

หลี่จิ่วเต้าช่วยพยุงชายชราเข้าไปในห้องเล็ก ๆ ของบ้าน ก่อนจะเดินไปยังอีกห้องเพื่อจัดเทียบยา

ทักษะการปรุงยาของเขาเองก็อยู่ ‘ขั้นเทวะ’ แต่ก่อนนั้นเขามักจะขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเก็บสมุนไพร ด้วยเหตุนี้ สมุนไพรในบ้านจึงไม่เคยขาดมือเลย

“คันธนูนี่…”

หลี่จิ่วเต้าวางคันธนูใหญ่ไว้บนโต๊ะอย่างลวก ๆ เป็นเวลาเดียวกันกับที่ชายชรามองคันธนูด้วยสีหน้าแปลก ๆ

ถึงจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นธนูคันใหญ่นี้ ทว่ามันกลับดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด คิดแล้วคิดอีกก็ยังจำไม่ได้ว่าเคยเจอมันที่ใดมาก่อน

“นี่คงไม่ใช่ธนูเซวียนหยวน*[1] ที่เป็นอาวุธของจักรพรรดิในตำนานหรอกใช่หรือไม่!”

ชายชรากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ยิ่งมองธนูคันนี้มากเท่าใดก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยมากขึ้นเท่านั้น เขาเคยอ่านคัมภีร์โบราณมาก่อน ภายในนั้นได้บันทึกเกี่ยวกับศัสตราของสิบจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ไว้ และธนูคันใหญ่นี้ก็คือธนูเซวียนหยวนในบันทึกนั่น!

“ธนูเซวียนหยวนได้ชื่อว่าเป็นศัสตราจักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในอาวุธของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงน่าครั่นคร้ามเช่นนี้!”

ในใจของชายชราพลันสั่นสะท้าน ‘ต้องเป็นตัวตนเช่นใดถึงได้มีอาวุธของจักรพรรดิอยู่ในการครอบครอง?’ ชายชราไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับมัน!

ต่อให้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งครอบครองแว่นแคว้นมากมาย ก็ยังมิอาจครอบครองศัสตราของจักรพรรดิได้ ในอดีตกาลอาวุธของจักรพรรดินับว่าหายากยิ่ง และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปลอมแปลงขึ้นมาได้ ในประวัติศาสตร์มีศัสตราเช่นนี้เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ควบคุมมันได้

“สวรรค์เมตตาข้า ‘ลวี่เหลียง’ ผู้นี้ให้ได้พบกับผู้อาวุโสทรงพลัง ช่างโชคดีเหลือเกิน!”

ผู้เฒ่าลวี่เหลียงตะโกนบนเตียงอย่างตื่นเต้น

*[1] เซวียนหยวน เป็นอีกชื่อหนึ่งของจักรพรรดิเหลืองหรือหวงตี้ และเป็นหนึ่งในสามราชาห้าจักรพรรดิ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท